เลือกตั้ง พรรค การศึกษา party education
Narin Machaiya/Time Out Bangkok

โค้งสุดท้าย! สำรวจนโยบายพรรคการเมืองด้าน "การศึกษา"

เทียบกันหมัดต่อหมัดว่านโยบายด้านการศึกษาของพรรคการเมืองที่เราเห็นว่าน่าสนใจมีอะไรกันบ้าง

เขียนโดย
Wissuta Ploypetch
การโฆษณา

เหลือเวลาอีกแค่เพียงประมาณ 10 วันก็จะถึงการเลือกตั้งครั้งสำคัญที่คนทั้งประเทศรอคอย และอีกเพียง 4 วันสำหรับผู้ที่ลงทะเบียนเลือกตั้งนอกเขตเอาไว้ หลายพรรคการเมืองก็ได้ออกนโยบายต่างๆ มาเป็นความหวังให้กับเราว่าปัญหาหลายอย่างที่หมักหมมมานานก็อาจจะได้รับการแก้ไขเสียที หากพรรคการเมืองที่เราเลือกนั้นได้เข้าไปทำงาน

หนึ่งในปัญหาที่ว่า อย่างไรก็ต้องมีเรื่อง "การศึกษา" รวมอยู่ เพราะในขณะที่นานาชาติให้ความสำคัญกับการปลูกฝังทักษะอันหลากหลาย เพื่อเตรียมพร้อมให้เยาวชนสามารถรับมือกับความท้าทายและปัญหาใหม่ๆ ในสังคมโลก แต่ระบบการศึกษาไทยยังคงลุ่มๆ ดอนๆ ใช้เด็กเป็นเครื่องทดลองรูปแบบการเรียนการสอนที่ไม่มีมาตรฐาน จนผลสัมฤทธิ์การเรียนของเด็กไทยนั้นอยู่ต่ำในระดับรั้งท้ายของการจัดอันดับนานาชาติ อีกทั้งยังไม่สามารถตอบสนองความต้องการด้านแรงงานที่เปลี่ยนแปลงไปตามโลกาภิวัตน์

เราจึงคิดว่าต้องมีหลายคนที่กำลังมองหาพรรคการเมืองที่มีความเป็นไปได้ว่าจะเข้ามาช่วยเปลี่ยนแปลงการศึกษาของประเทศไทยให้ดีขึ้น จึงได้รวบรวมนโยบายด้านการศึกษาของพรรคการเมืองต่างๆ จากข้อมูลนโยบายจากเว็บไซต์หลักของแต่ละพรรค ข่าวการเมือง รวมไปถึงการปราศัยนโยบายบนเวทีสาธารณะต่างๆ มาเทียบให้เห็นชัดๆ เลยว่าแต่ละพรรค มุ่งเน้นไปที่องค์ประกอบไหนกันบ้าง เพื่อเป็นตัวช่วยในการตัดสินใจ

พรรคชาติไทยพัฒนา

ให้ความสำคัญกับผู้เรียน ซึ่งรวมตั้งแต่การจัดสวัสดิการอาหารกลางวัน อาหารโภชนาการเหมาะสม ส่งเสริมให้ทุกคนเข้าสู่ระบบการศึกษาอย่างมีประสิทธิภาพซึ่งนอกจากคงนโยบายเรียนฟรีในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานยังรวมถึงการจัดหาทุนการศึกษาเพื่อให้สามารถเข้าสู่ระบบการศึกษาที่สูงขึ้น และสร้างโอกาสในการเรียนรู้ตลอดชีวิต พรรคฯ ยังเล็งเห็นความสำคัญของการแนะแนวการศึกษา เพื่อการกำหนดเป้าหมายทางการศึกษาได้อย่างเหมาะสม และตอบโจทย์ของสังคมและประเทศ

พัฒนาคุณภาพครู และบุคลากรทางการศึกษา ส่งเสริมให้เกิดการฝึกอบรมวิทยาการ และองค์ความรู้ใหม่ๆ ที่ทันสมัยแก่ครู และบุคลากรทางการศึกษา รวมทั้งจัดสวัสดิภาพและสวัสดิการครู การสร้างแรงจูงใจให้ครูกลับบ้านเกิดเพื่อการพัฒนาคุณภาพการศึกษาของสังคมในท้องถิ่นต่างๆ และจะสนับสนุนให้ปราชญ์ชาวบ้านมีส่วนร่วมในการให้การศึกษาให้มากยิ่งขึ้น

ส่งเสริมหลักสูตรบูรณาการ คือการพัฒนาหลักสูตรการศึกษามีทั้งด้านวิชาการและแนวทางการดำรงชีวิต ตลอดจนเป็นหลักสูตรที่สร้างความรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้องในการสืบสานขนบธรรมเนียม ประวัติศาสตร์แห่งท้องถิ่น และวัฒนธรรมของชาติ จะส่งเสริมให้ผู้เรียนกล้าคิดกล้าทำอย่างมีสติ และมีเหตุผล มีความรักในถิ่นกำเนิด และเปิดโอกาสให้ผู้บริหารสถานศึกษา และชุมชน มีส่วนร่วมในการจัดทำหลักสูตรและประเมินผลการจัดระบบการศึกษา พิจารณาการนำเทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามาใช้ในการจัดการเรียนการสอน จัดให้มีตำราเรียน และอุปกรณ์การเรียนการสอนที่ทันสมัย และพัฒนาหลักสูตรให้เหมาะกับกลุ่มบุคคลพิเศษ เช่น ผู้พิการ และผู้มีปัญญาเลิศ ตลอดจนจะพัฒนาห้องสมุดให้เป็นแหล่งข้อมูลทางการศึกษาที่ครบวงจร

เพิ่มศักยภาพการบริหารการศึกษา โดยจะส่งเสริมและสนับสนุนการกระจายอำนาจ เพื่อองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ชุมชน องค์กรทางศาสนา และภาคเอกชนเข้ามามีส่วนในการจัดการศึกษาทุกระดับ และจะมุ่งส่งเสริมการจัดให้มีสถานศึกษาขึ้นในทั่วทุกภูมิภาคอย่างเพียงพอ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของการบริหารการศึกษา อุดหนุนสถานศึกษาทุกแห่งอย่างเป็นธรรม และเหมาะสมกับสภาพของแต่ละสถานศึกษา

งบประมาณและระยะเวลายังไม่ได้ระบุไว้ชัดเจน

พรรคประชาธิปัตย์

เบี้ยเด็กเข้มแข็ง หรือที่ใช้สโลแกนว่า “เกิดปั๊บ รับสิทธิ์เงินแสน” คือจะให้เงินสนับสนุนแก่เด็กที่เกิดใหม่ทุกคนทันที 5,000 บาทต่อคน และอีกเดือนละ 1,000 บาท จนกระทั่งอายุครบ 8 ปี รวมเป็นเงิน 100,000 บาทต่อคนพอดี ซึ่งทางพรรคมองว่าเป็นการลงทุนที่สำคัญในการพัฒนาเด็กและลูกหลานตั้งแต่แรกเกิด

ศูนย์เด็กเล็กคุณภาพดีทั่วไทย ซึ่งจะช่วยลดความเหลื่อมล้ำของโอกาสทางการศึกษา ให้เด็กในพื้นที่นอกเมืองมีโอกาสได้รับการดูแล พัฒนาคุณภาพบุคลากรที่จะเข้าไปดูแล พัฒนากระบวนการคิดของเด็ก

เรียนฟรีถึงระดับปวส. จบแล้วมีงานทำ โดยจะสนับสนุนส่งเสริมทั้งสายสามัญและสายอาชีพควบคู่กันไปภายใต้ระบบที่เรียกว่า “ทวิภาคี” คือสนับสนุนให้เอกชนมีส่วนร่วมในการจัดหลักสูตร อบรมทักษะผ่านการฝึกงาน การเรียนรู้จากอุปกรณ์จริงที่ทันสมัย และสถานประกอบการธุรกิจใดที่รับเด็กจบการศึกษาไปฝึกงานใน 6 เดือนแรก จะสามารถลดหย่อนภาษีจากค่าใช้จ่ายหรือค่าจ้างในช่วงนี้ได้ด้วย

จัดตั้งกองทุน Smart Education ซึ่งเป็นองค์กรอิสระมีรายได้เป็นของตนเองและไม่ขึ้นอยู่กับนโยบายหรือการจัดสรรงบประมาณประจำปี โดยองค์กรนี้มีหน้าที่ให้การสนับสนุนทางการเงินแก่องค์กรต่างๆ ที่ทำงานทางด้านการศึกษาเพื่อพัฒนาการศึกษา ลดข้อจำกัดกระบวนการทำงานภายใต้ระบบราชการเพียงอย่างเดียว

ปรับหลักสูตร มุ่งหมายให้เด็กทุกคนพูดภาษาอังกฤษได้ โดยในระดับประถมศึกษายังคงเน้นวิเคราะห์และท่องจำรายวิชาพื้นฐาน ทั้งคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ภาษา และสังคม ในระดับมัธยมต้นเน้นให้เด็กค้นหาตัวตน ความชอบ ความถนัด แล้วในระดับมัธยมปลายจึงให้โอกาสเด็กได้เลือกเรียนเป้าหมายและความถนัด และในระดับอุดมศึกษาให้ลดความซับซ้อนของการสอบเข้ามหาวิทยาลัย

งบประมาณคาดการณ์อยู่ที่ 82,000 ล้านบาท สำหรับระยะเวลา 8 ปี

การโฆษณา
พรรคเพื่อไทย

ยกการพัฒนาคนให้เป็นวาระแห่งชาติ พรรคเพื่อไทยมาด้วยสโลแกน “พัฒนาคนให้ทันโลก” มุ่งสร้างระบบการศึกษาไทยให้เอื้ออำนวยให้เด็กไทยก้าวสู่สากล เป็นพลเมืองโลกที่มีคุณภาพ พร้อมด้วยทักษะการคิดวิเคราะห์ รวมทั้งสื่อสารได้หลายภาษา เช่น ไทย อังกฤษ จีน นอกจากนั้นยังต้องการสร้างระบบการศึกษาที่เรียนจบแล้วมีงานทำ เช่น กลุ่มอาชีวะศึกษาที่ต้องการการพัฒนาในด้านทักษะและฝีมือที่ตรงกับความต้องการของตลาดแรงงาน

กระจายอำนาจการศึกษา เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการ การใช้งบประมาณ ยึดเด็กเป็นศูนย์กลาง โดยนอกเหนือจากการรักษามาตรฐานทางวิชาการในกรอบกว้างๆ ของกระทรวงศึกษาธิการ พรรคเพื่อไทยเห็นว่าควรเปิดโอกาสให้โรงเรียนและท้องถิ่นมีอิสระในการกำหนดวิชาศึกษาเพิ่มเติมที่ใช้ในการประกอบอาชีพให้สอดคล้องกับศักยภาพและความต้องการของผู้ศึกษามากขึ้น

ใช้เทคโนโลยีเพิ่มขึ้นในการเรียนการสอน เพื่อเปิดโลกให้กับอาจารย์และนักเรียน เช่น Video Conference, One Laptop per Child และ Course Ware

ให้ทุนการศึกษาและการกู้ยืมเงินเพื่อการศึกษา เพื่อแบ่งเบาภาระผู้ปกครองและช่วยให้เด็กและเยาวชนไทยมีโอกาสได้เรียนต่อ เช่น นโยบายเรียนก่อนผ่อนทีหลังเมื่อมีงานทำ ด้วยกองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษาที่ผูกพันกับรายได้ในอนาคต ผ่อนคืนเมื่อมีรายได้

ลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา เพิ่มงบประมาณและให้ความสำคัญการศึกษาปฐมวัย มีมาตรการที่จะให้มีความเท่าเทียมกันของโอกาสที่จะเข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพตามมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ โดยจะช่วยเหลือตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดาถึงอายุ 8 ขวบ ยกระดับให้มีศูนย์พัฒนาเด็กเล็กอัจฉริยะ 20,000 แห่งทั่วประเทศ

งบประมาณและระยะเวลายังไม่ได้ระบุไว้ชัดเจน

พรรคพลังประชารัฐ

โรงเรียนดี มีคุณภาพ ขยายโรงเรียนประชารัฐร่วมพัฒนาจาก 77 แห่งเป็น 1,00 แห่งใน 4 ปี ให้จังหวัดมีอิสระในการจัดการศึกษา ให้โรงเรียนมีอิสระในการตัดสินใจ ต่อยอด “1 ตำบล 1 โรงเรียน 4.0” และฟื้นฟูโครงการ "บวร: บ้าน วัด โรงเรียน"

ช่วยครูเดิม สร้างครูใหม่ เปิดให้วิชาชีพอื่นมาทำการสอนในวิชาใหม่ๆ หรือขาดแคลนครูผู้สอน เช่น ปัญญาประดิษฐ์ (AI) หรือโปรแกรมมิ่ง (Coding) และพัฒนา Master Teacher เพื่อเป็นโค้ชสร้างครูพันธุ์ใหม่ 100,000 คนใน 10 ปี

เตรียมพลเมืองอัจฉริยะสู่โลก 4.0 ปรับหลักสูตรเรียนพื้นฐาน ปัญญาประดิษฐ์ (AI) หรือโปรแกรมมิ่ง (Coding) ตั้งแต่มัธยมปลาย แจกบอร์ดอัจฉริยะ “KidBright” [ไม่ได้ระบุว่าคืออะไร] 1 ล้านชิ้นให้เด็ก 1 ล้านคนใน 4 ปี รวมทั้งจะคืนครูให้ศิษย์ [ไม่ได้ระบุว่าคืออะไรเช่นกัน]

เสริมความรู้ เพิ่มทักษะ สร้างอาชีพ ประกันรายได้สำหรับบัณฑิตปริญญาตรีที่ 18,000 บาทต่อเดือน เปิดโอกาสให้เรียนรู้ภาษาที่ 2 และ 3 ส่งเสริม Edtech Startup เพื่อการศึกษา และคนไทย 4.0 ต้องเรียนรู้ 10STEM [ไม่ได้ระบุว่าหมายความถึงอะไร]

สร้างโอกาสการศึกษาที่เท่าเทียม แจกซิมประชารัฐพัฒนาการเรียนรู้ให้แก่นักเรียน ซึ่งมีค่าบริการอินเทอร์เน็ตถูกกว่าปกติ ยกระดับ 3,000 โรงเรียนขนาดเล็กที่อยู่ห่างไกล และหลอมรวมบางส่วนของ 12,000 โรงเรียนขนาดเล็กโดยให้ชุมชนเป็นเจ้าภาพ และใช้กลไก กสศ. ช่วยเหลือนักเรียนยากจนไม่ให้ Drop Out

งบประมาณและระยะเวลายังไม่ได้ระบุไว้ชัดเจน

การโฆษณา
พรรคภูมิใจไทย

เรียนออนไลน์ ฟรีตลอดชีวิต นโยบายนี้มุ่งสร้างความเท่าเทียมทางการศึกษา ด้วยการสร้างระบบการศึกษารูปแบบใหม่ซึ่งเปิดโอกาสให้ทุกคนได้เรียนฟรีด้วยระบบออนไลน์ ตั้งแต่มัธยมศึกษา สายวิชาชีพ ปวช.ปวส. ถึง อุดมศึกษา ด้วยสถาบันการศึกษาออนไลน์ คลังแห่งองค์ความรู้ทุกสาขาที่จะมีการแลกเปลี่ยนกับทุกๆ สถาบันการศึกษา ทั่วประเทศและทั่วโลก เพื่อให้คนไทยเข้าถึงการศึกษาได้อย่างเท่าเทียมทั่วถึง เป็นธรรม และไม่มีค่าใช้จ่าย และเป็นสถาบันการศึกษาที่ทุกคน สามารถเข้ามาใช้เพื่อเพิ่มเติมองค์ความรู้ใหม่ๆ ให้แก่ตัวเองได้ตลอดชีวิต รัฐจะใช้ระบบงบประมาณ แบบ Pay Per View

ไปโรงเรียน สัปดาห์ละ 4 วัน นโยบายส่วนหนึ่งเพื่อช่วยแก้ปัญหาฝุ่นควันและการจราจรในกรุงเทพมหานคร โดยพรรคฯ เห็นว่าในโลกยุคออนไลน์ทุกคนสามารถเรียนที่ใด เวลาใด สถานที่ใดก็ได้ และเวลาเรียนที่เหลือให้จัดตารางเรียนใหม่เพื่อให้เข้าศึกษาทางระบบออนไลน์มีห้องเรียนอยู่ที่บ้าน

แก้หนี้กยศ. ลดภาระหนี้สินจากการศึกษาเพื่อให้มีกำลังใจทำงาน เนื่องจากมีผู้กู้ในโครงการให้กู้ยืมเงินเพื่อการศึกษา 5 ล้านคน มีผู้ค้ำประกัน 10 ล้านคน ทำให้ตอนนี้มีมูลหนี้อยู่ 5 แสนล้านบาท นักเรียนนักศึกษา เรียนจบมีหนี้ติดตัว คนไม่มีงานทำต้องหนีหนี้ อีกทั้งยังมีการเก็บค่าดอกเบี้ย และเบี้ยปรับ18 % เมื่อไม่มีเงินจ่าย ผู้ค้ำประกันถูกยึดทรัพย์ ขายทอดตลาด พรรคภูมิใจไทยจึงจะช่วยดูแลหนี้ส่วนนี้ด้วยมาตรการผ่อนคืนเงินต้น 10 ปี ไม่มีดอกเบี้ย ยกเลิกค่าปรับ ปลดภาระผู้ค้ำประกันและพักหนี้ 5 ปี

งบประมาณและระยะเวลายังไม่ได้ระบุไว้ชัดเจน

พรรคอนาคตใหม่

ยกระดับสิ่งแวดล้อมด้านการศึกษา โดยนโยบายนี้ครอบคลุมหลายโครงการ ไม่ว่าจะเป็นการจัดตั้งศูนย์รับเลี้ยงเด็กจำนวน 20,000 แห่งทั่วประเทศไทย ทั้งยังมุ่งยกระดับระบบการศึกษาทั้งสายสามัญและอาชีวะ ปรับปรุงอุปกรณ์การเรียนการศึกษา ซึ่งรวมถึง Wi-Fi ที่ใช้ได้จริง และห้องสมุดที่มีคุณภาพประจำโรงเรียน 17,000 โรง และสถาบันฝึกอาชีวะจำนวน 900 โรงทั่วประเทศไทย

ปฏิรูปโครงสร้างการศึกษาทั้งระบบ พรรคอนาคตใหม่เสนอให้ยุบโครงสร้างกระทรวงศึกษาธิการส่วนที่ไม่จำเป็น รวมถึงโครงการที่ไม่เอื้อต่อการเรียนรู้ของนักเรียน โดยคาดว่านโยบายนี้จะทำให้บุคลากรทางการศึกษาในประเทศไทยมีเวลาพัฒนาและช่วยเหลือซึ่งกันและกันในระบบการศึกษาทั้งหมดมากขึ้น พรรคฯ ยังจะกำหนดให้งบประมาณการศึกษาเป็นงบประมาณตายตัว เพื่อจัดสรรเป็นค่าอาหารกลางวันรายหัวสำหรับนักเรียนตั้งแต่ระดับอนุบาลไปจนถึงระดับมัธยมศึกษา ทั้งยังมีนโยบายเพิ่มนักโภชนาการ 1 คน / 1 เขตการศึกษา เพื่อมุ่งให้โรงเรียนสามารถปรุงอาหารที่ถูกต้องตามหลักโภชนาการ

พัฒนาหลักสูตรการศึกษา ให้นักเรียนลดการท่องจำวิชาหลักและเพิ่มปริมาณวิชาเลือก ทั้งยังสนับสนุนให้โรงเรียน ชุมชน ผู้ปกครอง และตัวเด็กสามารถออกแบบหลักสูตรการศึกษาที่ตามความต้องการได้ นอกจากนั้นยังส่งเสริมการฝึกงานตั้งแต่ระดับมัธยมต้นโดยได้รับค่าตอบแทนอย่างยุติธรรม เพื่อเพิ่มทักษะชีวิตและทักษะอาชีพให้นักเรียน

พัฒนาครูต้นแบบในแต่ละโรงเรียน ให้สนับสนุนและส่งเสริมเพื่อนร่วมอาชีพ พิจารณาเพิ่มเส้นทางสำหรับอาชีพครู และดูแลครูรุ่นใหม่ให้สามารถอยู่ในระบบการศึกษาได้เพื่อนำไปสู่การพัฒนารูปแบบการสอนให้เป็นห้องเรียนที่มีคุณภาพ

ปรับค่าใช้จ่ายทางการศึกษาระดับอุดมศึกษาให้อยู่ในอัตราที่เหมาะสม ทั้งนี้ก็เพื่อเอื้อให้ประชาชนทั่วไปสามารถเข้าถึงการศึกษาระดับสูงได้ง่ายขึ้น พรรคฯ ยังจะสร้างกลไกการสนับสนุนค่าใช้จ่ายสำหรับการศึกษาระดับอุดมศึกษา เพื่อลดหนี้สินจากการกู้ยืมเพื่อการศึกษาและหนี้สินครัวเรือนจากค่าใช้จ่ายการศึกษาของบุตรหลานน้อยที่สุด ข้อนี้ยังรวมถึงพิจารณาให้เงินค่าเลี้ยงดูบุตร 1,200 บาทต่อเดือนตั้งแต่แรกเกิดจนถึงอายุ 6 ปี และเงินอุดหนุนเยาวชนอายุ 18-22 ปี เดือนละ 2,000 บาท (มีเงื่อนไขว่าต้องเป็นเยาวชนที่เข้าสู่ระบบการศึกษา)

งบประมาณ 100,000 ล้านบาท ระยะเวลา 3 ปี

เรื่องเด่น
    เรื่องน่าสนใจอื่นๆ ที่คุณน่าจะชอบ
      การโฆษณา