Le Normandie

  • Restaurants
  • เจริญกรุง
  • ราคา 4 จาก 4
  • 5 จาก 5 ดาว
  • แนะนำ
  1. Le Normandie
    GEORGE APOSTOLIDIS
  2. Le Normandie by Alain Roux
    Kenika Ruaytanapanich / Time Out Bangkok
  3. Le Normandie by Alain Roux
    Kenika Ruaytanapanich / Time Out Bangkok
  4. Le Normandie by Alain Roux
    Kenika Ruaytanapanich / Time Out Bangkok
  5. Le Normandie by Alain Roux
    Kenika Ruaytanapanich / Time Out Bangkok
  6. Le Normandie by Alain Roux
    Kenika Ruaytanapanich / Time Out Bangkok
  7. Le Normandie by Alain Roux
    Kenika Ruaytanapanich / Time Out Bangkok
  8. Le Normandie by Alain Roux
    Kenika Ruaytanapanich / Time Out Bangkok
  9. Le Normandie by Alain Roux
    Kenika Ruaytanapanich / Time Out Bangkok
  10. Le Normandie by Alain Roux
    Kenika Ruaytanapanich / Time Out Bangkok
การโฆษณา

Time Out พูดว่า

5 จาก 5 ดาว

ห้องอาหารเลอ นอร์มังดี บาย อลัง รูซ์ เปิดตัวพร้อมคอร์สเมนูแรกที่โชว์ความคลาสสิคของอาหารฝรั่งเศส

จะนับเป็นการเริ่มต้นตำนานบทใหม่ของ Le Normandie ห้องอาหารฝรั่งเศสแห่งแรกๆ ของประเทศไทยก็ได้ สำหรับการต้อนรับเชฟชื่อดัง อลัง รูซ์ (Alain Roux) จาก The Waterside Inn สหราชาณาจักร ร้านอาหารฝรั่งเศสที่ได้รับ 3 ดาวมิชลินมาต่อเนื่องยาวนานถึง 38 ปี ให้รับหน้าที่ดูแลและปรับทิศทางห้องอาหารฝรั่งเศสอายุกว่า 6 ทศวรรษแห่งนี้ใหม่ ผลลัพธ์คือกลิ่นอายความเป็นฝรั่งเศสที่คลาสสิคมากขึ้น ทว่าบรรยากาศที่หลายคนคุ้นเคยก็ยังไม่หายไป

การเปลี่ยนชื่อห้องอาหารเป็น Le Normandie by Alain Roux ด้วย ทำให้เห็นชัดว่าโอเรียนเต็ลไม่เพียงต้องการแค่หาเชฟใหม่ (มาแทน Arnaud Dunand Sauthier ที่ออกไปเปิดร้านของตัวเอง) แต่ตั้งใจปรับใหม่ทั้งสไตล์อาหารไปจนถึงการให้บริการ ซึ่งในบรรดาเชฟที่โรงแรมเคยเชิญมาทั้งหมดในช่วงเวลาหลายสิบปี สองพ่อลูกจาก “ตระกูลรูซ์” ก็มักสร้างความประทับใจให้นักชิมได้ทุกครั้ง และนี่ก็เป็นเหตุผลว่าทำไมโรงแรมถึงเลือกทีมเชฟอลัง รูซ์ มาเป็นผู้ดูแลและปรับโฉมห้องอาหารครั้งนี้

นอกจากนี้ เชฟอลังก็เล่าไว้อีกว่า การได้มาดูแลห้องอาหารเลอ นอร์มังดี เป็นความฝันของเขาและพ่อ ‘มิเชล รูซ์’ ที่เคยพูดคุยและอยากทำร่วมกันมาเนิ่นนานแล้วอีกด้วย

และในเมื่อความฝันเป็นจริงขึ้นมา เชฟอลังก็พร้อมคัดเลือกคนมีฝีมือจากทีม The Waterside Inn ให้บินมาร่วมงานกับทีมห้องอาหารที่ไทย ตั้งแต่ผู้จัดการร้าน ทีมบริการ และทีมครัวที่เชฟพาศิษย์เอก ฟิล ฮิคแมน (Phil Hickman) มารับตำแหน่งเฮดเชฟ โดยมีเขาเป็นผู้ออกแบบคอร์สเมนูและควบคุมอยู่เบื้องหลังซึ่งคอร์สเมนูเซ็ตแรกที่เชฟอยากนำเสนอ เป็น tasting menu ที่มีให้เลือกตั้งแต่ 3 - 9 คอร์ส โดยเมนูจะต่างกันไปตามวันและช่วงเวลา และเสิร์ฟทั้งมื้อกลางวันและมื้อค่ำ โดยคอร์สที่เราได้ลองจะเป็นมื้อกลางวัน จำนวน 3-course ราคา 3,400++ บาท (รวมชีส) 

คอร์สกลางวันจะเริ่มด้วยคานาเป้ 2 คำ ก่อนจะตามด้วยขนมปังซิกเนเจอร์ ‘บริออช’ และ amuse-bouch ที่เป็นหอยนางรมเจลลี่แตงกวาที่ให้ความสดชื่น และระหว่างรอคอร์สแรกมาเสิร์ฟ ทุกคนก็จะได้ชิม ‘ขนมปังซาวโดว์’ สูตรของเชฟอลัง เสิร์ฟพร้อมเนยชั้นดีจากฝรั่งเศสและเกลือจากจังหวัดน่าน เรานั่งชิมไปเพลินๆ ก็หมดไม่รู้ตัว

คอร์สแรกของเราคือ “Smooth Parmesan Cream” เมนูครีมและชีสที่เมื่อเข้าปากแล้วกลับไม่เลี่ยนเลย และยังช่วยเปิดลิ้นชวนอยากกินต่อ จานนี้เสิร์ฟคู่กับอัลมอนด์พัฟแบบแท่งที่ช่วยเพิ่มความกรอบให้กินสนุก ซึ่งมีอีกเกร็ดดเพิ่มตรงนี้คือ เชฟอลังเริ่มต้นอาชีพด้วยการเป็นเชฟขนมอบและได้ขึ้นเป็นหนึ่งใน Best Pastry Chef ระดับโลกอีกด้วย นั่นอธิบายถึงเมนูขนมอบรสเลิศจำนวนมากที่มาช่วยเสริมรสชาติตลอดมื้อ

เมนคอร์สสำหรับมื้อกลางวันมีให้เลือกระหว่างปลาหรือเนื้อ ซึ่งของเราเป็น “Pan Fried Veal Medallions” เนื้อลูกวัวส่วนแก้มและศีรษะที่นำไปปรุงคนละแบบ คือ แบบนาบกระทะ (pan-fried) เสิร์ฟมาพร้อมซอสไวน์ขาว (white wine jus) และแบบทอดกรอบที่มีเนื้อสัมผัสคล้ายคร็อกเก้ (croquette) ราดด้วยซอสไข่ฮอแลนเดซ เคียงด้วยแครอทและแครอทเพียวเร่ที่ซ่อนรสขิงอยู่เล็กๆ ช่วยเพิ่มมิติให้อาหาร แต่ถ้าใครอยากชิมปลาก็จะได้ลองเมนู Pan Fried Red Mullet

ก่อนเสิร์ฟของหวาน ทุกคนสามารถเพิ่มไฮไลต์พิเศษได้ด้วย คือ รถเข็นชีสฝรั่งเศส ที่จะมีชีสให้เลือกกว่า 20 ชนิด โดยมีพนักงานคอยให้คำแนะนำและจะตัดชีสให้เราชิมตามชอบ หลังจากนั้นจึงเสิร์ฟ “ไวท์ช็อกโแลต สัปปะรด และมะพร้าวซอร์เบต์” เป็นเมนูของหวานจบคอร์ส

เรามองว่าอาหารสไตล์ใหม่ของเลอ นอร์มังดี บาย อลัง รูซ์ มีความเรียบง่ายทั้งหน้าตาและรสชาติ ทว่ากลับมีรายละเอียดซ่อนอยู่มากกว่าที่ตาเห็น ทั้งเรื่องเทคนิคการปรุงและวัตถุดิบที่ใช้ แถมรสชาติอาหารก็ไม่หนักอย่างที่หลายคนกลัว เพราะเชฟตั้งใจปรับให้เบาและกินง่ายเข้ากับยุคสมัย และหากใครเริ่มคุ้นชินกับรสชาตินี้แล้ว เราก็อยากชวนไปชิมเมนูอลาคาร์ทด้วย เพราะเชฟยกเมนูเดียวกับที่ The Waterside Inn มาเสิร์ฟถึงประเทศไทย มีจานซิกเนเจอร์ อาทิ เนื้อกระต่ายฝรั่งเศส เป็ดย่างสมุนไพร หรือซูเฟล่

Kenika Ruaytanapanich
เขียนโดย
Kenika Ruaytanapanich

รายละเอียด

ที่อยู่
48
โรงแรม แมนดาริน โอเรียนเต็ล
ซอยโอเรียนเต็ลอเวนิว
บางรัก
กรุงเทพฯ
10500
เปิดบริการ
อังคาร - อาทิตย์ 12:00 - 14:30, 19:00 - 22:00
การโฆษณา
เรื่องน่าสนใจอื่นๆ ที่คุณน่าจะชอบ