[title]
หากเราย้อนเวลากลับไปหลายร้อยปีก่อน เกาะชวา หรือประเทศอินโดนีเซียในปัจจุบัน ถือเป็นประเทศในแถบเอเชียที่มีความเจริญแบบสังคมยุโรปอย่างเห็นได้ชัดที่สุด เนื่องจากเคยอยู่ภายใต้การปกครองของเนเธอแลนด์นานถึง 300 ปี ซึ่งกษัตริย์ไทยในรัชสมัยนั้น พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 มีพระประสงค์จะพัฒนาประเทศให้ก้าวหน้าเช่นโลกตะวันตก จึงตัดสินพระทัยเลือกชวาเป็นเป็นแหล่งเรียนรู้ และถือเป็นการเจริญสัมพันธ์ทางการทูตกับต่างประเทศเป็นครั้งแรกด้วย จากนั้นทรงเสด็จเยือนซ้ำอีกถึง 2 ครั้ง ซึ่งทุกครั้งพระองค์ทรงนำสิ่งต่างๆ กลับมาปรับใช้กับประเทศมากมาย รวมถึงการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่แน่นแฟ้นยาวนานจนครบ 70 ปี
นิทรรศการผ้าบาติกในพระปิยมหาราช จัดแสดงคอลเลกชั่นผ้าบาติกทรงสะสมในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ซึ่งพระองค์ทรงโปรดปรานและทรงซื้อเก็บไว้เป็นจำนวนมากเมื่อครั้งเสด็จพระราชดำเนินเยือนเมืองต่างๆ บนเกาะชวา รวมถึงมีผู้ทูลเกล้าฯ ถวายให้อีกบางส่วน ผ้าทุกผืนถูกเก็บไว้เป็นอย่างดี และนำออกมาจัดแสดงให้เราไปเยี่ยมชมกันแล้ว
เสน่ห์ของผ้าบาติกอยู่ตั้งแต่ขั้นตอนการทำที่ต้องใช้ทั้งความชำนาญ ความสร้างสรรค์ และเทคนิคการย้อมสี ซึ่งถือเป็นจุดขายของแต่ละโรงเขียน ทำให้ผ้าแต่ละผืนที่นำมาจัดแสดงมีเอกลักษณ์แตกต่างกันไปตามสถานที่กำเนิด อาทิ ผ้าบาติกที่เก่าแก่ที่สุดในนิทรรศการนี้ เชื่อว่าพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯ ทรงซื้อไว้ตั้งแต่เสด็จเยือนชวาครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2413 จากโรงเขียนของนางแคโรลินา โจเซฟีนา วอน แฟรงเคอมองต์ เซมารัง ที่มีเอกลักษณ์สำคัญตรงการใช้สีเขียวแบบแพรงเคอมอง คือสีเขียวที่เกิดจากการลงสีน้ำตาลอ่อนทับสีฟ้า ซึ่งในสมัยนั้นยังไม่มีโรงเขียนไหนผสมสีเขียวโทนนี้ได้ และยังมีผ้าบาติกที่ยังไม่เคยอวดโฉมมาก่อนให้ชมกันอีก เช่นผ้าบาติกลายมิกาโดจากเมืองยอกยาการ์ตา ที่ลวดลายได้รับอิทธิพลมาจากศิลปะญี่ปุ่น และผ้าโพกศีรษะลายปราดา ซึ่งเป็นผ้าเขียนทองผืนเดียวจากทั้งหมดที่ยังคงปรากฏร่องรอยของเทคนิการเขียนทองอย่างชัดเจน
ผ้าบาติกชวาทรงสะสมของรัชกาลที่ 5 รวมแล้วมีมากถึง 307 ผืน แต่นำออกมาจัดแสดงได้เพียงครั้งละประมาณ 40 ผืนเท่านั้น ซึ่งนิทรรศการครั้งนี้เป็นการจัดแสดงผ้าชุดที่ 2 ที่นำมาสับเปลี่ยนกับผ้าชุดก่อนหน้า ซึ่งตรงกับโอกาสครบรอบ 70 ปีของความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างประเทศไทยและอินโดนีเซียพอดี นิทรรศการผ้าบาติกในพระปิยมหาราช จะเปิดให้เข้าชมตั้งแต่วันที่ 25 มกราคม 2563 เป็นต้นไป ก่อนผ้าทั้งหมดจะถูกเปลี่ยนอีกครั้งเป็นผ้าชุดที่ 3 ซึ่งเป็นชุดสุดท้ายในเดือนกันยายนนี้