[title]
นักดื่ม - นักสูบไทยเตรียมตัวให้พร้อมกับราคาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ (เหล้า เบียร์ ไวน์) และบุหรี่ที่คาดว่าจะปรับตัวสูงขึ้นภายหลังจากที่ พระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต พ.ศ. 2560 เริ่มมีผลบังคับใช้แล้วตั้งแต่วันที่ 16 กันยายน 2560 ที่ผ่านมา ซึ่งนอกจากสินค้าข้างต้นแล้ว สินค้าที่ได้รับผลกระทบยังได้แก่สินค้าเครื่องดื่มที่จะถูกเก็บภาษีตามปริมาณความหวาน รวมไปถึงเครื่องดื่มชูกำลังอีกด้วย มาดูกันว่ารายการสินค้าจะมีราคาอัพเดตหลังปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตกันอย่างไรบ้าง โดยราคาต่อไปนี้เป็นราคาต่อหน่วยและเป็นราคาโดยประมาณ
สินค้าประเภทสุรา
เบียร์กระป๋อง ปรับขึ้น 0.50 บาท
เบียร์ราคาถูก ปรับขึ้น 2.66 บาท
เบียร์ราคาแพง ปรับลง 0.99-2.05 บาท
สุราผลิตภายในประเทศ ปรับขึ้น 8-30 บาท
สุรานำเข้า ปรับลง 3-26 บาท
ไวน์ผลิตภายในประเทศราคาต่ำกว่า 1,000 บาท ปรับลง 25 บาท
ไวน์นำเข้า ปรับขึ้น 110 บาท
เหล้าขาว ปรับขึ้น 0.84-3.50 บาท
สินค้าประเภทยาสูบ เป็นประเภทสินค้าที่มีการขึ้นภาษีมากที่สุด
แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ 1 เก็บภาษี 1.20 บาทต่อมวน จากเดิม 1.10 บาทต่อมวน และ 2 คือ เก็บภาษีตามมูลค่าขายต่อซอง โดยบุหรี่ที่ราคาต่อซองต่ำกว่า 60 บาทจะเก็บภาษีเพิ่มขึ้น 20% และบุหรี่ที่ราคาสูงกว่า 60 บาทจะเก็บภาษีเพิ่มขึ้น 40%
สินค้าเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลและเครื่องดื่มชูกำลัง
เครื่องดื่มอัดก๊าซคาร์บอนที่มีน้ำตาล ปรับขึ้น 0.13-0.50 บาท
เครื่องดื่มอัดก๊าซคาร์บอนที่ใช้สารให้ความหวานแทนน้ำตาล ปรับลง 0.25-0.36 บาท
เครื่องดื่มชูกำลังขนาว 150 ซีซี ปรับลง 0.11 บาท
เครื่องดื่มชูกำลังขนาดอื่นๆ ปรับขึ้น 0.32-0.90 บาท
น้ำผลไม้ ปรับขึ้น 0.06-0.54 บาท
ชาเขียว ปรับขึ้น 1.13-2.05 บาท
กาแฟพร้อมดื่ม ปรับขึ้น 1.35 บาท
Time Out ได้โทรฯ ไปสอบถามกับฝ่ายสื่อสารองค์กร บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) เจ้าของเครื่องดื่มช้าง ได้คำตอบว่าทางไทยเบฟฯ ยังไม่ได้มีการปรับราคาขายเครื่องดื่มในตลาดแต่อย่างใด (โล่งอก) ก็คงต้องติดตามกันต่อไปว่า ราคาของสินค้าและเครื่องดื่มแต่ละประเภทจะมีขี้นไปอยู่ที่เท่าไหร่ ในช่วงนี้ก็ยังซื้อของได้ในราคาเดิม สามารถอ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับพระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิตได้ที่นี่