รวมอีเวนต์น่าไปประจำสัปดาห์นี้ (12 ก.ย. - 19 ก.ย.)

เขียนโดย
Wissuta Ploypetch
การโฆษณา

วีคนี้มีงานอีเวนต์ให้เราไปจอยได้เต็มไปหมด โดยเฉพาะคอนเสิร์ตและงานดนตรีที่เดือดสุดๆ ดังนั้นอย่าอยู่บ้านให้เหงาหงอย ออกมาใช้ชีวิตนอกบ้านกันดีกว่า!

The 1975

13-14 กันยายน ที่ Thunder Dome

The 1975

วงร็อคแนวหน้าจากเกาะอังกฤษ ซึ่งประกอบด้วย Matthew Healy (ร้องนำ), Adam Hann (กีตาร์) , Ross MacDonald (เบส) และ George Daniel (กลอง) โด่งดังตั้งแต่อัลบั้มชุดแรก The 1975 (2013) ที่สามารถขึ้นสู่อันดับหนึ่งของชาร์ตอังกฤษได้เลยตั้งแต่สัปดาห์แรก และในอัลบั้มล่าสุดอย่าง A Brief Inquiry Into Online Relationships (2018) ที่แตกต่างจากสองอัลบั้มก่อนหน้านี้อย่างเห็นได้ชัดเจนราวกับวงต้องการก้าวออกจากคอมฟอร์ตโซนและต้องการสร้างเซอร์ไพรส์ให้กับแฟนเพลงตลอดเวลา จนเมื่อพวกเขาประกาศทัวร์ครั้งนี้กระแสของคอนเสิร์ตที่ไทยของพวกเขาก็ยังไม่หมดไปง่ายๆ ถึงขนาดที่บัตรรอบแรกวันที่ 13 กันยายน ขายหมดอย่างรวดเร็วทำให้ผู้จัดต้องเพิ่มรอบการแสดงขึ้นอีกครั้งในวันที่ 14 กันยายน

Soimilk Fest

14 กันยายน ที่ สนามมวยราชดำเนิน

scrubb

มิวสิคเฟสติวัลครั้งแรกของ Soimilk ที่ขนทัพศิลปินดังมาออกหมัดกันบนเวทีมวยราชดำเนิน ศิลปินที่จะมาร่วมงานในครั้งนี้ เป็นศิลปินที่มีต้นกำเนิดจากภาคต่างๆ ทั่วไทย แต่ตอนนี้พวกเขาดังไปทั่วประเทศ ได้แก่ Scrubb ศิลปินตัวแทนจากภาคกลาง, Srirajah Rockers ศิลปินตัวแทนจากภาคตะวันออก, จุลโหฬาร และ Taitosmith ศิลปินตัวแทนจากภาคอีสาน, Boyjozz ศิลปินตัวแทนจากภาคใต้ และ Better Weather X Lanna Pop Club การรวมตัวพิเศษของศิลปินตัวแทนจากภาคเหนืออย่าง Better Weather, Electric.Neon.Lamp และ Yented เพื่อโชว์พิเศษสำหรับงานนี้โดยเฉพาะ พร้อมจัดเต็มกับบูธอาหารจากร้านอาหารชั้นนำกว่า 10 ร้านที่ Soimilk คัดมาเป็นพิเศษ รวมถึงบูธขายของที่ระลึกและบูธกิจกรรมพร้อมสินค้าจากศิลปิน BEC-Tero Music และ Macrowave

Yogee New Waves

15 กันยายน ที่ ลิโด้

Yogee New Waves

วงดนตรีอินดี้ร็อคคลื่นลูกใหม่ ที่กำลังมาแรงมากในวงการเพลงญี่ปุ่น กับเพลงฮิตคุ้นหูอย่าง "Blumin’s day" ซึ่งเมื่อปีที่แล้วพวกเขาก็ได้มีโอกาสมาโชว์ที่ไทยร่วมกับ The fin. ไปแล้ว เมื่อช่วงกลางปีที่ผ่านมา ครั้งนี้พวกเขาจะแท็กทีมกับวงอินดี้ไทยสุดอบอุ่นอย่าง Seal Pillow และ YEW จัดโชว์ขึ้นที่มิวสิคสเปซใหม่ล่าสุดอย่าง Lido Connect ต้อนรับแฟนๆ ชาวไทยอย่างอบอุ่นในวันอาทิตย์ที่ 15 กันยายนนี้ และจำกัดจำนวนบัตรแค่ 500 ใบเท่านั้น เพราะฉะนั้นใครที่เป็นแฟนคลับของทั้งสามวงอย่ารอช้า รีบเข้าไปกดบัตรได้เลยตอนนี้! ทาง Ticketmelon

Breakbot (DJ Set) feat. Irfane

18 กันยายน ที่ BEAM

Breakbot

Breakbot หรือ Thibaut Jean-Marie Michel Berland โปรดิวเซอร์ชาวฝรั่งเศสที่โด่งดังในสไตล์ดนตรีฟังก์ French house, nu-disco ในจังหวะสุดสนุก โทนดนตรีสว่างสดใส โดยผลงานสร้างชื่อที่ผ่านมาของเขาคือ "Baby I’m Yours" ซึ่งในโชว์ DJ set ของเขาครั้งนี้จะสนุกไม่แพ้โชว์ครั้งที่ผ่านมา เตรียมฟังเพลงดิสโก้จากยุคเก่า ที่เป็นแรงบันดาลใจให้กับผลงานของเขา ไปจนถึงเซ็ตลิสต์รวมเพลงฮิตร่วมสมัยที่นำมารีมิกซ์ใหม่เป็นเฮาส์และ nu-disco เท่ๆ และบรรยากาศสุด futuristic ของเขาคนนี้กันได้ ไม่แน่ เราอาจจะได้ฟัง Irfane Khan-Acito ศิลปินที่ร่วมแจมในเพลงฮิตร้อง Baby I'm Yours ให้ฟังกันสดๆ ด้วย

The Lion King

14 กันยายน - 13 ตุลาคม

The Lion King

The Lion King ในรูปแบบมิวสิคัลเป็นการแสดงโปรดักชั่นระดับยักษ์ที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร เปิดการแสดงครั้งแรกที่เมืองมินนิแอโปลิส ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อปี ค.ศ. 1997 โดยดัดแปลงจากอนิเมชั่นชื่อดังของ Disney และได้สร้างมาตรฐานใหม่ด้านงานศิลป์ให้กับวงการละครเวที ไม่ว่าจะทั้งเรื่องเวที เครื่องแต่งกาย และการออกแบบท่าเต้น ที่สื่อถึงภาพของทุ่งหญ้าสะวันนาอันกว้างใหญ่ของแอฟริกา รวมทั้งตัวละครสัตว์ที่โดดเด่น โดยละครเพลงเรื่องนี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจากดนตรี ภาษา และศิลปะของชาวแอฟริกัน ทำให้ประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูง และเดินทางไปเปิดการแสดงทั่วโลก กล่าวได้ว่าเป็นหนึ่งในการแสดงมิวสิคัลที่กวาดรายได้สูงที่สุดในโลก โดยบัตรเข้าชมการแสดงราคาเริ่มต้นที่ 1,500 บาท สามารถจองได้ที่เว็บไซต์ Thaiticketmajor และเคาน์เตอร์ไทยทิกเก็ตเมเจอร์ทุกสาขา

Life by Film by Nobuyoshi ARAKI

จนถึงวันที่ 27 พฤศจิกายน ที่ Leica Gallery Bangkok

LIFE BY FILM by Nobuyoshi ARAKI

ผู้หญิง ชุดกิโมโน ดอกไม้ การมัด เรือนร่าง อวัยวะเพศ และของเล่น คือสิ่งที่ภาพของ โนบุโยชิ อารากิ ช่างภาพชาวญี่ปุ่นวนเวียนนำเสนออยู่ตลอดระยะเวลากว่า 50-60 ปีที่เขาทำงานมา แต่ภายหลังการจากไปของภรรยา แมวสุดที่รัก ตามด้วยมะเร็งต่อมลูกหมาก และการสูญเสียการมองเห็นของตาขวา ซึ่งล้วนแต่กรุยทางให้แก่เมล็ดพันธุ์แห่งการเปลี่ยนแปลง ทำให้ภาพถ่ายของเขาแตกต่างจากงานชุดแรกๆ หาใช่เรื่องราวความสุขทางเพศแบบที่เขาเคยเล่าเมื่อเก่าก่อน แต่เป็นการถ่ายทอดเรื่องราวส่วนตัว บนความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับสิ่งรอบตัวผ่านกล้อง Leica M7 ที่อาจเสียดแทงทะลุไปถึงอารมณ์ หรือความทรงจำอันเลวร้ายที่ถูกเก็บกดไว้ในใจของคนดูอยู่บ้าง คล้ายกับถ้อยคำที่เขาเคยกล่าวไว้ว่า "เมื่อเราเริ่มรู้ตัวว่าเข้าใกล้ความตายมากเท่าไหร่ เราจะเรียนรู้ที่จะพอเพียง และละเอียดอ่อนกับความสวยงามในการมีชีวิตมากขึ้นเท่านั้น"

Leonardo OPERA OMNIA

จนถึงวันที่ 7 ตุลาคม ที่ River City Bangkok

Leonardo OPERA OMNIA

คงไม่มีใครไม่รู้จักภาพวาด โมนา ลิซา, แม่พระรับสาร และอาหารค่ำมื้อสุดท้าย ผลงานศิลปะยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาของอิตาลีหรือ Italian Renaissance อันโด่งดังของ เลโอนาร์โด ดาวินชี ขณะเดียวกันโอกาสที่จะได้เห็นผลงานอันล้ำค่าเหล่านั้นของจริงด้วยตา ก็คงไม่ได้หาง่ายๆ เช่นกัน แต่ด้วยความก้าวหน้าของเทคโนโลยี ทำให้วันนี้เราสามารถชมผลงานภาพวาดจำลองที่เหมือนจริงที่สุดด้วยเทคนิคดิจิทัลที่สลับซับซ้อนและการเล่นแสงอย่างชาญฉลาด ให้ความรู้สึกเสมือนอยู่ต่อหน้าผลงานต้นฉบับ ในนิทรรศการ เลโอนาร์โด โอเปรา ออมเนีย ที่จัดขึ้นเนื่องในโอกาส ครบ 500 ปี การจากไปของเลโอนาร์โด ดาวินชี เราจะได้เห็นผลงานมาสเตอร์พีช 17 ชิ้น ที่จำลองมาด้วยเทคนิคพิเศษขนาดเท่าต้นฉบับเป็นครั้งแรก

แชร์เนื้อหา

บทความล่าสุด

    การโฆษณา