ริมแม่น้ำสิงคโปร์ (Singapore River) ใจกลางเมืองมีอะไรน่าทำมากกว่าที่เราคิดนะ
แม่น้ำสิงคโปร์ เป็นแม่น้ำสายหลักที่ไหลผ่านใจกลางย่านธุรกิจของสิงคโปร์ เป็นอีกหนึ่งในจุดเช็กอินหลักของวันที่ไม่ควรพลาดเพราะมีกิจกรรมให้ทำมากมาย รวมทั้งเดินช้อปปิ้ง หรือชิมของอร่อย นอกจากนี้ แม่น้ำสายสำคัญสายนี้ก็ยังไหลผ่านหลายจุดที่เต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวาและน่าตื่นเต้นของสิงคโปร์ด้วย วันนี้เราชวนคุณเที่ยวไปตามท่าเรือดังอย่าง Boat Quay, Clarke Quay และ Robertson Quay ตามหาอะไรสนุกๆ กัน!
The Projector เปลี่ยนไนต์คลับเก่าที่ถูกทิ้งร้างให้กลายเป็นโรงภาพยนตร์อินดี้ขนาด 48 ที่นั่ง พร้อมบาร์นั่งดื่ม ตกแต่งด้วยรูปนักแสดงจากภาพยนตร์ดัง และสร้างบรรยากาศด้วยแสงนีออน นอกจากนั้นยังมีวิวแม่น้ำสิงคโปร์ให้ชมอีกด้วย คุณจะเพลิดเพลินไปกับหนังอินดี้ในบรรยากาศสุดฮิปได้ ก่อนไปต่อด้วยการนั่งจิบเครื่องดื่มค็อกเทลเย็นๆ ที่บาร์ เช่นเดียวกับโรงหนังสาขาแรกที่ Golden Mile ศูนย์การค้ายอดฮิตของคนไทยในสิงคโปร์
ลองมาตีกอล์ฟในเวอร์ชั่นที่สนุกขึ้นที่ Holey Moley พร้อมกับดื่มกินของอร่อยท่ามกลางการตกแต่งในธีมป็อปคัลเจอร์แบบเรโทร สร้างบรรยากาศสนุกๆ ด้วยของตกแต่งสีสดที่เหมาะกับการถ่ายรูปลงอินสตาแกรมอวดเพื่อนๆ พร้อมฉลองคะแนนปิดเกมส์กันต่อด้วยเบอร์เกอร์ เฟรนช์ฟรายส์ และค็อกเทล
แกลเลอรีและครีเอทีฟสเปซ STPI ตั้งอยู่ริมแม่น้ำสิงคโปร์ บริเวณ Robertson Quay ย่านที่เรียงรายไปด้วยคาเฟ่และบาร์มากมาย เป็นองค์กรไม่แสวงผลกำไรที่สนับสนุนการทดลองด้านศิลปะบนกระดาษและสิ่งพิมพ์ รวมถึงจัดแสดงผลงานศิลปะร่วมสมัยผ่านการร่วมมือกับภัณฑรักษ์ นักสะสม และแกลเลอรีอื่นๆ อีกมากมาย คุณสามารถเดินชมผลงานต่างๆ หรือเข้าร่วมเวิร์กช็อปและลงมือสร้างผลงานศิลปะเป็นของตัวเองได้ด้วย
ใครที่ชอบศิลปะการแสดงต้องไม่พลาดโรงละคร Singapore Repertory หนึ่งในบริษัทโรงละครชั้นนำแห่งเอเชียที่เริ่มต้นจาก KC Arts Centre ก่อนจะเติบโตจนเป็นสถานที่ในปัจจุบัน โรงละครแห่งนี้จัดการแสดงมาแล้วมากมายและช่วยเปิดมิติใหม่ให้กับวงการศิลปะและการแสดงของสิงคโปร์ผ่านโชว์เด่นๆ อย่าง เช่น การแสดงเรื่อง Tuesdays with Morrie หรือ The Complete Works of William Shakespeare (Abridged)
นอกจากที่ท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ช้อปปิ้ง และสนามกอล์ฟย่อมๆ ริมน้ำ ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่คนชอบความตื่นเต้นต้องห้ามพลาด นั่นคือ Slingshot เครื่องเล่นสุดหวาดเสียวที่คุณจะถูกมัดติดกับที่นั่ง และถูกเหวี่ยงขึ้นไปสูงถึง 70 เมตรด้วยความเร็ว 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง — เอาให้อดรินาลีนหลั่งให้สุด! แต่ถ้ายังไม่ตื่นเต้นพอ ลอง GX-5 Extreme Swing เครื่องเล่นอีกตัวที่จะปล่อยคุณแบบ freefall ในความสูงถึงเกือบ 40 เมตร ให้คุณได้เห็นวิว Clarke Quay แบบเต็มๆ ตา — ถ้ายังลืมตาไหวน่ะนะ
อากาศที่สดชื่น เครื่องดื่มหอมกรุ่น และขนมอบจากเตาร้อนๆ กำลังรอให้ทุกคนไปสัมผัสที่ร้านเบเกอรี่ดัง Tiong Bahru สาขาที่ 7 ซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณเงียบสงบของสวนสาธารณะฟอร์ทแคนนิ่ง (Fort Canning Park) เหมาะมากๆ สำหรับคนที่อยากหลบหนีความวุ่นวายไปพักผ่อน เราแนะนำให้สั่งเมนูขึ้นชื่ออย่าง ครัวซองต์และ Kouign Amann มาลองชิม แต่หากใครมีเวลาก็ลองสมัครเข้าคลาสสอนทำขนมปังซาวโดวจ์ดูด้วยก็ได้ และหลังร้านคาเฟ่ ครัวกลางของที่นี่ก็ยังเป็นครีเอทีฟสเปซที่เปิดให้เหล่านักทำขนมสามารถมาอบขนมสดใหม่ได้ทุกวัน — ซึ่งคุณก็สามารถมีส่วนร่วมได้ด้วย
ศูนย์การค้า Clarke Quay Central ตั้งอยู่เหนือสถานี MRT ด้านในมีร้านค้าและร้านอาหารมากกว่า 170 ร้าน รวมถึงร้านสัญชาติญี่ปุ่นอย่างเช่น Don Don Donki, แบรนด์แฟชั่นและไลฟ์สไตล์ญี่ปุ่น Lumine, ร้านชีสเค้กชื่อดังของสิงคโปร์ Cat & Fiddle, ร้านขายของแฟชั่นมือสอง Refash, ร้านอัญมณี The Heng's Jewellery, ร้านขนมโบราณ Old Seng Choong และอื่นๆ อีกมากมาย
ที่สิงคโปร์ คุณไม่จำเป็นต้องเข้ามิวเซียมเพื่อชมงานศิลปะก็ได้ เพราะคุณสามารถเริ่มเดินชมงานอาร์ตได้บนถนนกันเลย! ตามเส้นทางที่เดินได้ง่ายๆ ตั้งแต่โรงแรมฟูลเลอร์ตัน สิงคโปร์ (Fullerton Hotel) ซึ่งมีประติมากรรม รูปปั้น และจิตรกรรมฝาผนัง ก่อนที่คุณจะพบลูกบอลโลหะผิววาววับที่ตั้งกระจายอยู่ด้านหน้าของพิพิธภัณฑ์ Asian Civilisations ที่ชื่อว่า “24 Hours in Singapore” ผลงานโดย Baet Yeok Kuan หรืองานประติมากรรม “First Generation” โดย Chong Fah Cheong ซึ่งจะดูเหมือนเด็กๆ กำลังกระโดดลงแม่น้ำ ต่อด้วยผลงานชื่อว่า “Bird” โดย Fernando Botero และ “Homage to Newton” โดย Salvador Dali และแน่นอนว่าคุณจะพบภาพวาดฝาผนังสีสดใสที่สื่อถึงการใช้ชีวิตในสิงคโปร์อยู่ใต้อุโมงค์ด้วย
คนสิงคโปร์พูดได้อย่างภูมิใจว่าเหล่าตัวนากสามารถวิ่งเล่นได้อย่างอิสระในประเทศสิงคโปร์ — แต่คุณจะเจอพวกมันได้ก็ต่อเมื่อคุณรู้ว่าพวกมันอยู่ที่ไหน เราขอแนะนำให้เดินเล่นแถวริมแม่น้ำ นี่แหละ แล้วคุณจะพบว่าพวกมันกำลังสนุกสนานอยู่ในจุดที่คุณ (และเรา) อาจจะคาดไม่ถึง เช่น เดอะโฟลต แอต มารีนาเบย์ (The Float @ Marina Bay) สวนการ์เดนส์ บาย เดอะ เบย์ (Gardens by The Bay) และถ้าหากคุณโชคดีก็จะพบตัวนากได้ตามแม่น้ำสายหลักอีกด้วย
วัฒนธรรมเปอรานากัน (วัฒนธรรมลูกผสมระหว่างคนจีนโพ้นทะเลและคนพื้นเมือง) เป็นวัฒนธรรมที่โดดเด่นอย่างหนึ่งของประเทศสิงคโปร์ และอาหารเปอรานากันก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่เราแนะนำว่าไม่ควรพลาด โดยเฉพาะที่ร้าน Violet Oon Satay Bar and Grill ที่มีให้ชิมทั้งเมนูซิกเนเจอร์อย่างลักซาแห้งและ อะยัม บวค กลูวะก์ (ayam buah keluak) หรือจะเป็นสะเต๊ะย่างและเนื้อย่างซึ่งมีเฉพาะที่ร้านนี้เท่านั้น ส่วนคนที่ไม่กินเนื้อสัตว์ก็มีอาหาร plant-based เป็นอีกหนึ่งทางเลือกด้วย
ร้านอาหารโดย Marco Pierre White เชฟชื่อดังชาวอังกฤษ เสิร์ฟอาหารอังกฤษสมัยใหม่ ใครแวะไปอย่าลืมชิมเมนูขึ้นชื่อของร้านอย่าง กะหล่ำปลียัดไส้ในซอสมะเขือเทศสด และจานสำหรับแชร์อย่าง เนื้อวัวแบล็กแองกัสที่เสิร์ฟพร้อมเอ็นตุ๋นและน้ำจิ้ม
ใครอยากใช้เวลาหนึ่งวันไปกับการเยี่ยมชมสถานที่สวยๆ และต่อด้วยมื้อเย็นเป็นสเต๊กเนื้อนุ่ม ร้าน Bistecca Tuscan Steakhouse คือคำตอบที่ดีที่สุดที่เราอยากแนะนำ สำหรับเมนูแนะนำของร้านคือ Bistecca Fiorentina เนื้อวากิวทีโบนย่างถ่านน้ำหนักมากกว่า 1 กิโลกรัม และมีปริมาณไขมันแทรกอยู่ที่ 6+ เป็นอาหารพิเศษที่ชาวทัสคานีนิยมกินแบบแชร์กัน ทำให้ร้านนี้เหมาะสำหรับการทานมื้อเย็นร่วมกับเพื่อนและครอบครัว
Three Buns ทำให้การจับคู่เบอร์เกอร์กับค็อกเทลกลายเป็นคู่หูที่ต้องสั่งที่ร้านฟีลแคชชวลในย่าน Quayside แห่งนี้ เบอร์เกอร์ของที่นี่ทำสดใหม่ทุกครั้งเมื่อคุณสั่ง ใช้ขนมปังทำโดยร้านท้องถิ่น และซอสก็ทำกันเองในร้าน เมนูเบอร์เกอร์เด่น ได้แก่ Baby Huey ที่ใส่เนื้อ Tasmanian บด ซอสมะเขือเทศ เชดดาชีส แตงดอง มาโยเผ็ด และขนมปังบริโอช และอีกเมนูคือ Da Cheese Master ที่จับคู่เนื้อ Tasmanian บด กับซอสมะเขือเทศแบบดับเบิ้ล มิโซะมัสตาร์ด หอมย่าง ดับเบิ้ลชีส และขนมปังบริโอช — อย่างลืมสั่งค็อกเทลเด็ดอย่าง Yuzu Highball และ Rum'antico ซึ่งเป็นส่วนผสมของรัม เหล้าส้ม ช็อกโกแลตกานาช และไอศกรีมวานิลลา มาจิบแกล้มไปด้วย
ร้านอาหารที่จะพาเราไปสัมผัสประสบการณ์อาหารสิงคโปร์ในรูปแบบที่ทั้งแปลกใหม่และสนุก โดย tasting menu มื้อเย็นจะให้คุณได้ค้นหาความหมายของอาหารท้องถิ่นสุดคลาสสิก เช่น ไอศกรีมรสปูผัดซอสพริก ซอฟต์เสิร์ฟกุ้งซีเรียล โรตีกับเห็ดทรัฟเฟิลดำฤดูหนาว และอีกหลากหลายเมนู
ร้านอาหารหลักของโรงแรม The Warehouse ที่เกิดขึ้นจากความร่วมมือของ The Lo & Behold Group ผู้นำธุรกิจร้านอาหาร บาร์และโรงแรมบูติกในสิงคโปร์ และ Willin Low เชฟผู้บุกเบิกอาหารสิงคโปร์โมเดิร์น ร้านนี้ให้บริการอาหารท้องถิ่นคลาสสิก เช่น โหงวเฮียงและสะเต๊ะ ที่ปรุงจากวัตถุดิบระดับพรีเมียม เช่น หมูดำไอเบริโก และไม่ควรพลาดซิกเนเจอร์ของร้านอย่างปอเปี๊ยะ ซึ่งเราสามารถทำปอเปี๊ยะด้วยตัวเองได้ตามใจชอบเหมือนทำกินที่บ้าน
ร้านนี้ตั้งอยู่ที่ย่านโรเบิร์ตสัน คีย์ ริมแม่น้ำสิงคโปร์ เมนูของ BOTANY เป็นการผสมผสานระหว่างอาหารท้องถิ่นและอาหารตะวันตก เช่น อาหารเช้าจะเสิร์ฟ โจ๊กไก่คู่กับมูสลี่และเฟรนช์โทสต์ อาหารเรียกน้ำย่อยอย่าง โอตาห์ชิปส์จะเสิร์ฟคู่กับอาหารจานหลักอย่างเบอร์เกอร์เนื้อโฮมเมด และเพื่อรักษาคุณภาพของวัตถุดิบ ที่ร้านจึงใช้เฉพาะเกลือหิมาลัยเท่านั้น รวมถึงพาสต้าออร์แกนิกและเนื้อวัวออสเตรเลียที่เลี้ยงด้วยหญ้าในที่อากาศไหลเวียน
บาร์แห่งใหม่ในเครือ Zouk แห่งนี้มาในบรรยากาศสไตล์สปีกอีซี่แบบญี่ปุ่น ให้ความรู้สึกเหมือนแอบซ่อนอยู่ในซอยเล็กๆ ชวนนึกถึงซอยในย่านโกลเด้น ไก (Golden Gai) ที่ชินจูกุ กรุงโตเกียว คุณสามารถเลือกนั่งดื่มใต้ใบไม้เปลี่ยนสีได้ที่เคาน์เตอร์บาร์ หรือใครอยากนั่งดื่มในห้องตกแต่งพิเศษแบบส่วนตัวก็ได้เช่นกัน ซึ่งมีให้เลือกตั้งแต่ห้อง Cathouse ห้องสไตล์เลาจน์มาม่าซังสุดเซ็กซี่ หรือห้องชิบาริดูดีมีระดับ ค็อกเทลของที่นี่ก็ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากวัฒนธรรมญี่ปุ่นเช่นกัน อย่างเช่น Haku-Hai ที่เบสด้วยฮาคุวอดก้า ผสมกับกลิ่นหอมของมัทฉะและใส่คาลพิสเพิ่มความสดชื่น หรือจะเป็น Ume Whiskey Sour เครื่องดื่มรสชาติร้อนแรงเบสด้วยเบอร์เบิน ผสมด้วยบ๊วย แอปริคอท และไข่ขาว หรือจะเลือกเป็น Zen Garden ที่สดชื่อจากจินโรคุ (Roku) เหล้ามิโดริ (Midori) สมุนไพร และมะนาว
Chuan by Nutmeg ที่ตึก UOB Plaza สร้างสรรค์เมนูค็อกเทลโดยได้แรงบันดาลใจจากคอลเล็กชันชาของเครือร้านอาหารจีน Si Chuan Dou Hua ที่เป็นเจ้าของร้าน เกิดผลลัพธ์เป็นค็อกเทลที่มีน้ำชาเป็นเบส ซึ่งแน่นอนว่าให้กลิ่นและรสชาติที่ความละเอียดอ่อนและซับซ้อนไม่ต่างจากชาชั้นดี เหมาะกับการจิบพร้อมๆ กับชมวิวแม่น้ำสิงคโปร์
เราชวนสั่ง Goddess Highball ค็อกเทลเบสชาอู่หลง Tie Guan Ying ผสมฮากุวอดก้าและบิทเทอร์เกรปฟรุ๊ต ให้ความสดชื่น หรือถ้าใครชอบกลิ่นพืชพรรณธรรมชาติต้องสั่ง My Pu’er Lady ที่เบสด้วยชาผู่เอ๋อร์ ผสมด้วยจิน ยูสุ และเลมอน ส่วนใครชอบดื่มค็อกเทลรสชาติเข้มขึ้นสักนิด ลองChrissy Blanc เนโกรนีกลิ่นหอมดอกไม้ มีรสขมอมหวานจากเวอร์มุทดอกเบญมาศและเหล้าดอกเจนเทียน
