ข่าว

Alien: Earth ซีรีส์ไซไฟระทึกขวัญดาวเด่นแห่งปี

Chris Lowenstein เผยเบื้องหลังการถ่ายทำโปรดักชันของ Alien: Earth ซีรีส์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศไทย

Yokploy Chandrabha
เขียนโดย
Yokploy Chandrabha
Staff writer, Time Out Thailand
Alien: Earth
Photograph: Disney+ Hotstar Thailand
การโฆษณา

โซเชียลแทบลุกเป็นไฟทันทีที่ตัวอย่างแรกของ Alien: Earth ซีรีส์ทุนสร้างกว่า 2,800 ล้านบาท จาก Disney+ Hotstar ThailandFX ปล่อยออกมา ชาวกรุงเทพฯ คนหนึ่งถึงกับโพสต์ว่า ‘เฮ้ย เห็นคอนโดเราด้วย!’ ความคิดเห็นแนวนี้ถูกแชร์ต่อไปทั่วเมือง เพราะถนน ซอย และตึกสูงที่คุ้นตาของกรุงเทพฯ ถูกตีความใหม่ให้กลายเป็นโลกอนาคตในปี 2120 จนบางคนเริ่มจัด ‘Alien tours’ แบบไม่เป็นทางการกันแล้ว โดยซีรีส์นี้ใช้เวลาถ่ายทำถึง 123 วันทั่วประเทศ และไม่ได้แค่เอาเมืองไทยมาเป็นฉากหลังเท่านั้น แต่ยังถักทอ DNA ของกรุงเทพฯ ลงไปในเรื่องราวอย่างแนบแน่น

เราได้นั่งคุยกับ Chris Lowenstein โปรดิวเซอร์จาก Living Films ที่โลดแล่นในวงการหนังไทยเกือบ 30 ปี ถึงการร่วมงานกับ Noah Hawley (Fargo, Legion) โชว์รันเนอร์ของเรื่องว่าพวกเขาได้เปลี่ยนกรุงเทพฯ ให้กลายเป็นดาวเด่นของซีรีส์ไซไฟที่ถูกจับตามองมากที่สุดแห่งปีได้อย่างไร

พิมพ์เขียวแห่งเมืองอนาคต

ทุกอย่างเริ่มจากประโยคเรียบง่ายแต่ชวนสะดุดหูของ Hawley ที่บอกกับ Lowenstein ว่า ‘Bangkok looks like the future.’ และมันไม่ได้เกี่ยวกับตึกระฟ้าอย่างเดียว เพราะทีมงานหยิบแก่นแนวคิดที่ใกล้ตัวเรามากกว่านั้นมาขยายความ มันเริ่มจากไอเดียที่พูดถึงความเหลื่อมล้ำ โดยมีคอนเซปต์ดั้งเดิมคือในอนาคตโลกของเรากำลังจะถูกบริษัทใหญ่ๆ ครอบงำ และช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนจนจะเริ่มชัดเจนขึ้น ซึ่งเราเห็นกันอยู่แล้วในชีวิตจริง ตึกยิ่งสูง คนรวยก็อยู่บน คนจนก็อยู่ล่าง Lowenstein กล่าวว่า ‘เราไม่ได้พูดออกมาตรงๆ ในเรื่อง แต่ถ้าสังเกตดีๆ ก็จะเห็น’

เขายกตัวอย่างฉากเจ๋งๆ ในตอนที่ 3 ที่ใช้การตัดสลับผ่านการคุยโทรศัพท์เพียงครั้งเดียว แต่แสดงให้เห็นถึงโลกสองใบที่แตกต่างกันอย่างสุดขั้ว ฝั่งหนึ่งเป็นตัวละคร Morrow ที่กำลังเดินฝ่าซอยเล็กๆ ย่านประตูน้ำ ผ่านสะพานข้ามคลองที่เรือหางยาววิ่งอยู่ด้านล่าง Lowenstein เรียกมันว่า ‘Watergate area’ ที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวาและความวุ่นวาย ขณะที่ปลายสายคือหลานสาวตระกูล Yutani ที่กำลังยืนอยู่บนดาดฟ้าของ Ashton Asoke พระราม 9 ตึกโมเดิร์นหรูย่านทองหล่อพร้อมมองเห็นวิวสระว่ายน้ำที่เชื่อมกันระหว่างสองอาคาร ‘นี่แหละ โมเดิร์นแบงค็อก! ของจริง’ 

Ananda
Photograph: Ananda

Lowenstein ยืนยันว่าโลเคชันส่วนใหญ่ใน Alien: Earth คือของจริง แต่ฉากใหญ่ๆ สุดอลังการ เช่นฉากที่ยาน Weyland-Yutani พุ่งชนลงมายังโลก พวกเขาก็ต้องพึ่งพา CG เต็มรูปแบบเช่นกัน ซึ่งทีมงานก็ต้องสร้างมันขึ้นมาใหม่ทั้งหมด

‘ยานตกตรงซอยหลังสวนนี่แหละ‘ เขาหัวเราะและเล่าต่อว่า มันบินผ่านสวนลุมฯ เลยสถานทูตอเมริกา แล้วชนเข้ากับตึกยักษ์สามตึกที่จริงๆ แล้วไม่ได้มีอยู่จริง ทีม VFX เลยต้องถ่ายภาพตึกจริงทั่วกรุงเทพฯ มาซ้อนสร้างภูมิทัศน์ใหม่ที่บางทีก็ไม่ได้ตรงตามภูมิศาสตร์ แต่ยังไงก็เป็นกรุงเทพฯ

กลิ่นอาย Blade Runner 

สำหรับ Lowensteinในฐานะแฟนตัวยงของ Ridley Scott เขาเห็นว่ากรุงเทพฯ มีอะไรบางอย่างที่เข้ากับ Alien: Earth และ Blade Runner ได้อย่างพอดิบพอดี

‘เมื่อก่อนผมเคยคิดว่า ถ้าวันหนึ่งทำภาคต่อ Blade Runner เขาต้องติดต่อผมมาแน่ๆ  เพราะกรุงเทพฯ คือเมืองที่ใช่ที่สุดสำหรับ Blade Runner’ เขาหัวเราะ พร้อมเล่าว่าเก็บภาพ Bangkok in Blade Runner universe ไว้เป็น Location Deck มาตลอดหลายปี’

Alien: Earth
Photograph: Disney+ Hotstar Thailand

แม้ทีมงานจะเลี่ยงการลอกเลียนตรงๆ แต่ Lowenstein ก็เผยความลับสุดพิเศษให้เรารู้ว่า อิทธิพลเหล่านั้นยังคงฝังลึกลงไปเกินกว่าภาพสวยๆ แต่มันเชื่อมโยงโดยตรงกับหนังสุดไอคอนิกในปี 1982

‘ผมรู้ว่าตัวละครของ Timothy Olyphant ได้แรงบันดาลใจจาก Roy Batty โดยตรง’ เขาเฉลยพร้อมโยงไปยังภาพยนตร์ Replicant (2001) ในตำนานของ Rutger Hauer

Lowenstein ยอมรับแบบตรงไปตรงมาว่า ‘ขอบคุณ Blade Runner จริงๆ ที่ทำให้เอเชียกลายเป็นเมืองแห่งอนาคต และเราก็โอบรับไอเดียนั้นมาอย่างเต็มที่เลยว่าเอเชียคือทวีปที่โดดเด่นและมีบทบาทสำคัญไม่แพ้ใคร’

Made in Thailand

การถ่ายทำซีรีส์เรื่องนี้ไม่ได้โชว์แค่โลเคชัน แต่ทีมงานเบื้องหลังของไทยยังได้โชว์ฝีมืออย่างเต็มที่ โดยเฉพาะการสร้างพร็อพระดับไอคอนิกของแฟรนไชส์ อย่างไข่ของซีโนมอร์ฟ ที่สร้างขึ้นโดยสตูดิโอ Second Skin ในกรุงเทพฯ

‘คุณต้องมองหาทีมโลคัลก่อนเสมอ‘ Lowenstein ย้ำว่า Second Skin ได้ร่วมงานกับ WETA Workshop จากนิวซีแลนด์ที่ซึ่งผมคิดว่าพวกเขาเก่งที่สุดในโลกแล้ว และมันคือฝันที่เป็นจริงของ Second Skin จริงๆ ที่ได้รับโอกาสให้สร้าง Alien 1979 ขึ้นมาใหม่ทั้งชุด พวกเขาถึงกับยิ้มกันไม่หุบตลอดทั้งโปรเจกต์เลย’

หนึ่งในโมเมนต์ฮาๆ คือการประชุมที่ทีมเรียกว่า ‘Goo Meeting’ เขาจำได้ว่ามีน้ำเมือกเอเลี่ยนกว่า 30 แบบวางอยู่เต็มโต๊ะ ทุกคนผลัดกันเอานิ้วจิ้มแล้วถกกันเรื่องสีและความหนืดของมัน ‘งานของเรามันสนุกแบบนี้แหละ’ เขาหัวเราะออกมา

แต่แน่นอนว่าการถ่ายทำในอากาศร้อนๆ ของกรุงเทพฯ ก็เป็นความท้าทายอีกอย่างหนึ่งของซีรีส์เรื่องนี้ โดยเฉพาะเมื่อมีนักแสดงที่ต้องใส่ชุดซีโนมอร์ฟเต็มตัว และเนื่องจากในเรื่อง ‘โลเคชันหลักที่ยานอวกาศจะต้องตกลงมาคือกลางลานจอดรถบนพื้นคอนกรีตของตลาดนัดนีออน… บอกเลยว่ามันร้อนมากๆ’ แต่ด้วยประสบการณ์ที่อยู่ไทยมานาน เขาเลยบอกว่า ‘เรามีเต็นท์แอร์สำหรับทุกคน แต่สุดท้ายก็ไม่มีอะไรมาหยุดความร้อนของแดดประเทศไทยได้อยู่ดี’

Alien: Earth
Photograph: Disney+ Hotstar Thailand

พลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส

ในขณะที่หลายโปรดักชันจะต้องหยุดสะดุดเพราะพิษของโควิด แต่ Alien: Earth กลับต้องเผชิญหน้ากับอีกหนึ่งบททดสอบใหญ่จากการนัดหยุดงานครั้งประวัติศาสตร์ของสมาคมนักเขียนและสหภาพนักแสดงฮอลลีวูดในปี 2023 ที่ต้องทำให้พักกองไปหลายเดือน แต่ Lowenstein กลับมองว่านี่ถือเป็นโอกาสที่ดี

‘สำหรับผมในฐานะโปรดิวเซอร์ มันถือเป็นความโชคดีที่อยู่ในความโชคร้ายจริงๆ’ เขาเผยต่อว่า ‘เรายังเดินหน้าสร้างงานกันต่อไม่หยุด ทีมอาร์ต พร็อพ หรือทีมสร้างฉาก ซึ่งทั้งหมดนั้นล้วนเป็นคนไทย จึงทำให้เราได้เปรียบมากเมื่อกลับมาทำงานต่อ ซึ่งขอบเขตงานที่ทำถือว่าไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประเทศไทย และเวลาที่เพิ่มขึ้นก็ช่วยให้ทีมได้มีเวลาในการเก็บรายละเอียดและจัดการสิ่งที่ซับซ้อน ทั้งเรื่องการจัดแสงและการจัดตารางเวลาเคลื่อนย้ายระหว่างกองถ่ายหลายสิบฉาก

‘การนัดหยุดงานของสหภาพฮอลลีวูด จริงๆ แล้วกลายเป็นโอกาสให้พวกเราได้สร้างงานต่อ และทำให้โลกที่เราสร้างขึ้นนั้นละเอียดอ่อนและซับซ้อนกว่าที่มันควรจะเป็นเสียอีก’ Lowenstein กล่าว

Alien: Earth
Photograph: Disney+ Hotstar Thailand

จุดสูงสุดในเส้นทางอาชีพ

สำหรับ Lowenstein โปรดิวเซอร์มือทองผู้เห็นวงการหนังไทยเติบโตมาจากยุค Wild East จนมาสู่เวทีโลก บอกเลยว่าโปรเจกต์นี้คือหมุดหมายสูงสุดของเส้นทางกว่า 30 ปี ในชีวิตของเขา 

‘ปกติไทยมักถูกมองว่าเหมาะกับการถ่ายแค่โลเคชันริมทะเลหรือในป่าเท่านั้น แต่ไม่ค่อยมีใครคิดว่าเราสามารถสร้างเซตระดับโลกได้’

แต่ Alien: Earth พลิกเกมนี้ออกไป เพราะ ‘กว่า 80% ของการถ่ายทำอยู่ในสตูดิโอ และเราถ่ายในเซตที่สร้างขึ้นมาเองอีก 20% สำหรับผมมันพิสูจน์แล้วว่าไทยมีทีมสร้างงาน และทีมช่างศิลป์ที่มีศักยภาพสูงมากแต่ทั้งโลกอาจยังไม่รู้ และตอนนี้ผมว่าประเทศไทยได้กลายเป็นที่ต้องการของหลายๆ ประเทศไปแล้ว’

ไปให้ไกลกว่ากรุงเทพฯ

แม้กรุงเทพฯ จะเป็นพระเอกของเรื่องนี้ แต่ทีมงานยังออกเดินทางไปทั่วประเทศไทย เช่น เกาะสวยๆ ในตอนแรกที่ทุกคนได้เห็นกันในชื่อ Neverland จริงๆ แล้วมันคือเกาะสมุย ส่วนโลเคชันที่ท้าทายที่สุดคือทะเลสาบลับในกระบี่ ที่ต้องลอดผ่านถ้ำแคบๆ เข้าไปเท่านั้น

Alien: Earth
Photograph: Disney+ Hotstar Thailand

‘ปากถ้ำจะหายไปตอนน้ำขึ้น และเราจะมองเห็นมันอีกทีตอนน้ำลง Lowenstein กล่าวว่า เขาถ่ายฉากใหญ่ที่นั่นในตอนที่ 7 ต้องคุมเวลาถ่ายตามน้ำขึ้นน้ำลง และยังต้องใช้เรือกว่า 57 ลำ เพื่อลำเลียงทีมงานและอุปกรณ์ ‘มันคือ Marine Unit ที่ใหญ่ที่สุดที่ผมเคยทำมา แต่มันออกมาเวิร์กและสุดยอดจริงๆ’

สิ่งหนึ่งที่ทีมผู้สร้างตั้งใจเลี่ยงอย่างชัดเจนคือการแตะประเด็นสถาบันและศาสนา เพราะ Alien: Earth เล่าเรื่องของ ‘Corporate Power’ หรืออำนาจบรรษัทข้ามชาติ ซึ่งเป็นธีมหลักที่วางรากฐานมาตั้งแต่ Alien ภาคแรกแล้ว

และด้วยเซตที่ยังเก็บรักษาไว้ที่กรุงเทพฯ บวกกับกระแสข่าวลือเรื่องซีซันสอง ทำให้ Lowenstein ตื่นเต้นสุดๆ ที่จะได้ออกสำรวจมุมใหม่ๆ ของประเทศไทย ตั้งแต่งานสถาปัตยกรรมสไตล์ Brutalist ไปจนถึงตรอกซอกซอยสุดซับซ้อนของเยาวราช

‘ประเทศไทยมักถูกเข้าใจผิดและถูกตีกรอบด้วยสเตอริโอไทป์นับไม่ถ้วน’ Lowenstein กล่าวต่อว่า ‘แต่ซีรีส์นี้ช่วยลบภาพเหล่านั้นจนหมดเกลี้ยง มันพิสูจน์ให้เห็นว่าโครงสร้างพื้นฐานของไทยและอุตสาหกรรมหนังไทยอยู่ในระดับ World-Class จริงๆ และทำให้ทั้งคนดูและคนทำหนังทั่วโลกมองเห็นว่า อะไรๆ ก็เกิดขึ้นได้ ณ ที่แห่งนี้’

บทความล่าสุด
    การโฆษณา