John Wick: Chapter 3 – Parabellum บทสรุปของสงครามนักฆ่าอันมีจุดเริ่มต้นมาจากการฆ่าหมารักหนึ่งตัว

คีอานู รีฟส์ กลับมารับบทเดิมในภาคต่อของหนังแอ็คชั่นยอดฮิตแห่งปี John Wick มือสังหารผู้เป็นตำนาน กับเรื่องราวที่ทุกคนเคยพูดถึง สำหรับการแก้แค้นแทนหมา ซึ่งกำลังจะเดินหน้าไปสู่บทสรุปใน John Wick: Chapter 3 – Parabellum

เรื่องราวเกิดขึ้นต่อจากภาคที่แล้วหลังจากที่ จอห์น วิค (คีอานู รีฟส์) ถูกประกาศเนรเทศ ไม่ได้รับการยอมรับและคุ้มครองจาก สภาสูง องค์กรลับที่คุมกฏในโลกของมือสังหารโดยกลุ่มคนนอกกฏหมาย เพราะดันไปละเมิดกฎศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่ให้มีการต่อสู้หรือฆ่ากันตายภายในโรงแรม The Continental เซฟเฮาส์สำหรับนักฆ่าทั่วโลก และถูกตั้งค่าหัวสูงถึง 14 ล้านเหรียญ ทำให้เขาตกเป็นเป้าของมือสังหารที่ต้องการเงินค่าหัวล่าตัวเขาทั่วทั้งวงการ เขาจึงจำเป็นต้องหนีเอาชีวิตรอดจากนิวยอร์กที่เคยเป็นบ้านของเขาเอง

ครั้งนี้เราจึงจะได้เห็นพระเอกหนุ่มมาดเซอร์ คีอานู รีฟส์ ในบท จอห์น วิค ที่แตกต่างจากภาคก่อนๆ เพราะตัวละครที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นผู้ล่าเพื่อหวังล้างแค้น จะต้องกลายมาเป็นผู้ถูกล่า กระเสือกกระสนเอาตัวรอดโดยมีความทรงจำของภรรยาที่ตายไปแล้วเป็นเชื้อไฟให้สู้ต่อ รวมทั้งยังต้องต่อสู้กับความสับสนในจิตใจ เมื่อเป้าหมายในการฆ่าครั้งสุดท้ายอาจเป็นผู้มีพระคุณของเขาเอง

จุดเด่นของหนังเรื่องนี้อยู่ที่บทบู๊ที่ทำให้คนดูนั่งไม่ติด จากเดิมในสองภาคแรกที่เป็นการดวลตัวต่อตัวเสียส่วนใหญ่ ใน John Wick: Chapter 3 – Parabellum สเกลการต่อสู้จะใหญ่ขึ้น เมื่อจอห์น วิคถูกตั้งค่าหัวมูลค่ามหาศาล เขาต้องรับมือกับศัตรูหลากหลายรูปแบบ ตั้งแต่ปรมาจารย์กังฟูถึง เซียนวูซู ไปจนถึงซีลัตสไตล์อินโดนีเซีย นับว่าเป็นความท้าทายในการออกแบบฉากแอคชั่นที่มากยิ่งขึ้น โดยมีฉากไฮไลต์ที่ไม่ควรพลาด คือ ฉากแอคชั่นเสี่ยงตายไล่ล่าบนมอเตอร์ไซค์ ที่เล่นใหญ่ถึงขนาดต้องปิดสะพานในนิวยอร์กเพื่อถ่ายทำ การันตีได้เลยว่าบ้า เดือด และระห่ำกว่าที่เคยเป็นมาอย่างแน่นอน ยังไม่รวมถึงความหล่อเข้มของพระเอก คีอานู รีฟส์ ที่ยังคงเหมือนถูกสตาฟไว้ แม้ว่าอายุจะเกิน 50 ปีไปแล้วก็ตาม

“ผมชอบการที่เราให้จอห์น วิคได้เจอสถานการณ์ที่เจ็บตัวหนักขึ้นเรื่อยๆ เช่น รถชน, ตกบันได, ประจันหน้ากับศัตรูที่บุกเข้ามาไม่หยุด เราได้เห็นจอห์นล้ม ถูกอัดจนน่วม แต่เขาก็ลุกขึ้นมาได้อีกครั้ง มันเป็นอะไรที่ท้าทายและน่าตื่นเต้นมากๆ” คีอานู รีฟส์ เอ่ยถึงความท้าทายในบทบาท

นอกจากจะได้ คีอานู รีฟส์ กลับมารับบทเดิมแล้วยังได้ผู้กำกับและมือเขียนบทหน้าเก่ากลับมาร่วมงานกันอีกครั้ง โดยใช้การถ่ายทำแบบนีโอ-นัวร์ ที่แต้มด้วยสีสันของนีออน เพื่อสะท้อนความเป็นตัวละครออกมา ผสานไปกับความระอุดุเดือดแบบฉบับภาพยนตร์ตะวันตกคลาสสิคที่ชวนให้หวนนึกถึงภาพยนตร์เรื่อง Lawrence of Arabia (1962) 

“ทำไมคนถึงชอบหนังกังฟู, หนังคาวบอย, ฉากขับรถไล่ล่าในหนังสตีฟ แม็คควีน, ชาร์ล บรอนสันเหวี่ยงขวาน หรือตอนที่ Die Hard ออกฉายในยุค 80s ผมคิดว่าเพราะมันมีความระทึกจากฉากสตั๊นท์ที่คุณไม่เคยได้เห็นที่ไหนมาก่อน” ผู้กำกับ แชด สตาเฮลสกี้ กล่าว “ผู้ชมอินกับเรื่องราวที่บอกเล่าผ่านความเป็นแอคชั่น นั่นคือสิ่งที่เราพยายามทำไปพร้อมกับการขยายจักรวาล John Wick”

เขายังได้กล่าวถึงความตั้งใจในภาคต่อนี้ว่า “จริงๆ ตัวผมเองก็พยายามหาแง่มุมใหม่ๆ มาใส่ไว้ในหนังแต่ละภาค ผมพยายามทำมันให้ยิ่งดีขึ้นๆ ขึ้นไป แต่จุดสำคัญเลยคือเราต้องการให้คนดูรู้สึกตรึงอยู่กับทุกซีนในหนัง ดังนั้นผมบอกเลยว่าภาคนี้คุณจะรู้สึก ตื่นเต้น (และเหนื่อยบ้างเล็กน้อย) ตามจอห์น วิค เพราะเราอยากให้ผู้ชมรู้สึกเช่นเดียวกันกับสถานการณ์ที่จอห์นกำลังเจออยู่ตรงหน้า”

สำหรับใครที่ชื่นชอบภาพยนตร์ชุดนักฆ่าเรื่องนี้ ก็ห้ามพลาดที่จะไปสัมผัสความมันส์ก้องโลกของ John Wick: Chapter 3 – Parabellum ในโรงภาพยนตร์ได้ตั้งแต่วันนี้