[title]
กรุงเทพฯ เพิ่งสร้างเซอร์ไพรส์ครั้งใหม่แซงหน้าทั้งโลก เพราะ Marshall แบรนด์เครื่องเสียงออดิโอระดับตำนานจากอังกฤษผู้อยู่เบื้องหลังแอมป์สีดำทองอันเป็นเอกลักษณ์ เลือกประเทศไทย ไม่ใช่ลอนดอน ไม่ใช่นิวยอร์ก สำหรับการเปิดตัว Marshall Livehouse แห่งแรกของโลก กรุงเทพฯ จึงกลายเป็นจุดเริ่มต้นครั้งยิ่งใหญ่ของแบรนด์ในการก้าวเข้าสู่วัฒนธรรม และมันสะท้อนให้เห็นได้ชัดเจนว่าซีนดนตรีของกรุงเทพฯ กำลังจะเดินหน้าไปในทิศทางไหน
โดยสถานที่ตั้งของไลฟ์เฮ้าส์แห่งนี้ ตั้งตระหง่านอยู่ในย่านครีเอทีฟสำหรับคนยุคใหม่อย่างเจริญกรุง ตึกสูงสี่ชั้นแห่งนี้ไม่เพียงแต่ใช้เป็นสถานที่จัดคอนเสิร์ต แต่มันคือสนามเด็กเล่นทางดนตรี ห้องทดลองทางวัฒนธรรม และนี่อาจจะเป็นจุดเริ่มต้นของศิลปินดังหน้าใหม่ของไทยในอนาคตก็เป็นได้

ชั้นแรก เปิดบรรยากาศด้วยเวทีเล็กๆ แบบใกล้ชิด พื้นที่ที่คุณจะได้ใกล้ชิดและยืนห่างจากศิลปินเพียงแค่ไม่กี่ก้าว ในช่วงกลางวันสถานที่แห่งนี้จะทำหน้าที่เป็นคาเฟ่ ด้วยความร่วมมือกับ City Boy Coffee Stand แต่เมื่อตกกลางคืนก็จะแปลงโฉมเป็นบาร์สุดคึกคัก ที่เสิร์ฟทั้งค็อกเทลและคราฟต์เบียร์เพื่อเพิ่มเอเนจี้และเติมเต็มความสนุกให้กับโชว์ดนตรีสุดมันส์
บนชั้นสอง คือบาร์แผ่นเสียงที่เปิดทุกแนวตั้งแต่บทเพลงอมตะสุดคลาสสิกไปจนถึงเพลงใหม่ๆ ที่น่าสนใจ นอกจากนี้ยังมีโชว์รูม Marshall ที่เรียกได้ว่าเป็นสวรรค์ของคนรักอุปกรณ์ดนตรีอย่างแท้จริง

ต่อที่ชั้นสาม พื้นที่แห่งเสียงจังหวะดนตรีค่อยๆ ดังขึ้น เพราะที่นี่ไม่พื้นที่จัดแสดงดนตรี หรือคาเฟ่เท่ๆ เท่านั้น แต่ยังมีห้องซ้อมดนตรีถึงสองห้องที่จัดเต็มทั้งแอมป์เครื่องเสียงของ Marshall กลอง และอุปกรณ์ระดับมืออาชีพให้เหล่านักดนตรีไทยรุ่นใหม่ได้มีพื้นที่ในการซ้อม ร้อง เล่น หรือซ้อมมือกันก่อนที่จะแสดงจริงโดยไม่ต้องพึ่งงบประมาณมหาศาลเหมือนกับค่ายเพลงใหญ่

สูงสุดบนชั้นสี่คือจุดที่ทุกๆ ความสนุกมาบรรจบเข้าด้วยกัน เพราะนี่คือพื้นที่สำหรับจัดอีเวนต์ ที่สามารถปรับเปลี่ยนได้หลากหลายตามวัตถุประสงค์ของการใช้งาน ทั้งคอนเสิร์ต นิทรรศการศิลปะ ไปจนถึงงานคอมมูนิตี้ต่างๆ อันหลากหลาย
Marshall Livehouse จึงเป็นพื้นที่ที่บอกเล่าอนาคตของเมืองนี้ได้อย่างดี ในที่สุดวัยรุ่นกรุงเทพฯ ก็มีพื้นที่คุณภาพระดับโลกที่สามารถเข้าถึงได้ง่ายสำหรับการสร้างสรรค์ การซ้อม และการเพอร์ฟอร์ม โปรแกรมของที่นี่จึงโฟกัสไปที่การผลักดันศิลปินไทยรุ่นใหม่พร้อมด้วยศิลปินต่างชาติที่จะเข้ามาเสริมพลังให้คึกคักยิ่งขึ้น
แล้วทำไมต้องเป็นกรุงเทพฯ? ‘เมืองแห่งนี้เต็มไปด้วยเสียงดนตรีมาโดยตลอด หทัยชนก แพน อรรถบุรานนท์ หัวหน้าฝ่ายดนตรีและวัฒนธรรมของ Marshall Livehouse กล่าวว่า ‘กรุงเทพฯ คือศูนย์กลางของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แต่ที่ขาดไปคือพื้นที่ที่ผู้คนสามารถมาเจอกัน ทำงานร่วมกัน และแบ่งปันกันได้’ เมืองหลวงของเรามีบรรยากาศที่พร้อมมากอยู่แล้ว และ Marshall เพียงแค่ทำให้มันเกิดขึ้นจริงเท่านั้น แม้เศรษฐกิจไทยจะอยู่ในช่วงชะลอตัว แต่ Marshall กลับมองในมุมต่างออกไป สำหรับพวกเขาเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว และตั้งแต่ปี 2566 เป็นต้นมา ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกก็กลายเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดของ Marshall และวันนี้ กรุงเทพฯ ก็ได้ก้าวขึ้นมาเป็นศูนย์กลางในแผนที่นั้น ประเทศไทยของเราเต็มไปด้วยพลังงาน และที่สำคัญที่สุดคือผู้คนที่มีเสียงดนตรีในหัวใจ

การเปิดตัวครั้งนี้ที่เกิดจากความร่วมมือกับ Ash Asia ผู้จัดจำหน่ายที่อยู่คู่กันมายาวนาน และนี่ก็เปรียบเสมือนโน๊ตแรกของบทเพลงยาว โดย Marshall ยังคงส่งสัญญาณต่อว่าอาจมีโปรเจกต์ Livehouse เกิดขึ้นอีกหลายแห่งในหลายๆ ภูมิภาค โดยมีกรุงเทพฯ เป็นต้นแบบ ถ้าหากการเริ่มต้นครั้งนี้ไปได้สวย เมืองอื่นๆ คิวต่อไปอาจจะเป็นอีกหลายประเทศในเอเลียแน่นอน แต่ตอนนี้สิทธิ์และภาคภูมิใจยังคงเป็นของเรา Marshall Livehouse แห่งแรกของโลกมาเยือนที่กรุงเทพฯ แล้ว และมันกำลังขับเคลื่อนซาวด์แทร็กของคนรุ่นใหม่ให้ดังยิ่งขึ้นต่อไป