Talk of the town

  • Bars
  • วัฒนา
  • ราคา 3 จาก 4
  • 4 จาก 5 ดาว
  • แนะนำ
  1. Talk of the town
    Tanisorn Vongsoontorn / Time Out Bangkok
  2. Talk of the town
    Tanisorn Vongsoontorn / Time Out BangkokTalk of spritz
  3. Talk of the town
    Tanisorn Vongsoontorn / Time Out BangkokAlmond blossoms 1986
  4. Talk of the town
    Tanisorn Vongsoontorn / Time Out BangkokBe blown away
  5. Talk of the town
    Tanisorn Vongsoontorn / Time Out BangkokRed lantern
  6. Talk of the town
    Tanisorn Vongsoontorn / Time Out Bangkok
  7. Talk of the town
    Tanisorn Vongsoontorn / Time Out Bangkok
  8. Talk of the town
    Tanisorn Vongsoontorn / Time Out Bangkok
การโฆษณา

Time Out พูดว่า

4 จาก 5 ดาว

ทุกคืนวันศุกร์ถ้าอยากไปแฮงเอาต์หลายคนก็มักจะปักหมุดไปที่ทองหล่อและเอกมัยก่อนที่อื่นๆ เสมอ เพราะมีบาร์มีร้านให้เลือกนั่งเยอะแยะ ผู้คนก็คึกคักราวกับเมืองนี้ไม่มีใครหลับใครนอน ไปทีไรก็สนุกกับบรรยากาศที่คุ้นเคย แต่เราจะผูกขาดตัวเองกับสถานที่เดิมๆ ไปทำไม ในเมื่อทุกวันนี้มีทั้งร้านสวยๆ และบาร์น่านั่งเปิดใหม่แทบทุกตรอกซอกซอย อย่างบาร์ที่เราพามารอบนี้ก็อยู่แค่แยกพระโขนง เลยเอกมัยมานิดเดียวเอง

Talk of the town คือชื่อของร้านที่เราพูดถึง ชื่อนี้มาจากความตั้งใจที่ว่าอยากให้ทุกคนที่มาที่นี่มีอะไรให้พูดถึง อยากให้ร้านเป็นที่พูดถึงแบบ Talk of the town ส่วนการตกแต่งร้านก็ชวนให้พูดคุยตั้งแต่ภาพเขียนหน้าร้านที่ภาพ คิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือกับประธานาธิบดีสหรัฐ โดนัล ทรัมป์ นั่งซดเบียร์อยู่บนระเบิดนิวเคลียร์ เป็นการหยิกแกมหยอกที่น่ารักและทันยุคทันสมัยดีเหมือนกัน

ส่วนภายในร้านถึงจะดูหรูหรา แวววาวด้วยทองแดงที่ด้านหลังบาร์ แต่ก็ยังมีความวินเทจกลืนๆ อยู่ ด้วยกระจกเก่า เก้าอี้ไม้หน้าบาร์สีเข้มๆ และเพดานที่ตั้งใจเปิดโล่งโชว์การเดินท่อและสายไฟ ส่วนที่ผนังด้านในก็จะมีภาพจากข่าวดังและบุคคลสำคัญต่างๆ แต่ละภาพก็จะมีเรื่องราวให้พูดถึงได้ไม่ซ้ำกัน

เครื่องดื่มของร้านนี้มาจากการคิดค้นของ ทอมมี่ - สุวรรณ สีลี บาร์เมเนเจอร์ ดีกรีอันดับ 3 ของโลก จากการแข่งขันบาร์เทนเดอร์ที่อิตาลี จะเน้นให้คนเข้าถึงได้ง่าย แต่ละแก้วได้รับแรงบันดาลใจมาจากเรื่องราวรอบๆ ตัวเรา ไม่ว่าจะเป็นข่าว เหตุการณ์ กระแสหรือคนดัง ที่สำคัญคือวัตถุดิบแต่ละอย่างจะเน้นใช้วัตถุดิบที่ทำเอง โดยทอมมี่ย้ำกับเราว่า “เราจะไม่ซื้อของมาใส่ แต่จะซื้อของมาทำแล้วค่อยใส่”

เดินเข้ามาในร้านแล้วอาจจะสะดุดตากับพื้นที่หลังบาร์ที่มีแท็บเครื่องดื่มแทนที่จะเป็นขวดเหล้าอย่างที่เราคุ้นเคย หลายคนอาจจะคิดว่าเป็นดราฟต์เบียร์ แต่จริงๆ ก็คือ ร้านนี้มีค็อกเทลออนแท็บ ที่ทอมมี่ต้องการสร้างความแปลกใหม่ให้บาร์ในกรุงเทพฯ

จริงๆ แล้วในแท็บจะไม่มีแอลกอฮอล์เพราะถือว่าผิดกฎหมายไทย แต่จะเป็นคราฟต์โทนิกที่ทางร้านทำเอง จากวัตถุดิบธรรมชาติผสมกับโทนิกที่ผ่านการต้มแล้วอัดแก๊สเข้าไปเพื่อให้ได้รสและกลิ่นตามต้องการ นำมาเพิ่มความสนุกสนานให้เครื่องดื่มแต่ละแก้ว ส่วนคลาสสิกค็อกเทลที่เราจะได้เห็นลีลาการชงของบาร์เทนเดอร์แบบแก้วต่อแก้ว ก็ยังมีอยู่ เพราะที่ร้านถือว่าเป็นเสน่ห์ที่อยากรักษาไว้คู่กับความแปลกใหม่

สำหรับการมาเยือนครั้งแรก Talk of the town ต้อนรับเราด้วยค็อกเทลซิกเนเจอร์ 4 แก้ว แก้วแรกคือ Talk of Spritz (270 บาท) เบสด้วย London dry gin และ Rose limoncello เพิ่มกลิ่นหอมด้วย Peychaud’s bitter แก้วนี้รสชาติคล้ายๆ แชมเปญ เป็นแก้วโปรดของลูกค้าเพราะอร่อย ดื่มง่ายและแก้วสวย ชื่อค็อกเทลได้รับแรงบันดาลใจมาจากเรื่องราวของร้านที่ตั้งใจคิดค้นแก้วนี้ขึ้นมาให้มีความแตกต่างจากเครื่องดื่มตระกูล Spritz

อีกแก้วที่ขายดีก็คือ Be blown away (320 บาท) ใช้สุรา Mekhong เป็นเบส ซึ่งเป็นสุราที่มีรสและกลิ่นของสมุนไพรผสมอยู่ด้วยจึงถูกใจลูกค้าชาวต่างชาติที่อยากลิ้มลองความแปลกใหม่ ส่วนผสมอื่นๆ ก็มีทั้ง Rosso vermouth, Yellow chartreuse, Honey fresh pineapple,  Lime juice, ไข่ขาว และตกแต่งด้วยโหระพารัฟเฟิลสีม่วง ได้รสชาติหวานละมุน ดื่มง่าย กลิ่นหอมติดปากจนติดใจ

ตามมาด้วย Almond Blossoms 1986 (320 บาท) ใช้ Bacardi white rum เป็นเบส เพิ่มความสดชื่นด้วย Passion liqueur ผสม Green tea syrup และ Chocolate bitter รสชาติคล้ายๆ Long island แต่อัปเกรดขึ้นมาเป็นค็อกเทลที่แรงที่สุดในร้านด้วยส่วนผสมของ Lemon juice absinthe ส่วนชื่อได้แรงบันดาลใจมากจากภาพเขียนของ Vincent van Gogh

และสุดท้ายคือ Red lantern (320 บาท) แก้วนี้ใช้ Vodka lemongrass ginger เป็นเบส เพิ่มความเป็นญี่ปุ่นด้วย Yuzu sake ผสมกับ St. German, Yellow chartreuse, lemon juice เขย่าจนเกิดฟองแล้วหยด Peychaud’s bitter สีแดงลงบนฟองสีขาวให้คล้ายๆ โคมแดงเพราะแก้วนี้พูดถึงเรื่องราวของแดนโคมแดงในญี่ปุ่น เป็นอีกหนึ่งแก้วที่มีกลิ่นเฮิร์บค่อนข้างแรง มีรสเผ็ดของสมุนไพรนิดๆ ดื่มแล้วร้อนในคอเบาๆ

ช่วงนี้ Talk of the town ยังอยู่ในช่วง Soft Opening โดยเตรียมตัวจะ Grand Openign เร็วๆ นี้ จากนั้นก็จะมีดีเจมาเปิดเพลงสร้างบรรยากาศในทุกๆ สัปดาห์ แนวเพลงก็จะมีทั้งดิสโก้ โอลด์สคูล ฟังก์ ดีปเฮาส์ ฮิปฮอป หมุนเวียนกันไปในแต่ละวัน ถึงจะเป็นร้านเปิดใหม่แต่ต้องยอมรับว่าหลายๆ อย่างมีความเป็นมืออาชีพมากๆ ถ้าอยากรู้ว่าแฮงเอาต์แบบ Talk of the town เป็นยังไง ก็ลองขยับขยายพื้นที่ความสนุกยามค่ำคืนออกมาจากโซนเดิมๆ สักนิดสิ

Suriyan Panomai
เขียนโดย
Suriyan Panomai

รายละเอียด

ที่อยู่
1599
ชั้น G, W District
ซอยสุขุมวิท 69-69/1 เขตวัฒนา
กรุงเทพฯ
10110
ข้อมูลติดต่อ
ดูเว็บไซต์
080 629 4624
เปิดบริการ
17.30 - 00.00 น.
การโฆษณา
เรื่องน่าสนใจอื่นๆ ที่คุณน่าจะชอบ