เช้านี้หากใครตื่นมาแล้วเจออากาศเย็นของช่วงปลายปีจนแทบไม่อยากลุกจากเตียง แต่พอเหลือบมองออกไปข้างนอกทั้งเมืองถูกปกคลุมด้วยหมอกหนา ไม่ต้องตกใจ นี่ไม่ใช่หมอกหน้าหนาวแต่อย่างไร แต่นี่คือฝุ่น PM2.5 วายร้ายที่ชาวกรุงเทพฯ ต้องเผชิญทุกปี และได้กลับมาเยือนเราอีกครั้ง
ล่าสุดศูนย์ข้อมูลคุณภาพอากาศกรุงเทพมหานครรายงานสถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM2.5) ประจำวันที่ 2 ธันวาคม 2568 เวลา 07.00 น. โดยระบุว่าคุณภาพอากาศเข้าระดับ ‘สีส้ม’ ที่แตะค่าเฉลี่ย 50.6 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งเริ่มส่งผลกระทบต่อสุขภาพแล้ว และพบค่าฝุ่นเกินมาตรฐานทุกพื้นที่ของกรุงเทพฯ ขณะเดียวกันยังคาดการณ์ว่าระหว่างวันที่ 2-10 ธันวาคม ค่าฝุ่นมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากการระบายอากาศอยู่ในเกณฑ์ ‘ไม่ดี/อ่อน’ และเกิดภาวะอากาศปิดใกล้ผิวพื้น
อย่างไรก็ตาม มีโอกาสที่ค่าฝุ่นจะลดลงช่วงวันที่ 4-6 ธันวาคม เพราะชั้นบรรยากาศใกล้พื้นดินมีลักษณะเปิดมากขึ้น และอาจมีฝนช่วยพัดพาและลดปริมาณฝุ่นได้บางส่วน
ปัจจุบันมีพื้นที่ในระดับ ‘สีส้ม’ ทั้งหมด 69 จุดทั่วกรุงเทพฯ โดย 12 เขตที่มีค่าฝุ่นสูงที่สุด ได้แก่
1.สาทร - 65.8 มคก./ลบ.ม.
2.บางรัก - 61.7 มคก./ลบ.ม.
3.ลาดกระบัง - 60.1 มคก./ลบ.ม.
4.มีนบุรี - 59.5 มคก./ลบ.ม.
5.หนองแขม - 56.8 มคก./ลบ.ม.
6.ตลิ่งชัน - 56.3 มคก./ลบ.ม.
7.คลองสามวา - 56.2 มคก./ลบ.ม.
8. ราชเทวี - 56.1 มคก./ลบ.ม.
9. ปทุมวัน - 55.2 มคก./ลบ.ม.
10. ทวีวัฒนา - 55 มคก./ลบ.ม.
11. ยานนาวา - 54.8 มคก./ลบ.ม.
12. บางคอแหลม - 54.4 มคก./ลบ.ม.
ในระดับประเทศ จังหวัดสมุทรสาครครองอันดับหนึ่งของพื้นที่ค่าฝุ่นสูงสุดด้วยค่าเฉลี่ย 98.4 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ตามมาด้วยนนทบุรี นครปฐม รวมทั้งหมด 15 จังหวัดที่เข้าสู่ ‘โซนสีแดง’ ขณะที่อีก 25 จังหวัดอยู่ในระดับ ‘สีส้ม’
เรื่องสุขภาพก็สำคัญไม่แพ้กัน สำหรับประชาชนทั่วไปควรใส่หน้ากาก PM2.5 ทุกครั้งที่ออกนอกบ้าน จำกัดระยะเวลาในการออกกำลังกายหรือทำกิจกรรมกลางแจ้ง และสังเกตอาการผิดปกติ เช่น ไอ หายใจลำบาก หรือระคายเคืองตา ส่วนกลุ่มเสี่ยงอย่างเด็ก ผู้สูงอายุ และผู้ป่วยโรคเรื้อรัง ควรเลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้งที่ใช้แรงมาก ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ และหากมีอาการรุนแรงต้องรีบพบแพทย์ทันที พร้อมติดตามข้อมูลคุณภาพอากาศจากแหล่งทางการตลอดวัน

