Love, Simon
Love, Simon

7 ประโยคกินใจจาก 7 ภาพยนตร์ LGBTQ+ ที่เรายังรัก

รวมประโยคกินใจจาก 7 ภาพยนตร์ LGBTQ+ ที่เราไม่เคยลืม

เขียนโดย
Time Out Bangkok editors
การโฆษณา

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ภาพยนตร์ LGBTQ+ ได้รับการยอมรับ และมีฉายในตลาดเพิ่มมากขึ้นไปอย่างมาก แน่นอนว่านอกจากเนื้อเรื่องที่กินใจ นักแสดงนำที่แสดงเข้าถึงบทบาท หรือฉากสำคัญที่สร้างเสียงหัวเราะหรือเรียกน้ำตาจากผู้ชมแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่คาดไม่ได้ก็คือประโยคเด็ด ไม่ว่าจะเป็นการบอกรัก การยอมรับตัวตน หรือการจากลา ซึ่งยังตราตรึงอยู่ในใจ (และในหู) ของผู้ชมแม้หนังจะรูดม่านจบลงไปแล้ว งานนี้เราจึงได้รวบรวม 7 ประโยคเด็ดจากหนัง LGBT 7 เรื่องที่ฟังแล้วทำให้คุณอยากกลับไปดูอีกรอบ ส่วนใครยังไม่ได้ดูก็ต้องรีบไปหาดูกันด่วน 

 

Brokeback Mountain
NetflixBrokeback Mountain
I wish I knew how to quit you.

Brokeback Mountain (2005)

ผู้กำกับชาวไต้หวัน อั้ง ลี่ พาเราไปรู้จักความรักของสองเพื่อนสนิท Ennis และ Jack ที่เกิดขึ้นบนเขา Brokeback และพัฒนาต่อเนื่องอยู่บนความเป็นไปไม่ได้ยาวนานถึงกว่า 20 ปี ในยุคที่ความรักของเพศเดียวกันยังเป็นเรื่องผิดและต่างฝ่ายต่างแต่งงานมีครอบครัว โดยประโยคที่ Jack พูดกับ Ennis ก่อนจะเดินออกมาจากความสัมพันธ์ที่ไม่มีทางลงเอยยังคงตราตรึงอยู่ในใจหลายๆ คน

 

รักแห่งสยาม
Netflixรักแห่งสยาม
เราคงคบกับมิวเป็นแฟนไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้แปลว่าเราไม่ได้รักมิวนะ

รักแห่งสยาม (2007)

11 ปีที่แล้ว รักแห่งสยาม เปิดประตูให้เขาเข้าไปยิ้ม หัวเราะ และร้องไห้ กับความรักที่เหมือนจะเป็นไปได้แต่เป็นไปไม่ได้ของสองหนุ่มโต้งและมิว การเล่าเรื่องด้วยภาพ ประโยคกินใจ และฝีมือการแสดงเฉียบๆ ส่งให้ภาพยนตร์เรื่องนี้กลายเป็นหนัง coming of age ในตำนานเรื่องหนึ่งของไทย และเราเชื่อว่าประโยคนี้ที่โต้งพูดกับมิวตอนท้ายเรื่องเคยทำให้หลายคนยิ้มทั้งน้ำตามาแล้ว  

 

Carol
The Weinstein Company
My angel. Flung out of space.

Carol (2015)

ความรักของสาวสังคมชั้นสูง Carol Aird และพนักงานห้าง Therese Belivet ซึ่งเป็นความรักที่ต้องปกปิดท่ามกลางสังคมในยุค 50 ทำให้ทั้งสองต้องเผชิญหน้ากับทั้งสังคมที่ยังไม่เปิดกว้าง และสามีของ Carol ที่จะฟ้องหย่า โดยประโยคนี้ที่ Carol พูดขึ้นในก็เพราะสำหรับเธอแล้ว Therese คือคนพิเศษ เหมือนนางฟ้าที่ตกลงมาจากสวรรค์มาเลยก็ว่าได้

 

Danish Girl, The
NetflixThe Danish Girl
I love you, because you are the only person who made sense of me. And made me, possible.

The Danish Girl (2015)

ภาพยนตร์สร้างมาจากเรื่องจริงของ Einar Wegener จิตรกรชาวเดนมาร์ก ผู้ได้รับการผ่าตัดแปลงเพศเป็นคนแรกของโลก ซึ่งก่อนหน้านั้นเขาได้แต่งงานกับ Gerda Wegener และอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขตามแบบสามีภรรยาทั่วไป แต่เมื่อ Einar ได้ลองใส่ชุดผู้หญิงเพื่อเป็นแบบภาพวาดให้ภรรยา เขาก็ได้ค้นพบความรู้สึกบางอย่างที่ซ่อนอยู่ในตัวเขาเอง ถึงแม้ว่า Gerda จะเสียใจที่จะต้องเสียคนที่เธอรักในฐานะสามีไป แต่เธอก็สนับสนุนและรักในสิ่งที่เขาเป็น จนทำให้ Einar พูดประโยคนี้ขึ้นมาเพื่อบอกรักและขอบคุณเธอที่อยู่กับเขามาเสมอ แน่นอนว่าการแสดงอันทรงพลังทำให้ทั้งสองได้เข้าชิงรางวัลออสการ์ในปี ค.ศ 2016 และสาว Alicia Vikander สามารถคว้าตุ๊กตาทองกลับบ้านไปได้

 

Moonlight
A24
No. You're not a faggot. You can be gay, but you don't have to let nobody call you a faggot.

Moonlight (2016)

ภาพยนตร์รางวัลออสการ์ปี ค.ศ 2017 ที่เล่าเรื่องของ Chiron เด็กชายแอฟริกัน-อเมริกันในไมอามี ในสามช่วงอายุที่เขาต้องเติบโตโดยปราศจากพ่อ แม่ติดยา และใช้ชีวิตท่ามกลางการถูกกั่นแกล้งเพราะว่าเป็นเกย์ มีเพียง Juan ชายผิวสีใจดีและภรรยาที่คอยประคับประคองเขาตลอดมา ประโยคที่ Chiron วัยเด็กเอ่ยถาม Juan ถึงความหมายของ "faggot" และคำตอบที่กินใจและมากความหมายของ Juan จึงเป็นหนึ่งในประโยคที่กินใจมากที่สุดในหนัง เลยไม่แปลกที่บทนี้ส่งให้นักแสดง Mahershala Ali ที่รับบท Juan สามารถคว้ารางวัลออสการ์สาขานักแสดงสมทบชายในปีเดียวกันไปได้

 

Call Me By Your Name
Call Me By Your NameCall Me By Your Name
"Call me by your name and I'll call you by mine." 

Call Me by Your Name (2017)

Oliver เป็นนึกศึกษาหนุ่มชาวอเมริกันที่มาพักที่บ้านของ Elio ทางตอนเหนือของอิตาลีเพื่อช่วยพ่อของเขาทำงานด้านวิชาการ ฤดูร้อนปีนั้นจึงเป็นปีที่ Elio ได้ค้นพบความหมายของสิ่งที่เรียกว่าความรักเป็นครั้งแรก และถึงแม้ท้ายที่สุดแล้วความรักของพวกเขาจะไม่สมหวัง แต่ประโยคเด็ดที่ไม่ว่าใครๆ ที่เคยชมภาพยนตร์เรื่องนี้จะจำได้ก็คือวิธีการเรียกขานชื่อของเราสอง ที่เราเชื่อว่ายังจะอยู่ในใจของแฟนหนังไปอีกนาน

LOVE, SIMON
"You are still you, Simon." 

Love, Simon (2018)

Simon Spier นักเรียนวัย 17 ปี เป็นเกย์แบบหลบๆ ซ่อนๆ เขาเริ่มส่งอีเมลติดต่อกับ "บลู" เพื่อนร่วมชั้นปริศนาที่เผยตัวว่าเป็นเกย์เช่นกัน จนกระทั่งวันหนึ่งเขาถูกแบล็กเมล์ด้วยเพื่อนที่รู้ความลับซึ่งพร้อมจะเปิดเผยความจริงว่าเขาเป็นเกย์ให้คนทั้งโรงเรียนฟัง ถึงอย่างนั้นคุณแม่ของเขาก็ยังรัก ให้การสนับสนุน เพราะไม่ว่าอย่างไรลูกก็คือลูก และอัตลักษณ์ทางเพศของลูกไม่ได้เปลี่ยนแปลงความรักของแม่ไปแม้แต่น้อย 

เรื่องเด่น
    เรื่องน่าสนใจอื่นๆ ที่คุณน่าจะชอบ
      การโฆษณา