
หน้าหลัก Time Out Bangkok
เอดิชันภาษาไทยของมีเดียแพลตฟอร์มระดับโลกที่อัปเดตไลฟ์สไตล์คนเมืองมาตั้งแต่ปี 1968

Things to do
พฤศจิกายนกำลังเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง พร้อมลมหนาวที่พัดพาให้ฤดูกาลค่อยๆ เปลี่ยนไป แม้ประเทศไทยจะอยู่ในช่วงเวลาแห่งความโศกเศร้าหลังการเสด็จสวรรคตของ...

Things to do
กิจกรรมน่าทำในกรุงเทพฯ สุดสัปดาห์นี้ (6 - 9 พฤศจิกายน)
ต้อนรับสัปดาห์แรกของพฤศจิกายนด้วยกิจกรรมมากมายที่จะเติมพลังและสีสันให้ช่วงปลายปี หากใครเคยได้ยินทฤษฎีที่ว่า เดือนพฤศจิกายนคือเดือนที่ทุกอย่างจะค่อยๆ...

Things to do
ฝันสลายสายดริ้งก์ ดื่มนอกเวลานอกเวลามีสิทธิ์โดนปรับ
กฎการดื่มแอลกอฮอล์ในไทยเข้มงวดขึ้นอีกขั้น และคราวนี้ไม่ได้มีแค่เจ้าของร้านที่ต้องระวัง เพราะการแก้ไขพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์...

Things to do
ข่าวดีรับปลายปี รัฐบาลเพิ่มวันหยุดยาวปีใหม่อีกหนึ่งวัน รวม 5 วันเต็ม
รัฐบาลไทยประกาศเพิ่มวันหยุดช่วงปีใหม่ 2569 อีกหนึ่งวัน โดยกำหนดให้ วันศุกร์ที่ 2 มกราคม 2569 เป็นวันหยุดพิเศษ รวมเป็นวันหยุดยาว 5 วันเต็ม ตั้งแต่ 31 ธันวาคม...

Things to do
พัทยาเตรียมพื้นที่รับ Tomorrowland 2026 คาดสร้างรายได้มหาศาล
ถึงแม้ว่า Rolling Loud จะถูกแคนเซิลในปีนี้ แต่สายแดนซ์ไม่ต้องเสียใจ เพราะปีหน้ายังมีเทศกาลดนตรี EDM อย่าง Tomorrowland 2026 อีกไม่นานเกินรอ...
การโฆษณา
อีเวนต์และกิจกรรมน่าสนใจในกรุงเทพฯ
อัปเดตข่าวล่าสุดจาก Time Out กรุงเทพฯ

Movies
รวมหนังและซีรีส์ประจำเดือนพฤศจิกายน จากทุกสตรีมมิ่งที่คุณไม่ควรพลาด
ไม่ทันไรพฤศจิกายนก็โผล่มาแบบไม่ให้ตั้งตัว พร้อมพาโปรแกรมหนังและซีรีส์ใหม่ๆ จากทุกสตรีมมิงมาล่อใจสายบันเทิงให้ไม่อยากลุกจากโซฟาเลยแม้แต่นิดเดียว เดือนนี้ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของ Netflix เพราะเรากำลังจะได้เห็นการปิดตำนานหนึ่งในซีรีส์ที่ทรงอิทธิพลที่สุดแห่งยุคอย่าง Stranger Things ซีซั่น 5 พาร์ตแรกของบทสรุปสุดยิ่งใหญ่ที่เตรียมพาแฟนๆ ไปบอกลาแก๊งฮอว์กินส์อย่างสมศักดิ์ศรี แต่แน่นอนว่านี่ไม่ใช่เรื่องเดียวที่ต้องจับตา เพราะเดือนนี้ Netflix ยังขนโปรเจกต์ระดับรางวัลมาเต็ม ทั้ง Frankenstein ของผู้กำกับเจ้าพ่อแฟนตาซีสยองขวัญ Guillermo del Toro ดราม่าชิงออสการ์อย่าง Train Dreams นอกจาก Netflix แล้ว ยังมี Disney+, Prime Video และ HBO Max ที่ไม่ยอมให้อีกฝ่ายแย่งซีนไปง่ายๆ เรียกได้ว่าเดือนพฤศจิกายนนี้คือ ‘เทศกาลดูหนังอยู่บ้าน’ อย่างแท้จริง ตั้งแต่ความระทึก ความอบอุ่น ไปจนถึงความมหัศจรรย์ ทุกแพลตฟอร์มพร้อมใจกันปล่อยของให้สายดูได้เลือกชมกันแบบไม่มีพัก
Time Out รวมรวมลิสต์หนังและซีรีส์เด็ดให้ทุกคนได้เลือกชมกันตาแฉะ

Movies
ย้อนดูสารานุกรมอสูรกายใน Stranger Things ซีซัน 1-4 ก่อนเข้าสู่บทสุดท้าย
ใกล้เข้ามาแล้วสำหรับซีซันสุดท้ายของมหากาพย์ซีรีส์ไซไฟสยองขวัญย้อนยุคที่ใครหลายคนเติบโตมาพร้อมกันกว่าเกือบ 10 ปี Stranger Things ผลงานชิ้นเอกจากสองพี่น้องดัฟเฟอร์ ที่กลายเป็นทั้งแรงบันดาลใจ วัฒนธรรมป๊อปคัลเจอร์ และบทพิสูจน์ว่าซีรีส์แนววัยรุ่นก็สามารถเล่าเรื่องเหนือธรรมชาติได้อย่างลึกซึ้งและทรงพลัง
ในตลอด 4 ซีซันที่ผ่านมา Stranger Things ไม่เพียงสร้างความผูกพันระหว่างผู้ชมกับตัวละคร แต่ยังสร้างตำนานอสูรกาย ที่น่าจดจำไว้มากมาย ตั้งแต่ Demogorgon ตัวแรกสุดที่เปิดประตูสู่ฝันร้าย ไปจนถึง Vecna ปีศาจร้ายที่แฝงอยู่ในความมืดของจิตใจมนุษย์
และแน่นอนว่าแฟนพันธุ์แท้ย่อมรู้ดีว่า อสูรกายจาก Upside Down ไม่ได้มีแค่ตัวเดียว พวกมันคือตัวแทนของความกลัว ความเจ็บปวด และสิ่งที่ซ่อนอยู่ในหัวใจของตัวละครทุกคน ก่อนที่ซีซัน 5 ซึ่งเป็นบทสรุปสุดท้ายที่หลายคนรอคอยจะมาถึง เราขอพาทุกคนย้อนทบทวน ‘สารานุกรมอสูรกายแห่ง Stranger Things’ ตั้งแต่ซีซันที่ 1-4 ว่าใครคือผู้ล่า ผู้ถูกล่า และใครกันแน่ที่เป็นปีศาจตัวจริง

Things to do
เรือหนังสือลอยน้ำ Doulos Hope กลับมาเทียบท่ากรุงเทพฯ 3 อาทิตย์เต็ม
หนอนหนังสือทั้งหลาย ฟังให้ดี นี่ไม่ใช่การซ้อมอพยพ แต่ร้านหนังสือลอยน้ำระดับตำนาน Doulos Hope กำลังกลับมาเทียบท่ากรุงเทพฯ อีกครั้ง! หลังเพิ่งเสร็จภารกิจจากสัตหีบ คราวนี้ถึงคิวให้ชาวกรุงเทพฯ ได้ช็อปกันแล้ว
โดยรอบนี้ Doulos Hope จะจอดเทียบท่าอยู่ที่ ท่าเรือคลองเตย เปิดให้เข้าชมทุกวันตั้งแต่ 13.00-20.30 น. ระหว่างวันที่ 7-30 พฤศจิกายนนี้
ถ้าพลาดรอบปี 2566 ไป คราวนี้ห้ามพลาดเด็ดขาด เพราะนี่ไม่ใช่ร้านหนังสือธรรมดาๆ เรือ Doulos Hope เป็นขององค์กรไม่แสวงหากำไรจากเยอรมนีที่ชื่อว่า GBA Ships ซึ่งมีเป้าหมายในการนำ ‘ความรู้และความหวัง’ เดินทางไปทั่วโลก และพวกเขาก็ทำได้จริง
Photograph: Doulos Hope
เมื่อขึ้นไปบนเรือ คุณจะได้หลงอยู่ในโลกของหนังสือกว่า 2,000 เล่ม ทั้งภาษาอังกฤษและอีกหลายภาษา ครอบคลุมทุกหมวด ตั้งแต่วิทยาศาสตร์ ศิลปะ ทำอาหาร กีฬา หนังสือเด็ก หนังสือเรียน พจนานุกรม แผนที่ เรียกได้ว่ามีครบทุกแขนง และที่สำคัญคือราคาน่ารักจนอยากซื้อกลับบ้าน
แต่สิ่งที่ทำให้ประสบการณ์นี้พิเศษยิ่งกว่าคือ ลูกเรือ เพราะพวกเขาไม่ใช่พนักงานขายทั่วไป แต่เป็นอาสาสมัครจากกว่า 35 ประเทศทั่วโลก ที่ใช้ชีวิตอยู่บนเรือลำนี้จริงๆ ลองชวนพวกเขาคุยดูสิ ฟังเรื่องราวการเดินทางของพวกเขา ชีวิตบนเรือเป็นยังไง หรืออะไรที่พาพวกเขามาอยู่ที่นี่ บอกเลยว่าการได้แลกเปลี่ยนแบบนี้หาไม่ได้ง่ายๆ ในชีวิตประจำวัน
ค่าเข้าชมเพียง 20 บาท (เด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี และผู้สูงอายุตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไปเข้าฟรี) ถ้าอยากเจอหนังสือดีๆ พร้อมวิวทะเลและบรรยากาศสุดยูนีค รีบตรงไปที่ ท่าเรือคลองเตย ก่อนที่ Doulos Hope จะออกเรืออีกครั้ง

Things to do
ชวนอ่านเรื่องราวความสัมพันธ์จากปลายปากกานักเขียนหญิงตลอดทศวรรษ ใน ‘Read Me 10 ปี P.S.’
เพราะทุกความสัมพันธ์ที่ P.S. ถ่ายทอด ล้วนเป็นถ้อยคำที่ทำให้ใครหลายคน ‘รู้สึกรู้สา’ และเข้าใจว่าในทุกบทของชีวิต ‘ความรัก’ ไม่เคยมีเพียงแบบเดียว
หากกล่าวถึงสำนักพิมพ์ที่โดดเด่นด้านการเล่าเรื่องความสัมพันธ์หลากหลายมิติ ทั้งรักผลิบาน รักร้างลา รักไม่สมหวัง รักรอคอย หรือรักข้างเดียว ชื่อของ P.S. Publishing ย่อมผุดขึ้นมาในใจของนักอ่านจำนวนมากเสมอ นอกจากความสัมพันธ์ระหว่างคนรักแล้ว หนังสือของสำนักพิมพ์นี้ยังขยายขอบเขตไปถึงเรื่อง การเติบโต (Coming of Age), มิตรภาพ, เซ็กซ์ รวมถึงความสัมพันธ์แบบที่สังคมอาจไม่พูดถึงบ่อยนักบนหน้าหนังสือ ถ่ายทอดผ่านปลายปากกาของนักเขียนหญิงหลากรุ่นในภาษาที่มีกลิ่น สี และรสชาติต่างกันออกไป
Photograph: P.S. Publishing
และในวาระครบรอบ 10 ปีของ P.S. Publishing ปีนี้ สำนักพิมพ์จึงขอชวนทุกคนมาร่วมสำรวจพื้นที่แห่งความสัมพันธ์และการเติบโตอีกครั้งในงาน‘Read Me นิทรรศการ 10 Years P.S. #สำนักพิมพ์ที่เธอชอบครบรอบ 10 ปีแล้วนะ’ งานที่พาทุกคนย้อนกลับไปทำความรู้จักกับสำนักพิมพ์ที่สร้างสรรค์หนังสือเล่มเล็กขนาดพอดีมือ เต็มไปด้วยตัวอักษรที่ทำให้เราได้รู้จักตัวเองและคนอื่นมากขึ้น พร้อมการจัดแสดงปกและเรื่องราวจากหนังสือเกือบ 100 เล่ม
ไฮไลต์ภายในงาน
Talk & Speed Dating
ชวนขยับความสัมพันธ์จากนักอ่านและนักเขียนให้ใกล้กันขึ้นอีกนิด ผ่านวงสนทนาและกิจกรรมที่ทั้งอบอุ่นและเขินอายเล็กน้อย
Speed Dating : Date Me, I’ll Write Youเดตสั้นๆ 2 นาที กับนักเขียน 7 คน ตาสบตา พูดคุย แลกเปลี่ยน และรับข้อความหรือภาพวาดกลับบ้าน
Talk : Sad but Memeingเมื่อเรื่องเศร้าเท่ากับมุกในวงเหล้า ล้อมวงคุยกับ 4 นักเขียนที่ถนัดเล่าเรื่องเศร้าให้กลายเป็นเสียงหัวเราะ
Talk : Toxic Relationship 101 – รักยังไงให้เพื่อนกินอาหารหมาเวทีสารภาพรัก (และด่าเพื่อนอย่างมีศิลปะ) เล่าเรื่องรักพังๆ แบบจริงจังปนตลก เผื่อจะกลายเป็นยาช่วยให้ใครบางคนเดินหน้าต่อ
Photograph: P.S. Publishing
Diy Book
สร้างหนังสือเล่มเล็กของตัวเองจากวรรค คำนำ และประโยคปิดท้ายของหนังสือในเครือ P.S. ร้อยเรียงเป็นงานเขียน ‘ด้วยรักและ…’ ในแบบของคุณเอง (ค่าเข้าร่วมกิจกรรม 99 บาท)
Sis Market
ตลาดสุดอบอุ่นที่นักเขียน นักวาด และคนทำหนังสือมารับบทเป็นพ่อค้าแม่ขาย ชวนช้อปสินค้างานคราฟต์ งานศิลปะ และของจุ๊กจิ๊กคัดสรรโดยทีม P.S. พิเศษ! ‘ถุงจุ่มเสื้อ’ และ ‘ของสุ่ม 100 บาท’ พร้อมใบ้แฮชแท็กให้เดาว่าข้างในคืออะไร และจะ Mix & Match กับลุคแบบไหนได้บ้าง
Workshop & Book Club
ร่วมกิจกรรมและวงอ่านหนังสือสุดพิเศษจาก Something Blue Library ห้องสมุดประตูสีน้ำเงิน
9 พฤศจิกายน 2568 เวลา 13.00 - 14.30 น.
Book Club : Read to Reclaim ถ้อยแถลงจากเฟมินิสต์สู่เฟมินิสต์ ล้อมวงคุยหนังสือเฟมินิสต์ร่วมกับ MAD FEMinists Book Club พร้อมกิจกรรม Book Swap แลกเปลี่ยนหนังสือที่คุณรัก
11 พฤศจิกายน 2568 เวลา 17.00 - 18.30 น.
Book Club : ขอให้ตะวันไม่ลับลา พูดคุยกับ DAIONG ผู้เขียน Sunwish ในบรรยากาศอบอุ่นเป็นกันเอง
15 พฤศจิกายน 2568 เวลา 13.00 - 14.30 และ 17.00 - 18.30 น.
Workshop : Send Love to Your Beloved จดหมายรักจากดาวโลก โดย นิอร สุขวัจน์ Energy Healer ผู้จะพาใช้เสียงและจิตใจส่งความรักให้ตัวเองและคนที่จากไป ผ่านกระบวนการ Sound Bath (จำกัด 10 คน/รอบ | ค่ากิจกรรม 777 บาท)
15 พฤศจิกายน 2568 เวลา 15.00 - 16.30 น.
Book Club : จากจดหมายจากดาวแมว ถึงพัสุดจากดาวหมา พูดคุยกับ นทธี ศศิวิมล ถึงสองหนังสืออบอุ่นหัวใจ ว่าด้วยความรัก ความคิดถึง และการจากลา
Exhibition
เดินชมผลงานจากหนังสือเกือบ 100 เล่ม ผ่านปกหนังสือ เรื่องราว และของชิ้นเล็กๆ น้อยๆ ที่เก็บกลิ่นอายของ 10 ปี P.S. ไว้อย่างงดงาม
งานจัดที่ Kinjai Contemporary, MRT สิรินธร ทางออก 1 (ไม่มีค่าเข้างาน) วันที่ 7 - 16 พฤศจิกายน 2568 เวลา 11.00 - 21.00 น. ติดตามรายละเอียดกิจกรรมเพิ่มเติมได้ที่ Instagram: p.s.publish

Attractions
คู่มือเที่ยว ‘พระโขนง’ ฉบับครบจบในที่เดียว
เมื่อพูดถึงพระโขนง หลายคนคงนึกถึงหนังผีอมตะอย่าง ‘แม่นาคพระโขนง’ แต่ย่านนี้ไม่ได้มีดีแค่ตำนานชื่อดัง พระโขนงเป็นย่านเก่าแก่ที่มีประวัติยาวนาน หากย้อนไปสัก 40 ปีก่อน ที่นี่เคยเป็นแหล่งการค้าที่เฟื่องฟู มีห้างสรรพสินค้าใหญ่ๆ อย่าง อาเชียน และไทยไดมารู รวมถึงโรงหนังชื่อดังถึง 6 แห่งในย่านเดียว เคยเป็นศูนย์รวมความบันเทิงย่านชานเมืองฝั่งตะวันออกที่วัยรุ่นสมัยนั้นไม่พลาดที่จะเช็กอิน
แม้เวลาผ่านไป พระโขนงจะซบเซาลง ทิ้งไว้เพียงกลิ่นอายจางๆ ของความรุ่งเรืองในอดีต แต่วันนี้ ย่านที่เคยถูกมองข้ามว่าเป็นเพียงจุดต่อระหว่างทองหล่อกับอ่อนนุช กลับกลายเป็นหนึ่งในย่านที่เต็มไปด้วยเสน่ห์และความน่าชมของชุมชนริมคลอง ที่นี่มีทุกอย่างตั้งแต่โรงหนังเก่าที่เหมือนหลุดมาจากอดีต วัดเก่าแก่ริมน้ำ ร้านอาหารบ้านๆ ที่อร่อยจนต้องบอกต่อ คาเฟ่ในพื้นที่กว้าง ไปจนถึงตึกแถวและคอนโดที่อยู่รวมกันอย่างลงตัว
ย่านนี้จึงกลายเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกสำหรับคนที่อยากหลีกหนีความวุ่นวายของใจกลางเมือง เขยิบออกไปสักนิด และค้นพบกับอีกหนึ่งย่านสุดชิลที่มีครบจบ
พระขโนงมีอะไรน่าสนใจ?
Photograph: สมปองคนเล่นของ(สะสม)
มนตร์เสน่ห์ของย่านนี้คือความคลาสสิกที่ผสมผสานกับความทันสมัยของเมืองได้อย่างลงตัว โรงหนังเก่าเป็นจุดยอดฮิตที่สายวินเทจต้องตามรอยไปถ่ายรูปความคลาสสิกของความรุ่งเรืองในอดีต และยังมีวัดริมคลองชื่อดังมากมาย ไม่ว่าจะเป็นวัดมหาบุศย์ (วัดแม่นาคพระโขนง) ที่คนต่างแห่ไปขอพรด้านความรัก หรือจะขอพรเรื่องการเกณฑ์ทหารก็ได้
รวมถึงวัดวชิรธรรมสาธิตวรวิหาร ที่ยกสถาปัตยกรรมล้านนาแท้ๆ มาไว้ใจกลางกรุง และคาเฟ่มากมายที่แห่กันมาเปิดแถวนั้น ด้วยพื้นที่กว้างขวางให้คนสัมผัสได้ถึงคาเฟ่สไตล์บ้านเพื่อน
เหตุผลที่ทำให้หลายคนรักพระขโนง?
Photograph: W District
เป็นย่านที่เขยิบออกจากตัวเมืองเล็กน้อย แต่ได้บรรยากาศชิลกว่าย่านดังในตัวเมืองอย่างทองหล่อที่เต็มไปด้วยผู้คนพลุกพล่าน แต่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ทำงาน คาเฟ่น้อยใหญ่ และที่สำคัญคือเป็นย่านที่คนมักย้ายมาอยู่เยอะ เนื่องจากค่าเช่ายังพอจับต้องได้ ไม่ว่าจะเป็นสายไหนก็เที่ยวได้หมด คนในย่านนี้ยังมีความรู้สึก ‘บ้านของเรา’ ที่หายากในเมืองใหญ่
วิธีการเดินทางไปพระขโนง
Photograph: dotproperty
ขึ้น BTS มาลงสถานีพระโขนงได้เลย แล้วเลือกทางเดินตามใจ ถ้าไปฝั่งสุขุมวิท 71 จะเจอคาเฟ่และบาร์เก๋ๆ เพียบ ซอย 67-69 มีร้านโลคัลน่ารักที่คนพื้นที่ชอบ ส่วนฝั่งพระราม 4 จะเป็นตลาดเก่าแนวโลคัลที่เต็มไปด้วยของกินและชีวิตของชาวบ้านแบบเรียลๆ ถ้ามอเตอร์ไซค์สะดวกก็ซอกแซกเข้าซอยเล็กๆ ได้อีกเยอะ มีทั้งแกลเลอรี วัด และคาเฟ่ลับให้ตามเก็บ
แผนที่
ถ้าต้องเลือกทำแค่หนึ่งสิ่งที่พระขโนง?
Photograph: trip.com
หากใครอยากโชคดี ให้ตรงไปที่วัดมหาบุศย์ แล้วลองขอพรจาก ‘ย่านาค พระโขนง’ ดูสักครั้ง วัดเก่าแก่ริมคลองแห่งนี้ไม่เพียงเป็นที่ประดิษฐานของตำนานรักอมตะเท่านั้น แต่ยังงดงามด้วยสถาปัตยกรรมแบบไทยโบราณที่ยังคงรักษาไว้ได้อย่างสมบูรณ์ และได้สัมผัสมนตร์คลาสสิกของย่านนี้แบบดั้งเดิม

Things to do
นางงามแห่กันเดินออกจากห้องระหว่างการเก็บตัวประกวด Miss Universe งานนี้จะไปต่อหรือพอแค่นี้?
ระหว่างการเก็บตัวนางงาม ก่อนรอบไฟนอลของการประกวด Miss Universe ครั้งที่ 74 ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 21 พฤศจิกายนนี้ ที่กรุงเทพฯ
จู่ๆ ก็มีเหตุการณ์สุดช็อกเมื่อผู้เข้าประกวดหลายสิบคนพร้อมใจกันเดินออกจากห้องประชุมแบบไม่หันหลังกลับ หลังเกิดการปะทะเดือดต่อหน้าผู้เข้าแข่งขันกับ ณวัฒน์ อิสรไกรศีล ผู้ดูแลทีมเจ้าภาพไทย และ ฟาติมา บอช มิสเม็กซิโก คนปัจจุบัน ทำเอา Miss Universe Organization (MUO) ต้องรีบออกมาเคลื่อนไหวกันจ้าละหวั่น
เกิดอะไรขึ้นคะ?
พยานเล่าว่า ณวัฒน์ เจ้าภาพในการจัดประกวดในปีนี้ ได้เข้าไปต่อว่ามิสเม็กซิโกด้วยท่าทีเสียงดัง ต่อหน้าผู้เข้าประกวดจากทั่วโลก เพราะเธอไม่ร่วมถ่ายวิดีโอโปรโมตกับสปอนเซอร์ ทางฟาติมาพยายามที่จะอธิบายเหตุผลว่าทำไมเธอไม่ได้ตกลงที่จะทำ แต่ก็โดนตัดบทสะก่อน และเรียกการ์ดมาคุมตัวเธอ
ไม่นาน หลังเดินออกจากห้อง ฟาติมาก็ให้สัมภาษณ์สื่อว่า ‘สิ่งที่ผู้จัดกระทำนั้นมันไม่ให้เกียรติฉันเลย เขาเรียกฉันว่าโง่เพราะเขามีปัญหากับองค์กร ฉันคิดว่าคนทั้งโลกควรได้เห็นเรื่องนี้ เพราะพวกเราเป็นผู้หญิงที่มีพลัง และเวทีนี้คือพื้นที่สำหรับที่ทำให้เสียงของเราดังขึ้น และไม่มีใครมาหยุดเราได้’
งานนี้ทำเอาผู้เข้าประกวดหลายคน รวมถึง Victoria Kjær Theilvig Miss Universe คนปัจจุบัน ลุกเดินออกจากห้องแบบไม่แคร์
เพื่อแสดงจุดยืน เธอบอกว่า:
‘นี่คือเรื่องสิทธิของผู้หญิง เราเคารพทุกคน แต่เรื่องแบบนี้ไม่ควรถูกจัดการแบบนี้’ เทลวิกกล่าว ‘การดูถูกผู้เข้าประกวดคนอื่นถือเป็นการไม่ให้เกียรติอย่างรุนแรง’
แล้วทำไมถึงกลายเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนี้?
การเดินออกจากห้องครั้งนี้เผยให้เห็นถึงรอยร้าวที่กำลังประทุขึ้นระหว่างทีมเจ้าภาพไทยกับองค์กร Miss Universe หลังเหตุการณ์ดังกล่าว MUO ออกแถลงการณ์ว่า
‘กิจกรรมและอีเวนต์ทั้งหมดจะดำเนินต่อไปตามแผน เพื่อยืนยันเป้าหมายร่วมกันในการจัดงานที่สะท้อนคุณค่าความหลากหลาย เพื่อนหญิงพลังหญิง และการมีส่วนร่วมอย่างเท่าเทียม’
แถลงการณ์ฉบับนี้ถูกมองกันวงกว้างว่าเป็นการทวงอำนาจคืนและหันโฟกัสกลับไปที่ตัวผู้เข้าประกวดมากกว่าองค์กรเจ้าภาพ และมีรายงานว่า บทบาทของ ณวัฒน์ใ นงานอย่างเป็นทางการของ Miss Universe อาจถูกจำกัดลง
ดราม่าโปรโมตคาสิโน
ก่อนเหตุวอล์กเอาต์แค่หนึ่งวัน ตำรวจไทยก็ลงพื้นที่สอบสวนกรณีโปรโมตเว็บพนันออนไลน์ผิดกฎหมาย ที่ถูกโยงกับกิจกรรมของทีมเจ้าภาพและคนที่แจ้งเรื่องก็คือทีมของณวัฒน์เอง องค์กรของเขาบอกกับสื่อว่าได้แจ้งเจ้าหน้าที่ทันทีหลังพบว่า มีทีมงานจากองค์กร Miss Universe ขอให้ผู้เข้าประกวดถ่ายทำคอนเทนต์กับพร็อปที่มีโลโก้คาสิโน ซึ่งผิดกฎหมายไทยแบบชัดเจน
การวางตัวเป็นผู้เปิดโปงครั้งนี้ทำให้ณวัฒน์ดูเสมือนเป็นฝ่ายยืนหยัดปกป้องกฎหมายไทย และผลักสปอร์ตไลต์ให้ไปจับที่ MUO แทน ดราม่าซ้อนดราม่า จากฝั่งเจ้าภาพเป็นคนแจ้งตำรวจ ไปจนถึงการเดินออกของผู้เข้าประกวด ยิ่งทำให้สังคมตั้งคำถามถึงการจัดการ เบื้องหลังอำนาจ และการเป็นผู้นำของหนึ่งในเวทีนางงามที่ใหญ่และถูกจับตามองมากที่สุดในโลก
มิสกัมพูชาและหลายประเทศร่วมยืนกันยืนหยัด
จากที่ตอนแรกเหมือนจะเป็นประเด็นเฉพาะ มิสเม็กซิโกแต่สุดท้ายผู้เข้าประกวดจากหลายประเทศ รวมไปถึงกัมพูชา ก็ร่วมเดินออกจากห้อง ทำให้การประท้วงเดี่ยวกลายเป็นการลุกขึ้นยืนร่วมกันเพื่อศักดิ์ศรีของผู้หญิงบนเวทีนี้ตัวแทนกัมพูชา Thai Neary Socheata เดินทางมาถึงกรุงเทพฯ ทั้งที่สปอนเซอร์ฝั่งกัมพูชาประกาศถอนตัวจากการประกวดไปก่อนหน้านี้ โดยให้เหตุผลว่าเกิดจากปัญหาทางการทูตระหว่างกัมพูชาและไทยที่ยังไม่ลงตัว
การประกวดยังต้องจัดต่อ
ถึงดราม่าจะเดือดแค่ไหน แต่ Miss Universe ครั้งที่ 74 ยังคงยืนยันที่จะจัดตามกำหนดเดิมในวันที่ 21 พฤศจิกายน 2025 ที่ อิมแพ็ค ชาเลนเจอร์ เมืองทองธานี ทาง MUO ย้ำว่ากิจกรรมทุกอย่างจะดำเนินต่อไปตามแผน และกำลังทำงานร่วมกับพันธมิตรในไทยเพื่อให้มั่นใจว่าผู้เข้าประกวดทุกคนจะได้รับการปฎิบัติที่ปลอดภัยและให้เกียรติอย่างเต็มที่

Travel
โจ คัมมิงส์ ชายผู้ปักหมุดประเทศไทยบนแผนที่การท่องเที่ยวระดับโลก
ก่อนจะมียุคออนไลน์ในปัจจุบันที่เต็มไปด้วยติ๊กต็อก เหล่าอินฟลูเอนเซอร์ และแฮชแท็กสารพัด โลกของนักเดินทางในสมัยก่อนนั้นมีเพียงหนังสือเล่มเล็กปกสีน้ำเงินที่แบ็กแพ็กเกอร์ทุกคนต่างพกติดกระเป๋าไว้เสมอ แล้วใครกันที่เป็นผู้เขียนมันขึ้นมา หากไม่ใช่ชายหนุ่มผู้หลงใหลในมนต์เสน่ห์ของสยามเมืองยิ้มอย่าง ‘โจ คัมมิงส์’ชายผู้จับปากกาเขียนไกด์บุ๊ก Lonely Planet Thailand เล่มแรก และเป็นผู้ที่หลงใหลในเมืองไทยแบบสุดหัวใจ ผู้พาคนทั้งยุคออกเดินทางไปรู้จักเสน่ห์ของอาณาจักรสยาม ตั้งแต่วัดที่งดงามที่สุด เมืองที่มีชีวิตชีวาไปจนถึงการนั่งตุ๊กตุ๊กที่ไม่มีวันลืม
ตัวผม ในฐานะนักเขียนที่บังเอิญมีหนังสือ Lonely Planet อยู่บ้าง จึงไม่พลาดโอกาสที่จะได้พูดคุยกับตำนานที่ยังมีลมหายใจคนนี้ ในพอดแคสต์ตอนล่าสุดของ Time Out Thailand เรานั่งคุยกันที่ สตูดิโอ Public House ซอยสุขุมวิท 31 และตามแผนที่วางไว้ เราเริ่มต้นสนทนาเป็นภาษาไทย ภาษาที่สองของเราทั้งคู่ ซึ่งกลายมาเป็นสื่อกลางในการคลี่เรื่องราว ชีวิต และการเดินทางของนักเขียน นักดนตรี นักแสดง และ ‘ไอคอนทางวัฒนธรรมโดยบังเอิญ’ คนนี้
Photograph: Joe Cummings
‘จิตวิญญาณ’ เสียงเรียกแรกที่นำพาเขามาสู่แดนแห่งสยาม
เรื่องราวของคัมมิงส์เริ่มต้นไกลจากดินแดนอาคเนย์อันร้อนระอุ เขาเกิดที่เมืองนิวออร์ลีนส์ สหรัฐอเมริกา แต่เติบโตตามทุกพื้นที่ที่ผู้เป็นพ่อถูกส่งไปประจำการในฐานะนายทหาร นั่นจึงเป็นเหตุผลที่เขาไม่เคยมีบ้านเกิดอยู่ที่ใดเลย ‘พวกเราเปลี่ยนที่อยู่ทุกสองถึงสามปี’ โจย้อนเล่าถึงวัยเด็กที่เต็มไปด้วยการเดินทางของเขาและพ่อผู้รับใช้ชาติ
ดังนั้นการเดินทางจึงเหมือนอยู่ในสายเลือดของเขา และไม่น่าแปลกใจเลยเมื่อกนกตัวนี้ได้บินออกจากรังตามเข็มทิศที่ชี้ตรงไปทางทิศตะวันออก เขาโผยบินลงที่กรุงเทพฯ ใน พ.ศ. 2520 ซึ่งเป็นยุคที่ประเทศไทยกำลังเปลี่ยนผ่านอย่างน่าหลงใหลและเต็มไปด้วยเรื่องราวที่รอให้ถ่ายทอด
เขาเล่าว่า กรุงเทพฯ ในช่วงปลายทศวรรษ 1970 เป็นเมืองที่ ‘ช้ากว่า สงบกว่า และอากาศแย่ยิ่งกว่าทุกวันนี้เสียอีก’ เมืองที่ยังไม่มีทั้งรถไฟฟ้าและสะพานลอย มีเพียงรถเมล์ควันดำโขมง (ใช่เลย แบบเดียวกับที่เรายังเห็นอยู่ทุกวันนี้) กรุงเทพฯ ในวันนั้นทั้งโกลาหลและเปรี่ยมไปด้วยมนตร์เสน่ห์ในเวลาเดียวกัน จนในที่สุดเขาก็ย้ายขึ้นเหนือสู่เชียงใหม่ เมืองที่เปิดประตูให้เขาได้พบกับความสงบ ความคิดสร้างสรรค์ และผู้คนที่กลายเป็นชุมชน ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นบ้านของเขายาวนานกว่าทศวรรษ
แต่ก่อนหน้าเขาจะริเริ่มคิดที่จะเขียนหนังสือไกด์ท่องเที่ยว สิ่งที่เปลี่ยนชีวิตของโจไปตลอดกาลคือหนังสือปกอ่อนเล่มหนึ่งที่เขาค้บพบบนชั้นหนังสือที่ฝุ่นเกาะเขลอะในห้องสมุดของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง หนังสือปกอ่อนเล่มนั้นคือหนังสือรวมธรรมเทศนาของ อาจารย์พุทธทาสภิกขุ หนึ่งในพระมหาเถระที่ได้รับการยกย่องมากที่สุดของไทย ซึ่งคงเป็นของหายากไม่น้อยในฝั่งตะวันตกในเวลานั้น ราวกับว่าโชคชะตาได้ลิขิตไว้แล้วให้เขาได้พบมัน
‘คำสอนของท่านลึกซึ้งและไม่เหมือนที่ใดในโลก’ โจเล่า สำหรับนักศึกษาชาวอเมริกันในยุค‘70s การหลงใหลในคำสอนของพระภิกษุไทยอาจดูเป็นเรื่องประหลาด แต่หนังสือเล่มนั้นได้ปลุกบางสิ่งในใจเขาบางสิ่งที่เปลี่ยนเส้นทางชีวิตของเขาไปตลอดกาล
Photograph: Time Out
หลังเรียนจบ เขาเข้าร่วมหน่วยสันติภาพ (Peace Corps) ด้วยจุดหมายที่ชัดเจนคือประเทศไทย ผ่านบทบาทอาสาสมัครที่พาเขาเดินทางมาถึงดินแดนแห่งนี้ และที่นี่เอง เขาก็วางแผนจนได้พบกับอาจารย์พุทธทาสภิกขุด้วยตนเอง
‘ผมพักอยู่กับท่านสามสัปดาห์ และตั้งแต่นั้นมาก็ได้รับอิทธิพลจากท่านมาตลอดชีวิต’ เขาเล่าอย่างละเมียดละไม
โชคชะตาอาจไม่ได้กำหนดให้เขาเป็นพระ แต่กลับทำให้เขากลายเป็น ‘สะพานเชื่อมระหว่างวัฒนธรรม’ ความสงบและความเข้าใจในพุทธศาสนาแบบไทยค่อยๆ หล่อหลอมวิธีคิดและวิธีเขียนของเขาเกี่ยวกับประเทศนี้ในเวลาต่อมา แต่สิ่งที่ฝังอยู่ในใจคัมมิงส์มากที่สุดกลับไม่ใช่เสียงสวดหรือการทำสมาธิ หากคือการตระหนักรู้ถึง ‘ตัวตนที่แท้จริง’ ของเขาเอง และถ้อยคำอันลึกซึ้งแทงทะลุจิตวิญญาณจากครูบาอาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ในพุทธธรรม
เขายังจำได้ดีถึงบทสนทนาหนึ่งระหว่างเดินในป่า ‘วันหนึ่งท่านถามผมว่า ‘ทำไมเธอถึงชอบเดินทาง?’ ผมตอบว่า เพราะอยากเรียนรู้ พบผู้คน ศึกษาวัฒนธรรมและสถาปัตยกรรม’ เขาหยุดนิ่งชั่วขณะ ก่อนเล่าต่อ แต่ท่านตอบว่า ‘ไม่ใช่หรอก... โยมชอบเดินทาง เพราะไม่ว่าโยมจะไปที่ไหน โยมไม่ต้องเป็นเจ้าของอะไรเลย’
Photograph: Joe Cummings
ชีวิตที่ขีดเส้นด้วยกระเป๋าแบ็กแพ็กและสมุดบันทึก
ถ้อยคำจากอาจารย์พุทธทาสยังคงก้องอยู่ในใจ และกลายเป็นแนวทางสงบๆ ที่กำหนดเส้นทางชีวิตของเขาตลอดมา การเดินทางสำหรับคัมมิงส์จึงไม่ใช่เรื่องของการสะสมตราประทับในพาสปอร์ตอีกต่อไป แต่คือการ ‘ปล่อยวาง’ เพื่อเปิดใจรับทุกประสบการณ์อย่างแท้จริง
เฉกเช่นเดียวกับนักเดินทางผู้รักการค้นคว้าในยุคนั้น เขาเสาะหาข้อมูลจากทุกที่ที่พอจะหาได้ ไม่ว่าจะเป็นจากผู้คน พระสงฆ์ ป้ายข้างทาง ไปจนถึงห้องสมุด วันหนึ่งเขาบังเอิญพบกับหนังสือ Lonely Planet ฉบับเมียนมาและศรีลังกายุคแรกๆ มันทำให้เขาหลงใหลในสำนวนการเขียนและประทับใจที่หนังสือเล่มนั้นช่วยให้เขาออกเดินทางได้ด้วยตัวเอง จนตัดสินใจเขียนจดหมายแอร์โอแกรมถึงผู้ก่อตั้ง โทนีและมอรีน วีลเลอร์ พร้อมความหวังลึกๆ ว่าจะได้รับคำตอบกลับ
แล้วอะไรคือสิ่งที่เขาพิชไป? ‘นักท่องเที่ยวที่มาไทยมีจำนวนมากกว่าเมียนมาและศรีลังการวมกัน ทำไมไม่ให้ผมเขียนไกด์บุ๊กสำหรับประเทศไทยล่ะ?’
ไม่กี่สัปดาห์ต่อมา จดหมายตอบกลับก็มาถึง วีลเลอร์สนใจสิ่งที่เขาพิชไปและตัวอย่างงานเขียนสองหน้าของเขาเกี่ยวกับเกาะสีชัง ก็เพียงพอจะทำให้เขาได้รับเงินล่วงหน้าเล็กน้อยและตั๋วเที่ยวเดียวสู่ประวัติศาสตร์หน้าใหม่
คัมมิงส์เริ่มต้นเดินทางทั่วประเทศด้วยรถบัสเก่าๆ โคลงเคลงๆ นอนในวัด และเก็บทิปส์เด็ดๆ ระหว่างบทสนทนาจากนักดื่มในตลาดกลางคืน เขาค่อยๆ วาดแผนที่ประเทศไทยผ่านผู้คนและเรื่องราวที่ได้พบเจอ จนกลายเป็นหนังสือขนาดเพียง 128 หน้า ที่ต่อมากลายเป็น ‘คัมภีร์ของนักแบ็กแพ็กเกอร์’ และอาจกล่าวได้ว่า เป็น ‘พาสปอร์ต’ ที่พาโจ คัมมิงส์ เดินทางสู่ชีวิตที่เต็มไปด้วยเรื่องเล่าอันไม่รู้จบ
Photograph: Joe Cummings
สิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่า Lonely Planet
ตลอดระยะเวลากว่า 25 ปี คัมมิงส์ยังคงเขียนให้กับ Lonely Planet อย่างต่อเนื่อง จนกลายเป็นหนึ่งในเสียงสำคัญที่หล่อหลอมตัวตนของนิตยสาร แต่เส้นทางอาชีพของเขาก็ค่อยๆ ขยายออกไปไกลกว่าหน้ากระดาษ
ใน พ.ศ. 2546 ปีเดียวกับที่เขาได้พบกับ แอนโทนี บอร์เดน เป็นครั้งแรก โจได้รับโทรศัพท์สายหนึ่งที่ฟังดูเหมือนเรื่องที่โดนแกล้ง เพื่อนคนไทยของเขาซึ่งทำงานเป็นฟิกเซอร์ ถูกติดต่อจากทีมโปรดิวเซอร์ของ A Bigger Bang สารคดีทัวร์รอบโลกของ The Rolling Stones เพื่อขอให้ช่วยจัดหาสถานที่ในกรุงเทพฯ สำหรับมิค แจ็กเกอร์ และสมาชิกวงไว้พักผ่อน กินดื่ม และสังสรรค์
‘เพื่อนผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่า The Rolling Stones คือใคร’ โจหัวเราะ ‘เขาเลยโทรมาหาผม ผมก็บอกไปว่า ‘ได้สิ ฉันน่าจะช่วยได้นะ’
ไม่กี่สัปดาห์ต่อมา คัมมิงส์ก็พบว่าตัวเองกำลังนั่งดื่มเบียร์สิงห์อยู่ริมถนนในเมืองหลวง กับหนึ่งในศิลปินที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลก ระหว่างนั้น ทัวร์ของวงในมุมไบถูกยกเลิกกะทันหัน ทำให้มิคตัดสินใจอยู่ต่อ และเดินทางต่อไปยังลาว กัมพูชา และอีกหลายเมือง ตามคำแนะนำของโจ
และดูเหมือนการเดินทางครั้งนั้นจะทิ้งร่องรอยไว้ในใจลึกกว่าที่ใครคาดคิด ว่ากันว่า หลังจากแฟนสาวของมิค แจ็กเกอร์ เสียชีวิต เขาได้กลับไปยังหลวงพระบาง และใช้เวลา 10 วันในวัดแห่งหนึ่งที่โจเคยแนะนำไว้เมื่อหลายปีก่อน ราวกับกำลังแสวงหาความสงบและการเยียวยาทางจิตวิญญาณ ซึ่งไม่ต่างจากที่โจเคยทำเมื่อเริ่มต้นเส้นทางชีวิตของเขาเองหลายทศวรรษก่อนหน้า
Photograph: Joe Cummings
‘เตียงนอนอันแสนสบาย’
กว่า 40 ปีที่ใช้ชีวิตอยู่ในประเทศไทย โจ คัมมิงส์ได้พิสูจน์ตัวเองทั้งในฐานะนักวิชาการและคนโลคอลตัวจริง ถ้าถามว่าเย็นวันศุกร์เขามักจะไปอยู่ที่ไหน คำตอบคงไม่ใช่ห้องสมุด หากแต่เป็นเก้าอี้ในบาร์โดยเฉพาะที่ We Didn’t Land on the Moon (Since 1987) บาร์ศิลปะสุดแสบจากเชียงใหม่ที่มีสาวกเหนียวแน่นในกรุงเทพฯ
ทุกวันนี้ เส้นทางอาชีพของโจได้ขยายไปแทบทุกแขนงของวงการครีเอทีฟ ตั้งแต่การแต่งเพลงให้ภาพยนตร์ไทยฟอร์มยักษ์ การแสดงในหนังนับไม่ถ้วน ไปจนถึงการเขียนหนังสือที่ครอบคลุมตั้งแต่เรื่องการท่องเที่ยว วัฒนธรรม ไปจนถึงจิตวิญญาณ นอกจากผลงานกับ Lonely Planet แล้ว คัมมิงส์ยังเป็นผู้เขียนหนังสือ Sacred Tattoos of Thailand: Exploring the Magic, Masters and Mystery of Sak Yant, หนังสือ Buddhist Stupas in Asia: The Shape of Perfection และหนังสือ Chiang Mai Style ซึ่งล้วนสะท้อนความหลงใหลในศิลปะและวัฒนธรรมเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างถ่องแท้
บนจอภาพยนตร์ เขาได้ปรากฏตัวในผลงานอย่าง มอร์ริสัน (Morrison), แสงกระสือ, ถ้ำหลวง ภารกิจแห่งความหวัง (Thai Cave Rescue) และ นางนอน (The Cave) พร้อมทั้งมีบทบาทอยู่เบื้องหลังในฐานะนักแต่งเพลงและที่ปรึกษาด้านครีเอทีฟให้ทั้งวงการโทรทัศน์และภาพยนตร์ เขาเคยพาแอนโทนี บอร์เดน ตะลุยทั่วประเทศไทยในรายการ Parts Unknown และยังเล่นกีตาร์ในวง Rolling Stones Cover Band อีกด้วย (ซึ่งแน่นอนว่าเขาเองก็เห็นความแตกต่างที่ประชดประชันในเรื่องนี้ไม่ต่างกัน)
ชายต่างชาติที่เข้าใจและถ่ายทอดหัวใจของแผ่นดินนี้ได้ลึกซึ้งยิ่งกว่าคนไทยหลายคน เขาคือคนที่ใช้ชีวิตหลายบทบาท หลายเส้นทาง แต่ทั้งหมดนั้นหลอมรวมเป็นตัวตนเดียว - ตัวตนที่เป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้ที่หลงรักประเทศไทย...อย่างผมเอง
เมื่อบทสนทนาจบลง เสียงไมค์เริ่มสงบ ความเกร็งจางหาย ผมอดไม่ได้ที่จะหยอกเขาว่า “ตอนนี้คุณกลายเป็นเหมือนเฟอร์นิเจอร์ชิ้นหนึ่งของประเทศไทยแล้วนะ”เขาหัวเราะ ยิ้มกว้าง แล้วตอบกลับมาทันทีว่า “งั้นผมคงเป็น...เตียงที่แสนสบายล่ะสิ”
ชายต่างชาติผู้เข้าใจและถ่ายทอดหัวใจของแผ่นดินนี้ได้ลึกซึ้งยิ่งกว่าคนไทยหลายคน โจ คัมมิงส์คือผู้ชายที่ใช้ชีวิตผ่านหลากหลายบทบาทและเส้นทาง แต่ทั้งหมดนั้นกลับหลอมรวมเป็นตัวตนเดียวกันอย่างงดงาม ตัวตนที่กลายเป็นแรงบันดาลใจให้กับใครก็ตามที่หลงใหลในประเทศไทย...อย่างผมเอง
เมื่อบทสนทนาสิ้นสุด เสียงไมค์ค่อยๆ เงียบลง ความเกร็งที่เคยมีจางหายไป ผมอดไม่ได้ที่จะพูดแหย่เขาเล่นว่า
‘ตอนนี้คุณกลายเป็นเหมือนเฟอร์นิเจอร์ประจำประเทศไทยไปแล้วนะ’
เขาหัวเราะเบาๆ ก่อนยิ้มกว้างตอบกลับมาทันทีว่า
‘งั้นผมก็คงเป็น...เตียงที่แสนสบายล่ะสิ’
สามารถฟังบทสัมภาษณ์เต็มได้ทาง YouTube ช่อง Time Out Thailand (พร้อมซับภาษาอังกฤษ และมีการแก้แกรมมาร์เล็กน้อย ก็แหงล่ะ ภาษาไทยเป็นภาษาที่สองของเราทั้งคู่) ที่นี่

Travel
เฉลิมฉลองฤดูกาลแห่งความสุข ให้ทุกโมเมนต์ของปลายปีเปล่งประกายไปกับ COMO Metropolitan Singapore
ธันวาคม เดือนที่อากาศเริ่มเย็นลงพอให้ใจได้พักจากฝุ่นเมืองและจังหวะชีวิตที่เร่งรีบตลอดปี แสงไฟตามถนนเริ่มส่องประกาย ผู้คนค่อยๆ ผ่อนคลายจังหวะของตัวเองลง เพื่อรอต้อนรับค่ำคืนแห่งการเฉลิมฉลองที่จะเข้ามาแทนที่ความวุ่นวาย ไม่ว่าคุณจะอยู่บนตึกสูง ลานกลางเมือง หรือร้านอาหารโปรด สิ่งหนึ่งที่ทุกคนรู้สึกเหมือนกันคือถึงเวลาที่จะหยุดพักและใช้ช่วงเวลาแห่งความสุขส่งท้ายปีอย่างมีความหมายและหากจะมีที่ใดที่รวมทุกองค์ประกอบของความสุขเหล่านี้ไว้ได้อย่างลงตัว ทั้งอาหารชั้นเลิศ การบริการอบอุ่น และความสงบที่แทรกอยู่ในทุกจังหวะของเวลา COMO Metropolitan Singapore คือจุดหมายที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการอย่างงดงาม ที่นี่เทศกาลไม่ได้หมายถึงเพียงปาร์ตี้หรือเสียงหัวเราะในยามค่ำคืน แต่คือพื้นที่ที่จะทำให้หัวใจคุณได้พักหายใจลึกๆ อีกครั้ง ท่ามกลางบรรยากาศเรียบหรู อบอุ่น และเต็มไปด้วยความตั้งใจในแบบเฉพาะของ COMO

Art
ได้รับการสนับสนุน
ชวนทำ Vlog กับ 5 โลเคชั่นน่าไปในกรุงเทพฯ
กรุงเทพฯ เป็นเมืองที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ ที่แม้จะดูขัดแย้งกันแต่ก็ลงตัว อย่างโกดังสินค้าเก่าที่ถูกรีโนเวตเป็นแกลเลอรี ห้างริมแม่น้ำระยิบระยับด้วยกระจกใส ไปจนถึงรูฟท็อปบาร์สูงตระหง่านเหนือถนนที่คึกคักและไม่เคยหลับใหล ทุกมุมเมืองเต็มไปด้วยเรื่องราวที่รอให้ใครสักคนหยิบกล้องขึ้นมาบันทึกช่วงเวลาเหล่านั้น
ซึ่งในยุคที่ช่วงเวลาผ่านไปเร็วพอๆ กับการแชร์ข้อมูลบนโซเชียล หลายคนฝันอยากเป็น ‘ครีเอเตอร์’ บางคนใช้เวลาบนพื้นที่สนุกๆ หลังเลิกงาน บางคนใช้เวลาแบ่งปันแพสชัน แต่ไม่ว่าด้วยเหตุผลอะไร สิ่งเดียวที่เหมือนกันคือ ทุกคนต้องการเครื่องมือเพื่อเล่าเรื่องราวของตัวเอง
แน่นอนว่าสำหรับใครหลายคน จุดเริ่มต้นก็มาจากกล้อง Canon ที่จะเปลี่ยนความอยากรู้อยากลองให้กลายเป็นผลงานจริง
ดังนั้นเมืองหลวงแห่งนี้จึงกลายเป็นพื้นที่ที่กล้อง EOS R50 V พาคุณออกไปเล่าเรื่องในแบบของตัวเอง ด้วยความเล็กกะทัดรัด แต่อัดแน่นไปด้วยฟีเจอร์เด็ดที่มาพร้อมเซนเซอร์ APS-C ความละเอียด 24.2 ล้านพิกเซล (ขนาดเดียวกับที่ใช้ในกล้องถ่ายภาพยนตร์อย่าง EOS C70) ที่ให้ภาพคมชัด เก็บรายละเอียดครบ แถมยังมีฟังก์ชันการทำงานแบบเดียวกับกล้อง Cinema EOS อย่าง Custom Picture และ LUTs ที่สร้างโทนสีด้วยตนเอง เพื่อควบคุมโทนสีและอารมณ์ของภาพได้เต็มที่ รวมถึงฟิลเตอร์โทนสี 14 โทน ที่แมตช์ได้กับทุกบรรยากาศ
โดยกล้องยังถูกออกแบบมาเพื่อการใช้ชีวิตในเมืองที่ไม่เคยหยุดนิ่งอย่างเช่นกรุงเทพฯ แค่ต่อสาย USB type-C เข้ากับกล้องก็ไลฟ์สดได้ทันที และออกแบบมาเพื่อการถ่ายวิดีโอได้ทั้งแนวตั้งและแนวนอน
แล้วที่ไหนบ้างในกรุงเทพฯ ที่จะถ่าย Vlog ด้วยกล้อง EOS R50 V ให้สนุกที่สุด… มาดูกันเลย

Attractions
คู่มือเที่ยว ‘สามย่าน’ ฉบับครบจบในที่เดียว
ย่านที่กลางวันคือแดนของนักศึกษาและคนทำงานที่แวะจิบกาแฟก่อนเข้าคลาส ส่วนกลางคืนคือช่วงเวลาของเสียงหัวเราะ คละคลุ้งไปด้วยกลิ่นของอาหารสตรีตฟู้ดริมทาง และแสงไฟจากร้านบาร์ที่ส่องระยิบระยับบนถนนบรรทัดทอง ‘สามย่าน’ คือย่านที่มีจังหวะเป็นของตัวเอง เป็นทั้งโลกของการเรียนรู้ การกิน การพักผ่อน และการใช้ชีวิตในแบบที่ไม่เร่งรีบจนเกินไป เป็นพื้นที่ที่ความเก่ากับความใหม่อยู่ร่วมกันอย่างกลมกลืน ทั้งตลาดโบราณกับห้างใหญ่ที่อยู่ห่างกันแค่ไม่กี่ก้าว คาเฟ่ร่วมสมัยซ่อนตัวอยู่ข้างร้านอาหารในตำนาน
ถ้าพูดถึงย่านที่มีชีวิตชีวาที่สุดในกรุงเทพฯ ชื่อของสามย่านคงเป็นย่านที่ใครหลายคนนึกถึงเป็นอันดับแรกๆ แต่ก่อนที่นี่คือชุมชนเก่าแก่ มีที่มาจากตลาดสามแห่งที่เคยตั้งเรียงรายกัน เป็นแหล่งค้าขายอันคึกคักที่เต็มไปด้วยเสียงพูดคุยและชีวิตชีวา ทว่ากาลเวลาผ่านไป สามย่านก็ไม่เคยหลับใหล ในวันนี้มันกลายเป็นย่านทันสมัยใจกลางเมือง รายล้อมด้วยอาคารเรียนชื่อดัง ห้างหรูอย่าง Samyan Mitrtown และคาเฟ่เท่ๆ ที่เปิดแทบทุกหัวมุมถนน ทั้งนักศึกษา คนทำงาน หรือสายชิลที่อยากหาที่กิน ดื่ม เที่ยวแบบเดินทางสะดวก สามย่านถือเป็นจุดเช็กอินที่ตอบโจทย์ทุกจังหวะชีวิต
สามย่านมีอะไรน่าสนใจ?
Photograph: PMCU
สิ่งที่ทำให้ ‘สามย่าน’ มีเสน่ห์ไม่เหมือนที่ไหน คือนอกจากที่จะเป็นศูนย์กลางของนักเรียนนักศึกษา และชาวออฟฟิศแล้ว ใครๆ ก็ต่างรู้ดีว่าปัจจุบันสามย่านได้กลายเป็นที่รู้จักในฐานะย่านแห่งของกินและความคึกคักยามค่ำคืน โดยเฉพาะ ‘ถนนบรรทัดทอง’ ที่กลายเป็นหนึ่งในเส้นทางสายกินระดับตำนานของกรุงเทพฯ เพราะที่นี่มีทุกอย่างตั้งแต่ร้านอาหารรสชาติดีราคานักศึกษา ไปจนถึงร้านเก่าแก่ที่เปิดขายกันมาหลายสิบปี และในระยะทางเพียงไม่กี่ร้อยเมตร คุณจะได้พบกับร้านข้าวต้มปลา เกาเหลาเลือดหมู ก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นปลา และอาหารอีสานรสแซ่บแบบต้นตำรับ
เรียกได้ว่าสามย่านหรือบรรทัดทองในตอนกลางวันคือแหล่งรวมของคนทำงานและนักศึกษา ส่วนตอนค่ำถนนสายเดียวกันกลับแปลงร่างเป็นตลาดกลางคืนที่มีร้านอาหารเปิดไฟสว่างไสวและผู้คนเดินกันอย่างพลุกพล่าน ความมีชีวิตชีวานี้เองที่ทำให้สามย่านกลายเป็นย่านที่มีเสน่ห์และไม่เคยหลับไหล
เหตุผลที่ทำให้หลายคนรักสามย่าน?
Photograph: PMCU
เหตุผลที่ทำให้หลายคนรักสามย่านนั้นไม่ไม่ใช่อะไรที่เดายาก เพราะย่านนี้จัดว่ามีครบทุกอย่างในที่เดียว ในช่วงกลางวันก็มีหลายที่ที่ให้ทุกคนได้มาใช้เวลา ไม่ว่าจะนั่งทำงาน อ่านหนังสือ หรือนั่งชิลในวันสบายๆ สามย่านเต็มไปด้วยคาเฟ่และพื้นที่ทำงานแทรกซึ่มอยู่ทั่วทุกพื้นที่ คนทำงานหรือนักเรียนนักศึกษาที่อยู่ในระแวกนี้ก็ถือได้ว่าโชคดีที่ได้มีสิ่งอำนวยความสะดวก พื้นที่ในการพักผ่อนหย่อนใจ หรือมีที่นั่งทำงานแบบสงบๆ ส่วนช่วงกลางคืนสามย่านก็มีจุดแฮงเอาต์ยอดนิยมที่เต็มไปด้วยร้านอาหารและบาร์เล็กๆ ที่ให้ทุกคนนั่งพักใจแฮงก์เอาต์หลังเลิกงานหรือเลิกเรียน
หลายคนชอบบรรยากาศของสามย่านที่ไม่วุ่นวายจนเกินไป แม้อยู่ใจกลางเมืองแต่ยังมีเสน่ห์ของความอบอุ่นแต่ทันสมัย จะมานั่งทำงาน อ่านหนังสือ หรือออกมาหาร้านอาหารกับเพื่อนก็ง่ายไปหมด และยิ่งถ้าเป็นคืนวันศุกร์ ก็นับเป็นช่วงเวลาดีๆ ของการนัดเพื่อนในแก๊งหรือเพื่อนร่วมงานออกมาพบปะสังสรรค์กันสุดๆ
วิธีการเดินทางไปสามย่าน
Photograph: samyan mitrtown
การเดินทางมาย่านสามย่านถือว่าเป็นอะไรที่ง่ายและสะดวกมากๆ เพราะอยู่บนเส้นทางหลักของ MRT เพียงขึ้นจากสถานี ‘สามย่าน’ คุณก็จะพบกับ Samyan Mitrtown ทันที หรือถ้ามาจาก BTS สยามและสนามกีฬาแห่งชาติ ก็สามารถต่อมอเตอร์ไซค์ ตุ๊กตุ๊ก หรือแท็กซี่ได้ในเวลาไม่เกินสิบนาที แต่สำหรับคนที่ชอบความสะดวกแบบเรียกรถผ่านแอปก็มีทางเลือกมากมาย และยังมีบริการไฟฟ้าอย่าง Muvmi ที่ให้บริการรอบจุฬาฯ อีกด้วย
แผนที่
ถ้าต้องเลือกทำแค่หนึ่งสิ่งที่สามย่าน?
Photograph: samyan mitrtown
ถ้ามีหากมีเวลาสำหรับแค่กิจกรรมเดียวในสามย่าน สิ่งที่ผู้เขียนอยากแนะนำเลยก็คือ คุณควรไปดูหนังที่ ‘House Samyan’ โรงหนังอาร์ตเฮาส์เล็กๆ ที่เป็นมากกว่าที่ฉายหนัง เพราะที่นี่คือพื้นที่รวมตัวของคนรักหนังนอกกระแสที่อยากสัมผัสประสบการณ์ดูหนังในบรรยากาศอบอุ่นและเป็นกันเอง เพราะที่นี่คัดสรรภาพยนตร์จากทั่วโลก ทั้งหนังอิสระ หนังเทศกาลหาดูยาก และสารคดีคุณภาพมาให้คนรักหนังได้ดูกันอยู่ไม่ขาดสายนอกจากนี้มักมีการจัดเสวนา และกิจกรรมเกี่ยวกับภาพยนตร์อยู่บ่อยครั้ง เฮ้าส์สามย่านมีทั้งหมด 3 โรง ตั้งอยู่ชั้น 5 Samyan Mitrtown เป็นจุดเช็กอินที่คนรักหนังไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง
การโฆษณา
เผื่อคุณจะพลาดสิ่งนี้ไป...

Travel
เฉลิมฉลองฤดูกาลแห่งความสุข ให้ทุกโมเมนต์ของปลายปีเปล่งประกายไปกับ COMO Metropolitan Singapore
ธันวาคม เดือนที่อากาศเริ่มเย็นลงพอให้ใจได้พักจากฝุ่นเมืองและจังหวะชีวิตที่เร่งรีบตลอดปี แสงไฟตามถนนเริ่มส่องประกาย ผู้คนค่อยๆ ผ่อนคลายจังหวะของตัวเองลง...

Art
ได้รับการสนับสนุน
ชวนทำ Vlog กับ 5 โลเคชั่นน่าไปในกรุงเทพฯ
กรุงเทพฯ เป็นเมืองที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ ที่แม้จะดูขัดแย้งกันแต่ก็ลงตัว อย่างโกดังสินค้าเก่าที่ถูกรีโนเวตเป็นแกลเลอรี ห้างริมแม่น้ำระยิบระยับด้วยกระจกใส...

Travel
ได้รับการสนับสนุน
COMO Metropolitan Singapore โรงแรมใจกลางสิงคโปร์ที่อยากให้ผู้เข้าพักมีคุณภาพชีวิตที่ดี
ใกล้ช่วงไฮซีซั่นเข้าไปทุกที สายเที่ยวคงปักหมุดที่พักตามไลฟ์สไตล์กันให้วุ่น ซึ่งถ้าใครกำลังมองหาช่วงเวลาของการพักผ่อนเพื่อบาลานซ์ความสมดุลทั้งกายใจ โรงแรม COMO...

Things to do
ได้รับการสนับสนุน
ไม่ใช่แค่ Private Club แต่นี่คือคอมมูนิตี้ที่ความคิดสร้างสรรค์มาบรรจบกันอย่างไร้ขอบเขต
กรุงเทพฯ เป็นเมืองที่พร้อมเปิดพื้นที่ให้ทุกคนเสมอ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มครีเอทีฟสุดคึกคักไปจนถึงคลับไพรเวทสุดเอ็กซ์คลูซีฟ ที่นี่มีพื้นที่ให้กับทุกไลฟ์สไตล์ และ JAI...

Travel
ได้รับการสนับสนุน
สัมผัสประสบการณ์ที่เป็นได้มากกว่าโรงแรม ที่ COMO Metropolitan Singapore
ว่ากันว่า สิงคโปร์ เป็นหนึ่งในหมุดหมายลำดับต้นๆ ที่นักท่องเที่ยวไทยเลือกที่จะไปพักผ่อนในช่วงเวลาสั้นๆ เพราะด้วยการเดินทางที่ง่าย การท่องเที่ยวที่สะดวก...
รีวิวร้านอาหารและคาเฟ่ในกรุงเทพฯ

Restaurants
Gordon Ramsay Bread Street Kitchen & Bar ICONSIAM
หลายปีหลังจากกระแสความนิยมของรายการทำอาหารที่พุ่งสูงขึ้น เชฟหลายคนได้กลายเป็นขวัญใจของคนรักอาหารทั่วโลก และหนึ่งในนั้นคือ เชฟกอร์ดอน แรมซีย์...

Restaurants
Tapori
เมื่อพูดถึงอาหารอินเดีย ภาพจำของใครหลายคนคงหนีไม่พ้นสตรีตฟู้ดที่พ่วงมากับรถเข็น หรือตลาดที่มีผู้คนชุกชุม...

Restaurants
โสมะ
ตั้งแต่ร้านอาหารไทยได้รับรางวัลต่างๆ ไม่ว่าจะมิชลินไกด์ Thailand’s Favourite Restaurant หรือ The Worlds 50 Best Restaurants...

Restaurants
Olivetto
สาวกพาสต้าทั้งหลายคงคุ้นชินกับเบคอนในคาโบนารา หรือแซลมอนย่างในซอสเพสโต้ ราวกับเป็นสูตรสำเร็จของเมนูเส้นยอดนิยมจากอิตาลี...

Restaurants
Bisou
Bisou แกสโตรไวน์บาร์สไตล์ฝรั่งเศสเปิดใหม่ล่าสุด ย่านหลังสวน เสิร์ฟจริตปาริเซียงสุดเท่และเซ็กซี่...
บทสัมภาษณ์ล่าสุด

Travel
โจ คัมมิงส์ ชายผู้ปักหมุดประเทศไทยบนแผนที่การท่องเที่ยวระดับโลก
ก่อนจะมียุคออนไลน์ในปัจจุบันที่เต็มไปด้วยติ๊กต็อก เหล่าอินฟลูเอนเซอร์ และแฮชแท็กสารพัด...

Things to do
‘ดาราโซเฟีย’ อินฟลูเอนเซอร์สายพลังบวก ผู้เชื่อว่าทุกคนมีความสวยในแบบของตัวเอง
ในยุคที่โลกโซเชียลหมุนไปอย่างรวดเร็ว และ TikTok ได้กลายเป็นหนึ่งในพื้นที่ ที่ให้ใครก็ได้ลุกขึ้นมาพูดในสิ่งที่ตัวเองคิดและเชื่อ...

Movies
เป้–อารักษ์ อมรศุภศิริ : จากชีวิตร็อกแอนด์โรลสู่ผู้กำกับผู้ท้าทายทุกบทบาท
เป้-อารักษ์ อมรศุภศิริ เชื่อว่าแทบไม่มีใครไม่รู้จักผู้ชายคนนี้ เพราะเขาคือบุคคลที่เรียกได้ว่าอยู่มาทุกยุค ผ่านมาแล้วหลายบทบาท...
รีวิวบาร์ในกรุงเทพฯ
Bars
Lost in Thaislation
ข้าวมันไก่ ผัดไทย หมูสับเกี้ยมบ๊วย ข้าวเหนียวมะม่วง ทั้งหมดนี้คือชื่อเมนูค็อกเทลของร้าน Lost in Thaislation บาร์ใหม่ย่านทองหล่อโดย ‘ฝาเบียร์ - สุชาดา...
Bars
#FindTheLockerRoom
แม้จะเป็นที่รู้จักจากรางวัลการันตีคุณภาพมากมายทั้งที่มอบให้ร้านและบาร์เทนเดอร์แต่ก็ยังยืนหนึ่งเรื่องการเป็น ‘บาร์ลับ’ อยู่ดี สำหรับ...
Bars
Falcon Secret Bar
ตอนที่ร้าน Marie Guimar (มารี กีร์มาร์) ร้านอาหารไทยบนชั้น 28 ของโรงแรม Wyndham Bangkok Queen Convention Centre เปิดใหม่ๆ...
แนะนำโรงแรมทั่วกรุงเทพฯ

Travel
Kimpton Kitalay Samui
ใครอยากหนีไปพักผ่อนเงียบๆ แต่ก็อยากเจอบรรยากาศมีชีวิตชีวาให้รู้สึกได้มาพักผ่อน เราว่าอาจจะชอบรีสอร์ทแห่งใหม่ Kimpton Kitalay Samui (คิมป์ตัน คีตาเล สมุย)...

Hotels
Capella Bangkok
โรงแรมคาเพลลา (Capella) แห่งแรกในประเทศไทยตั้งอยู่บนที่ดินผืนงามริมแม่น้ำเจ้าพระยาบนถนนเจริญกรุง ให้บริการห้องพัก ห้องสวีท และวิลลา 101 ห้อง...

Hotels
W Bangkok
ถ้าจะบอกว่า W Bangkok คือหนึ่งในโรงแรมหรูที่เท่ที่สุด คูลที่สุด ฮิปที่สุดในกรุงเทพฯ ก็คงไม่ผิด ตั้งแต่สถานที่ใจกลางกรุงเทพฯ ณ แยกสาทร...

Hotels
Sindhorn Kempinski Hotel
สินธร เคมปินสกี้ กรุงเทพฯ ตั้งอยู่ท่ามกลางสวนเขียวชอุ่มของสินธรวิลเลจ ใกล้กับโรงแรม Kimpton Maa-Lai Bangkok และห้าง Velaa เป็นโรงแรมเคมปินสกี้แห่งที่ 2...

Hotels
Kimpton Maa-Lai Bangkok
โรงแรมแห่งแรกจากแบรนด์ Kimpton ที่เข้ามาเจาะตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดดเด่นด้วยการออกแบบที่ทันสมัยและการผสมผสานกันอย่างลงตัวของทุกองค์ประกอบ...
Quick Meal: ดูคลิปเมนูทำง่ายจากร้านดังทั่วกรุงเทพฯ

Restaurants
พล่ากุ้งอบวุ้นเส้น
Time Out: Quick Meal คลิปนี้ ชวนเชฟเรณู หอมสมบัติ จากร้าน Saffron โรงแรม Banyan Tree กรุงเทพฯ หนึ่งในร้านอาหารที่ร่วมฉลองครบรอบ 25 ปีเบียร์ช้าง ในงาน Time Out...














