เมื่อนึกถึงคำว่าโอมากาเสะ ใครๆ ก็ย่อมนึกถึงซูชิคำโตๆ หรือเนื้อดีๆ แต่วันนี้เราขอพามารู้จักกับ Mihara Tofuten Bangkok โอมากาเสะเต้าหู้ เป็นร้านแรกในประเทศไทย พร้อมเสิร์ฟเมนูโอมากาเสะเต้าหู้ 16 คอร์ส ในราคา 4,900++ บาท
โปรเจ็กต์นี้เป็นการทำงานร่วมกันของ Gaggan Anand เชฟเจ้าของร้านมิชลินสตาร์ 2 ดาว และร้านอาหารอันดับ 1 จากงาน Asia’s 50 Best Restaurant 4 ปีซ้อนอย่าง Gaggan ร่วมกับ แทน บล็อกเกอร์อาหารจากเพจ ITAN - แทนไร้เทียมทาน, บิ๊ก-วเรศรา สมิตะสิริ เจ้าของร้านคั่วกลิ้งผักสด และเชฟ Takeshi Fukuyama เจ้าของร้าน La Maison de La Nature Goh ร้านอาหารอันดับ 47 จากงาน Asia’s 50 Best Restaurant 2018 ที่ผ่านมานี้ ในส่วนของเมนูหลักอย่างเต้าหู้ ทางร้านร่วมงานกับตระกูล Mihara ผู้ผลิตเต้าหู้รายใหญ่ในเมืองฟุกุโอกะ ประเทศญี่ปุ่น
เริ่มต้นเมนูแรกกันด้วย Tofu Milk นมเต้าหู้สดๆ ส่งตรงจากเมืองฟุกุโอกะ ทางร้านแนะนำให้จิบเพียงครึ่งแก้ว จากนั้นกินแยมยูซุที่เสิร์ฟมาในช้อน ก่อนปิดท้ายด้วยด้วยนมที่เหลือให้หมด เมนูต่อไปมา 3 คอร์สรวด เสิร์ฟในลักษณะกล่องเบนโตะ 3 ชั้น เริ่มกินช่องกลาง Yuki Tofu เต้าหู้ซิกเนเจอร์ของตระกูล Mihara ที่อ่อนนุ่มราวหิมะ (สมชื่อ yuki ที่แปลว่าหิมะในภาษาญี่ปุ่น) กินกับเกลือและน้ำเลม่อนก็อร่อยแล้ว ตามด้วยจานขวา Goma Tofu เต้าหู้กลิ่นงาที่ให้เนื้อสัมผัสเหนียวเด้งดึ๋งเหมือนโมจิ ก่อนปิดท้ายด้วยจานทางซ้าย Yuba Mille Feuille เต้าหู้เรียง 6 ชั้นเหมือนเค้กมิลเฟย เสิร์ฟกับบ๊วยพอนซึ แต่ต้องกัดให้หมดคำเดียว เพื่อให้ได้รสชาติที่เข้ากันได้อย่างพอดิบพอดี
จานต่อมาคือเต้าหู้นำมาชุบแป้งบางๆ มาทอดเสิร์ฟมาในซุปปูจากฮอกไกโด และลูกชิ้นเนื้อปลา ผสมกับเต้าหู้ Kinu Tofu และถั่วแระญี่ปุ่น ที่เราขอบอกว่าอร่อยมาก เพราะความหวานของเนื้อป๔ช่วยเสริมรสเต้าหู้ได้อย่างดี ต่อมาคือจานกัสปาโช่ หรือซุปมะเขือเทศแบบสเปน โดยทำจากมะเขือเทศจากเมืองซากะ เสิร์ฟมาพร้อมกับกุ้งจากคุมาโมโตะ ส่วนด้านล่างเป็นเยลลี่จากน้ำกุ้ง ด้านในเป็นหัวไชเท้า แตงกวา และพริกหยวก ส่วนขาวๆ ที่เห็นคือ Tofu Miso ที่ช่วยเสริมรสชาติเค็มนิดๆ ให้จานเป็นอย่างดี
เข้าสู่โซนเนื้อสัตว์กันบ้าง เริ่มด้วยปลาจินดารา หรือปลาแบล็กคอด เสิร์ฟมาพร้อมกับฟองเต้าหู้ Tofu Emulation และซอสอุเมะมิโซะ และเพิ่มเนื้อสัมผัสที่แตกต่างด้วยเส้นหมี่ทอดกรอบ จานต่อมาคือข้าวดงบุริ เสิร์ฟมาพร้อมกับ Yuba หรือฟองเต้าหู้ หอยเป๋าฮื้อ วาซาบิ และไข่กุ้ง อย่าลืมคลุกเคล้ากันให้ทั่วก่อนกิน ส่วนจานโปรดของเราในวันนี้คือ Zaru Tofu หรือเต้าหู้ที่เอาไปพักไว้ในตะกร้าไม้ไผ่ ด้านบนเป็นไข่ปลาแซลมอนจากฮอกไกโด เสิร์ฟมาพร้อมกับกระเจี๊ยบสับที่ช่วยเสริมให้จานนี้ยิ่งอร่อยขึ้นไปอีก
ต่อไปคือเมนูไข่ตุ๋นสอดไส้ Tofu Mochi และหอยกาบฮามากูริจากจังหวัดชิบะ จึงได้ออกมาเป็นเนื้อสัมผัสที่เข้มข้น ส่วนด้านบนเป็นพูเร่เห็ดชิตาเกะที่เข้ากันได้อย่างพอดิบพอดี ตามมาด้วยข้าวห่อสาหร่ายด้วยตัวเอง โดยทางร้านจะเสิร์ฟ แผ่นสาหร่าย ไข่หอยเม่น และ Yoki Tofu มาให้ ใครอยากใส่วาซาบิ หรือโชยุเพิ่มเข้าไปก็ได้เช่นกัน
จานต่อมาคือสุกียากี้น้ำซุปหัวหอมแบบฝรั่งเศส เสิร์ฟมาพร้อมกับเนื้อวากิวฮอกไกโด A5 และเต้าหูเแบบแข็ง Momen Tofu ซึ่งเราขอยกให้เป็นอีกจานที่ชอบมากๆ และซดน้ำจนเกลี้ยง ส่วนใครที่ไม่กินเนื้อ ก็สั่งเป็นเนื้อปู เสิร์ฟมาในซุปน้ำเต้าหู้ ซึ่งบอกว่าอร่อยไม่แพ้กัน ของคาวจานสุดท้ายคือ โซเมนหรือบะหมี่เย็น ในน้ำซุป Tofu Milk Dashi (เต้าหู้และซุปดาชิ) ให้รสหวานๆ เค็มๆ กินคู่กับ กุ้งและผัดทอดเทมปุระ และซูชิฟองเต้าหู้
ปิดท้ายด้วยของหวาน 3 คอร์ส เริ่มต้นด้วยจายซ้ายสุด Tofu Ice Cream ไอศกรีมเต้าหู้สอดสอดไส้ด้วยแยมพีช ตามมาด้วยจานกลาง Tofu Blancmange หรือพุดดิ้งเต้าหูแบบญี่ปุ่น ท็อปด้านบนด้วยแยมขิง ก่อนเพิ่มความเข้มข้นด้วยการราดกาแฟเอสเพรสโซ่ และจานสุดท้าย Tofu Chocolate ช็อคโกแลตที่ทำจากน้ำเต้าหู้ เสิร์ฟพร้อมกัน 4 รส โดยเริ่มกินจากรส รัมเรซิน ช็อคโกแลต พิสตาชิโอ และชาเขียว เป็นอันจบ 16 คอร์ส
ตอนนี้ทางร้านมีบริการมื้อกลางวันในราคาเริ่มต้น 1,750 บาท สำหรับอาหาร 5 คอร์ส
