Buakaw
Sereechai Puttes/Time Out Bangkok

บัวขาวกับบทบาทใหม่นอกสังเวียน

การวาดลวยลายบนจอหนังเป็นครั้งแรกอย่างเต็มตัวของ บัวขาว บัญชาเมฆ

Sopida Rodsom
เขียนโดย
Sopida Rodsom
การโฆษณา

ภายในออฟฟิศเล็กๆ ที่มีเสียงของผู้คนต่างออกท่าทางและอาวุธกันอย่างเต็มที่ลอดเข้ามาเป็นระยะๆ อาจจะไม่ใช่บรรยากาศการสัมภาษณ์ที่เราคุ้นเคยมากนัก "ไม่ต้องอะไรมากเลย แค่ได้เจอกับคนที่ทำงาน เฮฮา ดูคนมาซ้อมมวยก็สนุกแล้ว" บัวขาว บัญชาเมฆ กล่าวถึงกิจกรรมยามว่างเวลาที่เขาไม่ได้ขึ้นสังเวียนด้วยท่าทางสบายๆ เผยให้เห็นถึงความคุ้นเคยกับเสียงต่อย เตะ เข่า ที่เขาได้ยินที่ค่ายมวยบัญชาเมฆเป็นประจำทุกวัน

ค่ายมวยบัญชาเมฆที่ตั้งอยู่บนถนนนวมินทร์ คอยต้อนรับใครก็ตามที่สนใจในมวยไทย ไม่ว่าจะเป็นคนที่กำลังมองหาการออกกำลังกายสนุกๆ หรือนักกีฬาที่คิดจะต่อยมวยเป็นอาชีพอย่างจริงจัง "มวยต้องใช้ความพยายามพอสมควรครับ" แชมป์เควัน 2 สมัยกล่าว "ไม่ใช่ว่าซ้อมเดือนสองเดือนแล้วจะได้ สิ่งที่คุณต้องมีคือประสบการณ์ ความอดทน และความขยันหั่นเพียร ถ้ามีของพวกนี้ประสบความสำเร็จแน่นอน มันไม่ยากหรอกครับ ขอให้สนใจจริงๆ ก็พอ"

ถึงแม้จะพึ่งกลับจากการต่อยกับ อันเดร คูเบลิน (Andrei Kubelin) นักมวยชาวเบลารุสที่เลบานอนมาหมาดๆ บัวขาวก็เตรียมพร้อมสำหรับแมตช์ต่อไปในช่วงปีใหม่เรียบร้อยแล้ว "เวลาซ้อมเสร็จหมดแรง ก็ไม่อยากไปไหนแล้วครับ ปกติก็จะนอนพักผ่อน สดชื่นแล้วก็ตื่นมาซ้อมต่อ ปกติอยู่ที่ค่ายตลอดครับ ช่วยซ้อม ช่วยแนะนำน้องๆ คอยรับแขก"  

The new Woodyhood

ความจริงแล้วชีวิตของบัวขาวนอกสังเวียนก็มีสีสันไม่แพ้กัน อย่างปีที่ผ่านมาเขาได้รับเลือกให้เป็นส่วนหนึ่งของแคมเปญ HeForShe ของ UN Women เพื่อโปรโมตเรื่องความเท่าเทียมทางเพศและการแก้ปัญหาความรุนแรงภายในครอบครัว "คนอาจจะมองว่าเราเป็นผู้ชายแข็งแกร่งบนเวที แต่ทุกคนควรช่วยกันดูแลผู้ที่อ่อนแอกว่า" บัวขาวกล่าว "ทุกคนเท่าเทียวกันหมด และปัญหาทุกอย่างแก้ไขได้หากทุกคนเข้าใจซึ่งกันและกัน" 

นอกเหนือจากนี้ บัวขาวยังได้มีโอกาสก้าวเข้าสู่การแสดงอย่างเต็มตัว หลังจากมีบทเล็กๆ ในภาพยนตร์เรื่อง ซามูไรอโยธยา เมื่อปี 2553 โดยในครั้งนี้บัวขาวจะรับบทนำเป็นครั้งแรกในภาพยนตร์เรื่อง ทองดีฟันขาว บอกเล่าเรื่องราววัยหนุ่มของพระยาพิชัยดาบหัก ที่เป็นนักรบคนสำคัญในช่วงปลายกรุงศรีอยุธยา เรื่อยจนมาถึงสมัยกรุงธนบุรี

หากจะว่าไปชีวิตของบัวขาวและนายทองดีก็มีความคล้ายคลึงกันอย่างไม่น่าเชื่อ เพราะทั่งคู่คือเด็กหนุ่มที่ออกเดินทางเพื่อหาวิชาความรู้และประสบการณ์ในแม่ไม้มวยไทย ถึงขนาดที่ว่า บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ ผู้กำกับของเรื่องถึงกับเอ่ยมากว่าถ้าไม่ได้บัวขาวมาเล่น จะไม่สร้างหนังเรื่องนี้เป็นอันขาด

The new Woodyhood

ถึงแม้บัวขาวจะเชี่ยวชาญเรื่องการต่อสู้ แต่การเล่นฉากสู้ในหนังกลับแตกต่างออกไปมากสำหนับนักมวยวัย 34 ปีคนนี้ "การสู้ในหนังกับในชีวิตจริงแตกต่างกันมาก เพราะบนสังเวียนต้องสู้เพื่อชนะอย่างเดียว" บัวขาวอธิบาย "หน้ากล้องต้องคิดหลายอย่าง ต้องคอยดูมุมกลองว่าต้องวางท่าแบบไหนให้ดูดี บางครั้งสตั๊นท์ก็เกร็งๆ กลัวโดนเราเจ็บ โดนก็โดน เจ็บก็เจ็บ เป็นเรื่องธรรมดาครับ โดนเตะจนสลบแต่ฉากออกมาดี ก็โอเคครับ" บัวขาวเล่าพร้อมหัวเราะอย่างอารมณ์ดี

ฉากที่ยากอีกฉากหนึ่งของนักมวยคนนี้ก็คือการแกล้งทำเป็นชกมวยไม่เป็นในช่วงแรก รวมไปถึงการเรียนรู้ทักษะใหม่ๆ อย่างการขี่ม้าที่เขาไม่เคยทำมาก่อน "ผมไม่เคยสัมผัสม้า ความยังไม่เคยขี่เลยครับ" บัวขาวหัวเราะ แต่ความจริงแล้วเขาสามารถเรียนรู้ทักษะทั้งหมดด้วยเวลาเพียงวันเดียว สมกับการเป็นนักกีฬาตัวจริง (นอกจากจะเป็นนักมวย บัวขาวยังเคยเล่นฟุตบอลให้กับทีม RBAC และมีแผนจะวิ่งไตรกีฬาในอนาคตอีกด้วย) "ฉากที่ต้องเล่นกับคนอื่นก็ยากครับ ต้องใช้ทั้งสีหน้า ท่าทาง ประทับใจมากครับที่เล่นผ่านมาได้"

ไม่ว่าเขาจะอยู่บนสังเวียน พักผ่อนที่ค่าย หรือเล่นหนัง เราต่างจดจำบัวขาวในฐานะนักมวยไทยระดับโลกอยู่เสมอ "มันก็ดีอยู่แล้วครับเวลามีคนรู้จัก อีกแง่หนึ่งผมก็พยายามเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับเยาวชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องกีฬา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการต่อสู้ เรื่อยไปจึงความมีระเบียบวินัย" บัวขาวกล่าว "ผมดีใจที่คนเห็นผมเป็นผู้บุกเบิก เป็นตัวแทนคนที่ส่งเสริมมวยไทยและศิลปะต่างๆ นี่แหละยิ่งใหญ่กว่ารางวัลใดๆ เลยครับ"

ทองดีฟันขาว เข้าฉาย 9 กุมภาพันธ์

เรื่องเด่น
    เรื่องน่าสนใจอื่นๆ ที่คุณน่าจะชอบ
      การโฆษณา