As an aspiring writer, she's always searching for new stories to explore and share. She's passionate about art, culture, and a great cup of coffee, finding that life's small joys make each day a little brighter. Ultimately, her greatest source of happiness can be found at home with her four furry cats.

Sriwalee Lakmuang

Sriwalee Lakmuang

Staff writer, Time Out Thailand

Articles (8)

รวมบาร์เปิดใหม่รอบกรุงเทพฯ ในปี 2568

รวมบาร์เปิดใหม่รอบกรุงเทพฯ ในปี 2568

พวกเรารู้สึกเป็นเกียรติอย่างมากที่ Time Out เลือก ‘ไปค่ะไป’ มาร่วมทำคู่มือพิเศษเกี่ยวกับบาร์เปิดใหม่ที่ดีที่สุดในกรุงเทพฯ เพราะจุดเริ่มต้นของเรานั้นเรียบง่ายมากจริงๆ มันเริ่มจากกิจกรรมเล็กๆ หลังเลิกงาน เพียงการนัดเพื่อนออกไปนั่งดื่มด้วยกัน และไม่นานก็มีคำถามซ้ำๆ จากเพื่อนๆ ว่า บาร์ที่ไปคือที่ไหน บรรยากาศดีไหม เครื่องดื่มอร่อยหรือเปล่า คำถามเหล่านี้กลายเป็นแรงบันดาลใจที่ทำให้เราสร้างคอมมูนิตี้เล็กๆ ขึ้นมาในชื่อ ‘ไปค่ะไป’ เพื่อแบ่งปันเรื่องราวร้านที่เราชอบให้คนอื่นได้ลองไปสัมผัสด้วยตัวเอง วิธีการคัดเลือกบาร์ของเราก็ออร์แกนิกมากๆ ไม่ได้อาศัยข้อมูลวงในหรือทิปจากใคร แต่ใช้สองเท้าในการเดินสำรวจเมือง คอยสังเกตซอกซอยที่กำลังปรับปรุงอาคาร และเมื่อบาร์เหล่านั้นเปิด เราก็จะลองเข้าไปในฐานะลูกค้าคนหนึ่งเสมอ เรามักเริ่มต้นด้วยการสั่งเครื่องดื่ม นั่งซึมซับบรรยากาศ และเมื่อมั่นใจว่านี่คือสถานที่ที่อินจริงๆ ถึงจะหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายภาพและแชร์ออกไปให้โลกได้รู้ การบันทึกแต่ละครั้งจึงไม่ได้เกิดจากหน้าที่ แต่เกิดจากความรู้สึกที่อยากบอกต่อจริงๆ สำหรับเรา การไปบาร์ไม่ใช่งาน แต่มันคือไลฟ์สไตล์ที่อยู่ในทุกจังหวะชีวิต บางวันอารมณ์ดีอยากสังสรรค์ บางวันเหนื่อยล้าหรือเหงาอยากได้ที่พักใจ บาร์มักจะเป็นคำตอบที่ทำให้เราได้พบผู้คนใหม่ๆ และได้เรียนรู้เรื่องราวของพวกเขา ทั้งจากบาร์เทนเดอร์ที่ตั้งใจปรุงในทุกๆ แก้วของตัวเอง พนักงานที่คอยดูแลเอาใจใส่ ไปจนถึงลูกค้าที่นั่งอยู่ข้างๆ ซึ่งต่างคนก็ต่างมีเรื่องราวไม่เหมือนกัน บรรยากาศในบาร์จึงเปรียบเสมือนค็อกเทลที่อยู่ในเชกเกอร์ และค่อยๆ คลุกเคล้าเรื่องราวหลากหลายเข้าด้วยกัน สิ่งที่ทำให้เราหลงรักการไปบาร์คือความรู้สึกว่าเราไม่เคยอยู่ลำพัง สถานที่เหล่านี้รายล้อมไปด้วยเพื่
Table talk in Bangkok (25 ก.ย. – 1 ต.ค.)

Table talk in Bangkok (25 ก.ย. – 1 ต.ค.)

เวลาผ่านไปไวจริงๆ เผลอแป๊บเดียวก็จะสิ้นเดือนกันยายนแล้ว แต่ฉากอาหารในกรุงเทพฯ ไม่มีทีท่าว่าจะชะลอลงเลย เพราะเต็มไปด้วยประสบการณ์ใหม่ๆ ให้ลองอยู่เสมอ สัปดาห์นี้ Table Talk ดูน่าสนใจไม่น้อย ทั้งไนต์คาราโอเกะจากร้าน Namsu ซันเดย์บรันช์โฉมใหม่จาก Le Méridien Bangkok ล่องเรือส่วนตัวกลางแม่น้ำเจ้าพระยาแบบหรูๆ และค็อกเทลโฉมใหม่สุดสร้างสรรค์ที่ Birdies นี่คือไกด์ที่เรารวบรวมมาให้ ตั้งแต่ร้านเปิดใหม่ เมนูต้องลอง ไปจนถึงที่แฮงเอาต์สุดสัปดาห์ที่จะทำให้คุณอยากออกไปลิ้มลองทันที ส่วนวงการอาหารในกรุงเทพฯ จะมีอะไรเกิดขึ้นบ้างในสัปดาห์นี้ มาดูกัน 
9 เวิร์กช็อปชวนไปเรียนรู้และทดลองทำในสองสัปดาห์สุดท้ายของเดือนกันยา

9 เวิร์กช็อปชวนไปเรียนรู้และทดลองทำในสองสัปดาห์สุดท้ายของเดือนกันยา

ใครจะไปรู้ว่าเดือนนี้เป็นเดือนแห่งการจัดเวิร์กช็อปที่เห็นแล้วละลานตาไปหมด แต่ละที่ก็เชิญชวนให้อยากลองเข้าไปมีส่วนร่วมเลยก็มี เพราะถ้าว่ากันตามตรง จุดประสงค์หลักของการทำเวิร์กช็อปคือการได้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มคอมมูนิตี้ใหม่ๆ ที่เผลอๆ อาจทำให้เราได้เมคเฟรนด์มิตรภาพใหม่โดยไม่รู้ตัว  Time Out รวบรวมเวิร์กช็อปทั้ง 9 แห่ง ซึ่งเป็นทั้งกลุ่มคนที่ได้มาพบปะแลกเปลี่ยนไอเดีย หรือการได้ลงมือทำจริง เผื่อเป็นตัวเลือกสำหรับใครที่กำลังมองหากิจกรรมยามว่างทำ ข้อดีอีกอย่างของเวิร์กช็อปเหล่านี้คือ การได้ทำให้ผู้เข้าร่วมได้เปิดมายด์เซตเพื่อเรียนรู้และทดลองในสิ่งที่อาจไม่เคยได้ทำมาก่อน 
สำรวจ 11 ร้านตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์กลางเมือง ที่ Velaa Langsuan เฟสสอง

สำรวจ 11 ร้านตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์กลางเมือง ที่ Velaa Langsuan เฟสสอง

เมื่อไรที่พุ่งเป้าไปยังจุดนัดหมายเพื่อผ่อนคลายและพบปะสังสรรค์ ถ้าหากการพบปะนั้นตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ได้ทุกรูปแบบ ไม่ว่าใครๆ ก็ต้องขอจดลิสต์เอาไว้ก่อน  ล่าสุดเมื่อไม่นาน Velaa Sindhorn Village Langsuan ขยายเฟสใหม่เปิดพื้นที่ไลฟ์สไตล์ที่ออกแบบเพื่อให้เอกเขนกไปกับการได้ใช้เวลา โดยรวมร้านอาหารและเครื่องดื่มที่คัดสรร ด้วยเชฟชื่อดังผู้อยู่เบื้องหลังร้านอาหารระดับมิชลินและแบรนด์นำเข้า เหมาะกับการนัดพบเพื่อน คนรู้จัก ครอบครัว หรือใครก็ตาม ซึ่งที่นี่ยังเป็นพื้นที่เหมาะสำหรับ Pet-Friendly ได้ด้วย  Photograph: Velaa Sindhorn Village Langsuan ย้อนกลับไป Velaa Sindhorn Village Langsuan คือจุดนัดพบในย่านหลังสวน ดำเนินงานโดยบริษัท สยามสินธร จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทแนว Sustrend ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน โดยให้ความสำคัญกับความเป็นอยู่ของชุมชนและวิถีชีวิตของชาวเมือง เพียบพร้อมด้วยร้านอาหารและเครื่องดื่มในคอมมูนิตี้มอลล์ที่รายล้อมด้วยพื้นที่สีเขียวของต้นไม้ใหญ่ เพื่อให้เป็นโซนร้านอาหารและไลฟ์สไตล์ที่เต็มไปด้วย ‘พลัง’ และ ‘ความมีชีวิตชีวา’  นอกจากคอมมูนิตี้มอลล์ Velaa ยังเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ ครบครันด้วยร้านอาหาร คาเฟ่ และร้านเบเกอรี่ถึง 39 ร้าน ยังมีร้านที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์อย่างร้านตัดผมลักชูรี่ไปจนถึงซูเปอร์มาร์เก็ตที่เหมาะกับคนทุกวัย  Time Out กรุงเทพฯ ขอรวบรวมร้านอาหาร คาเฟ่และเบเกอรี่ และร้านไลฟ์สไตล์ทั้ง 11 ร้าน ที่ Velaa คัดสรรมาเพื่อพื้นที่แห่งใหม่นี้ ซึ่งเต็มไปด้วยเรื่องราวน่าสนใจจนอยากให้ได้ลองกัน 
ชวนลองกีฬาเอ็กซ์ตรีมสุดมันส์กับยิมปีนผาจำลองในกรุงเทพฯ มือใหม่มือเก๋าก็ลองได้หมด

ชวนลองกีฬาเอ็กซ์ตรีมสุดมันส์กับยิมปีนผาจำลองในกรุงเทพฯ มือใหม่มือเก๋าก็ลองได้หมด

กระแสปีนผาในกรุงเทพฯ กำลังร้อนฉ่า กีฬาสุดเอ็กซ์ตรีมนี้ไม่ได้มีไว้สำหรับสายปีนผาจริงจังอีกต่อไป ซึ่งตอนนี้มีทั้งยิมปีนผาแบบ Bouldering (คือการปีนผาเตี้ยๆ โดยไม่ใช้เชือก) และยิมปีนผาเปิดอยู่เต็มบ้านเต็มเมือง ใครที่อยากลองความท้าทาย ทั้งได้โฟกัสสมาธิ และได้เจอเพื่อนใหม่ๆ บอกเลยว่ากีฬานี้ได้ฟีลมันส์กว่าคลาสออกกำลังกายทั่วไปตั้งเยอะ  ไม่ว่าจะมือใหม่หัดปีน หรือใครอยากหาไอเดียไว้ออกเดตเก๋ๆ หรือเป็นนักปีนสายแข็งอยู่แล้ว ก็มั่นใจหายห่วง เพราะปักหมุดแหล่งปีนผาไว้ที่กรุงเทพฯ ให้แล้ว  
รวมคาเฟ่เปิดใหม่รอบกรุงเทพฯ ในปี 2568

รวมคาเฟ่เปิดใหม่รอบกรุงเทพฯ ในปี 2568

Time Out ชวนผมมาแชร์ลิสต์คาเฟ่เปิดใหม่ที่ชอบที่สุด และระหว่างที่กำลังรวบรวมรายชื่ออยู่นั้น ผมก็ย้อนคิดไปถึงจุดเริ่มต้นตั้งแต่แรกเริ่มตลอดแปดปีที่ผ่านมา เพราะสิ่งที่ผมหลงใหลก็คือการสำรวจซีนกาแฟภายในกรุงเทพฯ  โดยทั้งหมดมันเริ่มต้นง่ายๆ เพียงเพราะผมเป็นคนที่รักการดื่มกาแฟเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว และช่วงที่ยังทำงานประจำ ผมก็มักจะใช้เวลาสุดสัปดาห์ไปกับการค้นหาคาเฟ่ใหม่ๆ ที่น่าสนใจ และในทุกครั้งที่ได้บังเอิญไปเจอคาเฟ่ที่มีกาแฟอร่อยๆ หรือร้านที่ตกแต่งอย่างสวยงาม มันมักจะจุดประกายแรงบันดาลใจบางอย่างในตัวผมอยู่เสมอ มันทำให้ผมก็ไม่ต้องการที่จะเก็บความรู้สึกเหล่านั้นไว้เพียงคนเดียว การแชร์ช่วงเวลาเหล่านั้นลงบนอินสตาแกรมจึงกลายเป็นเหมือนสมุดบันทึกเล่มเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยความสุข หรือเปรียบเทียบให้เห็นภาพง่ายๆ มันคือแกลเลอรีส่วนตัวที่ผมตั้งใจสร้างขึ้น และจนถึงวันนี้ผมก็ยังรู้สึกทึ่งที่ผู้คนมากมายคอยติดตามการเดินทางนี้ไปพร้อมกัน ตลอดหลายปีที่ผ่านมา มักจะมีหลายคนเข้ามาถามผมอยู่เสมอว่า ‘คุณหาคาเฟ่พวกนี้เจอได้ยังไง?’ คำตอบก็คือมันไม่มีสูตรสำเร็จที่ตายตัว ต้องเล่าย้อนกลับไปสมัยที่ผมเคยอยู่ในกลุ่ม ‘cafe hopper’ เรียกได้ว่ามันคือคอมมูนิตี้ขนาดย่อมที่เรามักจะแชร์พิกัดใหม่ๆ ให้กัน และอาจจะเนื่องด้วยความโชคดีที่ผมมีเพื่อนๆ ที่อยู่ในสายงานดีไซน์ เวลามีโปรเจกต์อะไรใหม่ๆ ที่น่าสนใจเขาก็จะแอบมากระซิบบอกอยู่เสมอ นอกจากนี้ก็มีวิธีอื่นๆ ผสมผสานกันไป ทั้งการไถโซเชียลไปมา ดูแฮชแท็กว่าอะไรกำลังอยู่ในเทรนด์ หรือบางครั้งก็ได้พบโดยบังเอิญระหว่างที่กำลังออกไปสำรวจ การที่ได้ไปเยือนคาเฟ่หลากหลายที่ มันให้อะไรกับผมหลายอย่างมาก และบทเรียนที่สำคัญที่สุดคือ ผมได้รู้ว่าการมีใจรักในสิ่งใดสิ่งหนึ่ง มันคือแหล่งพลังงานสำคัญในการข
มัดรวมร้านอาหาร Feels Like Home ชวนแม่ออกไปกินข้าว

มัดรวมร้านอาหาร Feels Like Home ชวนแม่ออกไปกินข้าว

เท่าที่นึกออก ช่วงวันแม่ในวัยเด็กของผู้เขียนมักจะมีวัฒนธรรมกินข้าวนอกบ้านกันเกือบทุกปี (ซึ่งคิดว่าวัฒนธรรมของบ้านอื่นอาจใกล้เคียงกัน) เพราะการได้อยู่ร่วมโต๊ะมื้อเดียวกันจะมีมวลของความแนบแน่นที่ไม่เคยหายไปผุดขึ้นในระหว่างมื้อเสมอ  ซึ่งจริงๆ แล้วร้านอาหารส่วนใหญ่ต่างดีไซน์ร้านออกมาให้มีพื้นที่เพียงพอต่อการรับแขก แต่จะดีแค่ไหน ถ้าร้านอาหารร้านนั้นออกแบบหรือครีเอตเมนูอาหารให้มีความแตกต่างเฉพาะตัว ไม่ว่าจะเป็นเมนูอาหารไทยร่วมสมัย ไทยโมเดิร์น หรือนำอาหารต้นตำรับฝีมือแม่ ยาย ย่า มาครีเอตให้ดูมีคุณค่าขึ้นโดยใส่ไอเดียของเชฟหรือเจ้าของร้านอาหารเข้าไปด้วย โดยเฉพาะอาหารต้นตำรับรสมือแม่ ซึ่งสำหรับบางคนคือความทรงจำชั้นดี คือความผูกพัน คือความไกลห่างให้กลายเป็นใกล้ชิด หรือทำให้อาหารมื้อนั้นวิเศษขึ้นมาราวกับมีเวทมนตร์ Time Out รวม 10 ร้านอาหารแนว ‘Feels Like Home’ จากต้นตำรับฝีมือของคนที่บ้าน โดยบางร้านให้บรรยากาศเหมาะกับครอบครัวหรือเพื่อน บางร้านให้สไตล์โมเดิร์นร่วมสมัย บางร้านครีเอตเมนูที่ดูแตกต่าง หรือบางร้านเป็นเชฟยอดฝีมือและเป็นสเปเชียลเกสต์ที่ปรากฏในรายการอาหารทางทีวี บางร้านจองยากเย็นแต่คนส่วนใหญ่ก็ยังขอลอง บางร้านก็กลับไปกินซ้ำได้บ่อยๆ แต่ไม่ว่าอย่างไร ร้านอาหารเหล่านี้ให้ความรู้สึก Feels Like Home ลอยกรุ่นขึ้นมาทุกร้าน 
10 ร้านติ่มซำในกรุงเทพฯ ที่ Time Out คัดมาแล้วว่าดี

10 ร้านติ่มซำในกรุงเทพฯ ที่ Time Out คัดมาแล้วว่าดี

ในกรุงเทพฯ วงการติ่มซำมีค่อนข้างหลากหลาย ทั้งแนวต้นตำรับคลาสสิก แนวทดลองเชิงสร้างสรรค์ หรือค่อนไปทางแนวหรูหราระดับภัตตาคาร แต่เคยคิดกันเล่นๆ ไหมว่าบางสิ่งบางอย่างที่เกี่ยวกับติ่มซำ มักทำให้ทุกมื้อเต็มไปด้วยความรู้สึกพิเศษที่ซ่อนอยู่เสมอ บางคนอาจนิยมกินติ่มซำกันช่วงสาย หรืออยากนั่งชิลกินกันช่วงเที่ยง นั่นก็เพราะติ่มซำไม่ใช่แค่ของกิน แต่มันคือพิธีกรรมแห่งการกินไปแล้ว  อยากให้ลองนึกภาพโต๊ะในร้านติ่มซำที่เต็มไปด้วยเข่งไม้ไผ่ อุ่นไอชา กลิ่นหอมละมุน คลอเสียงคุยกันเบาๆ และเสียงตะเกียบที่คอยแย่งชิงติ่มซำคำอร่อยๆ เหล่านี้คือร้านที่ Time Out เห็นว่าควรค่าแก่การลิ้มลอง

News (40)

5 ปกหนังสือออกใหม่ดีไซน์เก๋ในงานมหกรรมหนังสือครั้งล่าสุด

5 ปกหนังสือออกใหม่ดีไซน์เก๋ในงานมหกรรมหนังสือครั้งล่าสุด

ไม่ว่าใครคงเคยเห็นประโยคสุดจะซิมเปิลนี้ว่า Don’t judge a book by its cover. เป็นประโยคเปรียบเปรยแบบผิวเผิน ซึ่งในอีกแง่หนึ่งก็นำมาใช้กับคนที่อยากจะพิจารณาการเลือกซื้อหนังสือจากปกได้อีกทางหนึ่งด้วย  และปฏิเสธไม่ได้ว่า ‘หน้าปก’ คือเฟิสต์อิมเพรสชั่นของคนที่เลือกซื้อหนังสือในยุคปัจจุบันก็ว่าได้   เพราะการออกแบบปกหนังสือเปรียบเสมือนรสนิยมของนักออกแบบที่เชื่อมโยงด้วยกันกับสำนักพิมพ์ และสะท้อนให้เห็นว่า การดีไซน์ปกหนังสืออาจคือ ‘วาระสำคัญ’ ของสำนักพิมพ์โดยมีผลกับผู้อ่านโดยตรงซึ่งก็ไม่ต่างจากเนื้อหาในเล่มเลย    ในเมื่องานมหกรรมหนังสือกลับมาอีกรอบ Time Out พาส่องหนังสือดีไซน์เก๋ซึ่งเห็นแล้วต้องอยากคว้ามาครองสักเล่มบ้างแล้ว   Photograph: Sunday Afternoon   1. Trattoria ไดคังยามะ ชิวะ ไซโต เขียน  กนกวรรณ เกตุชัยมาศ แปล  ออกแบบปก Typhoon Studio  สำนักพิมพ์ Sunday Afternoon “ไม่ว่าสภาพจิตใจจะเป็นอย่างไร ท้องยังต้องหิวเสมอ”  เรื่องราวในกรุงโตเกียว ณ ชั้นใต้ดินของบ้านหลังหนึ่งในย่านไดคังยามะ มีร้านอาหารอิตาลีสไตล์ญี่ปุ่นที่ชื่อ Trattoria ไดคังยามะ ความพิเศษของร้านอาหารแห่งนี้คือ เมนูนี้จะเขียนเพียงชื่อวัตถุดิบเท่านั้น โดยมีหัวหน้าเชฟ เร อันโด ที่คัดสรรวัตถุดิบสดใหม่คุณภาพดีมารังสรรค์เมนูอันเป็นเอกลักษณ์ และมีคาโอรุ โอสุ ซึ่งเป็นผู้จัดการร้านและเจ้าของคอยให้บริการและแนะนำเครื่องดื่ม พวกเขาทั้งสองจะรอต้อนรับคุณลูกค้า พร้อมคอยรับฟัง แลกเปลี่ยน และช่วยรับมือเรื่องยุ่งๆ ในชีวิตของพวกเขาด้วย    Photograph: Salmon Books   2. MY YEAR OF REST AND RELAXATION: สวัสดีปีหน่าย Ottessa Moshfegh เขียน ภู่มณี ศิริพรไพบูลย์ แปล ออกแบบปก NJORVKS  นวนิยายที่ตั้งคำถามกับการมีชีวิตอยู่ด้วยวิธีที่ไม่มีใครเหมื
ครบรอบ 10 ปี TEDxBangkok: เรียนรู้แนวคิด Through the Cracks ผ่านสปีกเกอร์ 12 คน

ครบรอบ 10 ปี TEDxBangkok: เรียนรู้แนวคิด Through the Cracks ผ่านสปีกเกอร์ 12 คน

กว่าสิบปีที่ผ่านมาของเวทีทอล์กที่เต็มไปด้วย ‘ความคิด’ ของบุคคลที่มีไอเดียปลุกพลังหรือแรงบันดาลใจบนเวที TEDxBangkok เป็นการการันตีได้แล้วว่าพลังความคิดของคนมีของนั้นย่อมเป็นคลังเชื้อเพลิงชั้นดีให้สังคม  ซึ่งงานทอล์กระดับประเทศอย่าง TEDxBangkok เกิดขึ้นครั้งแรกในปี 2015 เป็นการรวมตัวของ TEDxOrganizers และสมาชิก TED Open Translation Project ที่หลงใหลใน TEDxTalk โดยเฉพาะ พวกเขาเชื่อว่าความรู้และความคิดจะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของคนในสังคม   ส่วน TEDxBangkok 2025 ปีนี้มี ‘พิ-พิริยะ’ เป็น Licence Holder และเป็นผู้อยู่เบื้องหลังงาน ที่นำเสนอแนวคิด ‘Through the Cracks ผ่านรอยร้าว’ ซึ่งพูดถึง ‘รอยแตก’ หรือ ‘รอยแยก’ ที่อยู่ในตัวเราหรือในโลกอย่างเหตุการณ์แผ่นดินไหวเมื่อต้นปี ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงที่มาจากความล้มเหลว ความเปราะบาง ความผิดพลาด เพื่อกลับไปทำความความเข้าใจและสร้างสิ่งใหม่จากความเปราะบางนั้น จากแนวคิดดังกล่าว TEDxBangkok ได้เปิดตัวสปีกเกอร์ 12 คน ด้วยบุคคลในวงการที่หลากหลาย ทั้งศิลปิน นักวิชาการ ผู้กำกับ แม้แต่อดีตคนไร้บ้านที่มีแนวคิดริเริ่มทำบางอย่างได้น่าทึ่ง นอกจากสปีกเกอร์แล้วยังเป็นการสำรวจกิจกรรมให้เห็นคุณค่าของความงามและความเปราะบางที่ซ่อนอยู่ ด้วยกิจกรรม Museum of Broken, Voices through the Cracks และ Constructing Bangkok    Photograph: TEDxBangkok   ขอเรียกน้ำย่อยด้วยสปีกเกอร์จากหลากหลายวงการ ที่มีผลต่อแรงสั่นสะเทือนเทียบเท่าแผ่นดินไหว อย่าง อาจารย์มิก ผู้ก่อตั้ง iTAX แอปพลิเคชันที่ทำให้เรื่องภาษีกลายเป็นเรื่องง่าย, ไก่-ณฐพล ผู้กำกับซีรีส์ล่าสุดอย่างสงครามส่งด่วน, ลาดิด-ณชนก นักศึกษาแพทย์ปี 5 ที่ลาออกมาเป็นนักเขียนวรรณกรรมเควียร์ เจ้าของผลงานล่าสุดอย่างวิมานหนาม, ปั๊บ
Thai Market โผล่สาขาใหม่ที่ Jurong Point พร้อม ‘กองทัพมาม่า’ สตรีตฟู้ด และสินค้ากว่า 2,000 รายการ

Thai Market โผล่สาขาใหม่ที่ Jurong Point พร้อม ‘กองทัพมาม่า’ สตรีตฟู้ด และสินค้ากว่า 2,000 รายการ

ผ่านมาแล้วกว่า 40 ปี นับตั้งแต่ Thai Supermarket หรือเพื่อนไทยมาร์เก็ต ได้เปิดร้านเล็กๆ ครั้งแรกที่ย่านโกลเด้นไมล์ ตอนนี้ซูเปอร์มาร์เก็ตอย่างเพื่อนไทยมาร์เก็ตที่คนสิงคโปร์ชื่นชอบ ได้ฉลองวันสำคัญด้วยการเปิดสาขาใหม่ที่ Jurong Point ห้างดังในสิงคโปร์เพิ่มอีกหนึ่งสาขา หลังจากเปิดแฟลกชิปสโตร์เต็มรูปแบบที่ Aperia Mall ในย่านกัลลังเพียงแค่สองปี  Photograph: Thai Supermarket ภายในร้านเต็มไปด้วยสินค้ากว่า 2,000 รายการ ที่คัดสรรจากเมืองไทย ครบครันด้วยของกินและของใช้ในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นขนม เครื่องปรุงรส พริกแกงรสจัดจ้านสำหรับทำอาหารรสเผ็ดหรือน้ำซุปแบบไทยๆ   ไฮไลต์ที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยคือ ‘กองทัพมาม่า’ ที่มีทั้งบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปและโจ๊กกึ่งสำเร็จรูปจากหลากหลายแบรนด์และหลายรสชาติ นับเป็นซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งแรกในสิงคโปร์ที่รวบรวมมาม่าจากเมืองไทยมาไว้เพียบ เหมาะสำหรับมื้อดึกหรือวันที่ขี้เกียจทำอาหารสุดๆ Photograph: Thai Supermarket บรรยากาศในร้านเป็นการจำลองเสน่ห์ของร้านสตรีตฟู้ดในไทย ด้วยซุ้มอาหารสดแบบสตรีตฟู้ด ที่ปรุงให้เห็นกันตรงหน้า หนึ่งในนั้นคือ ‘The Crispy Crepes’ เครปกรอบแบบไทย มีขนมเบื้องทั้งคาวหวาน รวมถึงขนมถังแตก แพนเค้กใบเตย ข้าวเหนียวมะม่วง และชาไทยร้อนหรือเย็นหอมๆ Photograph: Thai Supermarket อีกมุมหนึ่งคือ ‘ยำยำทอดทอด’ บาร์ส้มตำที่เลือกระดับความเผ็ดได้ตามใจชอบ มีทั้งตำมะม่วง ตำมะละกอ เสิร์ฟพร้อมหนังหมูกรอบ หรือมะม่วงเปรี้ยวจิ้มน้ำปลาหวาน เหมาะกับคนอยากกินของแซ่บแบบกินเล่นในมื้อง่ายๆ Photograph: Thai Supermarket ไม่เพียงแค่อาหารเท่านั้น แต่ยังมีของใช้และของฝากไลฟ์สไตล์จากเมืองไทยให้เลือกอีกเยอะ ทั้งผลิตภัณฑ์เย็นชื่นใจจากแบรนด์ตรางู ขี้ผึ้งแซมบัค และยาดมที่มีทั้
8 หนังสั้นชนะรางวัลใน Inspiring Thailand 2025: สำรวจเยาวชนมองเห็นอะไรใน (จิตใจ) ตัวเอง

8 หนังสั้นชนะรางวัลใน Inspiring Thailand 2025: สำรวจเยาวชนมองเห็นอะไรใน (จิตใจ) ตัวเอง

ประกาศผลแล้วกับ 8 ผู้ชนะรางวัลในการประกวดเทศกาลหนังสั้น Inspiring Thailand 2025 ที่โรงภาพยนตร์เฮาส์ สามย่าน นับเป็นเรื่องแปลกใจน่าใจหาย เมื่อพบว่า เยาวชนในปัจจุบันเริ่มหันมาโอบอุ้มดูแลเรื่องสุขภาพจิตและกล้าที่จะสื่อสารหรือเป็นกระบอกเสียงให้ตนเองและคนรอบข้างกันจริงจังมากขึ้น  เทศกาลหนังสั้นเพื่อสังคมระดับเอเชีย หรือ Inspiring Thailand Micro Film Festival 2025 คือเวทีที่รวบรวมนักเล่าเรื่องและนักสร้างสรรค์ผ่านพลังของภาพยนตร์ ซึ่งมีจุดเริ่มต้นในสิงคโปร์เมื่อปี 2021 โดย Mr. Lionel Li ผู้ก่อตั้งและประธานมูลนิธิ Li Foundation (LIF) โดยปีที่แล้วได้มีผลงานเข้าประกวดถึง 70 เรื่องจาก 8 ประเทศด้วยกัน  ส่วนปีนี้ Inspiring Thailand จัดขึ้นโดย Documentary Club และ ECCA Family Foundation รวมถึงเครือข่ายพันธมิตร กับธีมสุขภาพจิตเยาวชน ได้มีผลงานหนังสั้นส่งเข้าประกวดทั้งหมด 243 เรื่อง ทั้งในกรุงเทพฯ ต่างจังหวัด และอังกฤษ  จากหนังสั้นทั้งหมด 243 เรื่อง ได้ผ่านเข้ารอบสุดท้าย 16 เรื่อง จนคณะกรรมการได้คัดเลือกเหลือผู้ชนะเพียง 8 เรื่อง ซึ่งรางวัลจะแบ่งออกเป็น 2 สาขาหลัก ได้แก่ รางวัล Best Micro Film Award 3 เรื่อง คือ It's Okay to be a Jellyfish (คงไม่เป็นไรหรอกมั้ง ที่จะเป็นแมงกระพรุน), ราตรีวงกต (The Way to Escape from Eternity) และ We Are Abdullah ส่วนรางวัล Best Project Award 2 เรื่อง คือ When the Bench Hears และ Quiet Legacy (มรดกเงียบ)  ยังมีรางวัลพิเศษ Audience Award (หนังขวัญใจคนดู) 1 เรื่อง คือ In her monologue ยังมีรางวัลพิเศษอย่าง Young Filmmaker Award ในฐานะคนทำหนังรุ่นใหม่น่าจับตาระดับมัธยมศึกษาอีก 2 เรื่อง คือ Dilettante Serotonin และ AWAKENING   เรื่องราวของหนังสั้นที่ชนะการประกวดทั้ง
The Nutcracker บัลเลต์ที่ครองใจคนทั้งโลกมายาวนาน จัดแสดงครั้งแรกในไทย 11 ตุลาคมนี้

The Nutcracker บัลเลต์ที่ครองใจคนทั้งโลกมายาวนาน จัดแสดงครั้งแรกในไทย 11 ตุลาคมนี้

ครั้งแรกของไทยที่จะได้ชมการแสดงคณะบัลเลต์ที่มีชื่อเสียงก้องโลกอย่าง The Nutcracker บัลเลต์ 2 องก์ที่เป็นอมตะประจำเทศกาลคริสต์มาสของไชคอฟสกี (Tchaikovsky) โดยครั้งนี้ Samara Theatre พร้อมนักเต้นกว่าร้อยชีวิต จะนำโปรดักชั่นล่าสุดร่วมกับวงออร์เคสตร้ามาถ่ายทอดความงามผสานจินตนาการ ดนตรี และภาพฝันให้ผู้ชมได้ตื่นตา  The Nutcracker คือการเต้นรำของคณะบัลเลต์ที่มีชื่อเสียงที่สุดของโลก โดยจัดแสดงทุกปีในช่วงเทศกาลวันหยุด ทั้งคณะบัลเลต์มืออาชีพและโรงเรียนสอนศิลปะ ซึ่งบัลเลต์เรื่องนี้ถือเป็นผลงานที่ครองใจผู้ชมทุกวัยและคนทั้งโลก และอาจเป็นผลงานที่เปิดประตูให้ใครหลายคนได้รู้จักโลกของศิลปะการเต้นรำได้แท้จริง  การแสดงครั้งนี้จะเล่าเรื่องราวของเวทมนตร์ในคืนวันคริสต์มาสอีฟของครอบครัวซิลเบอร์เฮาส์ (Silberhaus) ที่เต็มไปด้วยบรรยากาศอบอุ่น และการผจญภัยในอาณาจักรมหัศจรรย์ของเด็กหญิง ‘คลาร่า’ กับของขวัญและตุ๊กตาไม้ ‘นัทแคร็กเกอร์’ และการต่อสู้กับ ‘ราชาหนู’ แต่เรื่องราวดันจบลงเมื่อคลาร่าตื่นขึ้นมาในเช้าวันคริสต์มาสเสียก่อน  ซึ่งจริงอย่างว่าที่ เธีย ซิงเกอร์ นักข่าวจากหนังสือพิมพ์ The Boston Globe บอกไว้ว่า การเต้นรำเปล่งประกายยิ่งกว่าอัญมณี  แต่กว่าจะเป็นคณะบัลเลต์ที่มีชื่อเสียงอย่าง The Nutcracker ได้ทุกวันนี้ อาจจะเพราะพรสวรรค์หรือโชคเข้าข้างก็ตาม ที่แน่ๆ พวกเขาเคยเผชิญเบื้องหลังที่ไม่เคยสวยหรูมาก่อน   Photograph: anadolu/gettyimages   The Nutcracker ต้นกำเนิดจากนิทานของนักเขียนฮอฟมันน์  The Nutcracker คือบัลเลต์ที่มีต้นกำเนิดจากนิทานของนักเขียนชาวเยอรมันชื่อ อี.ที.เอ. ฮอฟมันน์ (E.T.A. Hoffmann) ที่ชื่อว่า Nutcracker and Mouse King พูดถึงเด็กหญิงชื่อ Marie Stahlbaum ที่ใช้ชีวิตอยู่ในกรอบและธรรมเนี
ชมฝนดาวตกโอไรออนิดส์ เศษฝุ่นจากดาวหางฮัลเลย์ ในคืนวันที่ 21 ถึงเช้าวันที่ 22

ชมฝนดาวตกโอไรออนิดส์ เศษฝุ่นจากดาวหางฮัลเลย์ ในคืนวันที่ 21 ถึงเช้าวันที่ 22

ใครที่ชื่นชอบปรากฏการณ์ฝนดาวตกเป็นชีวิตจิตใจ หรือเฝ้ารอคอยที่จะชมให้ได้สักครั้ง ทาง สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (NARIT) ชวนชมดาวเคราะห์เด่นและปรากฏการณ์ทางดาราศาสตร์ที่น่าติดตามตลอดเดือนตุลาคมนี้  แน่นอนว่า ดาวเคราะห์เด่นของเดือนนี้คือ ฝนดาวตกโอไรออนิดส์ ที่จะเริ่มปรากฏให้เห็นในเวลา 22.30 น. ของวันที่ 21 ตุลาคมไปจนถึงเช้าวันที่ 22 ตุลาคม  Photograph: Genevieve de Messieres / Shutterstock ปกติแล้วฝนดาวตกโอไรโอนิดส์ (Orionid Meteor Shower) จะเกิดขึ้นระหว่างวันที่ 2 ตุลาคม - 7 พฤศจิกายนของทุกปี ตอนที่โลกได้เคลื่อนผ่านแนวเศษฝุ่นของดาวหางฮัลเลย์ (Halley’s Comet) หนึ่งในดาวหางที่มีชื่อเสียงที่สุดในประวัติศาสตร์ ซึ่งในปี 2025 นี้ ฝนดาวตกโอไรโอนิดส์จะถึงช่วงพีคในคืนวันที่ 21-22 ตุลาคมที่จะถึงนี้ สายดูดาวรอชมกันได้  เหตุที่กลุ่มดาว ‘โอไรโอนิดส์’ เป็นดาวเคราะห์เด่น นั่นก็เพราะมีที่มาจากกลุ่มดาวนายพราน (Orion) เป็นหนึ่งในกลุ่มดาวที่เด่นและรู้จักกันมากที่สุดบนท้องฟ้าในช่วงฤดูหนาวของซีกโลกเหนือ และฤดูร้อนของซีกโลกใต้ มีชื่อมาจากนายพรานในตำนานกรีก โดยมีดาวสำคัญในกลุ่มดาวนายพราน ได้แก่ 1) Betelgeuse คือดาวยักษ์แดงที่เป็นไหล่ซ้ายของนายพราน 2) Rigel คือดาวสีน้ำเงินขาวที่เป็นเท้าขวา 3) Bellatrix คือดาวสว่างที่เป็นไหล่ขวา 4) Mintaka, Alnilam, Alnitak คือดาวสามดวงที่เรียงเป็นเส้นตรงเหมือนเข็มขัดของนายพราน และ 5) Saiph คือดาวสว่างที่เปรียบเสมือนเท้าซ้าย  Photograph: VCG / getty images อย่างไรก็ตาม กลุ่มดาวนายพรานเป็นที่นิยมทั้งในด้านดาราศาสตร์และวัฒนธรรมของนักดูดาว เพราะไม่เพียงแต่สวยงาม ยังช่วยให้สังเกตเห็นปรากฏการณ์อย่างฝนดาวตกโอไรโอนิดส์ได้ง่ายขึ้น  จริงๆ แล้วฝนดาวตกจะมองเห็นได้ทุกตำแหน่
สำรวจความสัมพันธ์ของผู้คนและสถานที่ใน Flowers for Everyone โดย juli baker and summer

สำรวจความสัมพันธ์ของผู้คนและสถานที่ใน Flowers for Everyone โดย juli baker and summer

หลายคนคงคุ้นเคยกับลายเส้นหรือฝีแปรงสีสันน่ารักที่เคยเห็นบนกระเป๋าผ้า หน้าปกอัลบั้มเพลง นิตยสาร หนังสือ ฯลฯ ซึ่งเต็มไปด้วยพลังของอารมณ์และจินตนาการของศิลปินที่มีบุคลิกท่าทีสดใสสมกับผลงานอย่าง juli baker and summer กันอยู่แล้ว  Photograph: juli baker and summer juli baker and summer หรือ ป่าน–ชนารดี ฉัตรกุล ณ อยุธยา คือศิลปินร่วมสมัยที่ถ่ายทอดผลงานด้วยเรื่องราว อารมณ์ และจินตนาการเหมือนการบันทึกไดอารี่ ภาพวาดของเธอจึงเต็มไปด้วยเศษเสี้ยวในชีวิตประจำวัน ความคิดและเรื่องเล่าที่ทั้งแปลก กินใจ และโอบรับชีวิตผู้อื่นจนกลายมาเป็นเบื้องหลังภาพวาดบนผืนผ้าใบ  ล่าสุด juli baker and summer จัดนิทรรศการเดี่ยวป๊อปอัปชื่อว่า Flowers for Everyone นิทรรศการนี้เปรียบเสมือนการสำรวจความสัมพันธ์ระหว่างผู้คนกับสถานที่ผ่านภาพวาด ซึ่งเผยให้เห็นถึงความงดงามที่เรียบง่ายและไม่ซับซ้อน ไม่ว่าจะเป็นภาพท้องฟ้าเหนือแถบสแกนดิเนเวีย หรือดอกไม้เมืองร้อนในกรุงเทพฯ ที่ล้วนมีเรื่องราวในนั้น   ในนิทรรศการจะเล่าเรื่องราวผ่านการ ‘สังเกต’ และ ‘จินตนาการ’ สิ่งละอันพันละน้อยที่ละเอียดอ่อน อย่างเช่นผู้คนกับเมืองทั้งในกรุงเทพฯ และแถบสแกนดิเนเวีย ธรรมชาติที่โอบล้อมด้วยกันกับผู้คน การดิ้นรนของคนไกลบ้าน การแบ่งปันความว่างเปล่าและความงามของดอกไม้ ทั้งหมดเป็นการขับเคลื่อนฝีแปรงของศิลปินที่เต็มไปด้วยพลังแต่ก็เงียบงันไปในคราวเดียว  Photograph: SAC Gallery การเดินทางในบทแรกกับ The Journal of the Nordic Lands  ในบทแรกของนิทรรศการชื่อว่า The Journal of the Nordic Lands เกิดขึ้นระหว่างการเดินทางในแถบสแกนดิเนเวีย ซึ่งป่านวาดภาพท้องฟ้า สวน และป่าไม้ที่อาบสีสันดูสดใสงดงาม แต่เบื้องหลังของสภาพภูมิทัศน์ยังสะท้อนถึงแรงงานไทยที่เดินทางไป
The Long Walk: อย่าลืมคนที่เขาเคยเดินร่วมทางมากับเรา

The Long Walk: อย่าลืมคนที่เขาเคยเดินร่วมทางมากับเรา

คงไม่มีใครคิดท้าทายตัวเองด้วยการแข่งเดินเท้าในระยะทางหลายร้อยไมล์ โดยต้องรักษามาตรฐานระยะการเดินให้อยู่ในเกณฑ์ที่ไม่ต่ำกว่า 3 ไมล์ต่อชั่วโมง (หรือราว 4 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) กันหรอก (มั้ง)   ถ้าการเดิมพันนั้นไม่ได้แลกมาด้วยเงินจำนวนหลายล้านดอลลาร์ เรากำลังพูดถึงภาพยนตร์เรื่อง The Long Walk หรือเกมเดินมรณะ ที่ดัดแปลงมาจากผลงานขึ้นหิ้งเล่มแรกของนักเขียนอย่าง สตีเวน คิง โดยมีผลงานแปลไทยที่มีชื่อเสียงในหมู่นักอ่านวรรณกรรมบ้านเราชื่อว่า ‘แข่งนรก’ เรื่องนี้คือสนามประลองการเดินสุดหฤโหดของผู้เข้าแข่งขันวัยรุ่น ม.ปลายห้าสิบคน ที่มีกฎ ‘บ้าๆ’ ว่าถ้าใครแหกคอกขึ้นมาในจังหวะการเดินที่ต่ำกว่าหรือมากกว่านี้ก็จะถูกเขี่ยลิ่วอย่างไร้ข้อกังขา  ความสมจริงของหนังนอกจากเรื่องราวที่ดัดแปลงมาจากวรรณกรรมของคุณลุงแล้วก็คือ ‘นักแสดง’ ในเรื่อง โดยเฉพาะแม็กฟรีส์ (เดวิด จอนส์สัน) และการ์แรตี (คูเปอร์ ฮอฟฟ์แมน) แล้ว หนังยังพูดถึง ‘มิตรภาพ’ และ ‘ความผูกพัน’ ระหว่างเด็กชายวัยรุ่น ม.ปลาย ซึ่งเป็นหัวใจและจิตวิญญาณของเรื่องราวทั้งหมดไว้ด้วย  ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้ฟรานซิส ลอว์เรนซ์ จาก The Hunger Games มากำกับ นั่นเพราะเขาประทับใจผลงานของสตีเวน คิง จนถึงกับนำไปพัฒนาบทแล้วสร้างเป็นหนัง ซึ่ง The Long Walk ก็เป็นหนังสือเล่มโปรดของเขาเมื่อ 18 ปีก่อน และเป็นจังหวะเดียวกับ ‘รอย ลี’ โปรดิวเซอร์ของหนังเรื่องนี้บอกกับเขาว่าได้ลิขสิทธิ์ทำหนังด้วยพอดิบพอดี  จากผู้กำกับ The Hunger Games สู่การกำกับผลงานนักเขียนที่ชื่นชอบ เท้าความก่อนว่า ฟรานซิส ลอว์เรนซ์ คือผู้กำกับที่เชี่ยวชาญด้านการกำกับมิวสิกวิดีโอ โฆษณา และภาพยนตร์มากว่า 20 ปี ไม่ว่าจะมิวสิกวิดีโอเพลง Bad Romance (2009) ของ เลดี้ กาก้า หรือภาพยนตร์แฟรนไชส์ The Hunger Games (
ทำความรู้จักกับ ‘นก–นภัสสร’ หมอดูไพ่ทาโรต์ขวัญใจชาว TikTok ในกรุงเทพฯ

ทำความรู้จักกับ ‘นก–นภัสสร’ หมอดูไพ่ทาโรต์ขวัญใจชาว TikTok ในกรุงเทพฯ

แม้ไม่มีใครคาดการณ์ได้ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร แต่หลายๆ คนก็มักจะมองหาที่พึ่งจากลางสังหรณ์บางอย่าง อย่างการแหงนหน้ามองดูดาว บางครั้งก็เปิดสำรับไพ่ทาโรต์ หรือเป็นการเข้าไปขอคำแนะนำจากหมอดูด้วยตัวเอง แต่ในยุคโซเชียลมีเดีย การดูดวงไม่ได้จำกัดแค่ผู้มีอายุที่มากด้วยประสบการณ์ในบรรยากาศคลาสสิกที่รายล้อมด้วยแสงเทียนสลัวๆ หรือหินคริสตัลไว้เสริมพลังงานอีกต่อไปแล้ว ซึ่งหนึ่งในบุคคลที่บุกเบิกกระแสดูดวงในยุคดิจิทัลก็คือ ‘นก–นภัสสร โชติกวณิชย์’ เจ้าของเพจชื่อดัง Bird Eye View ที่กลายมาเป็นที่พึ่งทางใจของผู้คนมากมายเพื่อรับมือกับชีวิตของผู้คนที่คาดเดาได้ยาก โดยเฉพาะเรื่องความรัก อาการอกหัก และความสัมพันธ์อันยุ่งเหยิง ถึงแม้หมอดูออนไลน์จะผุดขึ้นมากมายจนในที่สุดค่อยๆ หายไป แต่นกเป็นอีกคนหนึ่งที่กลับทำให้ผู้คนยังคงหลงใหลและติดตามเธอมาตลอดหลายปี เพราะด้วยเสน่ห์ ความเข้าใจที่ลึกซึ้ง และอารมณ์ขันของตัวเธอเอง  จากหยดน้ำตาที่เคยร่วงหล่น ไปจนถึงเสียงสับสำรับไพ่ (ทาโรต์) นกได้สร้างจักรวาลของความรักที่หลากหลาย และโลกแห่งการดูดวงที่ผสานกันได้ลงตัว ซึ่งเมื่อเราได้ทราบถึงเบื้องหลังว่า จริงๆ แล้วอะไรบ้างที่ทำให้ช่องดูดวงของเธอถึงดูมีเสน่ห์และชวนให้ติดตาม แถมยังทำให้รู้สึก ‘อิน’ ได้อย่างไม่น่าเชื่อได้ขนาดนี้ เพราะอกหักจึงพาเธอไปสู่เส้นทางใหม่  เมื่อถูกถามว่าเธอเริ่มต้นเส้นทางการเป็นหมอดูได้อย่างไร คำตอบของนกเปิดเผยอย่างตรงไปตรงมาว่า “ฉันไม่คิดเลยว่าจะมาเป็นหมอดูจริงๆ” และเธอสารภาพอีกว่า “ได้เริ่มต้นเส้นทางการเป็นหมอดูจากการเรียนรู้ด้วยตัวเองมากกว่าหาเลี้ยงชีพ”  เธอเล่าว่าแรงผลักของอาชีพนี้จริงๆ มาจากตอนที่เธออกหักสมัยเป็นนักศึกษาปริญญาโท เมื่อเธอเจอกับปัญหาความรัก เธอเลยใช้เงินไปกับการดูดวงที่เยอะพอสมควร พอถ
MAKAI เสื้อฮาวายสุดคูล ชวนเป๋ง–ชานนท์ ดีไซเนอร์ดังออกแบบคอลเล็กชั่นพิเศษ MAKAI X DogKillMen Collector's

MAKAI เสื้อฮาวายสุดคูล ชวนเป๋ง–ชานนท์ ดีไซเนอร์ดังออกแบบคอลเล็กชั่นพิเศษ MAKAI X DogKillMen Collector's

Eco-friendly มีรสนิยม และดูแตกต่าง คือนิยามที่หนักแน่นของแบรนด์ MAKAI  Photograph: MAKAI MAKAI เป็นแบรนด์แฟชั่นเสื้อฮาวายที่ผลิตเพื่อลดต้นทุนการผลิตผ้าให้น้อยที่สุด เพราะพวกเขาเห็นว่า โลกอุตสาหกรรมแฟชั่นมีต้นทุนในการผลิตเสื้อผ้าที่สิ้นเปลืองอยู่มากๆ  เหล่าเสื้อฮาวายสุดคูลนี้เกิดจากไอเดียของ มายด์–เบญจมาภรณ์ ศรีทองกุล และอั้น–โชต บุญชูสนอง ที่ใช้แนวคิด Eco-Friendly นำทาง ต่อด้วยการทำให้แบรนด์เสื้อดูแตกต่าง ให้คนใส่ดูมีรสนิยม แถมเป็นคอลเล็กชั่นน่าสะสมสำหรับคอลเล็กเตอร์ได้ด้วย    Photograph: MAKAI จนเมื่อไม่นาน ทั้งสองชวนเป๋ง–ชานนท์ อาร์ตไดเร็กเตอร์แห่ง Dogkillmen ที่ออกแบบอัลบั้มปกซีดีให้ศิลปินดังมากมายอย่าง Bodyslam ป้าง-นครินทร์ Cocktail Big Ass แม้แต่การกระโดดไปเป็นอาร์ตไดเรกเตอร์ของภาพยนตร์ Red Life เมื่อสองปีก่อน และล่าสุดกับการออกแบบปกหนังสือ Tuk Tuk Drivers โดย อุล–ภาคภูมิ ที่คอลแล็บกับนักวาด PYM ของสำนักพิมพ์ Avocado Books มาคอลแล็บในคอลเล็กชั่น MAKAI X DogKillMen Collector's  ซึ่งทั้งมายด์และอั้นติดตามงานของเป๋งมาก่อนแล้ว ตัวตนของเขาน่าจะเข้ากับแบรนด์ของ MAKAI ได้ดี ซึ่งการคิดงานของเป๋งในคอลเล็กชั่นนี้เกิดขึ้นจากอาการป่วยด้วยโรคหัวใจ ความกังวล ความคิด ความผูกพันเกี่ยวกับครอบครัว ทั้งหมดทั้งมวลเอามายำรวมกันจนออกมาเป็นผลงานสีสันจัดจ้านด้วยโทนสีร้อน ที่เห็นแล้วนี่แหละ…ลายเซ็นของดีไซเนอร์ตัวพ่อชัดๆ  Photograph: MAKAI MAKAI เสื้อฮาวายที่ไม่ได้เป็นแค่เสื้อ แต่คือเรื่องราวและความตั้งใจ มายด์เล่าที่มาของแบรนด์ว่า “ตอนที่เริ่มทำแบรนด์ MAKAI จะมีคำถามเวียนอยู่ในหัวตลอดว่า ทำยังไงให้เสื้อของเราแตกต่าง ถ้าเราจะแตกต่างก็ควรใส่ใจในทุกขั้นตอนและรายละเอียด แต่ในขณะเดียวกันก็ต้อง
7 เรื่องสุดเซอร์ไพรส์จากสารคดีใหม่ของ เทเลอร์ สวิฟต์

7 เรื่องสุดเซอร์ไพรส์จากสารคดีใหม่ของ เทเลอร์ สวิฟต์

หากใครกำลังเผชิญชีวิตอย่างในบทเพลง ‘Cruel Summer’ โดยปราศจาก The Eras Tour และแทบจะอดใจรออัลบั้มที่ 12 ของเทย์เลอร์ สวิฟต์ เช่นเพลง The Life of a Showgirl ที่จะปล่อยซิงเกิลในวันที่ 3 ตุลาคมนี้ไม่ไหว แน่นอนว่าสารคดีสองตอนใหม่จาก Channel 4 (ช่องทีวีของอังกฤษ) ก็น่าจะช่วยเติมเต็มช่วงระหว่างการรอนี้ได้อย่างดี ห้าปีหลังจากการเปิดตัวของ Miss Americana บนสตรีมมิ่งเน็ตฟลิกซ์ ซึ่งเป็นสารคดีเกี่ยวกับเรื่องราวของเทเลอร์ สวิฟต์ คราวนี้ทาง Channel 4 พาไปส่องชีวิตของนักร้องสาวให้ใกล้ชิดกว่าเดิม ด้วยสารคดี Bombing Brighton: The Plot to Kill Thatcher, Our Falklands War: A Frontline Story กำกับโดย กาย คิง (Guy King) สารคดีเรื่องนี้ขนทั้งฟุตเทจที่หาชมได้ยาก บวกกับคำบอกเล่าจากอดีตเพื่อนร่วมวง ผู้จัดการ แฟนพันธุ์แท้ และแม่ของเธอเองมาเล่าให้ฟังจุใจ  ทั้งหมดนี้คือ ‘ประเด็น’ ที่ได้จากสารคดีเรื่องนี้  Photograph: Channel 4 | Rick Barker ผู้จัดการคนแรกของเธอคือ antihero ริก บาร์กเกอร์ (Rick Barker) เปรียบเสมือนทั้งเมนเทอร์ และบุคคลที่น่ากลัว (monster on the hill) ไปพร้อมกัน เขาเคยดูแลสวิฟต์ในช่วง Fearless era ราวปี 2007–2008 และเขายังเคยอธิบายถึงความสัมพันธ์ของตัวเองกับนักร้องสาวที่ชวนงงสักหน่อยว่า ‘เป็นไปได้ว่าระหว่างเขากับสวิฟต์ดูเหมือนจะเป็นเพื่อนซี้สาวด้วยกันซะมากกว่า’ หรือตอนที่ คานเย่ เวสต์ (Kanye West) พุ่งขึ้นเวที VMAs (MTV Video music awards) ในปี 2009 เขาก็ได้เข้าไปขัดจังหวะตอนที่สวิฟต์ขึ้นพูดสปีชรับรางวัลบนเวที Best Female Video ของเพลง You Belong With Me นั้น ทำให้บาร์เกอร์เห็นโอกาสทำเงินทันที เขาเล่าย้อนให้ฟังในสารคดีว่า “ผมบอกไปว่า ใครก็ได้ช่วยเดินไปกอดคานเย่หน่อย การโปรโมตตัวเองแบบนี
ชาตรามือ ลุยแบรนด์ CTM สาขาแรกในไทย ปรับลุคใหม่ให้คนดื่มชาได้หลากหลาย

ชาตรามือ ลุยแบรนด์ CTM สาขาแรกในไทย ปรับลุคใหม่ให้คนดื่มชาได้หลากหลาย

ใครเคยแวบไปที่บริเวณชั้น LG โซน Parkside Market ที่ห้างเซ็นทรัล พาร์ค ดุสิตธานี คงเห็นคาเฟ่ชา CTM ที่ตกแต่งด้วยโทนสีเขียวมะนาวทับซ้อนเลเยอร์ด้วยโทนไม้อบอุ่น เห็นแล้วเหมือนเป็นการเชื้อเชิญอย่างอบอุ่น Photograph: CTM   คาเฟ่ชา CTM คือร้านชาแบรนด์ใหม่จากชาตรามือ ซึ่ง CTM ไม่ได้ย่อมาจาก Cha Tra Mue แต่มาจาก Captivating Tea Muse ด้วยคอนเซปต์ใหม่ที่ไม่ใช่เพียงแค่เครื่องดื่ม แต่อยากให้คนได้เลือกดื่มชาที่สนุกขึ้น และอยากให้คนรู้จักจักรวาลของชาที่มากกว่าแค่ชาไทยใส่นมอย่างที่คุ้นชิน  ความจริงแล้ว ชาสุดแมสอย่างชาตรามือเปิดมานานกว่า 80 ปี ซึ่งที่ไทยเองมีแหล่งปลูกชาทางภาคเหนือด้วยพื้นที่ที่อุดมสมบูรณ์ รสชาติของชาก็เป็นเอกลักษณ์ และถูกปากทั้งคนไทยและต่างชาติอยู่แล้ว จึงอยากถ่ายทอดเรื่องราวของชาผ่านแบรนด์ใหม่อย่าง CTM เพื่อให้คนที่ชอบดื่มชาได้รู้ว่า จริงๆ แล้วชามีหลากหลายมาก ที่ดื่มได้ทั้งแบบใสและใส่นม ซึ่งชาในไทยที่คนนิยมดื่มจริงๆ จะมีแค่สองตัว คือชาอัสสัม และชาจีน  Photograph: CTM   แพรว-พราวนรินทร์ เรืองฤทธิเดช ทายาทรุ่นที่ 3 ของแบรนด์ชาตรามืออธิบายว่า ความจริงแล้ว เราจะคุ้นเคยแค่ชาไทยสีส้ม แต่ CTM อยากให้เป็นแบรนด์ที่พูดถึงเรื่องชาที่ลึกกว่าเดิม ซึ่งชามีหลายแบบ ดังนั้น เราอยากให้มีตัวเลือกของชาที่ต่างออกไป และทำให้คนรู้จักชามากขึ้น  ดังนั้น เพนพอยต์หลักของ CTM จึงอยากให้คนมีทางเลือกในการดื่มชาได้สนุกและลองรสชาติของชาที่ต่างจากชานมสีส้มหรือเมนูที่มีอยู่เดิม นอกจากเมนูที่ครีเอตออกมาได้แตกต่าง ยังรวมไปถึงการตกแต่งร้านด้วยโทนสีส้มมะนาว และผนังไม้ที่มีเชลฟ์วางถ้วยเซรามิกตกแต่งให้ความรู้สึกที่ดูเรียบขึ้น แต่ก็ไม่แมสจนเกินไป  Photograph: CTM ส่วนเมนูของ CTM เขาได้ตีโจทย์ออกมากว่า 40 เมนู