BAR US

บาร์ใหม่ล่าสุดจากทีม Messengerservice Bar แถวพัฒนาการที่คราวนี้ขยับเข้ามาทำความรู้จักกับนักดื่มโซนกลางเมืองมากขึ้น ร้านตั้งอยู่ในซอยสุขุมวิท 26 ตึกติดปากซอยเลย ข้างหน้าคือออฟฟิศและโชว์รูม Charri แบรนด์เฟอร์นิเจอร์มินิมัล อีกหนึ่งธุรกิจของ ‘อั้ม-วีรัช แสวงทรัพย์’ เจ้าของร้าน เป็นเหตุผลที่การตกแต่งของทั้ง 2 บาร์ดูสวยและเทสต์ดี

ขยายความเรื่องการตกแต่งร้านอีกนิด Bar Us ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้ทั้งร้าน ผนังฝั่งที่เป็นกระจกถูกปิดด้วยม่านสีน้ำเงินทึบ ส่วนผนังด้านอื่นๆ ถูกเปลี่ยนเป็นชั้นสำหรับวางโหลแก้วบรรจุของแห้ง บางอย่างถูกนำมาใช้ทำค็อกเทลแล้ว ลูกค้าสามารถหยิบมาดมได้ ถ้าชอบก็สั่งกับบาร์เทนเดอร์ได้เลย บางอย่างก็ยังไม่ถูกใช้ แต่เจ้าของร้านไปเจอมาแล้วชอบกลิ่นก็จะซื้อมาเก็บไว้ก่อน

จุดที่เด่นที่สุดคือโต๊ะไม้ยาวรูปตัวที (T) ที่อยู่กลางร้านและมีส่วนที่เชื่อมกับหน้าบาร์ ดูคล้ายโต๊ะอาหารมากกว่าโต๊ะสำหรับนั่งดื่มที่บาร์ ซึ่งโต๊ะตัวนี้แหละเป็นที่มาของคอนเซ็ปต์ Drinking Room ซึ่งล้อกับ Dining Room คือการนำกิมมิกของห้องอาหารมาไว้ในบาร์ เริ่มตั้งแต่การต้อนรับลูกค้าด้วยการเสิร์ฟน้ำเปล่า สแน็ก คู่กับผ้าเช็ดปากสีดำที่พับมาเป็นทรงสามเหลี่ยม ไปจนถึงการออกแบบเครื่องดื่มโดยแบ่งเป็น 3 หมวดหลักคือ

Starter – เป็นดริงก์เบาๆ แนวรีเฟรชชิ่ง สำหรับเป็นแก้วเปิด, Main – จะเป็นแนว savory cocktail ที่นำวัตถุดิบที่ใช้ในการปรุงอาหารทั้งใกล้และไกลตัวมาเป็นโจทย์ในการสร้างสรรค์, After – คือ aromatic cocktail ที่แต่ละแก้วมีจุดเด่นอยู่ที่กลิ่นและอาฟเตอร์เทสต์ที่หอมหวาน และความใสๆ คลีนๆ เหมือนของหวานเบาๆ หลังมื้ออาหาร และยังมีหมวด all night ซึ่งเป็นการหยิบคลาสสิกค็อกเทลมาทวิสต์ให้เป็นสไตล์ของร้านด้วย

หน้าบาร์ที่นี่ไม่มีขวดเหล้าวางโชว์แม้แต่ขวดเดียว อุปกรณ์ในการชงค็อกเทลก็มีไม่กี่อย่าง เป็นหน้าบาร์ที่เรียบร้อยที่สุดเท่าที่เคยเจอมาเลย นั่นก็เพราะทุกอย่างถูกเตรียมมาแล้วอย่างดีในกระบวนการหลังบ้าน ส่วนผสมที่ต้องใช้จะถูกใส่ไว้ในขวดแก้วใสทรงเหลี่ยมที่วางอยู่ในช่องสี่เหลี่ยมหน้าบาร์ ข้อดีคือบาร์เทนเดอร์ไม่ต้องเสียเวลากับการชงและความนิ่งของเครื่องดื่มที่เสิร์ฟกี่แก้วก็รสชาติไม่เปลี่ยน

จุดเด่นของ Bar Us คือการนำวัตถุดิบมาใช้อย่างรู้จักและเข้าใจมันจริงๆ (ซึ่งก็มาจากการลองผิดลองถูกในกระบวนการหลังบ้านนั่นแหละ) พอเป็นอย่างนั้นก็เลยสามารถมิกซ์แอนด์แมตช์ได้อย่างถูกฝาถูกตัว และผลลัพธ์ก็คือเครื่องดื่มที่ชูความโดดเด่นของ ‘วัตถุดิบ’ ได้เป็นอย่างดีจนไม่ต้องสนใจด้วยซ้ำว่าใช้สปิริตตัวไหนเป็นเบส และนี่คือ 4 แก้วที่เราอยากแนะนำ

เริ่มจากหมวด starter กับ coriander + cucumber + roasted rice (460 บาท) หรือชื่อเล่น ‘ผักชี’ วัตถุดิบหลักคือผักชีทั้งต้น กลิ่นและอาฟเตอร์เทสต์ก็คือผักชีแบบไม่ผิดเพี้ยนแต่กลับดื่มง่ายจนเป็นแก้วขายดีของร้าน สิ่งที่ทำให้แก้วนี้มีเอกลักษณ์คือ ‘รากผักชี’ ที่ให้กลิ่นโทนเอิร์ธตี้ซึ่งเข้ากันดีกับข้าวคั่วที่ใส่มาด้วย ส่วนผสมอื่นๆ จะออกแนวสดชื่นและให้รสเปรี้ยว เช่น แอปเปิ้ลเขียว เลม่อน แตงกวา ตัดด้วยความเซเวอรี่จากน้ำมะกอก

เปิดลิ้นด้วยความสดชื่นแล้วก็ต่อด้วยหมวด main กับ lemon basil + ginger + fish sauce (460 บาท)  ชื่อเล่นคือ ‘น้ำปลา’ แก้วนี้ต้องการขายความเค็มเลยเลือกใช้ ‘น้ำปลา’ เป็นวัตถุดิบหลักแล้วนำวัตถุดิบอื่นๆ มากลบสิ่งที่ไม่ต้องการจากน้ำปลา แต่ยังต้องให้คนดื่มรู้ว่านี่คือน้ำปลาอยู่ ซึ่งสิ่งที่อยู่ในแก้วนี้ก็จะมีทั้งกลิ่นของใบแมงลัก ความเผ็ดร้อนของขิง น้ำมันพริกและหอมแดง เป็นประสบการณ์การดื่มน้ำปลาที่ดีเกินคาด

ตบท้ายด้วยของหวานจากหมวด after กับ ylang ylang + almond (460 บาท) หรือ ‘กระดังงา’ ดอกไม้ที่หลายคนคุ้นชื่อดี ให้กลิ่นหอมที่ซับซ้อนแต่จะเด่นจะไปทางเอิร์ธตี้จึงถูกจับคู่กับอัลมอนด์ที่มีทั้งความนัตตี้ปนๆ ฟรุตตี้ ฟลอรัล ซึ่งลงตัวกับรสชาติที่ไม่ได้หวานหรือเปรี้ยวจนเกินไปของแก้วนี้ และอีกแก้วที่น่าลองคือ vetiver + negroni (460 บาท) จากหมวด all night ที่ทางร้านนำคลาสสิกค็อกเทลยอดนิยมอย่างเนโกรนีมาทวิสต์ด้วยการใส่กลิ่นของหญ้าแฝกหอมเข้าไป ใครชอบเนโกรนีต้องลอง

Bar Us อยู่ในซอยสุขุมวิท 26 ร้านเปิดทุกวันอังคาร - อาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 18.00 - 00.00 น.