ข่าว

7 เรื่องสุดเซอร์ไพรส์จากสารคดีใหม่ของ เทเลอร์ สวิฟต์

สารคดีสองพาร์ตที่จะพาไปสำรวจทั้ง ‘หัวใจที่แหลกสลาย’ และ ‘การเดิมพันครั้งใหญ่’ ในชีวิตของซูเปอร์สตาร์ป๊อปหญิงคนนี้

Jessica Phillips
Sriwalee Lakmuang
เขียนโดย
Jessica Phillips
แปลโดย:
Sriwalee Lakmuang
Taylor Swift
Photograph: Getty
การโฆษณา

หากใครกำลังเผชิญชีวิตอย่างในบทเพลง ‘Cruel Summer’ โดยปราศจาก The Eras Tour และแทบจะอดใจรออัลบั้มที่ 12 ของเทย์เลอร์ สวิฟต์ เช่นเพลง The Life of a Showgirl ที่จะปล่อยซิงเกิลในวันที่ 3 ตุลาคมนี้ไม่ไหว แน่นอนว่าสารคดีสองตอนใหม่จาก Channel 4 (ช่องทีวีของอังกฤษ) ก็น่าจะช่วยเติมเต็มช่วงระหว่างการรอนี้ได้อย่างดี

ห้าปีหลังจากการเปิดตัวของ Miss Americana บนสตรีมมิ่งเน็ตฟลิกซ์ ซึ่งเป็นสารคดีเกี่ยวกับเรื่องราวของเทเลอร์ สวิฟต์ คราวนี้ทาง Channel 4 พาไปส่องชีวิตของนักร้องสาวให้ใกล้ชิดกว่าเดิม ด้วยสารคดี Bombing Brighton: The Plot to Kill Thatcher, Our Falklands War: A Frontline Story กำกับโดย กาย คิง (Guy King) สารคดีเรื่องนี้ขนทั้งฟุตเทจที่หาชมได้ยาก บวกกับคำบอกเล่าจากอดีตเพื่อนร่วมวง ผู้จัดการ แฟนพันธุ์แท้ และแม่ของเธอเองมาเล่าให้ฟังจุใจ 

ทั้งหมดนี้คือ ‘ประเด็น’ ที่ได้จากสารคดีเรื่องนี้ 

Rick Barker
Photograph: Channel 4 | Rick Barker

ผู้จัดการคนแรกของเธอคือ antihero

ริก บาร์กเกอร์ (Rick Barker) เปรียบเสมือนทั้งเมนเทอร์ และบุคคลที่น่ากลัว (monster on the hill) ไปพร้อมกัน เขาเคยดูแลสวิฟต์ในช่วง Fearless era ราวปี 2007–2008 และเขายังเคยอธิบายถึงความสัมพันธ์ของตัวเองกับนักร้องสาวที่ชวนงงสักหน่อยว่า ‘เป็นไปได้ว่าระหว่างเขากับสวิฟต์ดูเหมือนจะเป็นเพื่อนซี้สาวด้วยกันซะมากกว่า’

หรือตอนที่ คานเย่ เวสต์ (Kanye West) พุ่งขึ้นเวที VMAs (MTV Video music awards) ในปี 2009 เขาก็ได้เข้าไปขัดจังหวะตอนที่สวิฟต์ขึ้นพูดสปีชรับรางวัลบนเวที Best Female Video ของเพลง You Belong With Me นั้น ทำให้บาร์เกอร์เห็นโอกาสทำเงินทันที เขาเล่าย้อนให้ฟังในสารคดีว่า “ผมบอกไปว่า ใครก็ได้ช่วยเดินไปกอดคานเย่หน่อย การโปรโมตตัวเองแบบนี้แม้แต่เงินก็ซื้อไม่ได้หรอก”

ซึ่งเรื่องยังไม่จบแค่นั้น เพราะในปี 2019 ตอนที่นักลงทุนอย่าง สกูตเตอร์ บราวน์ (Scooter Braun) ได้ซื้อลิขสิทธิ์มาสเตอร์ 6 อัลบั้มแรกของเธอจนกลายเป็นชนวนดราม่าระดับโลก แต่บาร์เกอร์ยังเลือกที่จะยืนข้างบราวน์ แถมยังวิจารณ์เธอว่า “ผิดหวังกับวิธีที่เธอใช้แฟนคลับเป็นอาวุธโจมตีผู้จัดการเพลง... ไม่มีใครขโมยเพลงเธอไปเลยแม้แต่นิด ไม่มีใครบังคับให้เธอเซ็นสัญญาห่วยๆ เลยด้วยซ้ำ ... แต่บราวน์แค่ต้องตัดสินใจทางธุรกิจให้ดีไว้ก่อน เรื่องก็มีแค่นั้น”

Taylor Swift
Photograph: Shutterstock | Brian Friedman

สตีวี นิคส์ คือแรงบันดาลในเพลง Mean (ก็ว่าได้) 

ในงานประกาศรางวัลแกรมมี่ อวอร์ด ปี 2010 เทย์เลอร์ สวิฟต์ได้มีโอกาสขึ้นบนเวทีร้องเพลง Rhiannon และ You Belong With Me คู่กับ สตีวี นิคส์ ฮีโร่ในวัยเด็กของเธอ แต่โชคร้ายที่โชว์ครั้งนั้นถูกนักวิจารณ์พูดจาถากถางกันเป็นเอกฉันท์ แม้แต่บ๊อบ เลฟเซตซ์ (Bob Lefsetz) ถึงกับเขียนว่า “ตอนนี้ทุกคนคงรู้แล้วว่าเทย์เลอร์ สวิฟต์ร้องเพลงไม่ได้… เธอทำลายอาชีพตัวเองในคืนเดียวหรือเปล่านะ? ผมว่าใช่” 

จนสองปีต่อมา สวิฟต์กลับมาเหยียบเวทีเดิมอีกครั้ง พร้อมกับเพลง Mean ที่เธอแต่งขึ้นเพื่อตอบโต้คำวิจารณ์นั้น และคว้ารางวัลแกรมมี่ อวอร์ดมาได้ถึงสองรางวัล ซึ่ง เอลลิส โอร์รอลล์ สรุปออกมาได้ว่า “อย่าไปหาเรื่องใครที่ขายเพลงได้สิบล้านก็อปปี้ จากเนื้อหาที่เขียนขึ้นมาเพื่อตอบโต้คุณโดยเฉพาะ” 

Robert Ellis Orrall
Photograph: Channel 4 | Robert Ellis Orrall

เธอมีคลังเพลงใน the vault มากกว่าที่คิด

แฟนพันธุ์แท้ของสวิฟตี้คงรอเพลง I’d Lie กันมากว่า 20 ปีแล้ว แต่เชื่อเถอะว่าใน the vault (คลังเพลง) ยังมีเพชรเม็ดงามที่ไม่เคยถูกปล่อยอีกเพียบ โดยโปรดิวเซอร์อย่าง เอลลิส โอร์รอลล์ ที่เคยร่วมทำเพลงอัลบั้มแรกกับเธอ และเคยเขียนเพลง Crazier กับเพลง I’m Only Me When I’m With You เล่าว่า ผลงานยุคแรกของเทเลอร์ สวิฟต์นั้นพรั่งพรูเกินคาด แค่สองวันแรกที่ทำงานด้วยกัน ทั้งเขาและเธอก็แต่งเพลงออกมาได้ถึงสามเพลง ซึ่งทั้งสองเพลงได้ถูกบรรจุลงในอัลบั้มเปิดตัวของเธอด้วย

และเขายังเผยลายมือจริงของสวิฟต์ที่เขียนเนื้อเพลง The Outside พร้อมโชว์แผ่นซีดีอีกเป็นสิบๆ แผ่นที่เธอแต่งขึ้นเองตั้งแต่อายุ 11 ปี

Holly Armstrong
Photograph: Channel 4 | Holly Armstrong

แฟนคลับตัวจริงในยุคแรกได้เจอกับไอดอลในฝัน

ครั้งแรกที่ ฮอลลี่ อาร์มสตรอง ได้เห็นเทย์เลอร์ สวิฟต์ขึ้นแสดงบนเวทีเล็กๆ ในปี 2003 แบบกะทันหันที่ชายหาด Point Pleasant รัฐนิวเจอร์ซีย์ ตอนนั้นมีผู้ชมแค่ราวๆ 20 คนเท่านั้น โดยมีออสตินน้องชายของเธอเป็นคนเดินแจกเดโมซีดีของสวิฟต์พร้อมลายเซ็น อาร์มสตรองเล่าว่า เธอฟังเพลง Lucky You และ Smokey Black Nights ในแผ่นซีดีวนไปมาเป็นปีๆ และบอกอีกว่า “ซีดีแผ่นนั้นคือเพื่อนของฉัน… มันเหมือนเกราะป้องกันตัว” 

เวลาผ่านไป 16 ปี อาร์มสตรองโพสต์คลิปโชว์แรร์ไอเท็มทั้งหมดที่สะสมในอินสตาแกรมอย่าง Swift memorabilia ในที่สุดคลิปนั้นก็ไวรัลจนเข้าตาสวิฟต์ สุดท้ายอาร์มสตรองบินตรงไปนั่งฟังอัลบั้ม Lover ที่บ้านของสวิฟต์ในงานปาร์ตี้เปิดตัวอัลบั้มใหม่ที่เปิดเฉพาะแฟนคลับของเธอเท่านั้น

มีคุณแม่เป็นผู้ร่วมอุดมการณ์อยู่เบื้องหลัง 

แอนเดรีย คุณแม่ของเทย์เลอร์คือคนที่เธอจดจำได้ไม่ต่างจากเครื่องประดับที่เธอหวงแหน (friendship bracelets) เธอเป็นทั้งผู้จัดการและที่ปรึกษาคู่ใจ คอยกำหนดทิศทางให้ลูกสาวถูกมองเห็นในฐานะนักร้อง-นักแต่งเพลงมากกว่าถูกผลักไสให้กลายเป็นป๊อปสตาร์ในภาพลักษณ์ที่ยั่วยวน

แอนเดรียถูกอ้างถึงในบทเพลงของเทเลอร์อยู่หลายเพลง เธอเปรียบเสมือนใบเบิกทางให้ลูกสาวเดินไปสู่เส้นทางด้วยชื่อเสียงระดับโลก และที่เห็นมาตลอดคือการค่อยๆ ให้คำแนะนำด้วยการเติมเต็มพรสวรรค์เพื่อพาเธอไปถึงตรงนั้น 

Emily Stumler
Photograph: Channel 4 | Emily Stumler

ทัวร์แรกของสวิฟต์บนรถบัสป๊อปดีวาระดับตำนาน

ถ้าคิดว่าการเปลี่ยนแนวเพลงคันทรี่ของสวิฟต์มาเป็นแนวเพลงป๊อป นั่นคือการเปลี่ยนเกียร์อย่างสุดขั้ว บอกเลยว่ามีเรื่องหักมุมกว่านั้น เพราะเอมิลี่ สตัมเลอร์ (Emily Poe Stumler) อดีตนักไวโอลินและนักร้องประสานเสียงของเธอ (ปัจจุบันกลายเป็นอัยการที่รัฐอินดีแอนา) เธอเล่าถึงวัยรุ่นที่ได้ทำงานร่วมกับสวิฟต์ว่าเหมือนมีน้องสาวที่บังเอิญเป็นเจ้านายด้วย ซึ่งในปี 2007 ทั้งคู่ใช้เวลาแค่ปีเดียวเล่นคอนเสิร์ตไปกว่า 300 รอบ รวมถึงเวทีที่ใหญ่ที่สุดในวงการเพลงคันทรีอย่าง Grand Ole Opry โดยเฉพาะเหตุการณ์ที่น่าจดจำที่สุดคือ พวกเธอเปิดทัวร์กันบนรถบัสของ Cher ป๊อปดีวาในตำนานที่ตกแต่งด้วยลายเสือดาวทั้งคัน 

ลีแอน ไรมส์ คือแรงบันดาลใจของเพลง The Last Great American Dynasty

เทเลอร์ สวิฟต์ รักเพลงคันทรีมาก รวมถึงวิธีที่เธอปฏิบัติต่อแฟนๆ ก็ได้แรงบันดาลใจมาจาก ไรมส์ นักร้องดัง เจ้าของเพลง Can’t Fight the Moonlight คอนเสิร์ตแรกในชีวิตของเธอตอนอายุแค่ 8 ขวบ เธอประทับใจไรมส์ตรงที่จำชื่อเธอได้จากจดหมายแฟนคลับ และตั้งใจว่าสักวันหนึ่งเธอจะมอบความรู้สึกพิเศษแบบเดียวกันให้แฟนๆ ของตัวเองบ้าง 

ไม่กี่ปีต่อมาเธอก็ทำตามสัญญานั้นจริงๆ เธอใช้เวลาตอบโต้แฟนๆ บน Myspace และ Tumblr “ฉันว่าการรักษาคอนเน็กชั่นส่วนตัวไว้เป็นเรื่องสำคัญมาก” เธอบอกในบทสัมภาษณ์ แถมยังเคยส่งของขวัญวันคริสต์มาสพร้อมเขียนโน้ตไปถึงแฟนๆ บนโลกโซเชียลด้วย จะเรียกว่าเป็นทั้งนักร้องเพลงฮิตที่มียอดขายสูงสุด และนักมอบความสุขให้แก่แฟนๆ เหมือนอย่างซานต้าก็ว่าได้ 

สารคดี Taylor ออกอากาศวันอังคารที่ 30 กันยายนนี้ เวลา 21.15 น. ทาง Channel 4 (ช่องทีวีของอังกฤษ)

บทความล่าสุด
    การโฆษณา