1. Pat Chayanit
    Sereechai Puttes/Time Out Bangkok
  2. Pat Chayanit
    Sereechai Puttes/Time Out Bangkok

คุยเรื่องวันก่อน วันนี้ และวันหน้า กับ แพต-ชญานิษฐ์

รู้จักกับนักแสดงสาวดาวรุ่งให้ลึกมากกว่าบทบาทใสๆ ในจอแก้ว

Top Koaysomboon
เขียนโดย
Top Koaysomboon
การโฆษณา

เรารู้จัก แพต-ชญานิษฐ์ ชาญสง่าเวช ครั้งแรกบนเครื่องบิน

เปล่า เราไม่ได้นั่งติดกัน แต่แพตเป็นหนึ่งในนักแสดงในภาพยนตร์เรื่องหนึ่งที่เราดูบนเครื่อง ภาพยนตร์เรื่องนั้นคือ Distance หนังอาร์ตสัญชาติจีน-ไต้หวัน-สิงคโปร์-ไทย ที่ออกฉายเมื่อปี ค.ศ. 2015 กำกับโดย Xin Yukun, Tan Shijie และ ศิวโรจน์ คงสกุล และนำแสดงโดยพระเอกซุปเปอร์สตาร์ เฉิน ป๋อหลิน

ใน Distance แพตพูดไทยสลับจีนกลางอย่าคล่องแคล่วทั้งเรื่อง บวกกับฝีมือการแสดงที่ดูมีแวว แค่นี้ก็มีเหตุผลที่ทำให้เรานัดคุยกับแพตในบ่ายวันหนึ่งที่กรุงเทพฯ

ตอนนี้แพต ชญานิษฐ์ เป็นนักแสดงเต็มตัวและมีผลงานต่อเนื่อง โดยเฉพาะช่วงนี้ที่สาวน้อยหน้าเก๋มีผลงานให้เราดูพร้อมกันถึงสองเรื่อง คือภาคสองของ Love Song Love Series และดราม่าดุเดือดไร้เสน่หา และเราค่อนข้างแน่ใจว่าจากนี้แพตจะมีผลงานทยอยออกมาให้เราดูอีกเรื่อยๆ

แล้วทำไมถึงจะไม่อยากรู้จักนักแสดงสาวคนนี้ล่ะ

Sereechai Puttes/Time Out Bangkok

เด็กโรงเรียนประจำ

แพต ชญานิษฐ์ เป็นเด็กโรงเรียนประจำแบบเต็มตัว เธอใช้ชีวิตอนุบาล ประถม และมัธยมในรั้งโรงเรียนประจำหญิงล้วนวัฒนาวิทยาลัย

     “แม่ไม่ได้อยู่วัฒนาฯ แต่แม่ชอบวัฒนาฯ” แพตเล่าที่มาของการได้เป็นเด็กโรงเรียนกินนอน “ตอนนั้นแม่ก็หาโรงเรียนให้ลูกปกตินั่นแหละ พอแม่เดินเข้ามาในโรงเรียนแล้วชอบบรรยากาศมาก แล้วแม่ก็พูดกับโรงเรียน พูดออกมาคนเดียวเหมือนในละคร ว่า ฉันจะให้ลูกฉันเรียนที่นี่’ (หัวเราะ) หนูเคยถามว่าม้าพูดอย่างนั้นจริงเหรอ แม่ก็ตอบว่า จริง’ (หัวเราะ)

Sereechai Puttes/Time Out Bangkok

    “แพตเป็นเด็กนิสัยไม่ดีเลย” เธอตอบเมื่อเราถามว่าเด็กหญิงชญานิษฐ์เป็นคนอย่างไร “แต่ไม่ได้เกเรมากมาย หนีโรงเรียนอะไรขนาดนั้น แค่แบบกฎเล็กๆ น้อยๆ หนูแหกหมด (หัวเราะ) ห้ามเอาขนมมา? ต้องมีแล้วอาทิตย์นี้ ลูกอมสักเม็ดนึงต้องมา เล็กๆ น้อยๆ หรืออาทิตย์นี้เราแอบเอาบะหมี่สำเร็จรูปแห้งมาได้หนึ่งซอง เราจะต้มมันยังไง ขโมยบีกเกอร์วิทยาศาสตร์ ใส่น้ำ แล้วก็ใช้เตาให้น้ำมันเดือดแล้วหย่อนมาม่าลงไป (หัวเราะ)” เธอเล่าแกมหัวเราะกับวีรกรรมสมัยเด็ก

    แพตบอกกับเราว่าเธอไม่ใช่เด็กเรียนเก่ง แค่เอาตัวรอด ด้วยความขยาดวิชาเลขทำให้เธอย้ายสาขาที่เรียนแทบจะทุกสาขา จนมาจบที่สาขาอังกฤษ-ศิลปะ สาขาที่ภาพหลังแพตค้นพบว่าตรงกับความชอบของตัวเองที่สุด  “ตอนช่วง ม.4-5 มีโอกาสได้ป็นตัวแทนโรงเรียนไปประกวดวาดรูป แล้วก็เริ่มได้รางวัล แล้วก็ได้มาตลอดเลย กลายเป็นเด็กที่ได้รับรางวัลจากสมเด็จพระเทพฯ แล้วก็ชอบเสพงานศิลปะ ชอบเซฟ ชอบดู ชอบไปซื้อหนังสือเกี่ยวกับกราฟฟิกมา ก็เลยเอาอันนี้แหละ แล้วก็ย้ายไปห้องศิลปะ”

    ด้วยความชอบศิลปะ จากวัฒนาวิทยาลัยแพตเลือกสอบตรงเข้าคณะมัณฑนศิลป์ สาขาวิชาออกแบบนิเทศศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร “เลือกศิลปากรที่เดียวเลย คณะมัณฑนศิลป์ สาขาวิชาออกแบบนิเทศศิลป์ ที่เดียวเลย มัดมือชก คนเคยถามว่าถ้าไม่ติดทำยังไง หนูก็ไม่รู้จริงๆ (หัวเราะ)”

     ครอบครัวแพตทำธุรกิจ แน่นอนว่าครอบครัวนักธุรกิจย่อมไม่เข้าใจที่ลูกสาวสุดที่รักจะเรียนศิลปะ “ญาติพี่น้องหนูสิบห้าคนเป็นวิศวกร หมอ อะไรแบบนี้หมดเลย หนูเป็นคนเดียวเลยใน generation เดียวกันที่เรียนศิลปะ โชคดีที่ป่าป๊าเรา open มาก เขาโอเค เขาเข้าใจว่าสิ่งที่เราเรียนคือะไร จบไปแล้วไปทำอะไร แต่แม่นี่ไม่เข้าใจเลย แม่นี่เครียดถึงขนาดแบบ... เห็นคนวาดรูปอยู่ข้างทางแล้วรู้สึกว่า จบไปลูกเราจะต้องทำแบบนั้นรึเปล่า(หัวเราะ)”

ก้าวเท้าเข้าวงการบันเทิง

สุดท้ายแพตก็ก้าวเข้ารั้วศิลปากรมาได้สำเร็จ

     แต่ศิลปากรไม่ได้ให้แค่การศึกษาศิลปะที่เคี่ยวกรำ แต่ยังเปิดประตูอีกบานหนึ่งให้กับสาวน้อยหน้าเก๋ นั่นคือประตูวงการบันเทิง

     “รุ่นพี่ที่ศิลปากรเขาทำงานในวงการบันเทิงเยอะมาก เป็นเบื้องหลัง เป็นช่างกล้อง เป็นครีเอทีฟ เป็นแคสติ้ง แล้ววันนึงพี่รหัสหนูซึ่งเป็นแคสติ้งนี่เอง เขามาบอกให้เราช่วย [ไปแคสติ้ง] หน่อย คือเข้าใจความเป็นกิจการครอบครัวไหมคะ (หัวเราะ) เราก็ไม่ซีเรียส ว่างอยู่ก็ไป ไปขำๆ แต่ก็จะได้ประจำ เริ่มจากงานโฆษณาก่อน”

     แพตเริ่มถ่ายงานโฆษณาชิ้นแรก [คอนโดแห่งหนึ่ง] กับโปรดักชั่นเฮาส์ชั้นนำของไทย Phenomena ก่อนจะต่อยอดคอนเน็กชั่นไปเรื่อยๆ จากโฆษณา เป็นมิวสิกวิดีโอ เป็นแฟชั่น จนมาถึงงานแสดง ...ที่เรื่องแรกก็ได้โกอินเตอร์เลย

Sereechai Puttes/Time Out Bangkok

ระยะทางของโอกาส

“หนูเคยเล่น MV กับพี่ทีมที่ทำ Distance แล้ววันนึงเขาก็ถามว่า พูดจีนได้ปะ?หนูก็ตอบว่า ได้ เขาตกใจ แต่ก็เอาไอโฟนตั้งถ่ายแคสตรงนั้นเลย (หัวเราะ)” แพตเล่าย้อนประสบการณ์การแคสติ้งภาพยนตร์เรื่องแรกโดยบังเอิญ “หลังจากนั้นก็มีการเรียกไปถ่ายจริงจังอีกครั้งที่ออฟฟิศ ทราบว่า ทางที่จีนเขาก็พอใจอยากให้เราเล่น เราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพระเอกคือใคร”

"วันนึงเขาก็ถามว่า ‘พูดจีนได้ปะ?’ หนูก็ตอบว่า ‘ได้’ เขาตกใจ แต่ก็เอาไอโฟนตั้งถ่ายแคสตรงนั้นเลย"

     

     พระเอกที่ตอนแรกแพตไม่รู้จักว่าคือใครจริงๆ แล้วคือ เฉินป๋อหลิน พระเอกระดับซุปเปอร์สตาร์ของไต้หวัน “Who is he หนูไม่รู้ด้วยซ้ำ หนูไม่รู้จักเลย เพราะหนูเป็นคนไม่ดูหนัง ไม่ดูทีวีอะไรเลย” แพตขำตัวเอง “พอได้เจอวันแรกก็ตกใจ คือเขาพูดว่าเป็นซุเปอร์สตาร์ หนูก็ไปเสิร์ช (หัวเราะ) แต่พอเจอวันแรกหนูตกใจ เขา professional มากๆ nice มากๆ เขาไม่ทำให้เรารู้สึกว่าเขาซุปเปอร์สตาร์เลย เขาสามารถนั่งกินข้าวคลุกกะปิในกล่องกับพื้นได้โดยที่ไม่พูดอะไรเลย ไม่เยอะ ง่ายๆ ชิลมาก แล้วเขายังสอนหนูด้วย เช่น หนูเป็นคนพูดภาษาจีนแบบไต้หวัน แต่ความต้องการของผู้กำกับคือ accent แบบปักกิ่ง ซึ่งลิ้นจะต้องอีกแบบนึง แล้วหนูทำอยู่ 20 กว่าเทค (หัวเราะ) ป๋อหลินซึ่งเป็นคนไต้หวันก็ต้องปรับเหมือนหนู โดนเคสเดียวกัน เขาก็พยายามช่วยเราแบบ ยูใจเย็นๆ นะ เราจะไปด้วยกัน ค่อยๆ ช่วยกัน คอยเรียกสติเราตลอด”

     แน่นอนว่างานแสดงครั้งแรกกับทีมงานต่างประเทศสอนหลายอย่างให้กับนักแสดงสาว “หนูเรียนรู้ว่าอย่าล่ก เพราะว่าเราไม่ได้ทำงานคนเดียว ถ้าเราล่กคือพังหมดเลย ทุกคนต้องรอให้เรามีสติ แล้วคนทำงานในกองมีห้าคนเหรอ เปล่า มียี่สิบคน สามสิบคน เราจะให้ทุกคนมารอเรามีสติไม่ได้ หนูเรียนรู้ว่าอย่าเป็นภาระคนอื่น (หัวเราะ)

     Distance ออกฉายครั้งแรกในปี พ.ศ. 2558 และเคยฉายที่เมืองไทยอยู่ช่วงสั้นๆ ช่วงหนึ่ง ซึ่งแน่นอนว่าด้วยการเป็นหนังอาร์ตบวกกับการโปรโมทน้อยทำให้มีผู้ชมได้ดูแค่ในวงแคบๆ แต่แพตบอกกับเราว่าเธอไม่ได้เสียใจที่ผลงานชิ้นแรกของเธอมีคนไทยได้เห็นแค่เพียงหยิบมือ “หนูรู้อยู่แล้วว่าขอบเขตของการดูงานศิลปะของคนไทยมีอยู่แค่ไหน แล้วมันก็เข้าใจได้ว่าต่อให้มาฉายจริงๆ คนไทยก็ไม่เข้าใจ คืออาจจะมีคนเข้าใจแต่มันเป็นงานที่กินยาก ไม่ได้คายออกมาแล้วกลืนได้เลย แต่ว่าเป็นงานอันแรกที่เราชอบมาก”

สาวน้อยเลือดจีน

แพตพูดภาษาจีนได้คล่องไม่แพ้ไทยและอังกฤษ และเราเชื่อว่านี่เป็นหนึ่งในหลายเรื่องที่คนไม่รู้เกี่ยวกับนักแสดงสาวคนนี้

     “ที่บ้านเป็นคนจีนค่ะ จีนแบบแมนดารินเลย อากงอาม่าหนูพูดจีนกันหมด พูดไทยยังไม่ชัดเลย แล้วที่บ้านก็จะส่งไปเรียน หลานทุกคนต้องเรียนหมดเลย (หัวเราะ) ก็เหมือนโดนบังคับให้ไปเรียนด้วยกันสาวหมายอินเตอร์เล่าถึงสาเหตุที่เธอพูดจีนได้ “จริงๆ ไม่ได้พูดตั้งแต่เด็ก แต่หนูอยู่ในสังคมที่เป็นแบบนั้นตลอดเวลา แล้วตั้งแต่ ป.6 เริ่มไปซัมเมอร์ที่เมืองจีน ก็ไปทุกปี ไปปักกิ่งกับไต้หวัน ซึ่งไม่เหมือนกันเลย ตอนแรกไปปักกิ่งตอน ป.6-.1 แล้วก็เปลี่ยนไปไต้หวันช่วง ม.2-.4

     แล้วแพตชอบที่ไหนมากกว่ากันระหว่างปักกิ่งกับไต้หวัน? “หนูชอบไต้หวันมากกว่า ไลฟ์สไตล์ไต้หวันดีกว่า คนก็ดีกว่า ภาษาอาจจะยาก หนูอาจจะต้องตั้งใจเรียนมากขึ้น ก็โอเคมันก็เป็นพาร์ทที่ต้องทำไป แต่ว่าเราไม่ได้เรียน 24 ชั่วโมง (หัวเราะ) หนูก็เลยรู้สึกคุ้ม”

วันนี้ของแพต

หลังจาก Distance แพตก็กลับไปใช้ชีวิตนักศึกษาปกติ ซึ่งแพตบอกว่าเรียนหนักและงานหนักจนแทบไม่ได้สนใจเรื่องอื่น จนกระทั่งได้มีโอกาสมาแคสติ้งกับค่ายนาดาว ค่ายดังที่มีนักแสดงวัยรุ่นอยู่มากมาย ประตูของวงการบันเทิงของแพตเลยเปิดขึ้นอีกครั้งหนึ่ง

     แพตมีงานแสดงกับนาดาวอยู่หลายเรื่อง เช่น I See You ที่ได้ร่วมงานกับ ต่อ-ธนภพ และเป้-อารักษ์ Project S The Series ตอน SOS Skate ซึม ซ่าส์ ที่ร่วมงานกับเจมส์-ธีรดนย์ และ โทนี่ รากแก่น หนังสั้น BBetter ที่เล่นกับเจเจ-กฤษณภูมิ และ Love Song Love Series ตอนเรื่องที่ขอ ที่เธอเล่นกับ โอบ-โอบนิธิ และเรื่องหลังนี้เองที่เรื่องความรักระหว่างเพื่อนสนิทดูจะโดนใจหลายคนจนต้องกลับมาสร้างภาคสองในปีนี้ ทำให้โอบ-แพต ได้โคจรกลับมาเจอกันอีกครั้ง   

     คือเป็นพล็อตละครวัยรุ่นแหละค่ะ เป็น วัยรุ่นเด็กมหาลัยที่กุ๊กกิ๊กซึ่งเป็นเพื่อนกันแอบชอบกันแต่ไม่บอกกัน แล้วก็ได้เป็นแฟนกัน แต่ตอนจบก็บอกเลิกกัน สุดท้ายกระแสดีมาก (เน้นเสียง) เปรี้ยงปร้างในทวิตเตอร์ ทุกคนชอบมากร้องห่มร้องไห้ดราม่า เป็นเหตุให้มีซีซั่นสองในปีนี้”

     นอกจากจะมีผลงานซีรีส์กลับสู่จอแก้วในปีนี้ แพตยังก้าวจากซีรีส์วัยรุ่น ไปปะทะฝีมือกับนักแสดงรุ่นใหญ่เป็นครั้งแรก กับละครไร้สเน่หา ในบทลูกสาวของ ปิ่น-เก็จมณี วรรธนสิน ที่ต้องรับมือกับป้าแท้ๆ ที่มีปัญหาทางจิต ซึ่งแสดงโดยนักแสดงคุณภาพ ป๊อก-ปิยธิดา วรมุสิก

     “ไร้เสน่หา เป็นละครรีเมค เคยทำมาแล้วเมื่อนานมาก แบบนานมากแบบ... คือตอนนั้นหนูยังไม่รู้จักคำว่าทีวี (หัวเราะ) เรื่องนี้บทโหดกว่า ตรงข้ามกับตัวเองโดยสิ้นเชิง เป็นแบบเรียบร้อยมากกกก (ลากเสียง) สมมติคนด่าก็หลบหน้าหลบตา ขอโทษค่ะ’ ‘ไม่ได้ตั้งใจ ซึ่งถ้าเป็นชีวิตจริงหนูคว่ำโต๊ะไปแล้ว (หัวเราะ) คาแรคเตอร์เรียบร้อยมาก สู้เพื่อความยุติธรรมและความถูกต้องมากๆ เป็นลูกคุณหนูมากๆ แต่ขัดกันตรงที่แม่จะสอนว่าให้ใช้ความสวยเป็นประโยชน์ เราก็จะแบบ ไม่ได้สิคะคุณแม่ เราทำแบบนั้นไม่ได้ ในเรื่องก็จะเป็นแบบนั้นตลอดเวลา เราก็จะไม่โอเคกับแม่เลยที่แม่ทำแบบนี้ ซึ่งถ้าในบทประพันธ์เดิม พี่ป๊อกกับพี่ปิ่นเป็นพี่น้องแท้ๆ แล้วก็ประมาณว่า ผู้ชายที่ป้าชอบ จริงๆ แล้วเขาเข้ามาในบ้านเราเพราะว่าเขาตั้งใจจะมาจีบแม่เรา สุดท้ายแล้วป้าก็คิดไปเองว่าเราชอบกันเพราะเขาก็ดีกับป้า คือเป็นผู้ชายคนเดียวที่เป็น puppy love ของป้า แต่สุดท้ายเขาก็มาแต่งงานกับแม่เรา ป้าเลยเกลียดเรากับแม่เรามาก ก็ทำให้เกิดเรื่องราวต่อมาหลังจากนั้นอีกสิบยี่สิบปี แล้วป้าก็เป็นแบบโรคจิตนิดนึง สู้มาก เหมือนหนังบู๊ หนูงงมาก แบบเทข้าว จานฟาด (หัวเราะ)”

     ถึงจะดูว่าเป็นงานแสดงที่ต้องใช้พลังงานเยอะกว่าการแสดงซีรีส์วัยรุ่นมาก แต่สาวแพตชอบ เพราะได้ร่วมงานกับนักแสดงรุ่นใหญ่ที่เธอเคยชื่นชมผลงานของพวกเขามาก่อน

Sereechai Puttes/Time Out Bangkok

วันหน้าของชญานิษฐ์

ถึงจะผ่านงานแสดงมาเป็นเวลาหลายปี มีงานต่อเนื่อง และได้รับคำชมจากหลายสำนัก แต่แพตก็ยังไม่ได้รู้สึกว่าการแสดงคือคำตอบของชีวิตในวันข้างหน้า

     “การแสดงไม่ใช่คำตอบของชีวิต” แพตตอบคำถามเราแบบที่เรียกว่าไม่ต้องทิ้งเวลาคิด “หนูงงเหมือนกันว่า [งานแสดง] เข้ามาได้ยังไง แต่หนูชอบทำนะ คิดว่าทำต่อไปได้เรื่อยๆ ถ้ามีอะไรน่าสนใจ แต่ว่าจะไม่หยุดแค่ที่นี่ที่เดียว จะไม่หยุดแค่ทำการแสดงหรืออยู่ในวงการอย่างเดียว หนูคิดไว้แล้วว่าจะต้องทำอย่างอื่น จะต้องกลับไปทำสิ่งที่ตัวเองชอบมากจริงๆ คือหนูก็ชอบการแสดง แต่คิดมาตลอดว่าคนเราไม่จำเป็นต้องทำอย่างเดียว ทำอย่างเดียวเบื่อตายเลย เดี๋ยวก็ตายแล้ว ทำหลายๆ อย่างสิดี คิดอย่างนี้เลยชอบมี activity (หัวเราะ) ชอบทำตัวเป็นคนไม่ว่าง”

"หนูก็ชอบการแสดง แต่คิดมาตลอดว่าคนเราไม่จำเป็นต้องทำอย่างเดียว"

     สิ่งที่แพตบอกว่า ‘ชอบมากจริงๆก็คือศาสตร์ communications design ที่เธอเพิ่งจะสำเร็จการศึกษามาหมาด “อยากมากๆ อยากไปสมัครงานด้วยซ้ำ อยากทำรีแบรนดิ้ง กราฟฟิกดีไซน์ อยากเรียนมาร์เก็ตติ้ง กราฟฟิก และจิตวิทยาเพิ่มเติมอีก เป็นเวย์นั้นไปเลย หรือไม่ก็เป็นอาจจะเป็น psychologist ด้วย ตอนนี้หนูกำลังอ่านหนังสือเกี่ยวกับ psychology  เพื่อจะไปเรียนปริญญาโท (หัวเราะ) อยากเรียนที่จุฬาฯ ไม่อยากไปเมืองนอก เพราะคิดถึงบ้าน (หัวเราะ) หนูเป็นคนติดบ้าน”

Sereechai Puttes/Time Out Bangkok

     ไม่ใช่นักแสดงทุกคนจะพูดได้หลายภาษาอย่างแพต แต่เธอเองไม่เคยคิดว่าจะพาตัวเองไป explore ที่ดินแดนอื่น “คือมันเป็นเรื่องที่เราคอนโทรลไม่ได้ หนูมองอย่างนี้ มันเป็นเรื่องของโอกาสที่จะเข้ามาแล้วเราตอบไม่ได้ว่าพรุ่งนี้โอกาสอะไรจะเข้ามา เราไม่รู้อนาคต แล้วหนูรู้สึกว่าอะไรที่เราคอนโทรลและดีเฟนด์ตัวเองไม่ได้ เป็นเรื่องที่ไม่โอเค หนูรู้สึกว่า direction มันบางเกินไปที่เราจะไปจับมัน มันไม่แน่นอน ถ้ามันคุ้มที่จะเสี่ยงก็อาจจะทำ แต่หนูมองว่ามันไม่ได้คุ้มสำหรับเราขนาดนั้น ไปแล้วมันตอบโจทย์เราไหม ...ก็ไม่ขนาดนั้นเพราะว่ามันไม่ได้เป็น direction ที่เราต้องการมากขนาดนั้น”

"หนูรู้สึกว่าอะไรที่เราคอนโทรลและดีเฟนด์ตัวเองไม่ได้ เป็นเรื่องที่ไม่โอเค หนูรู้สึกว่า direction มันบางเกินไปที่เราจะไปจับมัน มันไม่แน่นอน ถ้ามันคุ้มที่จะเสี่ยงก็อาจจะทำ แต่หนูมองว่ามันไม่ได้คุ้มสำหรับเราขนาดนั้น" 

ภาพยนตร์เรื่องล่าสุดที่แพตแสดงนำ Someone from Nowhere ภาพยนตร์เรื่องที่สองของปราปดา หยุ่น กำลังจะเข้าสฉายที่ Bangkok Screening Room ระหว่างวันที่ 23 สิงหาคม ถึง 15 กันยายนนี้ และติดตามแพตได้ที่ www.instagram.com/chayanitpat

เรื่องเด่น
    เรื่องน่าสนใจอื่นๆ ที่คุณน่าจะชอบ
      การโฆษณา