รวมแลนด์มาร์กต้องห้ามพลาดในไทเป เที่ยวไต้หวันแบบครบจบทั้งอาหาร ธรรมชาติ และแฟชัน

อุทยานแห่งชาติทาโรโกะ เป็นอุทยานแห่งชาติที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในไต้หวัน ตั้งอยู่ท่ามกลางขุนเขาในฝั่งตะวันออกและติดกับมหาสมุทรแปซิฟิก ที่นี่จึงมีทั้งทิวทัศน์ของภูเขา แม่น้ำ และทะเลให้ได้มาสัมผัสกัน เหมาะสำหรับการมาผ่อนคลายและหลีกหนีจากความวุ่นวายในเมือง โดยสามารถเริ่มต้นด้วยการไปยัง Swallow Grotto หรือถ้ำนกนางแอ่น เพราะมีทั้งวิวหน้าผา แม่น้ำ และฝูงนกนางแอ่นที่มาทำรังอยู่ในถ้ำ จากนั้นไปต่อที่เส้นทางศึกษาธรรมชาติไป๋หยาง (Baiyang Trail) ความพิเศษของที่นี่คือ ทางเดินเป็นอุโมงค์ทั้งหมด 6 แห่ง โดยระหว่างเส้นทางจะค่อนข้างมืด แต่เมื่อถึงทางออกแล้วจะได้พบกับวิวน้ำตกและสะพานแขวนข้ามแม่น้ำสีฟ้าใส บอกเลยว่าคุ้มเหนื่อยแน่นอน ส่วนขากลับก็สามารถแวะถ่ายรูปหน้าศาลเจ้าฉางชุน (Eternal Spring Shrine) ที่สวยงามและเงียบสงบ แถมยังออกแบบให้มีน้ำตกไหลผ่านตัวอาคารตลอดทั้งปีอีกด้วย

เชื่อว่าใครที่เคยดูแอนิเมชันรางวัลออสการ์ชื่อดังอย่าง Spirited Away น่าจะคุ้นเคยกับฉากหลังของหมู่บ้านโบราณแห่งนี้อยู่แล้ว โดยจิ่วเฟินเป็นหมู่บ้านที่ตั้งอยู่บนภูเขาทางตอนเหนือของไต้หวัน รายล้อมไปด้วยสีสันจากโคมไฟที่สว่างไปทั่วทั้งเมือง ทั้งยังคงความคลาสสิกของไต้หวันเมื่อ 100 ปีที่แล้วไว้ได้อย่างดี โดยมีร้านค้ามากมายตั้งอยู่ตลอดทั้งเส้นทาง ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหารพื้นเมือง ร้านขนมหวาน ร้านขายของที่ระลึก และคาเฟ่ยอดนิยมอย่าง A-Mei Tea House และ Grandma Lai's Taro Ball Shop นอกจากนี้ยังมีโรงน้ำชาวิวภูเขาและวิวทะเลจีหลง รวมถึงโรงละครเชิงผิง (Shengping Theatre) โดยด้านในมีทั้งช่องขายตั๋วแบบย้อนยุคและโปสเตอร์หนังสำหรับเหล่าคนรักหนัง

หากใครเดินเที่ยวในเมืองมาทั้งวัน แต่ยังเหลือพลังอีกนิดหน่อย เราแนะนำให้มุ่งตรงไปที่เขาช้างในแถบชานเมืองของไทเป เพราะที่นี่เป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกดินที่สวยที่สุดแห่งหนึ่ง ซึ่งมาพร้อมวิวตึก Taipei 101 ที่ตั้งตระหง่านอยู่ใจกลางเมือง เราจึงสามารถชมพระอาทิตย์ตกไปพร้อมวิวเมืองได้ ส่วนใครที่เป็นสายผจญภัย ที่นี่ยังมีเทือกเขา 4 อสูร หรือเส้นทางปีนเขาที่ชาวไต้หวันและนักท่องเที่ยวต่างก็ปักเป็นแลนด์มาร์ก ประกอบด้วย ภูเขาช้าง ภูเขาเสือ ภูเขาสิงโต และภูเขาเสือดาว โดยระหว่างทางจะมีจุดแวะพักและจุดชมวิวหลายระดับ คนที่ไม่ใช่สายลุยก็สามารถเลือกจุดชมวิวได้ตามที่ร่างกายไหวได้เช่นกัน

จุดชมวิวที่สูงที่สุดและสามารถมองเห็นไทเปได้ทั้งเมือง ก็คือ Taipei 101 หอคอยสูง 508 เมตร ที่มีจำนวนชั้นถึง 101 ชั้น แถมยังเคยเป็นตึกที่สูงที่สุดในโลกในช่วงต้นปี 2000 อีกด้วย ความพิเศษของตึกนี้คือ มีไฮไลต์ให้ทุกคนได้ไปตามเก็บกันมากกว่า 1 - 2 จุด เริ่มต้นด้วยการขึ้นลิฟต์ด่วนไปยังจุดชมวิวที่ชั้น 89 โดยใช้เวลาจากชั้น 1 เพียง 37 วินาทีเท่านั้น เมื่อไปถึงแล้ว เราก็จะได้ชมวิวไทเปทั่วทั้งเมืองแบบพาโนรามา มาพร้อมบาร์ที่เสิร์ฟเครื่องดื่มให้นั่งจิบแบบชิลๆ จากนั้นก็สามารถไปชมลูกตุ้มเหล็กทองคำขนาดยักษ์ที่แขวนอยู่ตรงกลางของหอคอย ซึ่งไม่ได้มีไว้เพื่อประดับตกแต่งเท่านั้น แต่ยังเป็นตัวลดการแกว่งในช่วงลมแรงหรือแผ่นดินไหวอีกด้วย

ร้านติ่มซำที่ชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วเอเชียก็หนีไม่พ้น Din Tai Fung เพราะเป็นร้านที่ได้รับรางวัลมิชลินสตาร์ แต่ยังเสิร์ฟในราคาที่ไม่แพงจนเกินไป แน่นอนว่าไปถึงไต้หวันแล้ว เราก็ต้องทานติ่มซำและอาหารจีนแบบดั้งเดิมกันให้จุใจ ซึ่งเราสามารถหาร้าน Din Tai Fung ได้ค่อนข้างง่าย เพราะปัจจุบันมีกว่า 10 สาขาในไทเปเลยทีเดียว ซึ่งแต่ละสาขาจะมีคิวที่ค่อนข้างยาว แต่บอกเลยว่ารสชาติอาหารของที่นี่อร่อยคุ้มการรอคอยแน่นอน โดยเฉพาะเสี่ยวหลงเปาที่ทำแป้งสดใหม่ทุกวัน ด้านในมีน้ำซุปหอมกรุ่นสูตรเฉพาะที่เคี่ยวจนได้รสชาติที่กลมกล่อม นอกจากนี้เราแนะนำให้สั่งไก่แช่เหล้า ขนมจีบ และบะหมี่เกี๊ยวกุ้ง โดยบางสาขาจะสามารถชมเชฟห่อเกี๊ยวแบบสดๆ ผ่านหน้าต่างครัวได้อีกด้วย

ตึกอิฐแดง หรือ Red House เป็นแลนด์มาร์กในไทเปที่สามารถกลับไปซ้ำได้แบบไม่เบื่อ เพราะที่นี่ไม่ได้เป็นเพียงสถาปัตยกรรมที่ให้เข้ามาเยี่ยมชมแบบทั่วไป แต่ยังเป็นศูนย์รวมวัฒนธรรม ศิลปะ การออกแบบ แถมยังมีตลาดนัดสุดสัปดาห์ให้ชาวไต้หวันและนักท่องเที่ยวได้มาเดินเล่นและช็อปปิงกันเพลินๆ โดยตึกอิฐแดงแห่งนี้ เป็นอาคารแปดเหลี่ยมสไตล์ตะวันตกที่ตั้งอยู่ในซีเหมินติง สร้างโดยสถาปนิกชาวญี่ปุ่นที่ตั้งใจให้มีความเชื่อมต่อกับอาคารทรงไม้กางเขน ซึ่งในบริเวณตึกอิฐแดงก็มีทั้งโรงละคร พื้นที่จัดแสดง ร้านหนังสือ ร้านอาหาร บาร์ รวมถึงร้านของที่ระลึก และร้านค้าต่างๆ ที่หมุนเวียนกันมาจัดกิจกรรมให้พื้นที่นี้คึกคักตลอดทั้งปี เรียกได้ว่ามาที่เดียวก็สามารถเยี่ยมชมเมือง ถ่ายรูป และทำกิจกรรมได้อีกมากมายโดยไม่เสียค่าเข้าชม

อนุสรณ์สถานเจียงไคเช็ก เป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ที่สร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงบุคคลสำคัญในอดีตอย่างเจียงไคเช็ก ตัวอาคารสร้างตามสถาปัตยกรรมแบบจีน ใช้สีขาวและสีน้ำเงินเป็นหลัก ทั้งยังมีบันไดอยู่รอบอาคารทั้ง 4 ด้าน บริเวณโดยรอบมีสวนขนาดใหญ่ที่ประดับตกแต่งด้วยต้นไม้และดอกไม้จำนวนมาก ทำให้แลนด์มาร์กแห่งนี้เป็นพื้นที่เปิดโล่งที่รู้สึกได้ถึงความร่มรื่นและประณีต ซึ่งนอกจากการเป็นอนุสรณ์สถานให้ผู้คนเข้ามาเยี่ยมชมแล้ว ยังเป็นสถานที่ในการจัดกิจกรรมทางวัฒนธรรมต่างๆ เพราะมีทั้งโรงละครแห่งชาติ หอแสดงดนตรี หอประชุม และสวนกว้างๆ ไฮไลต์คือพิธีเปลี่ยนเวรทหารที่มีทุกต้นชั่วโมง

การปิดจบวันในทริปเที่ยวที่ดีที่สุด คือการเดินหาของอร่อยในตลาดนัดที่มีอาหารให้เลือกแบบละลานตา ซึ่งตลาดที่คึกคักที่สุดแห่งหนึ่งก็คือ ตลาดกลางคืนซื่อหลินที่เปิดมาตั้งแต่ปี 1899 ที่นี่ขึ้นชื่อเรื่องอาหารและเครื่องดื่มหลากหลายชนิด ราคาย่อมเยา แถมยังเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดในไทเปอีกด้วย สำหรับเมนูที่แนะนำว่าต้องห้ามพลาดคือ เสี่ยวหลงเปา ฮอตด็อกไต้หวัน ทาโกะยากิไข่นกกระทา แพนเค้กต้นหอม น้ำแข็งไส ชานมไข่มุก และไฮไลต์คือ นมทอด ของว่างยอดฮิตที่นำนมสดไปผสมกับแป้งและน้ำตาล นำไปทอดจนสุกกรอบ จนได้เนื้อด้านในที่มีความคล้ายคัสตาร์ด นอกจากอาหารที่หลากหลายแล้ว ที่นี่ยังมีร้านคาราโอเกะ ร้านขายของที่ระลึก และสินค้าทั่วไปให้เดินช็อปกันตลอดกันทั้งคืน

ย่านช็อปปิงยอดนิยมในไทเป ไม่ว่าใครที่วางแพลนไปเที่ยวไต้หวันก็ต้องหย่อนสถานที่แห่งนี้ลงไปในแพลนเป็นที่แรกๆ เพราะที่นี่เป็นแหล่งรวมแฟชัน ไม่ว่าจะเป็นร้านเสื้อผ้าจากแบรนด์ท้องถิ่นและแบรนด์ดัง ร้านเสริมสวย สตูดิโอสัก และร้านกล่องสุ่มยอดฮิตอย่าง Pop Mart ในส่วนของความบันเทิง ที่นี่ก็มีทั้งร้านนั่งดื่มและพื้นที่กิจกรรมที่มีเหล่าวัยรุ่นมาโชว์ความสามารถ ไม่ว่าจะเป็นการเล่นดนตรี เต้น แสดงมายากล โดยลากยาวตั้งแต่กลางวันจนถึงดึก หากเดินเล่นจนหิวก็มีสตรีตฟู้ดให้เลือกทานหลายชนิด ทั้งเต้าหู้เหม็น บะหมี่เนื้อตุ๋น ไก่ทอด ไปจนถึงมื้อใหญ่แบบหม้อไฟหมาล่าหรือบุฟเฟต์ชาบูก็มีเช่นกัน แนะนำให้เผื่อเวลาสำหรับการเดินเล่นในซีเหมินติงไว้เยอะๆ เพราะแค่ 2 - 3 ชั่วโมงคงเก็บร้านน่าสนใจได้ไม่หมดแน่นอน