Ton Thanasit
Sereechai Puttes/Time Out Bangkok

ต้น-ธนษิต กับ ชีวิตจริงหลังรายการเรียลลิตี้ ละครเวที เพลงไทย และซิงเกิ้ลใหม่ที่ชื่อว่า "เปล๊า"

ชีวิตนอกจอของนักร้องชายเสียงทรงพลัง และความสุขในแบบที่คุณไม่รู้มาก่อน

Sopida Rodsom
เขียนโดย
Sopida Rodsom
การโฆษณา

จากแชมป์ AF8 ในปี 2554 สู่เจ้าของอัลบั้ม Free My Soul และเพลงฮิต “รู้ยัง” ในปี 2558 ต้น-ธนษิต จตุรภุช กลับมาอีกครั้งพร้อมซิงเกิ้ลใหม่ล่าสุด “เปล๊า” เอาใจคนปากแข็ง ซึ่งพูดถึงคนปากแข็งและฟอร์มเยอะที่ชอบทำอะไรเพื่ออีกคนโดยที่ไม่ยอมบอกว่าทำไปเพราะความชอบ (ซึ่งทางต้นเองก็ยืนยันตัวเองมีโมเม้นต์ปากแข็งบ้าง แต่ส่วนใหญ่ค่อนข้างเป็นคนตรงมากกว่า) นอกจากนั้น ต้น-ธนษิต ยังเซอร์ไพรซ์แฟนเพลงด้วยมิวสิควิดีโอที่ถ่ายทำที่ฮ่องกง เมืองซึ่งผสมผสานความเป็นธรรมชาติกับเมืองได้อย่างลงตัวเหมือนนิวยอร์ก Time Out Bangkok สบโอกาสเหมาะจึงได้สัมภาษณ์พิเศษกับนักร้องเสียงทรงพลังถึงชีวิตหลังรายการเรียลลิตี้ทีวี รวมไปถึงกระแสหน้ากากทุเรียน ที่สุดท้ายกลับไม่ใช่เขาคนนี้ซะงั้น

ในรายการ The Mask Singer ซีซั่นแรก อยู่ดีๆ ก็มีกระแสออกมาว่าต้นเป็นหนึ่งในนักร้องที่น่าจะอยู่เบื้องหลังหน้ากากทุเรียน ชื่อ ต้น-ธนษิต กลับเข้ามาอยู่ในสื่อกระแสหลักอีกครั้ง รู้สึกอย่างไรบ้าง

ก็รู้สึกดีครับ ตอนแรกก็ตลกดี คือครั้งแรกก็บอกไปแล้วว่าไม่ใช่เรา แต่ปรากฏว่าคนมาบอกว่าเราแกล้งพูดว่าเราไม่ใช่ หลังๆ กระแสเริ่มเยอะขึ้นๆ เราสนุกก็เลยสวมรอยไปเลย แล้วยิ่งพอได้ไปเจอพี่ทอม (อิศรา กิจนิตย์ชีว์– หน้ากากทุเรียนตัวจริง) พี่ทอมก็ยิ่งปั่น ถ่ายรูปคู่กับเราพร้อมแคปชั่นว่า “ต้นก็บอกเขาไปสิว่าใช่” เราก็เลยแบบ...โอเค พี่จะเล่นแบบนี้ใช่ไหม (หัวเราะ) คือเราก็รู้อยู่แล้วแหละว่าเป็นเขา เพราะก็ติดตามผลงานของเขาอยู่เลยรู้ว่าเสียงเขาเป็นแบบนี้...ก็รู้สึกดีใจนะที่คนนึกถึงเรา เพราะหน้ากากทุเรียนร้องเพลงเก่งมาก ก็ดีใจที่เราติดเป็นหนึ่งใน candidate ของเขา เหมือนคนดูคิดถึงนักร้องคุณภาพแล้วมีชื่อเราอยู่ ก็ถือได้ว่าเป็นเรื่องราวดีๆ ครับ คือต้นตั้งใจอยากให้คนที่ไม่เป็นแฟนคลับรู้จักเรา เห็นผลงานของเรา พอมีรายการ The Mask Singer ก็ได้ช่วยเราเป็นอย่างมาก ถือว่าเป็นผลพลอยได้ไป คนก็ไปตามหาผลงานเรา

ปัจจุบันมีรายการเรียลลิตี้ประกวดร้องเพลงเยอะมาก ในฐานะที่ต้นเองก็เคยผ่านเวทีประเภทนี้มาเช่นเดียวกัน มองการแข่งขันเหล่านี้อย่างไรบ้าง

ต้นมองว่ามันเป็นแพลตฟอร์มหนึ่งที่ช่วยให้เราเข้าสู่วงการบันเทิงได้แบบเร็วมาก เพราะบางคนอาจจะยังไม่รู้ว่านักร้องบางคนกว่าจะได้ออกอัลบั้มหรือมีผลงานต้องผ่านการเทรนด์กันเป็นสิบๆ ปีเลย อย่างเพื่อนเราที่อยู่ G-Junior ก็เทรนด์กัน 5-10 ปี กว่าจะได้ออกมาอัลบั้ม บางคนเทรนด์แล้วก็อาจจะไม่ได้ออกอัลบั้มด้วยซ้ำ ในขณะที่รายการเหล่านี้เหมือนเป็นทางลัดที่เร็วมาก คือแข่งปุ๊ปได้เข้าวงการเลย แต่สิ่งที่จะตามมาคือมันไม่มีความแน่นอนเลยว่าใครจะอยู่ในวงการนี้ได้ จากประสบการณ์เรารู้เลยว่าถึงแม้แข่งเสร็จปุ๊ปเป็น winner ได้ที่ 2 หรือ 3 ก็แล้วแต่ ทุกคนจะเริ่มพร้อมกันใหม่หมด รายการจบแล้วก็คือจบ หลังจากนั้นทุกคนต้องเริ่มใหม่ รายการพวกนี้มีเยอะมาก นักร้องมีเยอะ สมัยนี้เรามองว่ามันง่ายมากที่คนจะเป็นนักร้อง บางคนแทบไม่ต้องมีค่ายเลยก็สามารถทำเพลงเอง ปล่อยลง iTunes เองก็เป็นนักร้องได้แล้ว เพราะฉะนั้นสิ่งที่มันยากมากในการดำรงชีพของเราคือทำอย่างไรที่เราจะมีที่ยืนอยู่ ทำอย่างไรที่เรารักษามันไว้ได้ สิ่งนี้มันยากมากกว่าครับ

คิดว่าเหตุผลอะไรที่ทำให้ต้นยังมีชื่อเสียงอยู่ในวงการถึง ณ ตอนนี้

น่าจะความมุ่งมั่นของเราด้วย คือเรายังไฟต์อยู่มันก็มีบางช่วงแบบ...เห้ย ทำไมมันยากจัง ท้อนะ แต่ก็ไม่เสียเวลากับมัน ท้อแล้วก็กลับมาสู้ใหม่มันต้อง keep ผลงานของเราด้วย เราต้องคง quality ของเราไว้ออกเพลง ไปร้องที่นู้นที่นี้ ก็คือทำดีเท่าเดิมมันก็เสมอตัว ต้องดีกว่าเดิม เพราะถ้าแย่ลงจะเป็นสัญญาณเตือนว่าไม่ได้ละนะ คือออกเพลงอะไรมาก็ต้องคง quality เอาไว้ และก็คิดว่าน่าจะเป็นความชัดเจนของเราด้วยว่าเราอยากเป็นนักร้องจริงๆก็เลยยังได้ทำงานตรงนี้อยู่

เป้าหมายของนักร้องที่ผ่านการประกวดคือผ่านการเข้ารอบ และชนะจนได้รางวัล เป็นเป้าหมายของเรา พอได้รางวัลแล้วเป้าหมายต่อไปของต้นคืออะไร

เป้าหมายต่อไปคือผลงานครับ เพราะอยู่ในบ้านฯ มันก็คือการแข่งแค่โชว์คนว่าเราร้องเพลงได้ ร้องเพลงเป็น แต่เป้าหมายของเราคืองานที่เป็นโปรดักส์ของเราเอง ทำอย่างไรจะให้คนชอบ ซึ่งอันนั้นคือยากมาก ทำอย่างไรจะติดตลาดที่เป็นตัวตนของเราเอง และได้ความชอบของคนฟังด้วย

เคยคิดว่าการเป็น “ต้น AF” มีส่วนให้เราก้าวไปข้างหน้ากว่านี้ไม่ได้บ้างไหม

ไม่นะครับ คือต้นว่ามันเป็นข้อดีด้วยซ้ำ ถ้าพูดกันตรงๆบางคนมองว่า [นักร้องจากเวที] AF ร้องเพลงไม่ค่อยดีด้วยซ้ำ มีแต่หน้าตา ต้นอยากพิสูจน์คำพูดนี้ที่ว่า “เด็ก AF ก็ร้องเพลงเพราะได้ ดูฉันสิฉันร้องเพลงได้แล้วก็ร้องได้ดีด้วย” ถ้าต้นไม่ได้มีนามสกุลนี้ ต้นก็อาจจะเป็นแค่นักร้องที่ร้องเพลงเก่งธรรมดา แต่พอมาเป็น AF มันยิ่งทำให้ต้นไม่อยากให้คนติดภาพเด็ก AFแค่ที่หน้าตา ซึ่งมันไม่ได้มีแค่ต้นคนเดียวนะที่ร้องเพลงได้ คนอื่นก็ร้องได้ดีแต่เขาอาจจะไม่มีโอกาสได้ทำงาน การเป็น“ต้น AF” มันก็ดีนะ มันทำให้คนมองว่า เห้ย...นักร้องที่มาจากรายการเรียลลิตี้ ไม่ได้มีแค่หน้าตาแต่ก็ร้องเพลงได้นะ

  

เราจะมีโอกาสได้ให้ต้น collaborate กับศิลปินต่างชาติในอนาคตบ้างไหม

อาจจะมี เพราะจริงๆ ตัวเองก็เป็นคนชอบฟังเพลงเกาหลี อาจจะไม่ได้ตามเยอะ อย่าง Big Bang เราก็ชอบมาก ถ้ามีโอกาสเลือกทำงานกับใครก็ได้อยากทำงานกับ Dean เพราะชอบเขามาก แต่ยังไม่มีโอกาสได้ไปชมคอนเสิร์ตเลยครับอย่างตอนคอนเสิร์ต Big Bang ต้นได้มีโอกาสไปดูเขาบ่อยตอนที่มาไทย แต่ยังไม่มีโอกาสที่จะบินไปเพื่อดูคอนเสิร์ต บางทีเราทำงานด้วยก็จะเอาที่เราสะดวกไว้ก่อน อย่างตอนที่ Dean มาสิงคโปร์ เราก็อยากไปดู แต่ว่าติดงานคือถ้าไม่ติดงานเราจะไปแน่นอน ตอนนี้ก็เลยจะพยายามดูอยู่ว่าช่วงไหนที่เขามีคอนเสิร์ตเราก็อาจจะไปเที่ยวเกาหลีช่วงนั้น

ช่วงหลังๆ “รู้ยัง” ถูกนำมา cover ให้ได้ฟังกันค่อนข้างบ่อย ถ้าเลือกได้ อยากให้ใครร้องเพลงตัวเองบ้าง และในอนาคตอยาก featuring กับศิลปินคนไหนบ้างไหม

น่าจะเป็นพี่ดา เอ็นโดฟิน เรารู้สึกว่าเขาน่าจะทำออกมาได้เปรี้ยวและดีมากจริงๆ เรายังไม่เคยได้ร้องกับใครเลย ถ้าให้เลือกก็พี่ดาแหละครับ ต้นเคยคุยกับพี่ดาหลายรอบมากว่าเราควรร้องเพลงด้วยกัน เคยขึ้นไปร้องเพลงขำๆ กับพี่ดาในงานแต่งงานแล้วรู้สึกว่าร้องเพลงกับพี่ดาแล้วสนุก เลยอยากร้องเพลงกับพี่ดาด้วย สำหรับต้นแล้วคนที่เรารู้สึกว่าทำงานด้วยแล้วสนุกคือคนที่ร้องเพลงจัดจ้านหน่อย อย่างพี่ดา, แตงโม The Voice หรือแบบ ว่าน วันวาน เรารู้สึกว่า type พวกนี้น่าจะร้องเพลงกับเราแล้วน่าจะสนุกดี ร้องแบบ R&B มี soul มี passion ในการร้องเพลงเยอะๆ ... นอกจากนักร้องเกาหลีแล้ว นักร้องไทยที่ชอบคือ บี-พีระพัฒน์ เป็นอีกคนที่อยาก featuring ด้วย ถ้าเป็นฝรั่งก็ชอบ Amy Winehouse

ต้นเคยเล่นละครเวทีมาบ้างแล้ว คิดว่าแวดวงละครเวทีบ้านเราเป็นอย่างไรบ้าง และละครเวทีมีเสน่ห์ที่ตรงไหน

ละครเวทีเริ่มกลับมาเหมือนกัน ปัจจุบันมีคนบริโภคเยอะขึ้น และมีละครหลากหลายโปรดักชั่นที่เล่นในโรงละครเล็กๆ เช่น ที่เล่นแถวทองหล่อ เหมือนเป็น Off-Broadway ส่วนตัวรู้สึกดีใจที่คนมาเสพละครเวทีเยอะขึ้น เรารู้สึกว่ามันเติมเต็มให้ชีวิตเราสำหรับเรา เสน่ห์ของ stage performance คือมันเป็นอะไรที่ไม่สารถ control ได้ ถ้าได้ไปดูหลายๆ รอบจะเห็นได้เลยว่าแต่ละวันเล่นไม่เหมือนกัน บางรอบ energy drop บางรอบ energy มา บางรอบมีมุกที่ไม่มีในบทนี่หว่าขอเม้าธ์นิดนึง พี่ผัดไทย (ดีใจ ดีดีดี) กับพี่ท็อป (ดารณีนุช ปสุตนาวิ) ใครเข้าฉากด้วยนี่ต้องระวังเลย เพราะทั้งสองคนมีมุกแบบ spontaneous มีครั้งนึงเขาเล่นมุก แล้วนักแสดงต้องหันหลังมาขำ อะไรแบบนี้นี่แหละคือเสน่ห์

ฟีดแบ็กจากแฟนเพลงในต่างประเทศเป็นอย่างไรบ้าง 

ดีครับ ต้นมีแฟนเพลงคู่นึงเป็นคู่สามีภรรยาชาวญี่ปุ่นซึ่งน่ารักมาก เขาจะเดินทางไปๆ มาๆ ระหว่างไทยกับญี่ปุ่น และเขาจะมาดูคอนเสิร์ตหรือมินิคอนเสิร์ตของเราทุกครั้งที่เขามาได้ คือเราเจอเขาบ่อยมาก แต่มีอยู่ครั้งหนึ่งต้นไปทริปเที่ยวญี่ปุ่นกับแฟนคลับ ต้นอยากเจอเขาเพราะรู้ว่าช่วงนั้นเขาอยู่ญี่ปุ่นเผื่อเขาจะมาหาเรา แต่เขาบอกต้นว่าเจอที่ญี่ปุ่นยากกว่าให้เขาบินไปเจอต้นที่ไทยอีกนะ (หัวเราะ) ส่วนล่าสุดไปร้องเพลงที่มาเลเซีย ก็มีแฟนชาวมาเลเซียมา follow เพิ่ม คือวันนั้นมันเป็นงานสานสัมพันธ์ไทย-มาเลเซีย แล้วต้นได้รับโจทย์มาว่าต้องร้องเพลงมาเลเซียเป็นเพลง Duet กับนักร้องมาเลเซีย เราตั้งใจมาก ให้คนไทยขายหน้าไม่ได้ (หัวเราะ) จะเอ๋อจะมั่วเนื้อไม่ได้ เพลงเขาก็ต้องให้เกียรติเขาเนอะ เราก็ต้องจำเนื้อ ต้องศีกษา พอไปถึงร้องได้ ฟีดแบ็กดี คนก็บอกว่าร้องเพลงเหมือนคนมาเลย์เลย ก็ดีใจที่สิ่งที่เราตั้งใจทำออกมาดี

ในฐานะที่ต้นเสพเพลง K-Pop คิดว่าวัฒนธรรมเพลงไทยพร้อมจะไปถึงจุดเดียวกับ K-Pop แล้วหรือยัง และคิดว่าอะไรที่ทำให้เพลงไทยยังไม่ไปถึงจุดนั้น

จริงๆ ต้นว่าเพลงบ้านเรานี่ดีนะ อย่างเพลง “รู้ยัง” ของต้นเอง ต้นเชื่อว่ามันเป็นเวอร์ชั่นเกาหลีมันก็ได้เลย ต้นว่าคนเกาหลีก็ฟังได้ แต่ต้นคิดว่าตลาดบ้านเรามันยังไม่ใหญ่พอ รวมไปถึงเรื่องเงินทุนด้วย อย่างเกาหลีต้นทุนเขาสูง งานที่ออกมาอย่าง MV ภาพของงานเขาจะชัดมาก ใหญ่มาก ซึ่งทุกสิ่งมันเริ่มจากการที่คนของเขาเองเสพเพลงของเขาเองก่อน อันนี้สำคัญมากที่คนข้างในเองต้องชอบเพลงของเขาเองก่อน ก่อนที่มันจะไปถึงข้างนอกได้ อันนี้ที่ต้นมองเพลงของบ้านเรา ก็มีคนจำนวนมากที่ไม่ได้ฟังเพลงไทย บางคนก็ฟังแต่เพลงสากล บ้างก็ฟังแต่เพลงเกาหลี ถ้าตลาดเราแข็งพอ ถ้าชาวไทยหันมาเสพเพลงไทยเยอะๆ ก่อน ฐานคนเสพในประเทศมันต้อง strong ก่อนถึงจะส่งออกไปข้างนอกได้ อย่างเกาหลีหรือญี่ปุ่น คนในประเทศเขาเสพเพลงของตัวเองกันเยอะมากก่อนจะขยายออกไปได้ ตอนนี้ต้นก็ว่ามันเริ่มไปแล้วนะอย่างที่จีน คนจีนก็เริ่มฟังเพลงไทยเยอะขึ้น เพราะต้นเชื่อว่าเพลงบ้านเราดีนะ ดีหลายเพลงเลย เพียงแค่ต้องการความสนใจจากคนไทยด้วยกันเองก่อน

สุดท้ายแล้วความสุขของ ต้น ธนษิต ที่คิดว่าคนอื่นยังไม่รู้คืออะไร

จริงๆ เป็นคนชอบเที่ยว แต่ก็คิดว่าทุกคนน่าจะรู้อยู่แล้ว เพราะตอนไปเที่ยวเราก็จะอัพรูปภาพลง Instagram บ่อย คือบางทีความสุขของต้นมันง่ายมากเลย บางทีแค่อยู่ในห้องแอร์ดูซีรีส์ ต้นก็มีความสุขแล้ว คือความสุขมันไม่จำเป็นต้องแบบมีรถคันใหม่ ต้องมีบ้านใหญ่โต อาจฟังดูเว่อร์นะ แต่บางทีเราเหนื่อยจากการทำงาน เราก็ต้องการแค่กลับบ้านมาเปิดแอร์ ดูซีรีส์แค่นี้ก็แฮปปี้แล้ว บางทีไปเจอเพื่อน เล่นบอร์ดเกมกันก็แฮปปี้แล้ว หรือมีวันหยุด 5 วันก็จะไปเที่ยวเมืองนอกที่อากาศเย็นๆ เพราะส่วนตัวเป็นคนชอบอากาศเย็น แค่ได้อยู่ในที่เย็นๆ ต้นก็แฮปปี้แล้ว ก็เลยรู้สึกว่าการมีความสุขมันง่ายมาก อาจจะไม่ต้องมีเงินพันล้าน มันไกลไป มีขนาดนั้นอาจจะไม่แฮปปี้ก็ได้ มีพอดีๆ ของเรา มีเพื่อน ไปเที่ยวกับพ่อแม่ก็พอแล้ว คือมีเงินเยอะมันก็ดีแหละ (หัวเราะ) แต่ไม่ต้องถึงแบบพันล้านก็ได้

Ton's Playlist

Rehab by Amy Winehouse

เพลงนี้ต้นฟังบ่อยมาก ต้นชอบมาก เป็นเพลงแรกที่รู้จัก Amy Winehouse และรู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้ร้องเพลงเก่งมาก เสียงโคตรเท่ ครั้งแรกที่ฟังเราแอบสงสัยว่าเป็นเสียงผู้ชายหรือเสียงผู้หญิง เพราะว่าเสียงจะค่อนข้างใหญ่ ออกห้าวๆ หน่อย เลยไปศึกษางานเขา และก็ได้รู้ว่าเก่งจริง

Leave Me Lonely by Ariana Grande feat. Macy Gray

มันเป็นเพลงโซลที่เก๋มาก รู้สึกว่าเพลงนี้น่าจะทำเป็นซิงเกิ้ล แต่เขาก็ไม่ได้ทำ ซึ่งถ้าทำเป็นซิงเกิ้ลเราว่าก็ขายได้ เพราะมีแความแมสอยู่

การโฆษณา

What 2 Do by Dean feat. Crush & Jeff Bernat

ฟังบ่อยมากฟังจนจำแอดลิปได้ แต่จำภาษาเกาหลียังไม่ได้นะ (หัวเราะ)

Jet Lag by Joss Stone

เพลงนี้ฟังบ่อยมาก รู้สึกว่ามันเพราะมาก ฟังแล้วลอยๆ (หัวเราะ)

การโฆษณา

Slide by Calvin Harris feat. Frank Ocean & Migos

เพลงสุดท้ายขอเป็นเพลง Slide ของ Frank Ocean แล้วกันครับ ฟังแล้วคิดว่าเพราะดี

เรื่องเด่น
    เรื่องน่าสนใจอื่นๆ ที่คุณน่าจะชอบ
      การโฆษณา