KAAN

ใครเบื่อละครเวทีดัดแปลงจากนวนิยายหรือวรรณกรรมแบบเดิมๆ รับรองว่าถูกใจละครเวทีใหม่ KAAN ที่พัทยาอย่างแน่นอน เพราะโชว์นี้ไม่ได้แค่นำวรรณกรรมและตำนานพื้นบ้านของไทยหกเรื่องมาดัดแปลงใหม่เฉยๆ แต่ยังสร้างความตื่นตาตื่นใจด้วยการใช้เทคนิคการฉายภาพเข้ากับพืนผิวต่างๆ (projection mapping) หุ่นยนต์สูงถึงแปดเมตร และการสร้างกระแสไฟฟ้าจากขดลวดเทสลา (tesla coils) ที่น่าตื่นตาตื่นใจ

ด้วยเวลากว่าสามปี KAAN บอกเล่าเรื่องราวของวรรณดคีและนิทานพื้นบ้านของไทยไม่ว่าจะเป็น พระอภัยมณี (The Wrath of the Sea Giantess) พระสุธน-มโนราห์ (The Colors of Himmavanta) เมขลารามสูร (The Chase of Lightning) สังข์ทอง (The Wager for the Ivory Kingdom) ไกรทอง (The Underwater Abyss) และ รามเกียรติ์ (The Cataclysm) โดยได้ผสมผสานการแสดง การเต้น กายกรรม แอบแฝงไปด้วยกลิ่นอายของโลกภาพยนตร์ที่ได้แรงบันดาลใจจากญี่ปุ่นและตะวันตก

จุดเด่นของโชว์นี้คือการผสมผสานละครเวทีแบบที่เราคุ้นตากับโลกของภาพยนตร์ได้อย่างลงตัว โชว์นี้เป็นการแสดงละครเวทีประกอบกับภาพเคลื่อนไหวโดยใช้เทคนิค projection mapping ฉายลงบนจอหนังขนาดยักษ์ จึงทำให้เราได้ออกสำรวจโลกที่น่าตื่นตาตื่นใจราวกับหลุดออกมาจาก Pirates of the Caribbean, Avatar, Power Rangers และภาพยนตร์อีกมากมายตลอด 90 นาทีเต็มไปกับ คาน เด็กหนุ่มที่ถูกดูดเข้าไปในหนังสือ คอยช่วยเหล่าฮีโร่ในวรรณคดีไทย และตามหาสิ่งวิเศษเพื่อเดินทางกลับบ้าน 

การแสดงนี้ยังอัดแน่นด้วยการแสดงต่างๆ ที่เราคุ้นเคยตามโชว์ต่างๆ เช่น การแสดงของช้าง การเต้นร่วมสมัย กายกรรมกลางอากาศ เรื่อยไปจนถึงศิลปะแม่ไม้มวยไทย จากนักแสดงมืออาชีพ (ทีมงานมีทั้งบีบอยระดับแชมป์โลก และอดีตนักกีฬายิมนาสติกทีมชาติ) แต่สิ่งที่ทำให้เราตื่นเต้นที่สุดคือการผสมผสานวัฒนธรรมสมัยใหม่หรือ pop culture เข้ามาได้อย่างไม่เคอะเขิน ไม่ว่าจะเป็นฉากสู้ระหว่างไกรทองและเหล่าจระเข้บนแทรมโปลีนที่ช่วยให้นึกถึงการต่อสู้ของ ไอ้มดแดง จนไปถึงชุดของพระลักษณ์พระราม ที่ดูล้ำราวหลุดออกมาจากหนังเรื่อง Mad Max เลยก็ว่าได้

โดยรวมแล้ว KAAN ทำได้ดีกว่าละครเวทีแนวดัดแปลงแบบทั่วๆ ไป เพราะเด็กๆ ก็สามารถสนุกไปกับแอ็คชั่นต่างๆ ในขณะที่ผู้ใหญ่ก็น่าจะคิดถึงรายการหรือหนังที่พวกเขาชื่นชอบตอนเด็กๆ ได้ตลอดโชว์เช่นเดียวกับแฟนการ์ตูนญี่ปุ่นที่นั่งอยู่ด้านข้างเราที่ดูตื่นเต้นตลอดการแสดงเลยก็ว่าได้