McQueen: สารคดีเลาะชีวิตสีหม่นที่ซ่อนอยู่ภายใต้ฝีเข็มกูตูร์ของ Alexander McQueen

เขียนโดย

วันเสาร์ 29 กันยายน 2018

Facebook Twitter Pinterest Email WhatsApp

การโฆษณา

เมษายน ค.ศ. 2018 — แปดปีหลังจากหนึ่งในนักออกแบบที่ได้ชื่อว่าอัฉริยะที่สุดในโลกแฟชั่นยุคใหม่ Lee Alexander McQueen ปลิดชีพตนเอง — McQueen ภาพยนตร์สารคดีที่กล่าวกันว่าสมบูรณ์ที่สุดเกี่ยวกับเขาเปิดตัวครั้งแรกที่ Tribeca Film Festival และได้รับคำชมล้นหลาม

ไม่ใช่เพราะ McQueen คือภาพยนตร์สร้างแรงบันดาลใจ เล่าเรื่องความสวยหรูของวงการแฟชั่น หรือชี้ให้เราเห็นถึงทักษะอันหาตัวจับยากของ Lee แต่เพียงอย่างเดียว แต่ McQueen คือสารคดีชีวิต ที่สองผู้กำกับ Ian Bonhôte และ Peter Ettedgui สอนเราว่าชีวิตไม่มีอะไรมาฟรีๆ โดยพาเราไปรู้จักกับชีวิตของดีไซเนอร์ชื่อดังชาวอังกฤษผ่านการสัมภาษณ์คนใกล้ชิด ไม่ว่าจะเป็นแม่ พี่สาว หลานชาย อดีตคนรัก เพื่อน และผู้ร่วมงาน บวกกับฟุตเทจสัมภาษณ์ของตัวเขาเองในช่วงเวลาต่างๆ ในชีวิต McQueen จึงไม่ใช่สารคดีที่เจ้าตัวพูดอยู่ฝ่ายเดียว หรือคนรอบข้างเล่าความรู้สึกโดยปราศจากตัวบุคคล แต่ทำให้เราเห็นเรื่องราว เหตุ และผลของวิธีคิดและการกระทำในทั้งสองด้าน ผ่านบทสนทนาโต้ตอบที่ไม่เคยเกิดขึ้นจริง

หนึ่งในคอลเลกชั่นที่ได้รับการกล่าวขวัญมากที่สุดคือ คอลเลกชั่นฤดูใบไม้ร่วง/ฤดูหนาว 1995 Highland Rape ที่นางแบบเดินออกมาในเสื้อผ้าขาดวิ่นเหมือนถูกทำร้ายทางเพศ และคอลเลกชั่นฤดูใบไม้ผลิ/ฤดูร้อน 2011 VOSS ที่ได้แรงบันดาลใจจากโรงพยาบาลบ้า

Lee Alexander McQueen เติบโตมาในครอบครัวที่มีพ่อซึ่งประกอบอาชีพคนขับแท็กซี่เป็นผู้นำครอบครัว แต่ทักษะด้านการตัดเย็บและออกแบบที่หาตัวจับยาก ความคิดสร้างสรรค์สุดบรรเจิด และความบากบั่นและพยายามพาเขาออกจากชานกรุงลอนดอน ไปสู่เด็กฝึกงานในดินแดนสูทเทเลอร์ระดับโลก Saville Row สู่การเป็นนักเรียนระดับตำนานวิทยาลัยแฟชั่นชื่อดัง Central Saint Martins สู่การริเริ่มห้องเสื้ออย่างล้มลุกคลุกคลาน สู่ตำแหน่งเบอร์หนึ่งของห้องเสื้อกูตูร์ชื่อดังของฝรั่งเศส Givenchy ในขณะที่อายุยังไม่ถึง 30 ปี และสู่การปลุกปั้นแบรนด์ Alexander McQueen จนเป็นหนึ่งในปรากฏการณ์แฟชั่นระดับโลก

แน่นอนว่าชีวิตของ Lee ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ Bonhôte และ Ettedgui ตัดต่อภาพและเรื่องราวอย่างชาญฉลาดให้เรารู้ — ถึงแม้เราจะไม่รู้จักว่า Lee Alexander McQueen คือใครเลยก็ตาม — ว่า Lee แลกความสำเร็จทั้งหมดนั้นแลกมาด้วยอะไรบ้าง ไม่ว่าจะเป็นตราบาปของการถูกสามีของพี่สาวล่วงละเมิดทางเพศในวัยเด็ก ความดำมืดห้วงลึกภายในจิตใจ การสูญเสียเพื่อนสนิท ความไม่มั่นคงในจิตใจ ยาเสพติด และปัญหาสุขภาพ ซึ่งทั้งหมดถูกจินตนาการและความสามารถของ Lee แปรเปลี่ยนออกมาเป็นคอลเลกชั่นทรงพลังตลอดทั้งช่วงชีวิตของเขา ไม่ว่าจะเป็นคอลเลกชั่นเรียนจบในปี ค.ศ. 1992 Jack The Ripper Stalks His Victims, คอลเลกชั่นฤดูใบไม้ร่วง/ฤดูหนาว 1995 Highland Rape ที่เขาได้แรงบันดาลใจจากเหตุการณ์อัปยศในประวัติศาสตร์สก็อตแลนด์, คอลเลกชั่นฤดูใบไม้ผลิ/ฤดูร้อน 2008 La Dame Bleue ที่อุทิศให้กับการเสียชีวิตของ Isabella Blow เพื่อนและเมนเทอร์คนสำคัญ, และคอลเลกชั่นคอลเลกชั่นฤดูใบไม้ผลิ/ฤดูร้อน 2010 Plato's Atlantis คอลเล็กชั่นสุดท้านที่ทำให้คนทั้งโลกอ้าปากค้างไปกับจินตนาการ

อันที่จริง สารคดีความยาว 111 นาทีเรื่องนี้ก็คืออีกเวอร์ชั่นหนึ่งของสารคดีชีวิตบุคคลที่ประสบความสำเร็จระดับโลกที่เลือกจะจบชีวิตก่อนเวลาอันควรซ้ำอีกรอบ ว่าท่ามกลางฉากหน้าของความสวยงาม คำชม ความโด่งดัง แสงไฟ และความหรูหรา อาจะมีความมืดดำที่เราไม่เคยรู้ซ่อนอยู่

หรือใครจะรู้ ว่ายิ่งของชุดกูตูร์ราคาหลายหมื่นของ Alexander McQueen เรียบกริบไร้ที่ติมากเท่าไร ก็อาจเป็นเพราะเขามีเรื่องดำมืดที่เขาอยากซ่อนให้พ้นจากคนทั่วไปให้มากที่สุดเท่านั้นก็เป็นได้

ภาพผลงานจากนิทรรศการ Alexander McQueen: Savage Beauty ที่พิพิธภัณฑ์ Victoria & Albert Museum ที่กรุงลอนดอน ระหว่างวันที่ 14 มีนาคม - 2 สิงหาคม ค.ศ. 2015