[title]
จะนับเป็นการเริ่มต้นตำนานบทใหม่ของ Le Normandie ห้องอาหารฝรั่งเศสแห่งแรกๆ ของประเทศไทยก็ได้ สำหรับการต้อนรับเชฟชื่อดัง อลัง รูซ์ (Alain Roux) จาก The Waterside Inn สหราชาณาจักร ร้านอาหารฝรั่งเศสที่ได้รับ 3 ดาวมิชลินมาต่อเนื่องยาวนานถึง 38 ปี ให้รับหน้าที่ดูแลและปรับทิศทางห้องอาหารฝรั่งเศสอายุกว่า 6 ทศวรรษแห่งนี้ใหม่ ผลลัพธ์คือกลิ่นอายความเป็นฝรั่งเศสที่คลาสสิคมากขึ้น ทว่าบรรยากาศที่หลายคนคุ้นเคยก็ยังไม่หายไป
การเปลี่ยนชื่อห้องอาหารเป็น Le Normandie by Alain Roux ด้วย ทำให้เห็นชัดว่าโอเรียนเต็ลไม่เพียงต้องการแค่หาเชฟใหม่ (มาแทน Arnaud Dunand Sauthier ที่ออกไปเปิดร้านของตัวเอง) แต่ตั้งใจปรับใหม่ทั้งสไตล์อาหารไปจนถึงการให้บริการ ซึ่งในบรรดาเชฟที่โรงแรมเคยเชิญมาทั้งหมดในช่วงเวลาหลายสิบปี สองพ่อลูกจาก “ตระกูลรูซ์” ก็มักสร้างความประทับใจให้นักชิมได้ทุกครั้ง และนี่ก็เป็นเหตุผลว่าทำไมโรงแรมถึงเลือกทีมเชฟอลัง รูซ์ มาเป็นผู้ดูแลและปรับโฉมห้องอาหารครั้งนี้
นอกจากนี้ เชฟอลังก็เล่าไว้อีกว่า การได้มาดูแลห้องอาหารเลอ นอร์มังดี เป็นความฝันของเขาและพ่อ ‘มิเชล รูซ์’ ที่เคยพูดคุยและอยากทำร่วมกันมาเนิ่นนานแล้วอีกด้วย
และในเมื่อความฝันเป็นจริงขึ้นมา เชฟอลังก็พร้อมคัดเลือกคนมีฝีมือจากทีม The Waterside Inn ให้บินมาร่วมงานกับทีมห้องอาหารที่ไทย ตั้งแต่ผู้จัดการร้าน ทีมบริการ และทีมครัวที่เชฟพาศิษย์เอก ฟิล ฮิคแมน (Phil Hickman) มารับตำแหน่งเฮดเชฟ โดยมีเขาเป็นผู้ออกแบบคอร์สเมนูและควบคุมอยู่เบื้องหลังซึ่งคอร์สเมนูเซ็ตแรกที่เชฟอยากนำเสนอ เป็น tasting menu ที่มีให้เลือกตั้งแต่ 3 - 9 คอร์ส โดยเมนูจะต่างกันไปตามวันและช่วงเวลา และเสิร์ฟทั้งมื้อกลางวันและมื้อค่ำ โดยคอร์สที่เราได้ลองจะเป็นมื้อกลางวัน จำนวน 3-course ราคา 3,400++ บาท (รวมชีส)
คอร์สกลางวันจะเริ่มด้วยคานาเป้ 2 คำ ก่อนจะตามด้วยขนมปังซิกเนเจอร์ ‘บริออช’ และ amuse-bouch ที่เป็นหอยนางรมเจลลี่แตงกวาที่ให้ความสดชื่น และระหว่างรอคอร์สแรกมาเสิร์ฟ ทุกคนก็จะได้ชิม ‘ขนมปังซาวโดว์’ สูตรของเชฟอลัง เสิร์ฟพร้อมเนยชั้นดีจากฝรั่งเศสและเกลือจากจังหวัดน่าน เรานั่งชิมไปเพลินๆ ก็หมดไม่รู้ตัว
คอร์สแรกของเราคือ “Smooth Parmesan Cream” เมนูครีมและชีสที่เมื่อเข้าปากแล้วกลับไม่เลี่ยนเลย และยังช่วยเปิดลิ้นชวนอยากกินต่อ จานนี้เสิร์ฟคู่กับอัลมอนด์พัฟแบบแท่งที่ช่วยเพิ่มความกรอบให้กินสนุก ซึ่งมีอีกเกร็ดดเพิ่มตรงนี้คือ เชฟอลังเริ่มต้นอาชีพด้วยการเป็นเชฟขนมอบและได้ขึ้นเป็นหนึ่งใน Best Pastry Chef ระดับโลกอีกด้วย นั่นอธิบายถึงเมนูขนมอบรสเลิศจำนวนมากที่มาช่วยเสริมรสชาติตลอดมื้อ
เมนคอร์สสำหรับมื้อกลางวันมีให้เลือกระหว่างปลาหรือเนื้อ ซึ่งของเราเป็น “Pan Fried Veal Medallions” เนื้อลูกวัวส่วนแก้มและศีรษะที่นำไปปรุงคนละแบบ คือ แบบนาบกระทะ (pan-fried) เสิร์ฟมาพร้อมซอสไวน์ขาว (white wine jus) และแบบทอดกรอบที่มีเนื้อสัมผัสคล้ายคร็อกเก้ (croquette) ราดด้วยซอสไข่ฮอแลนเดซ เคียงด้วยแครอทและแครอทเพียวเร่ที่ซ่อนรสขิงอยู่เล็กๆ ช่วยเพิ่มมิติให้อาหาร แต่ถ้าใครอยากชิมปลาก็จะได้ลองเมนู Pan Fried Red Mullet
ก่อนเสิร์ฟของหวาน ทุกคนสามารถเพิ่มไฮไลต์พิเศษได้ด้วย คือ รถเข็นชีสฝรั่งเศส ที่จะมีชีสให้เลือกกว่า 20 ชนิด โดยมีพนักงานคอยให้คำแนะนำและจะตัดชีสให้เราชิมตามชอบ หลังจากนั้นจึงเสิร์ฟ “ไวท์ช็อกโแลต สัปปะรด และมะพร้าวซอร์เบต์” เป็นเมนูของหวานจบคอร์ส
เรามองว่าอาหารสไตล์ใหม่ของเลอ นอร์มังดี บาย อลัง รูซ์ มีความเรียบง่ายทั้งหน้าตาและรสชาติ ทว่ากลับมีรายละเอียดซ่อนอยู่มากกว่าที่ตาเห็น ทั้งเรื่องเทคนิคการปรุงและวัตถุดิบที่ใช้ แถมรสชาติอาหารก็ไม่หนักอย่างที่หลายคนกลัว เพราะเชฟตั้งใจปรับให้เบาและกินง่ายเข้ากับยุคสมัย และหากใครเริ่มคุ้นชินกับรสชาตินี้แล้ว เราก็อยากชวนไปชิมเมนูอลาคาร์ทด้วย เพราะเชฟยกเมนูเดียวกับที่ The Waterside Inn มาเสิร์ฟถึงประเทศไทย มีจานซิกเนเจอร์ อาทิ เนื้อกระต่ายฝรั่งเศส เป็ดย่างสมุนไพร หรือซูเฟล่