ข่าว

Alien: Earth ซีรีส์เรื่องแรกจากแฟรนไชส์เอเลี่ยน กับโลเคชันที่ถ่ายทำในไทยทั้งเรื่อง

ในดินแดนแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทุกคนจะได้ยินเสียงกรีดร้องของคุณ…

Yokploy Chandrabha
เขียนโดย
Yokploy Chandrabha
Staff writer, Time Out Thailand
Alien: Earth
Photograph: Bunticha P. - TimeOut Thailand
การโฆษณา

ย้อนกลับไปเมื่อปี 2522 แฟรนไชส์ Alien ของผู้กำกับ Ridley Scott ได้เปิดประตูพาทุกคนเข้าสู่ห้วงอวกาศอันเวิ้งว้าง และเริ่มต้นตำนานการถูกไล่ล่าโดยสิ่งมีชีวิตนอกโลกที่น่าสะพรึงกลัว ภาพจำที่ติดตาแฟนหนังจนถึงวันนี้ คงหนีไม่พ้นฉากสุดไอคอนิกใน Alien ภาคแรก ที่ตัวเอเลี่ยนค่อยๆ ทะลักออกจากร่างเหยื่ออย่างไม่ทันตั้งตัว ก่อนจะพุ่งกระโจนใส่ผู้คนตรงหน้า ตลอดเวลากว่า 40 ปีที่ผ่านมา แฟรนไชส์ Alien ได้สานต่อเรื่องราวมาแล้วถึง 7 ภาค แต่เหล่าซีโนมอร์ฟปรสิตจากต่างดาวยังไม่เคยหายไปไหน และคราวนี้พวกมันกลับมาในรูปแบบใหม่ที่จะนำพาฝันร้ายคลืบคลานเข้ามาใกล้โลกของเรามากกว่าที่เคย

Alien: Earth เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นก่อนเหตุการณ์ในหนังภาคแรกถึง 2 ปี และนี่ถือเป็นหมุดหมายสำคัญของแฟรนไชส์ Alien เพราะนี่คือครั้งแรกที่ตำนานเอเลี่ยนถูกเล่าผ่านซีรีส์ และยังเป็นครั้งแรกที่เส้นเรื่องหลักเกิดขึ้น บนโลกของเราเอง

ซีรีส์เอเลี่ยนภาคนี้อำนวยการผลิตโดยช่อง FX โดยผู้กำกับฝีมีดี Noah Hawley (Fargo, Legion) ที่มาพร้อมการนำเสนอและตีความตำนานเอเลี่ยนในรูปแบบใหม่ เพราะในครั้งนี้เจ้าซีโนมอร์ฟไม่ได้คืบคลานขึ้นไปแค่ในยานอวกาศ แต่มันดันล็อกเป้าพุ่งตรงเข้ามาที่โลกของเราเข้าอย่างจัง

หากใครที่กำลังสงสัยว่าโลกอนาคต ในปี ค.ศ. 2120 ของ Alien: Earth ถ่ายทำที่ไหน? ต้องบอกเลยว่าแปลกดีเหมือนกันที่โลเคชันของซีรีส์ไซไฟ-สยองขวัญเรื่องนี้ ดันเป็นที่เดียวกับโลเคชันของซีรีส์ The White Lotus ซีซันล่าสุดที่ถ่ายทำที่ไทยนี้เอง

Alien: Earth
Photograph: FX

ถ่ายทำในประเทศไทยทั้งเรื่อง

การถ่ายทำ Alien: Earth เกิดขึ้นทั้งหมดในประเทศไทย โดยใช้สตูดิโอมากถึง 13 แห่ง ไปจนถึงตึกดีไซน์ล้ำสมัยในกรุงเทพฯ และทิวทัศน์ธรรมชาติอันงดงามของภูเก็ตและกระบี่

สำนักงานส่งเสริมการถ่ายทำภาพยนตร์แห่งประเทศไทยเปิดเผยว่า นี่คือการลงทุนสูงสุดในประวัติศาสตร์การถ่ายทำภาพยนตร์ต่างชาติในไทย ด้วยงบกว่า 2.8 พันล้านบาท (หรือประมาณ 85.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ)

การถ่ายทำซีรีส์เรื่องนี้ใช้เวลาร่วม 123 วัน ครอบคลุมหลายพื้นที่ ได้แก่ กรุงเทพฯ สมุทรปราการ สุราษฎร์ธานี กระบี่ และพังงา แม้จะติดข้อจำกัดจากการประท้วงของสมาคมนักเขียนบทในสหรัฐฯ ที่ห้ามทำงานกับนักแสดงอเมริกัน แต่ทีมงานก็ยังดำเนินการถ่ายทำกับนักแสดงอังกฤษ และทีมงานชาวไทยกว่า 1,600 คนต่อไป

Alien: Earth
Photograph: FXTimothy Olyphant as Kirsh

Tunyod Kulviroj ผู้จัดการโลเคชันชาวไทยเปิดเผยว่า ‘ตลอดระยะเวลา 123 วัน ประเทศไทยได้มอบฉากหลังที่เป็นเอกลักษณ์น่าทึ่ง และทำให้ซีรีส์ดูมีชีวิตจริงขึ้นมา’ นอกจากนี้ ความหลากหลายของโลเชคชันยังช่วยสร้างโทนภาพของโลกแห่งอนาคตที่ทั้งแปลกตาและไม่เหมือนใครอีกด้วย

เขาเสริมอีกว่า ผู้กำกับ Noah Hawley ได้ดึงเอาคอนเซปต์ Neo-Thailand มาใช้กับตัวซีรีส์ ตั้งแต่ฉากล่องเรือในคลองกรุงเทพฯ ไปจนถึงป่าลึกและชายหาดอันกว้างใหญ่

นอกจากนี้สภาพอากาศเขตร้อนและฤดูกาลในไทยยังช่วยเพิ่มมิติให้ซีรีส์มากขึ้น ทั้งความชื้นของฤดูมรสุมที่ทำให้เมืองล้ำยุคดูสมจริง ในขณะที่ท้องฟ้าโปร่งในฤดูแล้ง ก็ช่วยขับความเขียวขจีของป่าออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม

Bangkok
Photograph: ShutterstockBangkok features prominently in ‘Alien: Earth’

กรุงเทพมหานคร

เมื่อพูดถึงการพา Alien: Earth ลงมาสู่โลกอนาคต โลเคชันที่ถูกเลือกให้เป็นฉากสำคัญก็คือ กรุงเทพมหานคร เมืองที่ผสมผสานทั้งเสน่ห์ของตึกสูงระยิบระยับรวมทั้งแสงไฟนีออนเข้าด้วยกัน

Kulviroj กล่าวว่า ‘กรุงเทพฯ ให้ความรู้สึกเหมือนเมืองที่หลุดออกมาจากอนาคตจริงๆ ความตัดกันระหว่างอาคารเก่าอันทรุดโทรม พื้นถนนที่เปียกฝน ร้านอาหารริมทางที่คึกคัก กับฉากหลังของตึกโมเดิร์นสุดล้ำ ช่วยสร้างบรรยากาศไซไฟในแบบที่เราแทบไม่ต้องแต่งเติมอะไรเลย’

และจุดเริ่มต้นของความวุ่นวายทั้งหมดใน Alien: Earth ก็คือการตกลงมาของยานอวกาศ Maginot ที่นำพาแขกไม่ได้รับเชิญจากนอกโลกมาสู่ใจกลางเมือง และเบื้องหลังการถ่ายทำฉากนี้ต้องบอกเลยว่าโหดใช่เล่น

Kulviroj เผยว่า ทีมงานเลือกใช้ ตลาดนัดนีออน เป็นโลเคชันสำหรับฉากที่ตัวยานตกลงมาภายนอกอาคาร ซึ่งจริงๆ แล้วมันคือลานจอดรถยักษ์ที่ห้อมล้อมไปด้วยตึกสูงเสียดฟ้า นั่นหมายความว่าเหล่าทีมงานต้องเตรียมพร้อมกับการจัดการทั้งเอฟเฟกต์ระเบิดขนาดใหญ่ ในขณะเดียวกันยังต้องจัดการกับฝูงชนและเหล่าเอ็กซ์ตร้าจำนวนมากอีกด้วย 

ไม่เพียงเท่านั้น จุดที่เหล่าเอเลี่ยนตกลงมาภายในอาคารก็ท้าทายไม่แพ้กัน เนื่องจากพวกเขาเลือกใช้โลเคชันห้างสรรพสินค้าร้างสูงห้าชั้น และมีความยากลำบากอยู่ที่การต้องเริ่มสูบน้ำออกจากชั้นใต้ดินทั้งหมด ก่อนจะสร้างหลังคาจำลองขึ้นมาใหม่

Nam Mao beach in Krab
Photograph: ShutterstockAo Nam Mao beach in Krabi, Thailand

อ่าวน้ำ, กระบี่

ถ้าใครได้ลองกดเสิร์ชคำว่ากระบี่ในกูเกิลสักครั้ง จะเข้าใจทันทีว่าทำไมที่นี่ถึงกลายเป็นโลเคชันสุดฮอตของทั้งหนังฮอลลีวูดและซีรีส์ต่างๆ ตั้งแต่น้ำทะเลสีฟ้าใสสะอาด รากโกงกางที่บิดคดไปมาอย่างมีเสน่ห์ ไปจนถึงวิวกว้างๆ ที่สวยราวกับภาพวอลเปเปอร์ในคอมพิวเตอร์วินโดวส์ 

และใน Alien: Earth หาดอ่าวน้ำก็ไม่ใช่แค่ฉากสวยๆ ธรรมดา แต่ยังถูกยกให้เป็นหนึ่งในโลเคชันสำคัญของเรื่องที่ช่วยเติมเต็มความอลังการของโลกอนาคตขึ้นไปอีกขั้น

Kulviroj กล่าวว่า ‘ตั้งแต่ชายหาดขาวสะอาด หน้าผาหินปูนสูงตระหง่าน ไปจนถึงป่าดงดิบ ภูเขา และถ้ำ ทุกโลเคชันได้มอบฉากหลังอันทรงพลังและหลากหลายให้กับเรื่องราวของเรา’

Studio ParkStudio
Photograph: Studio ParkStudio Park hosts the biggest soundstage in Thailand

Studio Park, สมุทรปราการ

เดินทางจากกรุงเทพฯ เพียงแค่ 25 กิโลเมตรเท่านั้นก็จะเจอกับ Studio Park พื้นที่ขนาดมหึมากว่า 85 เอเคอร์ และนี่คือสถานที่กำเนิดฉากในร่มสุดอลังการ รวมถึงซีนที่พวกซีโนมอร์ฟคลานเพ่นพ่านไปมาในเรื่อง โดยสตูดิโอแห่งนี้ถูกแบ่งออกเป็น 5 คอมเพล็กซ์ใหญ่ๆ แต่ละแห่งมี soundstage ถึง 5 แห่ง ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อรองรับการถ่ายทำในรูปแบบที่ต่างออกไปตามจุดประสงค์ของการใช้งาน ด้วยความครบเครื่องขนาดนี้จึงไม่แปลกเลยที่ Studio Park จะถูกวางตัวให้กลายเป็นแม่เหล็กที่ดึงดูดโปรดักชันยักษ์จากฮอลลีวูด ให้บินข้ามน้ำข้ามทะเลมาปักหลักถ่ายทำในประเทศไทยมากขึ้น

Alien: Earth
Photograph: FX

สุราษฎร์ธานี

พื้นที่ที่ได้รับฉายาว่าเป็น ‘เมืองร้อยเกาะ’ ตรงตัวตามชื่อเลย เนื่องจากสุราษฎร์ธานี เต็มไปด้วยเกาะน้อยใหญ่ที่สวยงามไม่แพ้ใคร โดยมีไฮไลต์เด็ดอยู่ที่หน้าผาหินปูน และชายหาดที่สวยงามละม้ายคล้ายกับกระบี่ แถมยังมีแนวปะการังสีสันสดใสให้ชมแบบจัดเต็ม นอกจากนี้ พื้นที่แห่งนี่ยังเป็นที่ตั้งของอุทยานแห่งชาติเขาสก ป่าดงดิบอันอุดมสมบูรณ์ที่ซ่อนโขดหินรูปร่างแปลกตาเอาไว้มากมาย จนบางครั้งก็ดูเหมือนหลุดมาจากโลกไซไฟแบบแพนดอราในภาพยนตร์ Avatar ของ James Cameron เลยทีเดียว 

Phang Nga Bay
Photograph: ShutterstockThailand’s Phang Nga Bay

พังงา 

ถ้าพูดถึงจังหวัดพังงา เมืองชายฝั่งทางภาคใต้ของไทย หลายคนคงนึกถึงภาพ โขดหินปูนสูงเสียดฟ้าที่ตั้งตระหง่านตัดกับน้ำทะเลสีครามสดใส แต่ท่ามกลางเกาะน้อยใหญ่ทั้งหลาย มีอยู่เกาะหนึ่งที่เรียกได้ว่าเป็น ‘ซุปตาร์ฮอลลีวูด’ ของแท้ นั่นคือ ‘เกาะตาปู’ ที่ตั้งของโขดหินปูนรูปทรงแปลกตาสูงราว 20 เมตรแห่งนี้ เคยกลายเป็นฉากไฮไลต์ในภาพยนตร์สายลับระดับตำนานอย่าง James Bond: The Man with the Golden Gun และหลังจากนั้นเกาะพิงกัน ซึ่งเป็นที่ตั้งของโขดหินดังกล่าว ก็ได้รับฉายาว่า เกาะเจมส์ บอนด์ ไปโดยปริยาย จนได้กลายมาเป็นจุดหมายปลายทางยอดฮิตทั้งของนักท่องเที่ยวและกองถ่ายจากทั่วโลก 

Alien: Earth
Photograph: FXSamuel Blenkin as Boy Kavalier

ทีมนักแสดงในซีรีส์ Alien: Earth

เช่นเดียวกับภาพยนตร์ตระกูล Alien ที่ผ่านมา ซีรีส์เรื่องนี้ไม่ได้มีแค่มนุษย์อวกาศเท่านั้น แต่มันยังเต็มไปด้วยไซบอร์กและเหล่าหุ่นสังเคราะห์ โดยมี Sydney Chandler รับบทเป็น Wendy ไฮบริดคนแรกของแฟรนไชส์ มนุษย์ผู้ถูกถ่ายโอนความทรงจำเข้าสู่ร่างสังเคราะห์ 

เปิดประเด็นใหม่ที่ทั้งน่าตื่นเต้นและน่าสะพรึงไปพร้อมกัน สมทบด้วยทีมนักแสดงมากฝีมือ อาทิ Timothy Olyphant จาก Justified และ Deadwood, Alex Lawther จาก The End of the F***ing World*, Essie Davis จาก The Babadook, Samuel Blenkin จาก Harry Potter and The Cursed Child, Babou Ceesay จาก Into the Badlands และนักแสดงบอลลีวูด Adarsh Gourav จาก The White Tiger และ Superboys of Malegaon ส่วนบทบาท เอเลี่ยนที่แฟนๆ รอคอยนั้น ได้ตัว Cameron Brown นักแสดงและสตันท์แมนมือดี ที่จะมาสวมชุดคอสตูมซีโนมอร์ฟ และทำให้คนดูรู้สึกว่าฝันร้ายในห้วงอวกาศกำลังจะกลับมามีชีวิตจริงๆ อีกครั้ง

Alien: Earth
Photograph: FXBabou Ceesay as Morrow

สามารถรับชม Alien: Earth ได้ที่ไหน?

2 ตอนแรกของ Alien: Earth ได้ออกฉายแล้วบน FX และ Hulu ในสหรัฐฯ รวมถึง Disney+ Hotstar ทั่วโลก โดยตัวซีรีส์จะออนแอร์ทุกคืนวันอังคารในสหรัฐฯ และวันพุธสำหรับประเทศอื่นๆ

บทความล่าสุด
    การโฆษณา