รวมจุดแคมป์ปิ้งทั่วญี่ปุ่น กางเต็นท์นอนกลางดาวแบบสุดโรแมนติก

ถ้าใครมีแบงก์พันเยนรุ่นก่อน ก.ค. 2567 อยู่ในมือ วิวภูเขาไฟฟูจิบนนั้นก็คือวิวเดียวกับที่คุณจะได้เห็นจริงๆ ที่ริมทะเลสาบที่เงียบสงบนี้เอง สามารถเลือกได้ทั้งกางเต็นท์หรือพักในเคบิน แถมไม่ต้องปีนป่ายให้เหนื่อย เพราะขับรถมาก็ถึงแล้ว แค่ขนแฮมม็อค เตาบาร์บีคิวพกพา และแก็ดเจ็ตแคมป์ปิ้งทั้งหลายมากางแบบชิลๆ ได้เลย ที่สำคัญหายห่วงเรื่องห้องน้ำได้เลย เพราะที่นี่มีห้องน้ำให้ใช้แบบสะดวกสบาย และครัวส่วนกลางให้ใช้อย่างครบครัน ถ้าไม่ได้ปิ้งไส้กรอกอยู่ริมแคมป์ไซท์ ก็ยังสามารถสวมเว็ตสูทไปดำน้ำ หรือเรียนวินด์เซิร์ฟก็ได้ หรือจะจุดดอกไม้ไฟมือถือ ซึ่งเป็นกิจกรรมหน้าร้อนสุดฮิตของญี่ปุ่นเพื่อเพิ่มประกายให้ทริปได้อีกแบบ แนะนำให้ไปช่วง ฤดูใบไม้ผลิถึงปลายฤดูใบไม้ร่วง ที่ Lake Motosuko

เรียกได้ว่านี่ที่เป็นโอเอซิสใกล้โตเกียวเลยก็ว่าได้ Okutama ตั้งอยู่ชานเมืองโตเกียว เป็นอีกที่ที่หลบหนีความวุ่นวายได้อย่างสมบูรณ์แบบของชาวเมือง ไม่ว่าจะมาพักใจในช่วงเสาร์อาทิตย์ก็คุ้ม เพราะที่นี่มีกิจกรรมให้ทำเพียบ ทั้งชิมสาเก แช่ออนเซ็น ลุยถ้ำ ไปจนถึงล่องแก่ง แต่ถ้าอยากสัมผัสธรรมชาติเต็มอิ่ม แนะนำให้กางเต็นท์ริมแม่น้ำที่ Hikawa Campsite เพราะสามารถตกปลาเทราต์แล้วนอนหลับไปกับเสียงน้ำไหลข้างกายได้เลย ที่พิเศษคือแคมป์นี้ อนุญาตให้ก่อกองไฟได้ต่างจากหลายๆ ที่ในญี่ปุ่น แถมมีฟืนขายเพียง 800 เยนเท่านั้น ได้ก่อกองไฟอบอุ่นตอนพระอาทิตย์ตก พร้อมปิ้งมาร์ชแมลโลว์เพิ่มบรรยากาศโรแมนติกสุดๆ แนะนำให้ไปช่วงฤดูใบไม้ผลิถึงปลายฤดูใบไม้ร่วง ที่ Okutama

อีกหนึ่งที่ที่สวยสะกดจนเรียกกันว่าเป็น หุบเขาสวรรค์แห่งเจแปนแอลป์ หรือ Japan’s Northern Alps ถูกรายล้อมด้วยเทือกเขาฮิดะ เต็มไปด้วยทะเลสาบใสเหมือนกระจกและสายน้ำบริสุทธิ์ โดยเฉพาะช่วงฤดูใบไม้ร่วงที่ป่าเขาจะเปลี่ยนเป็นสีแดง เหลือง และทองสวยสะกดตา ถ้าอยากสัมผัสธรรมชาติอย่างเต็มอิ่ม ก็สามารถกางเต็นท์ได้ตามแคมป์ที่กระจายอยู่ทั่วพื้นที่ ที่แนะนำคือ Konashidaira Camp เดินแค่ 10 นาทีจากป้ายรถบัส Kamikouchi ที่นี่มีบริการให้เช่าอุปกรณ์ตั้งแต่หม้อทำอาหารไปจนถึงถุงนอน เหมาะมากสำหรับคนที่อยากเดินทางแบบตัวเบา เป็นพื้นที่เปิด มาก่อนได้ก่อน (ยกเว้นช่วงไฮซีซั่น ก.ค. - ส.ค.) แต่ในส่วนของบ้านพักต้องจองล่วงหน้า แต่ถ้าใครอยากผจญภัยลึกเข้าไปในหุบเขา แนะนำเส้นทางขึ้น Karasawa Cirque ใช้เวลาเดินประมาณ 6 ชั่วโมง จุดนี้ขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในสถานที่ชมใบไม้เปลี่ยนสีที่สวยที่สุดในญี่ปุ่น ทุกปีตั้งแต่กลาง ก.ย. ถึงปลาย ต.ค. จะเต็มไปด้วยเต็นท์หลากสีสันเรียงรายกลางอ่างภูเขา โดยมี Karasawa Hutte เป็นผู้ดูแลแคมป์ ค่าใช้จ่ายกางเต็นท์ประมาณ 2,000 เยน สำหรับผู้ใหญ่ และ 1,000 เยน สำหรับเด็ก (ไม่ต้องจองแต่ต้องลงทะเบียนที่แคมป์ก่อน) แนะนำให้ไปช่วง ฤดูใบไม้ผลิถึงปลายฤดูใบไม้ร่วง ที่ Kamikouchi

ที่นี่คือสวรรค์ของสายดูดาวเลย เพราะฟ้ากลางคืนเปิดโล่งไร้สิ่งบดบัง มองเห็น ทางช้างเผือก ชัดเต็มตาบนเส้นทาง Tateyama Kurobe Alpine มีแคมป์ลับท่ามกลางขุนเขาชื่อว่า Raichozawa Campsite ใครอยากผจญภัยหน่อยก็สามารถเดิน 1 ชั่วโมงจากสถานี Murodo Terminal พื้นที่กางเต็นท์ไม่ต้องจองล่วงหน้า แค่มีค่าใช้จ่ายเล็กน้อย 1,000 เยน ต่อคนต่อคืน ยิ่งในช่วงฤดูร้อนทุ่งหญ้ารอบๆ แคมป์จะเต็มไปด้วยดอกไม้ป่าเบ่งบานสดใส ยิ่งเพิ่มความโรแมนติกและบรรยากาศการพักแรมบนภูเขา และคนจะนิยมไปกันในฟดูร้อน แคมป์ปิดทุกปีตั้งแต่ปลาย ต.ค. - ปลาย เม.ย. ที่ Mt Tateyama

หากใครอยากลองกางเต็นท์บนเขาสูงครั้งแรก ที่ Mt Tsubakuro ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี ไม่ต้องอาศัยประสบการณ์มากมายเพราะมีเส้นทางเดินเดียวสำหรับขึ้นและลง ลดโอกาสหลงทาง แต่ด้วยความสูงถึง 2,763 เมตร การเดินขึ้นยอดใช้เวลากว่า 6 ชั่วโมง เรียกได้ว่าเหนื่อยหอบและอาจเผลอหลุดคำสบถระหว่างทางได้เลย แต่รับรองว่าเมื่อถึงยอดเขาจะลืมความเหนื่อยไปหมดสิ้น เพราะจะได้เห็นพระอาทิตย์ตกดวงโตเหนือแนวเขา และเช้าวันถัดมายังนอนดู พระอาทิตย์ขึ้นจากเต็นท์ได้อีก บรรยากาศโรแมนติกควรค่าแก่การไปเดตมาก ส่วนใกล้ยอดเขาก็มี Enzanso Hut เป็นที่พักในร่มและลานกางเต็นท์ แต่ต้องจองล่วงหน้า ตัวที่พักมีห้องน้ำพร้อม และมีของจำเป็นขาย แต่บอกเลยว่าแม้จะเป็นช่วงกลางหน้าร้อน แต่อากาศกลางคืนบนยอดเขาก็ยังหนาวจัด ควรเตรียมอุปกรณ์กันหนาวไปให้พร้อมแนะนำให้ไปช่วง ปลาย เม.ย. - ปลาย พ.ย. ที่ Mt Tsubakuro

คิตะดาเกะเป็นภูเขาที่สูงเป็นอันดับสองของญี่ปุ่น ด้วยความสูง 3,193 เมตร และยังติดโผ 100 ยอดเขายิ่งใหญ่ของญี่ปุ่น อีกด้วย แน่นอนว่าการพิชิตยอดเขานี้ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ถ้าใครฮึบและก้าวถึงจุดสูงสุดได้ มีวิวภูเขาไฟฟูจิจากมุมเหนือก้อนเมฆที่สวยเหมือนหลุดไปในภาพที่เคยดูเป็นรางวัลรออยู่ เส้นทางสู่ยอดเขาก็มีหลายเส้นให้เลือกเหมือนกัน แต่ด้วยความชันและสภาพทางที่อันตราย ไม่แนะนำสำหรับมือใหม่ที่จะลองเดินเองโดยไม่มีไกด์ช่วยนำทาง พอขึ้นไปที่ระดับความสูงประมาณ 3,000 เมตรจะมี กระท่อม Kitadake no Koya ไว้ให้พัก ทั้งพื้นที่กางเต็นท์ ราคาจะอยู่ที่ 2,000 เยน ต่อคน และที่พักในร่มแบบเรียบง่ายสำหรับคนที่พกแค่ถุงนอน ราคา 12,000 เยน ต่อคืน รวมอาหารสองมื้อ กระท่อม Kitadake no Koya จะเปิดตั้งแต่ปลายมิถุนายนถึงต้นพฤศจิกายน ก่อนเดินทางควรตรวจสอบสภาพอากาศก่อน เพราะบนเขาอากาศจะเปลี่ยนตลอด ที่ Mt Kita

อีกหนึ่งสถานที่ที่น่าเก็บในเช็กลิสต์ที่ควรไปสักครั้ง อุทยานแห่งชาติไดเซ็ตสึซังเป็นหนึ่งในพื้นที่ธรรมชาติที่สวยที่สุดของญี่ปุ่น ครอบคลุมกว้างใหญ่กว่า 226,764 เฮกตาร์ เรียกได้ว่าใหญ่จนต้องเตรียมตัวอ่านแผนที่และศึกษาเส้นทางการเดินให้ดีก่อนจะออกไปผจญภัย เพราะมันกว้างใหญ่และอาจหลงได้หากไม่มีผู้ชำนาญทางไปด้วย แต่ไม่ต้องห่วงเรื่องจุดพัก มีที่สะดวกสบายอย่าง กระท่อม Hakuundake ที่เพิ่งสร้างใหม่เมื่อปี 2020 สามารถรองรับนักท่องเที่ยวได้ถึง 25 คนในร่ม โดยราคาอยู่ที่ 3,000 เยน ต่อคืน หรือใครอยากสัมผัสบรรยากาศเต็มๆ จะเลือกกางเต็นท์ก็มีพื้นที่ไว้ให้เหมือนกันในราคา 1,500 เยน ต่อคนต่อคืน แนะนำให้ไปช่วงกรกฎาคม - ปลายกันยายน ที่ Daisetsuzan