Embassy Room – Catalan Cuisine

  • Restaurants
  • เพลินจิต
  1. Embassy Room – Catalan Cuisine
    Embassy Room – Catalan Cuisine
  2. Embassy Room – Catalan Cuisine
    Embassy Room – Catalan Cuisine
  3. Embassy Room – Catalan Cuisine
    Embassy Room – Catalan Cuisine
  4. Embassy Room – Catalan Cuisine
    Embassy Room – Catalan Cuisine
  5. Embassy Room – Catalan Cuisine
    Embassy Room – Catalan CuisineEmbassy Room – Catalan Cuisine
  6. Embassy Room – Catalan Cuisine
    Embassy Room – Catalan Cuisine
การโฆษณา

Time Out พูดว่า

เวลามีเชฟต่างชาติย้ายมาประจำที่กรุงเทพฯ เป็นครั้งแรก หลายคนมักจะเจอกับความท้าทายในการปรับรสชาติของตัวเองให้เข้ากับพาเลตรสชาติลิ้นของคนไทย แต่สำหรับเชฟเฟอร์ราน ทาดิโอ โดเมเนค (Ferran Tadeo Domènech) เชฟชาวคาตาลัน ถือว่าสอบผ่านแบบไร้ของกังขา 

เพราะเชฟสามารถบาลานซ์รสชาติให้ตรงกับจริตลิ้นคนไทยที่คุ้นกับความนัว ด้วยอาหารที่เข้มข้น เค็มนิด เผ็ดหน่อย จากสูตรที่หยิบมาจากวิถีการกินของคนคาตาลันจริงๆ และสูตรลับในครอบครัว มานำเสนอรสชาติแปลกใหม่ (เชื่อว่าหลายคนน่าจะยังไม่เคยลองอาหารคาตาลัน) แต่ขณะเดียวกันก็คุ้นเคย ในห้องอาหาร Embassy Room – Catalan Cuisine ของโรงแรม Park Hyatt ด้วยเพดานสูงโปร่ง แต่งด้วยโทนสีขาว ครีม ดำ สุดมินิมัล มีงานศิลปะแอ็บสแทร็กต์มาตัดสีสัน แบ่งโซนที่นั่งทั้งติดริมกระจกหรือส่วนโซฟาโค้งให้ความส่วนตัว ต้อนรับเราด้วยสปาร์คกลิ้งไวน์จากสเปน ที่เรียกว่าคาวา (Cava) ตามมาด้วยแอพเพอริทิฟเรียกน้ำย่อยอีกแก้วด้วย Spanish Negroni ที่เหยาะน้ำมักมะกอกก่อนเสิร์ฟ เป็นการเปิดลิ้นเตรียมรับรสมือของเชฟ 

เริ่มด้วยการหยิบ Coca Bread ขนมปังที่ชาวคาตาลันนิยมกินเป็นอาหารเช้า จิ้มน้ำมันมะกอก Castillo De Canena ที่เขาว่าเป็นแบรนด์น้ำมันมะกอกที่ฮิตที่สุดของที่นั่น และ Josalito Ibérico Ham แฮมหมูดำสเปนสีชมพูอมแดงหอมกลิ่นหมูเค็มอ่อนๆ มีมะกอกหลายแบบมาตัดรสด้วย 

ก่อนเข้าสู่คอร์สเรียกน้ำย่อยแบบจริงจัง 3 จานเล็กๆ ที่ย่อส่วนลงมาจากอาหารที่กินในชีวิตประจำวันของชาวคาตาลัน โดยเชฟเลือกเสิร์ฟแบบลงโต๊ะพร้อมกัน ประกอบด้วย แป้งทาร์ตนุ่มกรอบให้รสสดชื่นด้วยหอยเชลล์ ถั่วหวาน และคาเวียร์ (Tartaleta de pesols i viera), ปลาแมคเคอเรลดอง กินคู่กับแป้งฟิโล่ (Filo) ที่ปกติแล้วจะมีความคล้ายแป้งพัฟฟ์ แต่เชฟลดทอนเหลือชั้นเดียวแบบบางกรอบ ด้านบนมีมะเขือม่วงบดและพริกหวาน (Coca de recapte) และความหนึบหนับจากแท็กซ์เจอร์ของสองหอย ทั้งหอยแมลงภู่และหอยหลอดสเปนปรุงง่ายๆ ชูรสหอยด้วยการเติมเวอร์มุต (Musclos i navalles al vermut) 

ทั้งหมดสามารถกินเรียงตามที่เราเล่ามา หรืออยากจะสลับจิ้มจานไหนก็ได้แล้วแต่ความชอบ คอร์สนี้มี Inedit เบียร์รสเปลือกส้มและผักชี ที่คิดค้นสูตรโดยเชฟเฟอร์ราน แอนเดรีย (Ferran Adrià) แห่งร้าน El Bulli (เชฟเฟอร์รานเป็นศิษย์เก่าของที่นี่ด้วย)

ด้วยความที่แคว้นคาตาลันมีพื้นที่ติดทั้งทะเลเมดิเตอร์เรเนียนและภูเขา พอมาเป็นจานเนื้อสัตว์เลยมาครบทุกแหล่งที่อยู่ ทั้งหนวดปลาหมึกยักษ์ (Pop a la catalana) เนื้อนุ่มแบบใช้ช้อนตัดได้ แต่ด้านนอกยังมีความกรอบเด้งอยู่ เพราะเขาใช้วิธีการไปจุ่มในน้ำเดือดจัดเพียงแค่ 3 วิ 3 ครั้งเท่านั้น ด้านล่างเป็นซอสพิคาด้า ซอสหลักในอาหารคาตาลันกินคู่กับอะไรก็อร่อย คั่นด้วยความละมุนลิ้นจากโฟมไข่สีเหลืองสวยท็อปมาด้วยมันฝรั่งทอดจนพองโปร่งและคาเวียร์ (Ous estrellats amb caviar)

หลังจากที่เชฟพาเราเดินเล่นท่องแดนคาตาลันมาสักพัก ก็ได้เวลาที่เชฟชวนเรากลับไปกินข้าวที่บ้าน ด้วยเมนูคอมฟอร์ตฟู้ดประจำครอบครัวเขาอย่างเวลลิงตัน ที่เปลี่ยนจากเนื้อวัวเป็นล็อบสเตอร์ (Llomantol Wellington) ห่อด้วยซอสเห็ดสับละเอียดผัด วิธีการเสิร์ฟก็แสนน่ารัก เพราะมาในหีบสมบัติประจำตระกูล เปิดโชว์ที่โต๊ะก่อนราดซอสฮอลแลนด์เดสและซอสล็อบสเตอร์เข้มข้น กินคู่กับสลัดส้มโอ

ต่อเนื่องจานคาวด้วยจานที่เราขอเรียกว่าเป็นเซิร์ฟแอนด์เทิร์ฟเวอร์ชั่นคาตาลันแล้วกัน เพราะเชฟเลือกนกพิราบฝรั่งเศส ย่างมาแบบหนังกรอบแต่เนื้อยังฉ่ำ เคียงมาด้วยตับนกพิราบบดเสิร์ฟมาบนโทสต์ชิ้นจิ๋วแต่แน่นด้วยรสชาติ ข้างๆ กันจะเป็นกุ้งแลงกุสตินหรือแกมบี้ ย่างจนหอมวางบนคาเนลโลนีไส้พิราบและเห็ด ส่วนตัวชอบจานนี้ที่สุดในคอร์ส เพราะครบรสชาติจากซอส 2 แบบทั้งจากตัวนกพิราบและไวน์แดงที่เข้มข้น ตัววัตถุดิบเองก็ตอบโจทย์ความตั้งใจอยากเสิร์ฟทั้งแบบน้ำ บก ยันบนอากาศ จานนี้มีไวน์แดงจากแคว้นริโอฆา (Rioja) ทางตอนเหนือของสเปน ให้กลิ่นวนิลลาและโอ๊กกี้มาเสริมรสด้วย 

ปิดท้ายการกินข้าวที่อิ่มแบบกำลังดี เหลือพื้นที่ให้ของหวาน 2 จาน Maduixes amb nata จานขนมหวานที่มีส่วนผสมง่ายๆ แค่สตรอว์เบอร์รีกับครีม ที่แน่นอนว่าเชฟจับสูตรคุณแม่มาแปลงโฉมหน้าตาใหม่ และ Xocolata i vainilla ไอศกรีมวานิลลาโฮมเมด รองด้วยช็อกโกแลตมูส แต่พระเอกของจานคือสปอนจ์เค้กมัทฉะแทรกด้วยคาราเมล ที่อร่อยจนต้องขอกวาดหมดเกลี้ยงจาน 


Embassy Room - Catalan Cuisine ให้บริการทั้งอาหารกลางวันราคา 1,400++ บาท (3 คอร์ส) หรือ 1,800++ บาท (4 คอร์ส) ส่วนของอาหารเย็นจะมีราคา 3,800++ บาท (7 คอร์ส) และ 4,700++ บาท (10 คอร์ส) หากอยากแพร์ริ่งด้วยไวน์ที่มีไวน์จากสเปนทั้งโลกเก่าและโลกใหม่กว่า 100 รายการให้เลือก สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร 02-011-7431 หรือ www.facebook.com/EmbassyRoomBangkok

Aekkachai Suttiyangyuen
เขียนโดย
Aekkachai Suttiyangyuen

รายละเอียด

ที่อยู่
9th Floor Park Hyatt Bangkok
88 ถ. วิทยุ แขวง ลุมพินี เขตปทุมวัน
กรุงเทพมหานคร
10330
ข้อมูลติดต่อ
02-011-7431
เปิดบริการ
12:00 – 14:30, 18:00 – 22:30 น.
การโฆษณา
เรื่องน่าสนใจอื่นๆ ที่คุณน่าจะชอบ