ตอนนี้เทรนด์การใช้วัตถุดิบท้องถิ่น รวมไปถึงวัตถุดิบปลูกเองกำลังมาแรง เห็นได้จากร้านอาหารเปิดใหม่หลายร้าน ไม่ว่าจะเป็น 80/20, Gaa หรือ Canvas ที่ใช้เทคนิคการปรุงอาหารแบบสมัยใหม่เพื่อทำให้วัตถุดิบพื้นบ้านของไทยเป็นที่รู้จักมากขึ้น และหนึ่งในร้านน้องใหม่ที่ให้ความสำคัญกับวัตถุดิบที่ใช้อย่างมากนั้นก็คือ Prelude ร้านอาหารที่เกิดขึ้นจากความร่วมมือของเพื่อนสามคนอย่าง Holly Chiu, Tan Cong Wen และ Calvin Fong
เชฟ Tan Cong Wen ผู้มีประสบการณ์ในการทำอาหารกับ Culinary Institute of America ในสิงคโปร์และร้านอาหารในบาร์เซโลน่า ตอนนี้มาดูแลการทำอาหารแบบ neo-bistro ที่กำลังเป็นที่นิยมมากในกรุงปารีส ถ้าจะให้พูดง่ายๆ การทำอาหารสไตล์นี้ก็คือการเปลี่ยนวิธีการทำอาหารแบบฝรั่งเศสดั้งเดิมที่ใช้เทคนิคขั้นสูงมากมาย ให้เข้าถึงและทำง่ายมากยิ่งขึ้น แต่ยังคงคุณภาพไว้เช่นเดิม
ทางร้านให้คุณเลือกระหว่างเมนู 2 หรือ 3 คอร์ส (750 บาท/850 บาท) หรือเทสติ้งเมนูแบบ 6 คอร์ส (1,200 บาท) โดยแต่ละคอร์สจะเริ่มต้นด้วยอมูสบูชที่ได้แรงบันดาลใจจากอาหารเช้าแบบฝรั่งเศส เริ่มต้นด้วยซุปหัวหอมเสิร์ฟมาในเครื่องทำกาแฟแบบ French press พร้อมกับครีมและครัวซองค์เคลือบด้วยน้ำปลาหวาน อีกจานคือเมนู Sunflower ที่ใช้ดอกทานตะวันทุกส่วน ตั้งแต่รากที่นำไปทอด ไปจนถึงกลีบดอกไม้ที่นำไปจับคู่กับพูเร่ชีสฮาลูมี่กับน้ำสลัดใสสุดเข้มข้น เมนูคู่ครัวแบบฝรั่งเศสอย่างเนื้อกับมันฝรั่งก็ถูกตีความเสียใหม่กลายมาเป็นเนื้อริบอายแบบไทย-ฝรั่งเศสเสิร์ฟคู่กับมันฝรั่ง คะน้า และซอสกระเจี๊ยบแดง
ส่วนของหวานของร้านก็แปลกใหม่ไม่แพ้กันอย่าง มะเขือเทศเชอร์รีจากฟาร์มในเชียงใหม่นำมาเสิร์ฟกับลูกฟิก กราโนล่า และคัสตาร์ตใบเตย กลายเป็นของหวานแสนอร่อยที่คุณไม่ควรพลาด จากนั้นลองแวะไปบาร์ค็อกเทล Pink Flamingo ที่ดูแตกต่างจากบริเวณร้านอาหารโดยสิ้นเชิง เพราะทั้งบาร์เต็มไปด้วยกลิ่นอายแบบทรอปิคัล เช่น ไฟนีออนรูปร่างนกฟลามิงโก้และห่วงยาง โดยในส่วนของบาร์อยู่ภายใต้การดูแลของ Calvin Fong ซึ่งเคยเป็นบาร์เทนเดอร์อยู่ที่บาร์ชื่อ Ding Dong ในประเทศสิงคโปร์ ได้สร้างสรรค์ค็อกเทลแบบทรอปิคัลหลายเมนูอย่าง Flamingo Sling (350 บาท) เครื่องดื่มที่มีทั้งจิน เหล้า Fernet Blanca และน้ำเชื่อมทับทิม รวมไปถึงเครื่องดื่มเบสวอดก้าชื่อ Purple Rain (350 บาท) แถมในบาร์ยังมีอาหารกินง่ายอย่างแซนด์วิชลาบเสิร์ฟอีกด้วย
