มาเก๊า
Photograph: Shutterstock
Photograph: Shutterstock

พาทัวร์ย่านประวัติศาสตร์ใจกลางมาเก๊า ร่วมย้อนยุคแบบสนุกไปกับสถาปัตยกรรมจีนผสานตะวันตก

มาร่วมเดินทัวร์ชมย่านประวัติศาสตร์ใจกลางมาเก๊าไปพร้อมกันกับเรา!

Supattra Premprim
การโฆษณา

การเดินชมย่านประวัติศาสตร์ในมาเก๊าไม่น่าเบื่อหรือมีแต่ศิลปะแบบจีนอย่างที่คิด เพราะรากทางวัฒนธรรมจีนและโปรตุเกสได้ฝังอยู่ในสถาปัตยกรรมต่างๆ ทั่วทั้งเมือง มีตั้งแต่วัดเก่าแก่ โบสถ์คริสต์ ไปจนถึงอาคารที่ใช้โทนสีสวยงาม ถือเป็นการผสานพหุวัฒนธรรมให้เข้ากันอย่างลงตัว

ความพิเศษคือ ย่านประวัติศาสตร์ใจกลางมาเก๊าได้รับการขึ้นทะเบียนจากยูเนสโก เพราะแลนด์มาร์กต่างๆ ได้นำเสนอความล้ำค่าของความหลากหลายทางวัฒนธรรม ศาสนา และสุนทรียภาพ เชื่อว่าต่อให้เราไม่ใช่คนที่หลงใหลกับเรื่องราวในอดีต ก็ยังสนุกไปกับการเดินชมความสวยงามในเมืองนี้ได้เช่นกัน มาดูกันว่าเมืองนี้มีไฮไลต์อะไรที่น่าสนใจบ้าง

A-Ma Temple

เริ่มต้นทริปด้วยการทำบุญที่วัดอาม่า (ศาลเจ้าแม่ทับทิม) วัดเก่าแก่แห่งนี้ตั้งอยู่บนเนินเขาบาร์รา ซึ่งมีความสำคัญต่อเกาะมาเก๊าเป็นอย่างมาก คนในพื้นที่เล่าต่อกันว่าชื่อมาเก๊าได้มาจากวัดนี้ เพราะเดิมในบริเวณวัดมีอ่าวหนึ่งที่ชื่อว่า อาม่าก๊อก (A Ma Goa) ซึ่งในภายหลังได้เพี้ยนเป็นมาเก๊า ประกอบกับตำนานเรื่องเทพธิดาแห่งท้องทะเลที่ช่วยให้ชาวประมงแคล้วคลาดปลอดภัย ทำให้วัดอาม่าได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกและเป็นศูนย์ประวัติศาสตร์แห่งมาเก๊า

นอกจากนี้ ที่นี่ยังผสานความเชื่อทางพุทธ เต๋า และคติพื้นเมืองเข้าด้วยกัน โดยผู้คนส่วนใหญ่มักมาไหว้ขอพรเรื่องการงาน การเงิน และความเป็นสิริมงคล ภายในวัดมีทั้งซุ้มประตู หอสวดมนต์ หอแห่งความเมตตา ก้อนหินสลักรูปเรือ ศาลา และแท่นบูชาอื่นๆ กระจายอยู่ทั่วทั้งวัด เราจึงสามารถไหว้ขอพร พร้อมชมความสวยงามของวัดจีนและจัตุรัสกระเบื้องโปรตุเกสได้ในที่นี่ที่เดียว

Mandarin’s House

หากทำบุญที่วัดอาม่าบนถนน Rua da Barra เรียบร้อยแล้ว เดินออกจากวัดไม่เกิน 10 นาทีก็จะพบกับคฤหาสน์แมนดาริน หรืออาคารโบราณสไตล์จีนหลายหลังที่ตั้งอยู่ในพื้นที่เดียวกัน จนกลายเป็นคฤหาสน์ขนาดใหญ่ และเป็นที่อยู่ของเจิ้ง กวนอิง (Zheng Guanying) นักประพันธ์ชาวจีนที่มีผลงานชิ้นเอกเป็น Words of Warning to a Prosperous Age ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงและประวัติศาสตร์ ทำให้ที่แห่งนี้กลายเป็นหนึ่งในเช็กลิสต์ของผู้ที่ชื่นชอบประวัติศาสตร์

อาคารเริ่มสร้างขึ้นในปี 1869 โดยได้ขยายและสร้างอาคารหลังอื่นเพิ่มในปีต่อมา โดยรูปแบบอาคารเป็นสไตล์หลิงหนานหรือทางภาคใต้ของจีน กระจกเปลือกหอยแบบมาเก๊าดั้งเดิม ผสานกับสถาปัตยกรรมตะวันตกและอินเดีย ภายในมีมากกว่า 60 ห้องให้เดินชม เหมาะสำหรับผู้คนที่อยากเดินเล่นแบบเพลินๆ ในสถานที่ที่ไม่วุ่นวายมากนัก

การโฆษณา

Lilau Square

จัตุรัสลีเลา เป็นหนึ่งในจัตุรัสโปรตุเกสแรกเริ่มของมาเก๊า ล้อมรอบด้วยอาคารที่พักอาศัยสไตล์อลังการศิลป์ (Art Deco) ซึ่งเป็นสไตล์ที่แตกต่างจากคฤหาสน์แมนดารินอย่างสิ้นเชิง แต่เราสามารถเดินชมความงดงามของทั้งสองสถานที่ได้ เพราะตั้งอยู่ห่างกันแบบเดินไม่ทันเหนื่อย 

ไฮไลต์ของจัตุรัสแห่งนี้คือ น้ำพุลีเลาอันเป็นเอกลักษณ์ โดยน้ำพุมาจากแหล่งธรรมชาติที่เคยเป็นแหล่งจ่ายน้ำระบบแรกของเมือง มีความเชื่อว่า ใครที่ได้ดื่มน้ำจากน้ำพุลีเลาจะไม่มีวันลืมมาเก๊า สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญและการเชื่อมโยงระหว่างน้ำพุกับคนท้องถิ่น นอกจากนี้ยังเป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ฮ่องกงของ จอห์นนี่ โต อย่างเรื่อง Exiled จัตุรัสลีเลาจึงเป็นจุดที่เหมาะแก่การนั่งชมศิลปะและสีสันสดใสบนอาคารแบบชิลๆ

St. Lawrence’s Church

โบสถ์เซนต์ลอว์เรนซ์ หรือโบสถ์สไตล์นีโอคลาสสิกที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งในมาเก๊า มีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ศาลเจ้าแห่งลมสงบ เพราะตั้งอยู่บนที่สูง ทำให้สามารถมองเห็นวิวเมืองและวิวอ่าวไปรยากรานเดได้ จากภายนอกจะมองเห็นหอคอยสีเหลืองที่ตั้งคู่กันแบบสมมาตรเป็นอย่างแรก โดยเป็นหอระฆังกับหอนาฬิกา ขนาบข้างด้วยสวนพืชและดอกไม้ ให้ความรู้สึกร่มรื่นและสบายใจแก่ผู้ไปเยือน

เมื่อเดินเข้าไปด้านในจะพบกับพื้นที่สุดกว้างขวาง ประดับตกแต่งด้วยโทนสีเหลืองอ่อน โคมไฟคริสตัลระย้า และกระจกสีแบบศิลปะสไตล์บาโรก บรรยากาศโดยรวมค่อนข้างสงบ ทำให้มีผู้คนมากมายเข้ามาสวดมนต์และชมความงามของโบสถ์แห่งนี้

การโฆษณา

Dom Pedro V Theatre

บนถนน Rua Central ซึ่งที่ตั้งของ Avenida de Almeida Ribeiro หรือชุมชนโปรตุเกสในมาเก๊า ยังมีโรงละครดอมเปโดรที่ 5 โรงละครสีเขียวมินต์ตัดขาว ด้านในสามารถจุผู้ชมได้ราว 300 คน ซึ่งถือเป็นศูนย์กลางแห่งความบันเทิงและความมีชีวิตชีวาของชาวโปรตุเกสและชาวตะวันตกในสมัยก่อน ทั้งยังเป็นโรงละครสไตล์ตะวันตกแห่งแรกในจีนอีกด้วย

ต่อมาโรงละครแห่งนี้ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรมที่สำคัญของมาเก๊า และยังเป็นสถานที่จัดละครคลาสสิกรอบปฐมทัศน์ในเอเชียอย่างเรื่อง Madame Butterfly ของจาโคโม ปุชชินี และนำ Crazy Paris Show มาสู่มาเก๊า จนปัจจุบันยังคงเป็นสถานที่จัดแสดงงานละคร อีเวนต์เฉลิมฉลอง และเปิดให้ผู้คนได้เข้ามาเยี่ยมชมประวัติศาสตร์ของโรงละคร

Sir Robert Ho Tung Library

หอสมุดสาธารณะที่ไม่ได้มีไว้เพื่ออ่านหนังสือเพียงอย่างเดียว เพราะหอสมุดเซอร์โรเบิร์ตโฮตุงถือเป็นสถาปัตยกรรมอันงดงามที่บันทึกประวัติศาสตร์ไว้มากมาย เดิมเป็นบ้านพักอาศัยของนักธุรกิจชาวฮ่องกงอย่าง ‘เซอร์โรเบิร์ต’ โดยตั้งใจมอบอาคารแห่งนี้ให้รัฐบาลจัดตั้งเป็นหอสมุดสาธารณะ ซึ่งในเวลาต่อมาก็ได้กลายเป็นหอสมุดตามความตั้งใจของเขา

ตัวอาคารสร้างเป็นสไตล์ตะวันตก ทาด้วยสีเหลืองอ่อนตัดขาว หน้าต่างและประตูเป็นสีเขียว มีโซนด้านในที่ค่อนข้างเงียบสงบ และโซนด้านนอกที่มาพร้อมบรรยากาศปลอดโปร่ง สามารถเข้าไปหลบพักจากความวุ่นวายในตัวเมืองได้ นอกจากนี้ยังมีฉากหลังเป็นจัตุรัสเซนต์ออกัสติน เหมาะสำหรับการถ่ายรูปและเดินชมสถาปัตยกรรมระหว่างทริป

การโฆษณา

Senado Square

สำหรับใครอยากเที่ยวให้ครบจบในที่เดียว เราขอแนะนำไปมุ่งตรงไปที่จัตุรัสเซนาโด เพราะที่นี่มีสถานที่ท่องเที่ยวให้แวะหลายจุด เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมที่ผสมผสานศิลปะแบบจีนและตะวันตก ซึ่งกระจายอยู่ทั่วพื้นที่กว่า 3,700 ตารางเมตร เช่น กระเบื้องอาซูเลโฮสไตล์โปรตุเกส อาคารโบราณฉีโหลวหลากสีสัน รวมถึงกระเบื้องลายปลาและหอยที่สะท้อนถึงบทบาทการเป็นท่าการค้าในอดีต

นอกจากนี้ยังมีร้านอาหารและร้านค้าตั้งอยู่อีกมากมาย โดยเฉพาะอาหารยอดฮิตที่ทุกคนต่างต้องไปลองชิมเมื่อไปเยือนมาเก๊า อย่างบะหมี่เกี๊ยวกุ้งและทาร์ตไข่ และหากไปในช่วงเทศกาล บริเวณจัตุรัสเซนาโดก็มีการประดับไฟและตกแต่งสถานที่ให้เข้ากับเทศกาลอีกด้วย

St. Dominic’s Church

อีกหนึ่งสถาปัตยกรรมสีเหลืองตัดขาว มาพร้อมประตูและหน้าต่างสีเขียวมะกอก ที่อยากชวนให้ทุกคนได้ไปเยือน โบสถ์เซนต์ดอมินิกเป็นโบสถ์สไตล์บาโรกที่สร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1587 ทั้งยังเคยเป็นสถานที่พิมพ์หนังสือพิมพ์โปรตุเกสฉบับแรกในมาเก๊า โดยโบสถ์แห่งนี้ตั้งอยู่ในบริเวณจัตุรัสเซนาโด ตัวอาคารที่ค่อนข้างโดดเด่นและตั้งอยู่อย่างสง่างาม

ภายในมีทั้งอาคารที่ใช้สำหรับงานพิธี และอาคารด้านหลังที่อดีตเคยเป็นหอนาฬิกา แต่ปัจจุบันได้กลายเป็นพิพิธภัณฑ์ขนาดย่อมที่รวบรวมศิลปะทางศาสนาและสิ่งประดิษฐ์ต่างๆ กว่า 300 ชิ้น นอกจากนี้ยังมีตลาดและร้านขายของที่ระลึกต่างๆ อยู่ในบริเวณใกล้เคียงอีกด้วย

การโฆษณา

The Ruins of St. Paul’s

ทริปนี้จะสมบูรณ์แบบไม่ได้ ถ้ายังไม่ได้ไปเยี่ยมชมซากโบสถ์เซนต์ปอล ซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์ของมาเก๊าและไฮไลต์ที่ใครหลายคนตั้งตารอ โดยซากโบสถ์นี้เป็นเพียงประตูด้านหน้าเท่านั้น เพราะโบสถ์มาแตร์เดอีและวิทยาลัยเซนต์ปอลที่เคยตั้งอยู่ด้านในได้ถูกเพลิงไหม้จากเหตุการณ์ในอดีต

แต่ทั้งนี้ สถานที่แห่งนี้กลับรวบรวมเอกลักษณ์และประวัติศาสตร์ของมาเก๊าไว้ได้อย่างสวยงาม เพราะบนประตูเต็มไปด้วยภาพสัญลักษณ์ที่มีความหมายอยู่มากมาย เช่น เรื่องราวในคัมภีร์ไบเบิล พระเยซู เหล่านักบุญ ดอกโบตั๋น ดอกเบญจมาศ ภาษาละติน ตัวอักษรจีน เรือโปรตุเกส ไปจนถึงมังกร 7 หัว นอกจากนี้ บางวันยังมีคอนเสิร์ตกลางแจ้งจากวงออเคสตรามาให้ชมกันอีกด้วย

Na Tcha Temple and Section of the Old City Walls

สถานที่สุดท้ายในลิสต์นี้ก็ยังอยู่ในบริเวณจัตุรัสเซนาโด ซึ่งตั้งอยู่ใกล้ซากโบสถ์เซนต์ปอลเพียงนิดเดียวเท่านั้น วัดนาจาเป็นศาลาห้องเดี่ยวตั้งสร้างขึ้นในปี 1888 เพื่ออุทิศให้แก่เทพนาจา มีลักษณะเป็นอาคารสี่เหลี่ยม ทางด้านขวามีศาลหินแกะสลักขนาดเล็ก และมีส่วนที่ติดกับวัด ซึ่งเป็นส่วนที่เหลืออยู่ของกำแพงเมืองเก่า

ในอดีตผู้คนขอพรจากเทพเจ้านาจา ให้ช่วยคุ้มครองและรักษากาฬโรคที่ระบาดอย่างรุนแรงไปทั่วเมือง แต่ในปัจจุบันผู้คนมักไปขอเรื่องความปลอดภัย ความสำเร็จ และโดยเฉพาะเรื่องลูก ใครที่อยากมีลูกก็จะได้ลูกในเร็ววัน หรือหากใครมีลูกแล้ว ก็สามารถไปขอให้ลูกสุขภาพแข็งแรงได้เช่นกัน ซึ่งในบริเวณใกล้เคียงยังมีร้านขายของที่ระลึกเกี่ยวกับเทพนาจาอีกด้วย

เรื่องเด่น
    การโฆษณา