[title]
ร้านอาหารฝรั่งเศสส่วนใหญ่ในประเทศไทยมักเป็นร้านอาหารระดับ haute cuisine ที่มาพร้อมกับอาหารเลิศหรูหลายคอร์ส (ที่บางครั้งก็อ่านชื่อไม่ออก) บริการที่เยี่ยมยอด และราคาแพงตามระดับ แต่ที่ร้าน Brasserie Cordonnier ของ Soho Hospitality ผู้อยู่เบื้องหลังร้าน Charcoal และ Above Eleven เสิร์ฟอาหารฝรั่งเศสที่เรียบง่ายกว่าที่เราคุ้นเคยกัน การตกแต่งภายในร้านได้แรงบันดาลใจจากร้านบิสโทรต่างๆ ในมองมาร์ต ย่านสไตล์โบฮีเมียนในกรุงปารีส โดยมีทั้งการใช้ไม้สีเข้ม และโต๊ะตัวเล็กๆ โปสเตอร์วินเทจ รวมไปถึงภาพรองเท้าตกแต่งตามผนังต่างๆ (Cordonnier แปลว่าช่างทำรองเท้าในภาษาฝรั่งเศส)
แต่สิ่งที่ดึงดูดให้นักชิมมาที่นี่คือเมนูอาหารราครไม่แพง ฝีมือของเชฟ Clement Hernandez ซึ่งใส่ลูกเล่นลงไปในอาหารฝรั่งเศสแบบดั้งเดิม เช่นเมนู ratatouille (280 บาท) ที่จับคู่กับสลัดมะเขือเทศที่ใช้เนื้อสัมผัสหลายแบบ กับใบมิ้นต์และเมล็ดดอกทานตะวัน อีกจานคือเมนูหอยทาก (390 บาท) ปรุงรสด้วยกระเทียมและพาร์สลีย์ ในขณะที่เมนูเนื้อ beef bourguignon (520 บาท) ชิ้นโตเสิร์ฟกับแครอตเชื่อมและเบคอน ซึ่งเข้าได้ดีกับไวน์แดง (ราคาเริ่มค้นที่ 240 บาท/แก้ว) ที่นี่ยังมีของหวาน เช่น ตาร์แตงแอปเปิ้ล (220 บาท) ซึ่งเสิร์ฟแบบกลับด้านจนได้ออกมาเป็นชีสเค้กแอปเปิ้ลเชื่อมคาราเมลซึ่งเข้ากับไอศกรีมอบเชยแบบสุดๆ
ในส่วนของเครื่องดื่ม Brasserie Cordonnier ได้ Davide Sambo มาช่วยรังสรรค์เมนูเด็ดๆ เช่น Moulin Sour (390 บาท) ที่นำเอา New York Sour มาทำเสียใหม่ให้เป็นค็อกเทลเบสวิสกี้และพอร์ตไวน์ ซึ่งมีรสชาติอูมามิของทรัฟเฟิลและขิง อีกแก้วคือ Lumière (390 บาท) ซึ่งตั้งชื่อตามผู้กำกับชาวฝรั่งเศส Auguste Marie และ Louis Nicolas Lumière เป็นเครื่องดื่มจินเสิร์ฟในหลอดไฟ (คุณยังได้ภาพถ่ายโพราลอยด์แถมด้วย) และเมนูคลาสสิคอย่าง Sex on the Beach ที่แปลงโฉมเป็น Sole Rouge (380 บาท) ซึ่งมีทั้งวอดก้า, D.O.M Benedectine, Yellow Chartreuse น้ำส้ม และราสพ์เบอร์รี่ เสิร์ฟบนจานสีดำในแก้วทรงรองเท้าอีกด้วย