As an aspiring writer, she's always searching for new stories to explore and share. She's passionate about art, culture, and a great cup of coffee, finding that life's small joys make each day a little brighter. Ultimately, her greatest source of happiness can be found at home with her four furry cats.

Sriwalee Lakmuang

Sriwalee Lakmuang

Staff writer, Time Out Thailand

Articles (6)

9 เวิร์กช็อปชวนไปเรียนรู้และทดลองทำในสองสัปดาห์สุดท้ายของเดือนกันยา

9 เวิร์กช็อปชวนไปเรียนรู้และทดลองทำในสองสัปดาห์สุดท้ายของเดือนกันยา

ใครจะไปรู้ว่าเดือนนี้เป็นเดือนแห่งการจัดเวิร์กช็อปที่เห็นแล้วละลานตาไปหมด แต่ละที่ก็เชิญชวนให้อยากลองเข้าไปมีส่วนร่วมเลยก็มี เพราะถ้าว่ากันตามตรง จุดประสงค์หลักของการทำเวิร์กช็อปคือการได้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มคอมมูนิตี้ใหม่ๆ ที่เผลอๆ อาจทำให้เราได้เมคเฟรนด์มิตรภาพใหม่โดยไม่รู้ตัว  Time Out รวบรวมเวิร์กช็อปทั้ง 9 แห่ง ซึ่งเป็นทั้งกลุ่มคนที่ได้มาพบปะแลกเปลี่ยนไอเดีย หรือการได้ลงมือทำจริง เผื่อเป็นตัวเลือกสำหรับใครที่กำลังมองหากิจกรรมยามว่างทำ ข้อดีอีกอย่างของเวิร์กช็อปเหล่านี้คือ การได้ทำให้ผู้เข้าร่วมได้เปิดมายด์เซตเพื่อเรียนรู้และทดลองในสิ่งที่อาจไม่เคยได้ทำมาก่อน 
สำรวจ 11 ร้านตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์กลางเมือง ที่ Velaa Langsuan เฟสสอง

สำรวจ 11 ร้านตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์กลางเมือง ที่ Velaa Langsuan เฟสสอง

เมื่อไรที่พุ่งเป้าไปยังจุดนัดหมายเพื่อผ่อนคลายและพบปะสังสรรค์ ถ้าหากการพบปะนั้นตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ได้ทุกรูปแบบ ไม่ว่าใครๆ ก็ต้องขอจดลิสต์เอาไว้ก่อน  ล่าสุดเมื่อไม่นาน Velaa Sindhorn Village Langsuan ขยายเฟสใหม่เปิดพื้นที่ไลฟ์สไตล์ที่ออกแบบเพื่อให้เอกเขนกไปกับการได้ใช้เวลา โดยรวมร้านอาหารและเครื่องดื่มที่คัดสรร ด้วยเชฟชื่อดังผู้อยู่เบื้องหลังร้านอาหารระดับมิชลินและแบรนด์นำเข้า เหมาะกับการนัดพบเพื่อน คนรู้จัก ครอบครัว หรือใครก็ตาม ซึ่งที่นี่ยังเป็นพื้นที่เหมาะสำหรับ Pet-Friendly ได้ด้วย  Photograph: Velaa Sindhorn Village Langsuan ย้อนกลับไป Velaa Sindhorn Village Langsuan คือจุดนัดพบในย่านหลังสวน ดำเนินงานโดยบริษัท สยามสินธร จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทแนว Sustrend ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน โดยให้ความสำคัญกับความเป็นอยู่ของชุมชนและวิถีชีวิตของชาวเมือง เพียบพร้อมด้วยร้านอาหารและเครื่องดื่มในคอมมูนิตี้มอลล์ที่รายล้อมด้วยพื้นที่สีเขียวของต้นไม้ใหญ่ เพื่อให้เป็นโซนร้านอาหารและไลฟ์สไตล์ที่เต็มไปด้วย ‘พลัง’ และ ‘ความมีชีวิตชีวา’  นอกจากคอมมูนิตี้มอลล์ Velaa ยังเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ ครบครันด้วยร้านอาหาร คาเฟ่ และร้านเบเกอรี่ถึง 39 ร้าน ยังมีร้านที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์อย่างร้านตัดผมลักชูรี่ไปจนถึงซูเปอร์มาร์เก็ตที่เหมาะกับคนทุกวัย  Time Out กรุงเทพฯ ขอรวบรวมร้านอาหาร คาเฟ่และเบเกอรี่ และร้านไลฟ์สไตล์ทั้ง 11 ร้าน ที่ Velaa คัดสรรมาเพื่อพื้นที่แห่งใหม่นี้ ซึ่งเต็มไปด้วยเรื่องราวน่าสนใจจนอยากให้ได้ลองกัน 
ชวนลองกีฬาเอ็กซ์ตรีมสุดมันส์กับยิมปีนผาจำลองในกรุงเทพฯ มือใหม่มือเก๋าก็ลองได้หมด

ชวนลองกีฬาเอ็กซ์ตรีมสุดมันส์กับยิมปีนผาจำลองในกรุงเทพฯ มือใหม่มือเก๋าก็ลองได้หมด

กระแสปีนผาในกรุงเทพฯ กำลังร้อนฉ่า กีฬาสุดเอ็กซ์ตรีมนี้ไม่ได้มีไว้สำหรับสายปีนผาจริงจังอีกต่อไป ซึ่งตอนนี้มีทั้งยิมปีนผาแบบ Bouldering (คือการปีนผาเตี้ยๆ โดยไม่ใช้เชือก) และยิมปีนผาเปิดอยู่เต็มบ้านเต็มเมือง ใครที่อยากลองความท้าทาย ทั้งได้โฟกัสสมาธิ และได้เจอเพื่อนใหม่ๆ บอกเลยว่ากีฬานี้ได้ฟีลมันส์กว่าคลาสออกกำลังกายทั่วไปตั้งเยอะ  ไม่ว่าจะมือใหม่หัดปีน หรือใครอยากหาไอเดียไว้ออกเดตเก๋ๆ หรือเป็นนักปีนสายแข็งอยู่แล้ว ก็มั่นใจหายห่วง เพราะปักหมุดแหล่งปีนผาไว้ที่กรุงเทพฯ ให้แล้ว  
รวมคาเฟ่เปิดใหม่รอบกรุงเทพฯ ในปี 2568

รวมคาเฟ่เปิดใหม่รอบกรุงเทพฯ ในปี 2568

Time Out ชวนผมมาแชร์ลิสต์คาเฟ่เปิดใหม่ที่ชอบที่สุด และระหว่างที่กำลังรวบรวมรายชื่ออยู่นั้น ผมก็ย้อนคิดไปถึงจุดเริ่มต้นตั้งแต่แรกเริ่มตลอดแปดปีที่ผ่านมา เพราะสิ่งที่ผมหลงใหลก็คือการสำรวจซีนกาแฟภายในกรุงเทพฯ  โดยทั้งหมดมันเริ่มต้นง่ายๆ เพียงเพราะผมเป็นคนที่รักการดื่มกาแฟเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว และช่วงที่ยังทำงานประจำ ผมก็มักจะใช้เวลาสุดสัปดาห์ไปกับการค้นหาคาเฟ่ใหม่ๆ ที่น่าสนใจ และในทุกครั้งที่ได้บังเอิญไปเจอคาเฟ่ที่มีกาแฟอร่อยๆ หรือร้านที่ตกแต่งอย่างสวยงาม มันมักจะจุดประกายแรงบันดาลใจบางอย่างในตัวผมอยู่เสมอ มันทำให้ผมก็ไม่ต้องการที่จะเก็บความรู้สึกเหล่านั้นไว้เพียงคนเดียว การแชร์ช่วงเวลาเหล่านั้นลงบนอินสตาแกรมจึงกลายเป็นเหมือนสมุดบันทึกเล่มเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยความสุข หรือเปรียบเทียบให้เห็นภาพง่ายๆ มันคือแกลเลอรีส่วนตัวที่ผมตั้งใจสร้างขึ้น และจนถึงวันนี้ผมก็ยังรู้สึกทึ่งที่ผู้คนมากมายคอยติดตามการเดินทางนี้ไปพร้อมกัน ตลอดหลายปีที่ผ่านมา มักจะมีหลายคนเข้ามาถามผมอยู่เสมอว่า ‘คุณหาคาเฟ่พวกนี้เจอได้ยังไง?’ คำตอบก็คือมันไม่มีสูตรสำเร็จที่ตายตัว ต้องเล่าย้อนกลับไปสมัยที่ผมเคยอยู่ในกลุ่ม ‘cafe hopper’ เรียกได้ว่ามันคือคอมมูนิตี้ขนาดย่อมที่เรามักจะแชร์พิกัดใหม่ๆ ให้กัน และอาจจะเนื่องด้วยความโชคดีที่ผมมีเพื่อนๆ ที่อยู่ในสายงานดีไซน์ เวลามีโปรเจกต์อะไรใหม่ๆ ที่น่าสนใจเขาก็จะแอบมากระซิบบอกอยู่เสมอ นอกจากนี้ก็มีวิธีอื่นๆ ผสมผสานกันไป ทั้งการไถโซเชียลไปมา ดูแฮชแท็กว่าอะไรกำลังอยู่ในเทรนด์ หรือบางครั้งก็ได้พบโดยบังเอิญระหว่างที่กำลังออกไปสำรวจ การที่ได้ไปเยือนคาเฟ่หลากหลายที่ มันให้อะไรกับผมหลายอย่างมาก และบทเรียนที่สำคัญที่สุดคือ ผมได้รู้ว่าการมีใจรักในสิ่งใดสิ่งหนึ่ง มันคือแหล่งพลังงานสำคัญในการข
มัดรวมร้านอาหาร Feels Like Home ชวนแม่ออกไปกินข้าว

มัดรวมร้านอาหาร Feels Like Home ชวนแม่ออกไปกินข้าว

เท่าที่นึกออก ช่วงวันแม่ในวัยเด็กของผู้เขียนมักจะมีวัฒนธรรมกินข้าวนอกบ้านกันเกือบทุกปี (ซึ่งคิดว่าวัฒนธรรมของบ้านอื่นอาจใกล้เคียงกัน) เพราะการได้อยู่ร่วมโต๊ะมื้อเดียวกันจะมีมวลของความแนบแน่นที่ไม่เคยหายไปผุดขึ้นในระหว่างมื้อเสมอ  ซึ่งจริงๆ แล้วร้านอาหารส่วนใหญ่ต่างดีไซน์ร้านออกมาให้มีพื้นที่เพียงพอต่อการรับแขก แต่จะดีแค่ไหน ถ้าร้านอาหารร้านนั้นออกแบบหรือครีเอตเมนูอาหารให้มีความแตกต่างเฉพาะตัว ไม่ว่าจะเป็นเมนูอาหารไทยร่วมสมัย ไทยโมเดิร์น หรือนำอาหารต้นตำรับฝีมือแม่ ยาย ย่า มาครีเอตให้ดูมีคุณค่าขึ้นโดยใส่ไอเดียของเชฟหรือเจ้าของร้านอาหารเข้าไปด้วย โดยเฉพาะอาหารต้นตำรับรสมือแม่ ซึ่งสำหรับบางคนคือความทรงจำชั้นดี คือความผูกพัน คือความไกลห่างให้กลายเป็นใกล้ชิด หรือทำให้อาหารมื้อนั้นวิเศษขึ้นมาราวกับมีเวทมนตร์ Time Out รวม 10 ร้านอาหารแนว ‘Feels Like Home’ จากต้นตำรับฝีมือของคนที่บ้าน โดยบางร้านให้บรรยากาศเหมาะกับครอบครัวหรือเพื่อน บางร้านให้สไตล์โมเดิร์นร่วมสมัย บางร้านครีเอตเมนูที่ดูแตกต่าง หรือบางร้านเป็นเชฟยอดฝีมือและเป็นสเปเชียลเกสต์ที่ปรากฏในรายการอาหารทางทีวี บางร้านจองยากเย็นแต่คนส่วนใหญ่ก็ยังขอลอง บางร้านก็กลับไปกินซ้ำได้บ่อยๆ แต่ไม่ว่าอย่างไร ร้านอาหารเหล่านี้ให้ความรู้สึก Feels Like Home ลอยกรุ่นขึ้นมาทุกร้าน 
10 ร้านติ่มซำในกรุงเทพฯ ที่ Time Out คัดมาแล้วว่าดี

10 ร้านติ่มซำในกรุงเทพฯ ที่ Time Out คัดมาแล้วว่าดี

ในกรุงเทพฯ วงการติ่มซำมีค่อนข้างหลากหลาย ทั้งแนวต้นตำรับคลาสสิก แนวทดลองเชิงสร้างสรรค์ หรือค่อนไปทางแนวหรูหราระดับภัตตาคาร แต่เคยคิดกันเล่นๆ ไหมว่าบางสิ่งบางอย่างที่เกี่ยวกับติ่มซำ มักทำให้ทุกมื้อเต็มไปด้วยความรู้สึกพิเศษที่ซ่อนอยู่เสมอ บางคนอาจนิยมกินติ่มซำกันช่วงสาย หรืออยากนั่งชิลกินกันช่วงเที่ยง นั่นก็เพราะติ่มซำไม่ใช่แค่ของกิน แต่มันคือพิธีกรรมแห่งการกินไปแล้ว  อยากให้ลองนึกภาพโต๊ะในร้านติ่มซำที่เต็มไปด้วยเข่งไม้ไผ่ อุ่นไอชา กลิ่นหอมละมุน คลอเสียงคุยกันเบาๆ และเสียงตะเกียบที่คอยแย่งชิงติ่มซำคำอร่อยๆ เหล่านี้คือร้านที่ Time Out เห็นว่าควรค่าแก่การลิ้มลอง

News (29)

ชาตรามือ ลุยแบรนด์ CTM สาขาแรกในไทย ปรับลุคใหม่ให้คนดื่มชาได้หลากหลาย

ชาตรามือ ลุยแบรนด์ CTM สาขาแรกในไทย ปรับลุคใหม่ให้คนดื่มชาได้หลากหลาย

ใครเคยแวบไปที่บริเวณชั้น LG โซน Parkside Market ที่ห้างเซ็นทรัล พาร์ค ดุสิตธานี คงเห็นคาเฟ่ชา CTM ที่ตกแต่งด้วยโทนสีเขียวมะนาวทับซ้อนเลเยอร์ด้วยโทนไม้อบอุ่น เห็นแล้วเหมือนเป็นการเชื้อเชิญอย่างอบอุ่น Photograph: CTM   คาเฟ่ชา CTM คือร้านชาแบรนด์ใหม่จากชาตรามือ ซึ่ง CTM ไม่ได้ย่อมาจาก Cha Tra Mue แต่มาจาก Captivating Tea Muse ด้วยคอนเซปต์ใหม่ที่ไม่ใช่เพียงแค่เครื่องดื่ม แต่อยากให้คนได้เลือกดื่มชาที่สนุกขึ้น และอยากให้คนรู้จักจักรวาลของชาที่มากกว่าแค่ชาไทยใส่นมอย่างที่คุ้นชิน  ความจริงแล้ว ชาสุดแมสอย่างชาตรามือเปิดมานานกว่า 80 ปี ซึ่งที่ไทยเองมีแหล่งปลูกชาทางภาคเหนือด้วยพื้นที่ที่อุดมสมบูรณ์ รสชาติของชาก็เป็นเอกลักษณ์ และถูกปากทั้งคนไทยและต่างชาติอยู่แล้ว จึงอยากถ่ายทอดเรื่องราวของชาผ่านแบรนด์ใหม่อย่าง CTM เพื่อให้คนที่ชอบดื่มชาได้รู้ว่า จริงๆ แล้วชามีหลากหลายมาก ที่ดื่มได้ทั้งแบบใสและใส่นม ซึ่งชาในไทยที่คนนิยมดื่มจริงๆ จะมีแค่สองตัว คือชาอัสสัม และชาจีน  Photograph: CTM   แพรว-พราวนรินทร์ เรืองฤทธิเดช ทายาทรุ่นที่ 3 ของแบรนด์ชาตรามืออธิบายว่า ความจริงแล้ว เราจะคุ้นเคยแค่ชาไทยสีส้ม แต่ CTM อยากให้เป็นแบรนด์ที่พูดถึงเรื่องชาที่ลึกกว่าเดิม ซึ่งชามีหลายแบบ ดังนั้น เราอยากให้มีตัวเลือกของชาที่ต่างออกไป และทำให้คนรู้จักชามากขึ้น  ดังนั้น เพนพอยต์หลักของ CTM จึงอยากให้คนมีทางเลือกในการดื่มชาได้สนุกและลองรสชาติของชาที่ต่างจากชานมสีส้มหรือเมนูที่มีอยู่เดิม นอกจากเมนูที่ครีเอตออกมาได้แตกต่าง ยังรวมไปถึงการตกแต่งร้านด้วยโทนสีส้มมะนาว และผนังไม้ที่มีเชลฟ์วางถ้วยเซรามิกตกแต่งให้ความรู้สึกที่ดูเรียบขึ้น แต่ก็ไม่แมสจนเกินไป  Photograph: CTM ส่วนเมนูของ CTM เขาได้ตีโจทย์ออกมากว่า 40 เมนู
Papa เหตุการณ์จริงในฮ่องกงสู่ภาพยนตร์ชวนทำความเข้าใจกลุ่มเปราะบางได้งดงาม

Papa เหตุการณ์จริงในฮ่องกงสู่ภาพยนตร์ชวนทำความเข้าใจกลุ่มเปราะบางได้งดงาม

หมายเหตุ: ภาพยนตร์เรื่องนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุ 14 ปีขึ้นไป  หากใครเคยดูหนังฮ่องกง คงรู้อยู่แล้วว่า บทบาทของนักแสดง ฝีมือการกำกับ แม้แต่ทีมเขียนบทส่วนใหญ่คือการเปลื้อง ‘ความจริง’ ของหนังได้หมดเปลือก  เช่น Papa หนึ่งในภาพยนตร์ฮ่องกงที่หยิบเอาเรื่องจริงที่เคยเกิดขึ้นมาดัดแปลงเป็นภาพยนตร์ที่ไม่น่าเชื่อว่าเป็นการเล่าเรื่องให้ดู ‘ง่าย’ กับคนดูได้อีกหนึ่งเปลาะ   ภาพยนตร์เรื่อง Papa เป็นหนึ่งในภาพยนตร์ของเทศกาล Hong Kong Film Gala Presentation ที่เพิ่งเข้าฉายที่ House Samyan ไปเมื่อปลายเดือนสิงหาคมและต้นเดือนกันยายน ด้วยธีม Together We Dare Together เป้าหมายหลักของเทศกาลคือ การสร้างความสัมพันธ์ทางวัฒนธรรมและแลกเปลี่ยนวิชาชีพในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ของฮ่องกงและไทย เรื่องนี้เคยเข้าฉายรอบปฐมทัศน์ในเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติที่โตเกียวด้วย  สำหรับ Papa คือภาพยนตร์แนวดราม่า-อาชญากรรม ที่สร้างจากคดีฆาตกรรมสะเทือนขวัญเมื่อปี 2010 ที่ย่านซุนวาน ในฮ่องกง ด้วยฝีมือการกำกับของ ‘ฟิลิป ยุง’ ผู้กำกับ นักเขียนบท และผู้ควบคุมงานสร้างหนังในฮ่องกง นำแสดงโดย หลิวชิงอวิ๋น (ฌอน หลิว) โจ คุค และดีแลน โซ ซึ่งเขาเป็นนักแสดงหน้าใหม่ที่พลิกบทบาทมารับบทที่ซับซ้อนและเข้าใจได้ยากเรื่องนี้เรื่องแรก จนได้รับรางวัลนักแสดงชายยอดเยี่ยมตั้งแต่อายุ 16 ปี  สาเหตุที่โปรดิวเซอร์และทีมนักเขียนบทสนใจประเด็นเรื่องนี้ก็เพราะว่า แม้ฮ่องกงจะนับว่าเป็นเขตเศรษฐกิจระดับโลก แต่ก็ยังมีมุมมืดที่ซ่อนอยู่ใต้พรม อย่างอัตราการปลิดชีพของเยาวชนที่สูงขึ้น โดยเฉพาะวัยประถมและมัธยม (หนึ่งในกลุ่มคนที่น่าเป็นห่วง) จึงควรหันมาตระหนักและใส่ใจเรื่องนี้จริงจัง ซึ่งหนึ่งในตัวอย่างของเยาวชนก็คือ ‘หมิง’ ตัวละครหลักของเรื่อง Papa นั่นเอง  Papa คือการเล่าเรื
COMO Metropolitan Singapore โรงแรมใจกลางสิงคโปร์ที่อยากให้ผู้เข้าพักมีคุณภาพชีวิตที่ดี

COMO Metropolitan Singapore โรงแรมใจกลางสิงคโปร์ที่อยากให้ผู้เข้าพักมีคุณภาพชีวิตที่ดี

ใกล้ช่วงไฮซีซั่นเข้าไปทุกที สายเที่ยวคงปักหมุดที่พักตามไลฟ์สไตล์กันให้วุ่น ซึ่งถ้าใครกำลังมองหาช่วงเวลาของการพักผ่อนเพื่อบาลานซ์ความสมดุลทั้งกายใจ โรงแรม COMO Metropolitan Singapore อาจเป็นอีกหนึ่งที่พักที่กำลังมองหา    Photograph: COMO Metropolitan Singapore COMO Metropolitan Singapore คือโรงแรมที่ก่อตั้งขึ้นครั้งแรกของแบรนด์ซิกเนเจอร์อย่าง COMO Group ในสิงคโปร์ ภายใต้ความสะดวกสบายและหรูหราซึ่งครอบคลุมอยู่ในพื้นที่เดียวกัน    Photograph: COMO Metropolitan Singapore การผสมผสานของ COMO Metropolitan Singapore ทุกพื้นที่เด่นด้วยความโมเดิร์น ทั้งโทนสีอ่อนและการใส่ใจรายละเอียดทุกจุด เช่น COMO Hotels and Resorts ช้อปปิ้งแฟชั่นมัลติแบรนด์ Club 21 พื้นที่การดูแลสุขภาพเชิงเวลเนส COMO Shambhala ร้านอาหารนานาชาติร่วมสมัย COMO Cuisine ที่มี COTE Korean Steakhouse และขนมหวานโดยเชฟระดับโลกอย่างเซดริก กรอเลต์ (Cédric Grolet) ถูกรวมไว้ใน COMO Orchard ได้ลงตัว     Photograph: COMO Metropolitan Singapore จุดเด่นคือภายใน COMO Orchard ถูกออกแบบโดยกลุ่มสถาปนิกซึ่งเป็นพันธมิตรของ COMO อย่าง Atelier Ikebuchi และ OTTO Studio จากมิลาน ภายใต้การดูแลของสถาปนิกและนักออกแบบชาวอิตาลี เปาโล นาโวเน (Paola Navone) พร้อมศิลปินด้านดิจิทัลชาวนอร์เวย์ โธมัส ฮิลแลนด์ และสถาปนิกชาวนิวยอร์กอย่าง Modellus Novus ที่เชื่อได้เลยว่าเป็นสายตาของนักออกแบบดีไซน์ที่ทันสมัยและหรูหราในคราวเดียว  COMO Politan Singapore เหมาะกับทุกไลฟ์สไตล์ใจกลางเมือง  อย่างไรก็ดี สิงคโปร์คือประเทศแถวหน้าของเทรนด์ใหม่ๆ ไม่ว่าจะแฟชั่น อาหาร แนวทางการดูแลสุขภาพเชิงเวลเนส ฯลฯ หากใครเลือกจองตั๋วมาเที่ยวที่สิงคโปร์อยากแนะนำให้มาช่วงต้นปีเพื่อจ
เปลี่ยนโฉมสะพานเขียวเชื่อมสวนเบญฯและสวนลุมฯ ต้อนรับปอดแห่งใหม่ใจกลางเมือง

เปลี่ยนโฉมสะพานเขียวเชื่อมสวนเบญฯและสวนลุมฯ ต้อนรับปอดแห่งใหม่ใจกลางเมือง

แม้สวนลุมพินีที่เราๆ คุ้นเคยจะเพิ่งฉลองครบรอบ 100 ปีไปหมาดๆ แต่ปีนี้มีเรื่องเซอร์ไพรส์กว่าคือจะมีการยกเครื่องทางเข้าสวนลุม หลังจากพื้นที่ทางฝั่งถนนวิทยุ (สารสิน) พื้นที่เดิมของออฟฟิศและสมาคมแบดมินตันซึ่งใช้งานมานานกว่า 40 ปี กำลังจะถูกเปลี่ยนโฉมเป็นประตูบานใหม่ที่มีทางเดินเชื่อมสะพานเขียวไปจนถึงสวนเบญจกิติ ซึ่งเป็นครั้งแรกที่เชื่อมสวนใหญ่ทั้งสองของกรุงเทพฯ เข้าด้วยกัน  โดยการดีไซน์ที่ดูล้ำแถมยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม มีทางเดินยาวให้คนเดิน วิ่ง หรือปั่นจักรยานได้สะดวกขึ้น ก่อนหน้านี้มีภาพจำลองที่ปล่อยออกมาซึ่งเห็นแล้วโมเดิร์นสุดๆ แทบอยากจะใส่รองเท้าออกไปวิ่งทันที แต่ยังคงต้องรอดูก่อนว่าสวนแห่งใหม่จะสวยสมกับที่เห็นในภาพขนาดไหน    Photograph: Bangkok Metropolitan Administration สำหรับชาวกรุงเทพฯ เรื่องนี้นับว่าเป็นเรื่องสำคัญ เพราะทั้งสวนเบญจกิติและสวนลุมพินีถือเป็นปอดใหญ่ของเมืองที่กำลังจะเชื่อมถึงกัน เหมือนกับเป็นการผนึกสองปอดเข้าด้วยกันเพื่อให้มีพื้นที่หายใจได้อย่างสดชื่นยิ่งขึ้น และยังมีพื้นที่ให้ได้พักผ่อน ทำกิจกรรม หรือไปนั่งเล่นหย่อนกายสบายใจ ซึ่งในอนาคตที่นี่ไม่ใช่แค่พื้นที่สำหรับวิ่งหรือเดินเล่นเพียงอย่างเดียวแล้ว แต่ยังกลายเป็นพื้นที่เล็กๆ กลางเมืองที่ใครก็อยากหลบหนีความวุ่นวาย (คราวต่อไปถ้าจะชวนเพื่อนให้ลองชวนใหม่ว่า “ไปเจอกันที่สวนฯ แล้วกันนะ”)  โครงการปรับปรุงสวนในครั้งนี้ได้มีการริเริ่มมาตั้งแต่ต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา (ตอนนี้โครงการมีความคืบหน้าประมาณ 10%) ซึ่งมีเป้าหมายเสร็จสิ้นโครงการในเดือนพฤษภาคมปีหน้า เมื่อเสร็จสมบูรณ์แล้ว  สวนแห่งใหม่นี้จะมีทางเดินที่กว้างขึ้น มีทางปั่นจักรยานได้ราบรื่น และยังเพิ่มพื้นที่สีเขียวแสนร่มรื่นให้นั่งพักผ่อนได้อีกเพียบ  “นี่ไม่ใ
ออกไปจิบค็อกเทลสุดคลาสสิกได้ที่งาน Negroni Week 22–28 กันยายนนี้

ออกไปจิบค็อกเทลสุดคลาสสิกได้ที่งาน Negroni Week 22–28 กันยายนนี้

วนกลับมาอีกครั้งกับงาน Negroni Week 2025 พร้อมบาร์ทั่วไทยอีกกว่า 239 แห่ง คราวนี้บาร์แต่ละแห่งต่างหยิบสูตรค็อกเทลคลาสสิกที่มีจิน แคมปารี และเวอร์มุธ ซึ่งบางร้านครีเอตการเสิร์ฟแบบรมควัน บางร้านก็เสิร์ฟแบบใสแจ๋วราวกับคริสตัล บางร้านครีเอตโดยการเพิ่มโซดาเป็นส่วนผสม หรือบางร้านเสิร์ฟแบบเรียบง่ายบนก้อนน้ำแข็ง เหมือนอย่างที่เคานต์คามิลโล เนโกรนี ชอบดื่มสมัยเขาอยู่ที่ฟลอเรนซ์  งาน Negroni Week เริ่มจัดขึ้นในปี 2013 โดยความร่วมมือกับองค์กรการกุศล นั่นแปลว่าค็อกเทลทุกแก้วที่ดื่มก็เท่ากับการได้ร่วมสนับสนุนสิ่งดีๆ พร้อมกันไปด้วย โดยปีนี้ทาง Negroni Week จะมอบรายได้ให้แก่ Slow Food องค์กรที่ทำงานด้านความยั่งยืนซึ่งเกี่ยวข้องกับการอนุรักษ์วัฒนธรรมอาหารของท้องถิ่น ฉะนั้นยืนยันได้เลยว่า งานนี้จึงไม่ได้มีดีแค่ถ่ายรูปแก้วสวยๆ เอาไว้อวดบนโซเชียลแน่นอน  ซึ่งสิ่งที่ทำให้ ‘เนโกรนี’ น่าสนใจก็คือ รสชาติที่ไม่เคยจืดชืดและไม่มีอะไรมากลบเกลื่อน ทุกแก้วต่างเต็มไปด้วยเอกลักษณ์ อย่าง Campari ที่มีความขมเฝื่อน หรือจินที่เพิ่มความ ‘เข้ม’ และ ‘คม’ เวอร์มุธที่ช่วยให้บาลานซ์อย่างลงตัว เรียกได้ว่าเป็นค็อกเทลที่มีความสมดุลเท่าๆ กัน  ซึ่งเครื่องดื่มแต่ละแก้วต่างก็มีสไตล์เป็นของตัวเอง อย่างมาร์ตินี่ก็จะออกแนวเท่หน่อย โมฮีโตมีลุคที่ดูแล้วสดใส ส่วนโอลด์แฟชั่นก็มักจะทำให้นึกถึงลุคเคร่งขรึมแบบคุณพ่อ แต่ถ้าเป็นเนโกรนีละก็ มันจะทั้งขม ทั้งสดใส มีลุคเพลย์บอยขี้เล่น แต่ก็ยังอยู่ในร่องในรอย เหมือนอย่างเพื่อนที่นัดกันแล้วชอบมาสาย แต่เมื่อมาถึงทีไรก็จะมีเรื่องเด็ดๆ มาเล่าให้ฟังทุกครั้ง ไม่แปลกใจเลยว่าทั้งหมดนี้ทำไมจึงต้องมีสัปดาห์เนโกรนีอันแสนพิเศษในตัวของมันเอง   เพราะฉะนั้น หากคุณนับไม่ได้ว่าเมื่อปีก่อนดื่มไปแล้วกี่แก้ว ซ
COLOR PULSE นิทรรศการที่ถ่ายทอด ‘สี’ ด้วยอารมณ์และความรู้สึก ผ่าน 6 ศิลปินจากเกาหลี

COLOR PULSE นิทรรศการที่ถ่ายทอด ‘สี’ ด้วยอารมณ์และความรู้สึก ผ่าน 6 ศิลปินจากเกาหลี

อาร์ตสเปซในย่านเจริญกรุง-บางรัก พื้นที่ที่เชื่อมศิลปินไทยและต่างชาติเข้าด้วยกันอย่าง Maison JE Bangkok จัดนิทรรศการศิลปะร่วมสมัยของชาวเกาหลี 6 คน ด้วยการนำเสนอผลงานที่ถ่ายทอด ‘สี’ ผ่านอารมณ์และความรู้สึก ด้วยผลงานอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของศิลปิน   Photograph: Maison JE Bangkok  ซึ่งศิลปินเกาหลีที่จัดแสดงงานครั้งนี้ประกอบด้วย ทูมยอง (2Myoung) อิมโซลจี (Im Solji) คิมอ๊ก-จิน (Kim Ok-Jin) ลีแจยุล (Lee Jaeyual) ซูซี่ คิว (Suzy Q) และควายา (Qwaya) ทั้ง 6 คนนำเสนอผลงานตามอัตลักษณ์ของศิลปินซึ่งส่วนใหญ่เกี่ยวโยงถึงเรื่องราวของความเงียบงัน ความโดดเดี่ยว การจินตนาการ การค้นหาตัวตนในความทรงจำ หรือการถ่ายทอดอารมณ์ที่ลึกซึ้งผ่านสังคมเมืองและภูมิทัศน์ในความคิดของศิลปินผสานกับความร่วมสมัย ด้วยงานจิตรกรรมรวมถึงงานประติมากรรม   Photograph: Maison JE Bangkok โดยมีศิลปินชาวเกาหลีทั้งหมด 6 คน ตั้งแต่ ทูมยอง คือศิลปินผู้ถ่ายทอดอารมณ์ผ่านรูปทรงของงานประติมากรรม ของเล่น และวัสดุ งานของเขาสะท้อนถึงความบริสุทธิ์และพลังของวัยเด็ก ภายใต้แนวคิด ‘Playtime’s not over!’ เขาเป็นศิลปินที่ถูกพูดถึงในวงการอาร์ตทอยและประติมากรรมร่วมสมัยของเกาหลีที่ขยายผลงานไปสู่เวทีนานาชาติด้วย  Photograph: Maison JE Bangkok  ถัดมาเป็นอิมโซลจี ศิลปินหญิงที่ชอบสร้างโลกแฟนตาซีด้วยพืช สัตว์ และมนุษย์ ผลงานของเธอเต็มไปด้วยสีสันและความรู้สึก สร้างความทรงจำเหมือนเรื่องราวในหนังสือเด็กที่แม่อ่านให้ฟังก่อนนอน เธอใช้แสง สี และลวดลายถ่ายทอดความทรงจำและจินตนาการลงบนผลงานของเธอเอง  Photograph: Maison JE Bangkok  ทางด้านคิมอ๊ก-จิน ผลงานของเธอถ่ายทอดความรู้สึกโดดเดี่ยวได้ลึกซึ้งเปรียบเหมือนบทกวี ซึ่งถ่ายทอดความรู้สึกโดดเดี่ยวได้ลึกซึ้ง
KANORI แฮนด์โรลบาร์ จัดเซตซูชิ The Fifth รับสาขาใหม่ที่พารากอนที่เดียว!

KANORI แฮนด์โรลบาร์ จัดเซตซูชิ The Fifth รับสาขาใหม่ที่พารากอนที่เดียว!

เทรนด์การกินแฮนด์โรลซูชิเป็นกระแสที่ถูกพูดถึงเรื่อยๆ ซึ่งถ้าขึ้นชื่อว่าเป็นอาหารญี่ปุ่น ยังไงก็ยังครองฐานลูกค้าในบ้านเราได้เหนียวแน่น อย่างเช่นซูชิ เพราะด้วยกินง่ายคำต่อคำ และอิ่มค่อนข้างเร็ว และถ้าได้เห็นกระบวนการทำในสไตล์โอมากาเสะยิ่งทำให้ต่อมรับรสทำงานได้มากกว่าการกินอาหารที่คุ้นเคยได้น่าประหลาด   Photograph: KANORI  ซึ่งร้าน KANARI ร้านที่เสิร์ฟซูชิแฮนด์โรลมากว่า 4 สาขามองเห็นความเป็นไปได้เหล่านี้ จึงเปิดสาขาใหม่ล่าสุดเป็นสาขาที่ 5 ที่สยามพารากอน เมื่อพบว่าร้าน KANORI ที่เปิดไปแล้ว 4 สาขา ทั้งโซนสุขุมวิทและสาทร ต่างค่อยๆ เพิ่มกลุ่มฐานลูกค้าที่แน่นขึ้น  Photograph: KANORI  โดยปณิธาน ปณิธิ และปวิตรา กอบกุลสุวรรณ สามพี่น้องผู้บริหารกล่าวถึงภาพรวมต่อการเปิดสาขาใหม่ว่า เหตุผลของเปิดสาขาใหม่ที่สยามพารากอนฝั่ง North ติดกับโรงแรมสยามแคมปินสกี้ เพราะพื้นที่ตรงนี้ไม่วุ่นวาย อยากให้ลูกค้ามีความเป็นส่วนตัวเวลามากินกับกลุ่มเพื่อน ครอบครัว หรือใครก็ตาม  Photograph: KANORI  ตั้งแต่การออกแบบร้านด้วยผนังกั้นไม้เป็นโซนๆ ด้วยบรรยากาศลักชูรี่แฝงความอบอุ่นผ่อนคลาย หรือการออกแบบโซนในร้านให้เหมาะกับลูกค้า ด้วยโซนเคาน์เตอร์บาร์ จะรองรับได้ 15 ที่นั่ง โซนกึ่งไพรเวตสำหรับคนที่ต้องการความเป็นส่วนตัวทั้ง 4 ห้อง รองรับได้ 6-8 ที่นั่งต่อห้อง (สองโซนนี้จะเสิร์ฟซูชิแบบโอมากาเสะ) และยังมีโซนหน้าร้านด้วยที่นั่งแบบลองเทเบิ้ลซึ่งเหมาะกับกลุ่มเพื่อนที่มาพบปะ  ส่วนเซตเมนูที่ตั้งใจเสิร์ฟเฉพาะที่แรกที่พารากอน เรียกว่า ‘The Fifth’ คือโรลซูชิ 5 แท่ง 5 เมนู ที่ทั้งสามคิดค้นและทำงานกันอย่างหนักเพื่อตอบโจทย์ฐานลูกค้าเดิมและลูกค้าใหม่ ส่วนใหญ่เป็นวัตถุดิบนำเข้าที่คัดมาเพื่อให้ถูกปากกับการกินซูชิแฮนด์โรลได้สนุกแ
PRALET โดนัททรงเหลี่ยมจากสิงคโปร์ที่ใส่ใจทุกเม็ดและเชื่อว่าโดนัทไม่ได้มีแค่ทรงกลมเสมอไป

PRALET โดนัททรงเหลี่ยมจากสิงคโปร์ที่ใส่ใจทุกเม็ดและเชื่อว่าโดนัทไม่ได้มีแค่ทรงกลมเสมอไป

เรื่องมันเกิดตอนที่มีน้องในออฟฟิศสั่งโดนัทยี่ห้อหนึ่งมากิน  แพ็กเกจจิ้งเป็นกล่องสีขาว ข้างกล่องมีตัวหนังสือสีแดงบอกยี่ห้อชัดเจนว่า PRALET รู้ทันทีว่าไม่เคยเห็นโดนัทยี่ห้อนี้เลย แต่พอได้ชิมก็พูดกับตัวเองว่า เราต้องเขียนถึงโดนัทยี่ห้อนี้สักหน่อยแล้ว    Photograph: PRALET   PRALET คือร้านโดนัทซาวร์โดห์ทรงสี่เหลี่ยมจากสิงคโปร์ เปิดไปเมื่อปลายเดือนมิถุนายน และมีหน้าร้านอยู่ที่คอร์นเนอร์เอกมัย  แต่ก่อนจะมาเป็นร้านโดนัท PRALET เมื่อ 19 ปีก่อนเคยเป็นร้านคาเฟ่เล็กๆ ในสิงคโปร์ชื่อว่า Caffe Pralet โดยมี จูดี้ โคห์ อดีตอาจารย์สอนวรรณคดีที่ผันตัวมาเป็นเชฟและเจ้าของร้านด้วยตัวเอง    Photograph: PRALET   Caffe Pralet มีจุดเริ่มต้นจากร้านกาแฟที่บริหารกันเองในครอบครัว ซึ่งให้บริการอาหารที่หลากหลาย ต่อมาจูดี้ได้ส่งต่อกิจการให้ ทิม เจีย ลูกชายของเธอ แล้วทิมก็พัฒนากิจการและแบรนด์จนกลายมาเป็นร้านขายอาหารและเบเกอรี่ที่ดูทันสมัยขึ้นชื่อว่า PRALET โดยเปิดตัวโดนัทซาวร์โดห์ทรงสี่เหลี่ยมในสิงคโปร์จนได้รับความนิยมในวงกว้าง และขยายกิจการมาที่กรุงเทพฯ ปัจจุบันร้านเน้นขายผลิตภัณฑ์จากซาวร์โดห์ อย่างโดนัทซาวร์โดห์ทรงสี่เหลี่ยม และยังมีแซนด์วิชซาวร์โดห์ด้วย    Photograph: PRALET   แม้จะผ่านเวลามากว่าสองเดือน แต่น่าแปลกใจตรงที่โดนัทยี่ห้อนี้ทำให้เราอยากรู้อยากเห็นว่า ‘ทำไม’ ถึงมีรูปทรง กลิ่น รสชาติ ไม่เหมือนโดนัทที่เคยกินแม้แต่นิด แล้วก็พบคำตอบว่า ก็เพราะเขาใส่ใจและประณีตตั้งแต่ขั้นตอนการหมักแป้ง รูปทรงของโดนัท รสชาติที่ปรับให้เหมาะกับคนไทย และการมองไปถึงเป้าหมายและการบริการของแบรนด์ที่ละเมียดใส่ใจทุกเม็ด    รูปทรงที่แตกต่างและรสชาติที่สมดุล   “ใครบอกว่าโดนัทจะต้องกลมเสมอไป?” , “ลองทำให้มันเป็นทรงสี่เหลี
ความตรงไปตรงมาของ Facefully นิทรรศการเดี่ยวในรอบ 10 ปีของ แป้ง–ภัทรีดา ประสานทอง

ความตรงไปตรงมาของ Facefully นิทรรศการเดี่ยวในรอบ 10 ปีของ แป้ง–ภัทรีดา ประสานทอง

ครั้งแรกที่เราเห็นนิทรรศการนี้โชว์หราตามหน้าสื่อโซเชียล กลับทำให้เรายิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว จนมารู้ทีหลังว่านี่คือนิทรรศการของแป้ง–ภัทรีดา ประสานทอง นักวาดภาพประกอบสุดน่ารักและผู้ก่อตั้งแป้งนวลสตูดิโอ (Pangnualstudio) ร่วมกับนวลตอง ประสานทอง ผู้เป็นน้องสาว ผลงานของเธอเป็นที่คุ้นตาตามหน้าหนังสือ สินค้าน่ารัก ของที่ระลึก โรงแรมหรือร้านอาหาร และอื่นๆ อีกมาก    Photograph: Pumpkin Art Town   เราเคยคุ้นตาด้วยชื่อและผลงานของคุณแป้งมาตั้งแต่สมัยเรียนมหา’ลัย เพราะลายเส้นการ์ตูนที่เรียบง่าย ไม่ต้องใช้ทฤษฎีใดๆ ให้มากความ ซึ่งคาแร็กเตอร์การ์ตูนหัวกลมโตนั้นก็แสนน่ารักงุบงิบเล่นเอาใจอิ่มฟูทุกครั้งที่เห็น     Photograph: KICHgallery   ส่วนนิทรรศการที่ว่าคือ หน้าขายหน้า - Facefully โดยแป้ง-ภัทรีดา คือนิทรรศการที่สื่อถึงพลังของความเรียบง่ายตรงไปตรงมา ซึ่งผลงานใน Facefully สื่อแค่เรื่องของ ‘ใบหน้า’ เพียงอย่างเดียว  Photograph: KICHgallery     ใบหน้าหลากหลายใน Facefully สะท้อนบุคลิกต่างกันไป บางหน้าซุกซน บางหน้านิ่งสงบ บางหน้าเรียบง่ายเข้าถึงได้ และบางหน้าก็แฝงไปด้วยความเพ้อฝันและจินตนาการได้ไม่รู้จบ    Photograph: KICHgallery   แต่นั่นแหละ รูปทรงของแต่ละใบหน้า ถูกถ่ายทอดด้วยการเหลือพื้นที่ให้ตีความได้อย่างอิสระ จนเหลือเพียงแก่นแท้ที่อยากบอกเล่า นั่นคือ ‘ใบหน้า’ ที่หลากหลายในนิทรรศการนั่นเอง    Photograph: KICHgallery  นิทรรศการหน้าขายหน้า - Facefully จัดแสดงตั้งแต่วันนี้จนถึง 27 กันยายน ที่ KICHgallery ซอยร่วมฤดี 2 เปิดให้เข้าชมวันพุธ-วันอาทิตย์ (ปิดวันจันทร์-อังคาร) เวลา 10.00 - 18.00 น. (แกลเลอรีไม่มีที่จอดรถ แนะนำให้เดินทางด้วย BTS เพลินจิต ลงทางออกที่ 2) 
พีพี-กฤษฏ์ คัมแบ็กซิงเกิลใหม่ What’s Going On ลอนช์ทีเซอร์แรกวันนี้ ก่อนจะลอนช์เอ็มวีเต็มพร้อมกัน 4 กันยายน

พีพี-กฤษฏ์ คัมแบ็กซิงเกิลใหม่ What’s Going On ลอนช์ทีเซอร์แรกวันนี้ ก่อนจะลอนช์เอ็มวีเต็มพร้อมกัน 4 กันยายน

ขอสารภาพว่าเพิ่งมาเป็นแฟนตัวยงของ พีพี-กฤษฏ์ ก็เมื่อตอนที่ได้ดูหนังเรื่องซองแดงแต่งผีบนสตรีมมิ่งเน็ตฟลิกซ์เมื่อเดือนก่อน  และคำสารภาพต่อมา คือเพิ่งรู้ว่าเพลง ลังเล และเพลง Fire Boy เจ้าของเพลงก็คือ พีพี-กฤษฏ์ คนเดียวกันนี่เอง!   Photograph: PP Krit Entertainment   แล้วก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง หลังจากนั้นจึงเปิดเพลย์ลิสต์ของพีพีวนซ้ำไปมา ซึ่งดูท่าแล้วเขาคือศิลปินที่น่าจะพูดได้เต็มปากว่าอยู่ในยุคแห่ง Golden Era ในวงการได้ไม่เคยตกเทรนด์จริงๆ     Photograph: PP Krit Entertainment   ล่าสุดทาง PP Krit Entertainment เตรียมปล่อยซิงเกิลใหม่ What’s Going On แต่ก่อนจะรอชม MV ตัวเต็มอย่างใจจดจ่อนั้นจะมีการปล่อย MV Teaser เวลา 20.00 และ 21.00 น. ของวันนี้ (1 กันยายน)  เป็นน้ำจิ้มพอหอมปากหอมคอไปก่อน และจะปล่อย Official MV & Streaming เต็มรูปแบบ เวลา 19.00 น. ในวันที่ 4 กันยายน พร้อมกันทุกแพลตฟอร์ม หลังจากนั้นวันที่ 5 กันยายน เวลา 10.00 น. จะมีการปล่อย Single Cover ส่วนวันที่ 8 กันยายน เวลา 19.00 น. ปล่อย Behind The Scenes ตามมา และวันที่ 11 กันยายน เวลา 19.00 น. ปล่อย Behind The Song เป็นการปิดท้าย     Photograph: PP Krit Entertainment   สำหรับ พีพี-กฤษฏ์ เขาปรากฏตามหน้าสื่ออยู่เนืองๆ มีผลงานเด่นๆ เช่น รักฉุดใจนายฉุกเฉิน, แปลรักฉันด้วยใจเธอ กระทั่งการกลับมาของคอนเสิร์ต PP Krit My Pleaser Concert เมื่อต้นปีหลังจากที่ห่างหายจากวงการไปถึง 4 ปีเต็ม แถมยังได้ขึ้นแท่นผู้ประกอบการและนักสร้างสรรค์รุ่นใหม่ของ Forbs 30 Under 30 Asia ในปี 2025 แต่แค่นี้ก็ยังไม่พอต่อการการันตีว่าเขาคือศิลปินที่เรามองเห็นถึงความเปล่งประกายที่ไม่ต้องพยายามตลอดเลยทุกๆ ครั้ง ติดตามความเคลื่อนไหวทั้งหมดได้ทาง PP Krit Enter
สัมผัสประสบการณ์ที่เป็นได้มากกว่าโรงแรม ที่ COMO Metropolitan Singapore

สัมผัสประสบการณ์ที่เป็นได้มากกว่าโรงแรม ที่ COMO Metropolitan Singapore

ว่ากันว่า สิงคโปร์ เป็นหนึ่งในหมุดหมายลำดับต้นๆ ที่นักท่องเที่ยวไทยเลือกที่จะไปพักผ่อนในช่วงเวลาสั้นๆ เพราะด้วยการเดินทางที่ง่าย การท่องเที่ยวที่สะดวก อาหารการกินที่มีให้เลือกครบโดยไม่ต้องคิดเยอะ ที่พักก็สะดวกและปลอดภัย ซึ่งสิ่งสำคัญสำหรับคนที่เจอกับภาวะ Work Life Balance ไม่สมดุลส่วนใหญ่เลือกที่จะเดินทางพักผ่อนเพื่อชาร์จแบต และสิงคโปร์ก็ยังคงเป็นช้อยส์แรกๆ ที่นักท่องเที่ยวเลือกเดินทางไปเยือนซ้ำๆ    สำหรับใครที่มีแพลนไปสิงคโปร์ช่วงนี้ และอยากใช้เวลาในสิงคโปร์อย่างมีคุณภาพ โดยเฉพาะการทำกิจกรรมแบบ Wellness และกิจกรรมไลฟ์สไตล์ รวมถึงการได้เลือกกินอาหารดีๆ เราอยากแนะนำที่พักอย่าง COMO Metropolitan Singapore ที่ตั้งอยู่ใจกลางสิงคโปร์ ซึ่งตอบโจทย์นักท่องเที่ยวไทยให้ใช้ชีวิตช้าลงในไลฟ์สไตล์ที่แตกต่าง เผื่อเป็นตัวเลือกสำหรับการแพลนไปเที่ยวในทริปต่อไป  โรงแรมที่เหมือนอยู่บ้าน   Photograph: COMO Metropolitan Singapore COMO Metropolitan Singapore คือโรงแรม 5 ดาวแบบลักชูรี่ ซึ่งมีทั้งหมด 19 ชั้นจากเครือ COMO Group และ COMO Hotels and Resorts ตั้งอยู่บนถนนออชาร์ตใจกลางสิงคโปร์ โดยตั้งใจสร้างพื้นที่ที่ทำให้ผู้คนได้ใช้ชีวิตช้าลง และตอบโจทย์นักท่องเที่ยวที่อยากพักสถานที่ดีๆ และได้ใช้เวลาไปกับการพักผ่อนเต็มที่ ด้วย COMO Shambhala Singapore ที่ให้ความสงบและผ่อนคลาย หากหิวขึ้นมาก็เติมเต็มมื้ออาหารได้ที่ Korean Steakhouse – COTE Singapore กับการเสิร์ฟอาหารไฟน์ไดนิ่งการันตีรางวัลมิชลินสตาร์ และมัลติแบรนด์ไลฟ์สไตล์แฟชั่นจาก Club 21 อีกด้วย  ห้องพักที่ออกแบบกลมกลืนกับการใช้ชีวิต  Photograph: COMO Metropolitan Singapore สำหรับโรงแรม COMO Metropolitan Singapore จะมีทั้งห้องธรรมดาและห้องสูทรวม 156
ส่องอีเวนต์ฮีลใจตามธีม ‘มาใต้...บายใจให้ถึงหวัน’ ใน Pakk Taii Design Week 2025

ส่องอีเวนต์ฮีลใจตามธีม ‘มาใต้...บายใจให้ถึงหวัน’ ใน Pakk Taii Design Week 2025

ใครๆ ก็อยากมีชีวิตที่ดี โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ที่แสวงหาสิ่งนี้  ซึ่งเป็นไปได้ว่า ในปีที่ผ่านๆ มา กลุ่มคนรุ่นใหม่มักไม่ได้มองความมั่นคงด้วยตัวเลขหรือรายได้เพียงอย่างเดียวอีกต่อไป เพราะจากผลสำรวจของ WGSN ชี้ว่า 84% ของคนอายุ 16-24 ปีทั่วโลกกำลังมองหาสถานที่ฮีลใจ จนทำให้ตัวชี้วัดเรื่องความสุข และ Gross Well-being (GWB) เริ่มเข้ามามีบทบาทในทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น   จากผลการสำรวจข้างต้น เทศกาลปักษ์ใต้ดีไซน์วีค 2568 (Pakk Taii Design Week 2025) จึงมีคอนเซปต์ตอบรับผลสำรวจด้วยการขับเคลื่อนเศรษฐกิจทั่วภาคใต้สู่การเป็นโมเดลต้นแบบด้วยแนวคิด De-Stress Economy หรือเศรษฐกิจแห่งความสบายใจ และเป็นแนวคิดที่ถูกนำมาใช้กับงานปักษ์ใต้ดีไซน์วีค 2568 เป็นปีแรก ด้วยธีม South Paradise: มาใต้ บายใจให้ถึงหวัน  โดยทางเทศกาลได้วางแนวคิด De-Stress Economy ที่ครอบคลุมการใช้ชีวิต การลงทุน และการท่องเที่ยวรวม 4 กลุ่ม กลุ่มแรกคือกลุ่มสงบ (Moment of Calm) ได้แก่ นครศรีธรรมราช พังงา นราธิวาส ส่วนกลุ่มที่สองคือ กลุ่มผ่อนคลาย (The Art of Relaxing) มีตั้งแต่ยะลา ตรัง พัทลุง ภูเก็ต กลุ่มที่สามคือ กลุ่มปลดปล่อย (Place of Eneraize) มีกระบี่ สงขลา และสุราษฎร์ธานี และกลุ่มที่ 4 คือกลุ่มไร้กังวล (Stage of Worry-Free) คือชุมพร ระนอง สตูล และปัตตานี  ด้วยธีมของปีนี้ที่ว่า ‘มาใต้…บายใจให้ถึงหวัน’ เราเลยรวบรวมอีเวนต์เท่าที่พอจะนึกออกด้วยกิจกรรมที่คิดว่าคงช่วย ‘ฮีลใจ’ ให้การล่องใต้ครั้งนี้เต็มไปด้วยความบายใจไปด้วยกัน    Photograph: Pakk Taii Design Week   1. เจริญอ่านเภสัช by soulfriendandspiritualgarden  เจริญอ่านเภสัช คือการออกแบบประสบการณ์ร้านหนังสือบำบัดใจ (ซึ่งได้แรงบันดาลใจจากร้านขายยา) ที่จะคอยให้คำแนะนำหนังสืออ่านเพื่อบำบ