รวมภาพยนตร์น้ำดีหลากรสชาติ ที่จะทำให้วันแม่มีความหมายกว่าที่เคย
Photograph: Bunticha P. - TimeOut Thailand
Photograph: Bunticha P. - TimeOut Thailand

รวมภาพยนตร์น้ำดีหลากรสชาติ ที่จะทำให้วันแม่มีความหมายกว่าที่เคย

ชวนแม่มาใช้เวลาวันหยุดนี้ไปกับ 8 ภาพยนตร์น่าดูสำหรับวันแม่!

Yokploy Chandrabha
การโฆษณา

วันแม่ปีนี้ ถ้าการ์ดดอกมะลิหรือการพาแม่ออกไปกินข้าวยังไม่ทำให้หัวใจอิ่มไม่พอ ลองเพิ่มความอบอุ่นด้วยการชวนแม่มานั่งดู 8 ภาพยนตร์อบอุ่นหัวใจต้อนรับวันแม่ เพราะความเป็นแม่ไม่ได้มีเพียงภาพจำของความอ่อนโยนเท่านั้น แต่ยังเต็มไปด้วยพลัง ความเสียสละ ความเข้าใจ และบางครั้งก็มีเรื่องราวดราม่าหรือความขัดแย้งที่เกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ 

Time Out ได้คัดสรรภาพยนตร์ 8 เรื่องจากทั้งไทยและต่างประเทศ ที่ถ่ายทอดความรักและความเป็นแม่ในหลากหลายมิติ ครบทุกอารมณ์ ทั้งความสนุก เสียงหัวเราะ และบทเรียนชีวิตที่จะทำให้คุณเข้าใจแม่มากขึ้น หรืออาจช่วยกระชับสายสัมพันธ์กับแม่ให้แน่นแฟ้นกว่าเดิมก็เป็นได้!

Everything Everywhere All at Once (2022)

หากพูดถึงภาพยนตร์ที่ว่าด้วยเรื่องราวของ ‘แม่’ คงข้ามเรื่องนี้ไปไม่ได้ เพราะนี่คือผลงานที่กวาดรางวัลจากเวทีออสการ์ปี 2023 ไปมากถึง 7 รางวัลเต็มๆ เรื่องราวเล่าถึง เอเวลิน คุณแม่ชาวจีน–อเมริกัน ที่ต้องแบกรับทุกภาระในครอบครัว ตั้งแต่ธุรกิจร้านซักรีดเล็กๆ ที่กำลังจะล้มไม่เป็นท่า ปัญหาภาษีที่ชวนปวดหัว ชีวิตคู่กับสามีที่ค่อยๆ จืดจางลงทุกวัน และความสัมพันธ์อันห่างเหินกับลูกสาววัยรุ่นที่เป็นเลสเบี้ยน 

แต่แล้วเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อเธอถูกดึงเข้าสู่การผจญภัยข้ามมิติ เพื่อต่อสู้กับภัยร้ายที่จะทำลายจักรวาล และยิ่งไปกว่านั้น คนร้ายกลับมีความเกี่ยวพันกับลูกสาวของเธอโดยตรง การต่อสู้ครั้งนี้จึงไม่ใช่เพียงเพื่อกอบกู้โลก แต่ยังเป็นภารกิจสำคัญในการซ่อมแซมสายสัมพันธ์แม่ลูกที่กำลังแตกสลาย และพาครอบครัวกลับมาหากันอีกครั้ง

จากที่ผู้เขียนได้ดูหนังเรื่องนี้ ก็พบว่าตัวหนังต้องการสื่อสารกับคนดูอย่างเราว่า ผู้เป็นแม่ไม่จำเป็นต้องสมบูรณ์แบบตั้งแต่แรกเกิด แต่สิ่งสำคัญคือความพร้อมที่จะเรียนรู้ ปรับตัว และเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อเข้าใจลูก แม้ต้องเผชิญอุปสรรคทั้งในชีวิตจริงและโลกเหนือจินตนาการแห่งมัลติเวิร์สก็ตาม

Lady Bird (2017)

ภาพยนตร์ดราม่าคอมเมดี้  Coming of Age สัญชาติอเมริกัน ขวัญใจคอหนังอินดี้ทั้งหลาย  ผลงานการกำกับของผู้กำกับหญิงสุดแกร่ง ‘เกรต้าร์ เกอร์วิค’ จาก Little Women (2019) Barbie (2023) ที่เล่าเรื่องของ ‘คริสติน แม็คเฟอร์สัน’ ที่ต่อจากนี้ขอให้ทุกคนเรียกเธอว่า ‘เลดี้ เบิร์ด’ เด็กสาวมัธยมปลายหัวดื้อผู้ใฝ่ฝันจะหนีออกจากเมืองเล็กๆ ในแคลิฟอร์เนียไปเรียนต่อและใช้ชีวิตอย่างอิสระในเมืองใหญ่ แต่ความฝันนี้กลับสวนทางกับความเป็นจริง ทั้งเรื่องเงินทุนและความคาดหวังของ ‘มาเรียน’ แม่ผู้ทำงานหนักเพื่อหาเลี้ยงครอบครัว

ตลอดทั้งเรื่องเราจะได้เห็นความขัดแย้งระหว่างสองแม่ลูกอย่างชัดเจน ตั้งแต่ฉากเปิดเรื่องบนรถที่ทะเลาะกันอย่างดุเดือด ไปจนถึงเหตุการณ์เล็กๆ น้อยๆ ในชีวิตประจำวัน ทั้งการถกเถียงเรื่องเสื้อผ้า การแต่งตัว การเลือกมหาวิทยาลัย หรือแม้แต่ความเห็นต่ออนาคต แม้จะมีปากเสียงกันแทบทุกวัน แต่ในระหว่างเส้นทางแห่งการเติบโตนี้ เลดี้ เบิร์ด ก็ค่อยๆ ตระหนักได้ว่า เบื้องหลังความเข้มงวดของแม่ แท้จริงแล้วเต็มไปด้วยความรัก ความหวังดี และความกลัวว่าลูกจะเจ็บปวดจากโลกภายนอก

ตัวหนังสะท้อนให้เห็นว่าความรักของแม่อาจมาในรูปแบบของเสียงบ่น คำดุ หรือข้อจำกัดที่ดูน่าหงุดหงิด แต่ทั้งหมดนั้นคือเกราะป้องกันจากความหวังดี และบางครั้ง ‘การปล่อยให้ลูกเดินบนเส้นทางของตัวเอง’ ก็เป็นอีกหนึ่งการแสดงออกของความรักที่งดงามที่สุด

การโฆษณา

นางนาก (1999)

ตำนานรักอมตะของไทยที่เล่าขานกันมาหลายยุคหลายสมัย และในเวอร์ชันที่เราอยากแนะนำ คือผลงานการกำกับของ อุ๋ย-นนทรีย์ นิมิบุตร ที่ได้ถ่ายทอดความรักของ ‘แม่นาก’ ที่มีต่อ ‘พี่มาก’ และลูกน้อยได้อย่างงดงามและน่าสะเทือนใจ

เรื่องราวเริ่มขึ้นเมื่อ ‘พี่มาก’ ถูกเกณฑ์ทหารไปรบ และต้องปล่อยให้ ‘นาก’ เมียท้องแก่ใกล้คลอดอาศัยอยู่ที่บ้านเพียงลำพัง จนกระทั่งเธอได้เสียชีวิตจากการคลอดลูกอย่างทุกข์ทรมาน ทว่าด้วยความรักและความผูกพันอันแรงกล้า จิตวิญญาณของนากก็ยังคงวนเวียนอยู่ในบ้าน คอยดูแลลูกแรกเกิด และใช้ชีวิตร่วมกับพี่มากราวกับว่าเธอยังมีลมหายใจอยู่

แม้ชาวบ้านจะพยายามเตือนพี่มากว่าภรรยาของเขาได้เสียชีวิตไปแล้ว แต่ความรักของนากกลับยิ่งมั่นคงและทวีความเข้มข้นขึ้น โดยตัวหนังได้สะท้อนให้เห็นว่า ความเป็นแม่ของนากนั้นไร้ขอบเขต แม้ร่างกายจะดับสูญ แต่สายใยแม่ลูกยังคงเป็นพลังยิ่งใหญ่ที่เหนือกว่าความตาย นางนากจึงไม่เพียงเป็นตำนานรัก แต่ยังเป็นภาพแทนของแม่ผู้พร้อมอยู่ในโลกวิญญาณเพื่อปกป้องลูกและครอบครัว

The Florida Project (2017)

ภาพยนตร์ม้ามืดจากค่าย A24 ที่เข้าชิงและกวาดรางวัลจากหลายเวที ผลงานกำกับของ ‘Sean Baker’ ที่ถ่ายทอดเรื่องราวอันอบอุ่นปนขมขื่นของ ‘มูนี่’ เด็กหญิงวัย 6 ขวบ ที่ใช้ชีวิตซุกซนกับเพื่อนๆ ในโมเทลราคาถูกสีพาสเทลที่อยู่ใกล้กับดิสนีย์เวิลด์ ดินแดนแห่งความฝันและความสวยงามในรัฐฟลอริดา สหรัฐอเมริกา ภายใต้การดูแลของแม่เลี้ยงเดี่ยววัยรุ่น ‘แฮลลีย์’

แม้แฮลลีย์จะไม่มีงานประจำและแทบไม่มีเงินจ่ายค่าเช่าห้องในแต่ละเดือน แต่เธอก็พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้ลูกสาวคนเดียวของเธอมีความสุข ไม่ว่าจะเป็นการซื้อไอศกรีมให้ การพาไปดูพลุ หรือการปล่อยให้เด็กๆ ได้ออกไปสำรวจโลกรอบตัวท่ามกลางความยากลำบาก และสายตาตัดสินจากสังคม

แฮลลีย์อาจไม่ใช่ตัวแทนของแม่ที่สมบูรณ์แบบในมาตรฐานของคนภายนอก แต่ความตั้งใจที่จะเลี้ยงดูและปกป้องรอยยิ้มของลูก คือสิ่งที่เธอทำได้อย่างเต็มหัวใจ ตัวหนังสะท้อนให้เห็นว่า ความรักของแม่ไม่ได้วัดจากความเพียบพร้อมทางวัตถุหรือเงินทอง แต่อยู่ที่ความพยายามที่จะทำให้ลูกมีความสุข และนั่นคือสิ่งที่ทำให้หนังเรื่องนี้ทั้งอบอุ่นและเจ็บปวดในเวลาเดียวกัน

การโฆษณา

A Blind Side (2009)

สร้างจากเรื่องจริงอบอุ่นหัวใจของ ‘ลีห์ แอนน์ ทูฮี’ (รับบทโดย ซานดรา บูลล็อก) หญิงสาวแม่บ้านไฮโซที่บังเอิญไปพบเจอเข้ากับ ‘ไมเคิล ออหร์’ เด็กหนุ่มผิวสีไร้บ้าน ผู้ซึ่งเติบโตขึ้นมาในครอบครัวที่แม่ติดยาเสพติด และพ่อก็แยกทางกันตั้งแต่เขายังเด็ก

ลีห์ เห็นอย่างนั้นจึงตัดสินใจรับไมเคิลเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว แม้จะต่างเชื้อชาติและพื้นเพ แต่เธอก็ปกป้อง ดูแล และผลักดันเขาอย่างเต็มที่ จนไมเคิลได้กลายเป็นนักอเมริกันฟุตบอลมืออาชีพที่ประสบความสำเร็จและโด่งดังในที่สุด

หนังเรื่องนี้สอนให้เรารู้ว่า ‘ความเป็นแม่ไม่ได้จำกัดด้วยสายเลือด’ แต่คือการให้ความรัก ความปลอดภัย และโอกาสแก่ใครสักคนโดยไม่มีเงื่อนไข การช่วยผลักดันและซัพพอร์ตให้ใครบางคนเติบโตตามศักยภาพที่แท้จริง คือรูปแบบของความรักที่ยิ่งใหญ่ และมีพลังที่สามารถเปลี่ยนชีวิตได้อย่างแท้จริง

Freaky Friday (2003)

ภาพยนตร์แฟนตาซีคอมเมดี้ครอบครัวสุดคลาสสิก ที่เพิ่งออกฉายภาคต่อในชื่อ Freakier Friday เมื่อไม่นานมานี้ เป็นอีกเรื่องที่คาดว่าหลายคนคงชื่นชอบจนเปิดดูซ้ำไม่ต่ำกว่าหนึ่งครั้งอย่างแน่นอน เพราะหนังเรื่องนี้มีครบทุกรสชาติตั้งแต่สุข เศร้า ฮา อบอุ่น และซาบซึ้ง รวมถึงให้แง่คิดและแรงบันดาลใจหลายๆ อย่างกับคนดูอย่างเต็มเปี่ยม

หนังเล่าเรื่องราวของ ‘เทส’ แม่เลี้ยงเดี่ยวที่งานยุ่งจนแทบไม่เป็นทำอะไร และ ‘แอนนา’ ลูกสาววัยรุ่นหัวขบถ ที่มักไม่ค่อยเข้าใจกัน จนวันหนึ่งกับเกิดเหตุการณ์ประหลาดเมื่อทั้งคู่สลับร่างกัน เทสต้องมาใช้ชีวิตในร่างวัยรุ่น ขณะที่แอนนาต้องแบกรับภาระและความรับผิดชอบของผู้เป็นแม่

การสลับร่างครั้งนี้ทำให้แม่ลูกได้เห็นโลกในมุมของอีกฝ่าย โดยทั้งสองได้เรียนรู้และเข้าใจซึ่งกันและกันมากขึ้น ตัวหนังจึงสื่อสารได้อย่างชัดเจนว่า ความเข้าใจซึ่งกันและกันต้องเริ่มจากการเปิดใจ และบางครั้งการได้ใช้ชีวิตเป็นอีกคนในระยะเวลาเพียงชั่วคราว ก็ทำให้เราเห็นใจและเห็นคุณค่าของกันได้มากกว่าที่คิด

การโฆษณา

20th Century Women (2016)

ภาพยนตร์ดราม่าที่ถ่ายทอดความสัมพันธ์ระหว่างแม่กับลูกในยุคที่โลกกำลังเปลี่ยนแปลงในยุค 70s เรื่องราวของ ‘โดโรธี’ แม่เลี้ยงเดี่ยววัยกลางคนที่ต้องเลี้ยงลูกชายวัยรุ่นท่ามกลางความไม่แน่นอนของสังคม ด้วยความที่อายุของทั้งคู่ต่างกันพอสมควร และเธอรู้ดีว่าไม่สามารถตอบทุกคำถามให้ลูกได้ เธอจึงไหว้วานและเปิดใจให้เพื่อนบ้านที่เป็นหญิงสาวรุ่นใหม่ๆ เข้ามาช่วยดูแลและให้คำแนะนำแก่ลูกชาย

ตัวหนังเต็มไปด้วยบทสนทนาอบอุ่น และคมคายที่สะท้อนทั้งการเติบโตของคู่แม่ลูก ในมุมมองของความเป็นแม่ที่ไม่ได้ยึดติดอยู่กับกรอบเดิมๆ แต่เป็นแม่ที่พร้อมเรียนรู้ ปรับตัว และเข้าใจลูกอย่างลึกซึ้ง ผ่านความสัมพันธ์ที่เต็มไปด้วยความซับซ้อนทั้งความรัก ความกังวล และความหวังดี

ข้อคิดสำคัญที่ได้จากหนังเรื่องนี้คือ ‘คนเป็นแม่ไม่จำเป็นต้องรู้ทุกคำตอบ’ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการยืนอยู่เคียงข้างลูกในเส้นทางชีวิตที่ไม่แน่นอน สนับสนุนให้ลูกได้ค้นหาตัวเองอย่างเต็มที่ และพร้อมเรียนรู้ไปด้วยกัน รวมถึงรู้จักหาผู้คนและสิ่งแวดล้อมที่ดีเพื่อช่วยให้ลูกได้เติบโตอย่างดีที่สุด

หลานม่า (2024)

ภาพยนตร์ไทยน้ำดีที่สร้างปรากฏการณ์ทั้งในและต่างประเทศ จนถูกเลือกเป็นตัวแทนเข้าชิงรางวัลออสการ์ ครั้งที่ 97 และสร้างประวัติศาสตร์ด้วยการผ่านเข้ารอบ 15 เรื่องสุดท้ายในสาขาภาพยนตร์ต่างประเทศยอดเยี่ยม

หลานม่า ไม่ได้เล่าถึงบทบาทของคนเป็นแม่เพียงอย่างเดียว แต่ยังถ่ายทอดทั้งบทบาทของ ‘แม่’ และ ‘อาม่า’ ผ่านเรื่องราวอบอุ่นหัวใจของ ‘อาม่าเหม้งจู’ หญิงสูงวัยที่ทำหน้าที่ทั้งแม่และย่าในครอบครัวคนจีนเล็กๆ แม้จะมีความขัดแย้งกันบ้าง แต่เธอก็เปรียบเสมือนศูนย์กลางของความรักที่โอบอุ้มและประคับประคองทุกคนในครอบครัวไว้ด้วยกัน

นอกจากอาม่าแล้ว ยังมีอีกหนึ่งตัวละครแม่ที่สำคัญไม่แพ้กัน คือ ‘อาซิว’ แม่ของเอ็ม ลูกสาวคนกลางของอาม่า ผู้รับหน้าที่ดูแลแม่อย่างใกล้ชิด คอยพาไปโรงพยาบาล พร้อมทั้งทำงานอย่างหนักเพื่อเลี้ยงดูลูกชายของตัวเอง หลานม่าจึงไม่ใช่แค่หนังที่พูดถึงความสัมพันธ์แม่ลูกแบบตรงๆ แต่เป็นภาพแทนของความรักอบอุ่นและมั่นคงที่โอบล้อมทุกคนในบ้าน สะท้อนให้เห็นความเป็นแม่ในแง่ของความเสียสละ ความอดทน และความรักที่ไม่มีเงื่อนไข แม้ในวันที่ทุกอย่างอาจเปลี่ยนไป

เรื่องเด่น
    การโฆษณา