ภาพความคลาสสิกของดุสิตธานี ก่อนจะกลายเป็นเพียงความทรงจำ..

เขียนโดย
Wissuta Ploypetch
การโฆษณา

หลังจากที่ ดุสิตธานี ตั้งตระหง่านอยู่เคียงคู่กรุงเทพฯ ผ่านร้อนหนาว และเหตุการณ์สำคัญในประเทศมากมายมานานกว่า 49 ปี ก็ถึงเวลาต้องปิดปรับปรุงครั้งใหญ่แล้ว และแม้ว่าจะมีความตั้งใจที่เก็บรักษาบุคลิกลักษณะเก่า รวมทั้งเก็บของที่มีคุณค่าเอาไว้ให้อย่างดีและมากที่สุด ด้วยการทำงานร่วมกับมหาวิทยาลัยศิลปากร แต่อย่างไรคงไม่สามารถคงความคลาสสิกไว้ได้ทั้งหมด ดังนั้นเราเลยไปเก็บภาพรูปโฉมเดิมนี้มาไว้เป็นอนุสรณ์ถึงเรื่องราวในอดีตมากมายที่เคยเกิดขึ้นที่นี่ ก่อนที่มันจะถูกลืมหายไปกับกาลเวลา

Dusit Thani
Dusit Thani
Dusit Thani

งานจิตกรรมฝาผนังที่งดงาม ซึ่งยังคงเก็บรักษาไว้ไม่ว่ากระแสความนิยมรูปแบบตะวันตกจะหลั่งไหลมาสู่ประเทศไทยเพียงใด

ล็อบบี้ของดุสิตธานีเป็นสถาปัตยกรรมที่มีความโอ่โถงมาก ต่างจากโรงแรมทั่วไปในปัจจุบันที่นิยมสร้างล็อบบี้ขนาดเล็ก เพื่อนำพื้นที่ไปสร้างห้องพักให้เกิดรายได้สูงสุด เพดานที่ยกระดับล้อกับรูปทรงดอกบัว หากเงยดูเพดานก็จะยังเห็นทรงดอกบัวและใบบัวอยู่ เสมือนว่าเรายืนอยู่ใต้ร่มเงาของดอกบัว รวมถึงมีการถอดรูปบัวแทรกแซมอยู่ในสิ่งต่างๆ เช่น พรมลายดอกบัว พานพุ่ม และการตกแต่งห้องด้วยดอกไม้ไทย

ห้องพักจำนวน 517 ห้อง ที่เกิดจากการยุบรวมห้องพักเดิมเข้ามาให้ได้ขนาดใหญ่ขึ้น โดยห้องใหญ่ที่สุดขนาด 240 ตารางเมตร ซึ่งห้องพักชั้นยอดเหล่านี้ได้ต้อนรับแขกระดับโลกมากมาย ตั้งแต่เชื้อพระวงศ์ นักการเมืองระดับสูง ดารา นักร้อง ไปจนถึงมิสยูนิเวิร์ส ซึ่งพำนักที่นี่ทุกครั้งที่จัดประกวดในเมืองไทย นั่นก็เพราะสถานที่ที่สวยงามโอ่โถง มีความสะดวกสบายทั้งเรื่องการจัดการ การบริการ และการเดินทาง สร้างความประทับใจให้แก่เจ้าภาพและผู้มาร่วมงานในโอกาสสำคัญ

สระว่ายน้ำที่ออกแบบอย่างสวยงาม แบ่งกั้นเป็นสัดส่วนจากล็อบบี้ด้วยการยกสระว่ายน้ำให้สูงขึ้น ทำให้เมื่อมองจากล็อบบี้จะเห็นเป็นสวนน้ำตกแสนร่มรื่น

จากนี้เราก็คงต้องรอวัน ดุสิตธานี กลับมาใหม่ ยอดสีทองก็คงจะมีที่ทางไปอยู่ตรงไหนสักแห่ง น่าจะไม่หายไปตลอดกาล และโรงแรมดุสิตธานีรูปโฉมใหม่จะมีกำหนดเปิดตัวในปี 2565 และโปรเจ็กต์อื่นๆ เช่น ส่วนของที่พัก ร้านค้า ออฟฟิศ และพื้นที่สวนสาธารณะจะเสร็จสิ้นอย่างสมบูรณ์ในปี 2567

ภาพถ่ายโดย เสรีชัย พุฒเทศ

แชร์เนื้อหา

บทความล่าสุด

    การโฆษณา