Fitri Aelang

กำลังวางแผนเที่ยวสำหรับปีใหม่อยู่หรือเปล่า? แน่นอนว่าลิสต์จุดหมายในฝันที่ค้างคามานานนั้นสำคัญและควรค่าแก่การไปเก็บให้ครบ แต่หากคุณกำลังมองหาแรงบันดาลใจใหม่ๆ ปี 2026 เตรียมมอบประสบการณ์การเดินทางแบบใหม่แกะกล่องจากทั่วโลกไว้รอคุณอยู่ ไม่ว่าจะเป็น การลัดเลาะผ่านดินแดนโบราณด้วยจักรยานไฟฟ้า การโหนสลิงเหนือเขตอนุรักษ์สัตว์ป่าอันงดงาม ไปจนถึงการปาร์ตี้ท่ามกลางสุริยุปราคา บอกเลยว่าในอีก 12 เดือนข้างหน้านี้ มีกิจกรรมนอกกระแสและไอเดียสุดบรรเจิดรออยู่อีกเป็นกอง เลื่อนลงไปดูลิสต์ 16 กิจกรรมที่เจ๋งที่สุด แปลกที่สุด และน่าตื่นเต้นที่สุดประจำปี 2026 ที่เราคัดมาให้คุณเน้นๆ ได้เลย   ขอแนะนำ: 🎶 เทศกาลดนตรีที่ยิ่งใหญ่และดีที่สุดในปี 2568  🛍️ ถนนที่เจ๋งที่สุดในโลก 🏘️ ย่านที่เท่ที่สุดในโลก 🌃 เมืองที่ดีที่สุดในโลกในตอนนี้   สิ่งใหม่ที่น่าทำที่สุดทั่วโลกในปี 2026  

แม้กลิ่นอายของคริสต์มาสจะเริ่มอบอวลไปทั่วเชียงใหม่ในสุดสัปดาห์นี้ แต่เมืองนี้ก็ไม่ได้ทิ้งความสนุกในรูปแบบอื่นๆ ไป เพื่อให้คุณได้สัมผัสความสมดุลระหว่างความมันส์แบบโลคอลและความบันเทิงระดับอินเตอร์ นาทีหนึ่งคุณอาจจะกำลังจิบไวน์ฟรีโฟลวสวยๆ กับชุดย้อนยุคแบบปี 1920s ในปาร์ตี้ไวน์คลับ ที่ 1921 House อีกนาทีถัดมาคุณอาจจะแดนซ์ไปกับจังหวะจังเกิลดรัมแอนด์เบส กลางป่าจนพระอาทิตย์ขึ้น ยังไม่นับรวมเทศกาลดนตรีและปาร์ตี้อีกเพียบที่กระจายตัวอยู่ทั่วเมือง ไม่ว่าจะเป็นเพลงลูกทุ่งสุดม่วนจอยกลางหมู่บ้านที่งานประจำปีดอยสะเก็ด ไปจน Danny Rampling ตำนานผู้บุกเบิกเรฟคลับจากอังกฤษ

เราเดินทางมาถึงช่วงท้ายปีอีกครั้ง หลังจากใช้ชีวิตในปี 2025 กันอย่างหนักหน่วง และแน่นอนว่าเทศกาลใหญ่ที่คนทั้งโลกรอคอยอย่าง ‘คริสต์มาส’ ก็กำลังจะกลับมาปลอบประโลมความเหนื่อยล้า พร้อมอากาศเย็นๆ ที่พอให้ใจฟูขึ้นมาก่อนเริ่มต้นปีใหม่อีกครั้ง เทศกาลนี้ทำให้เรานึกถึงไฟระยิบระยับ กลิ่นคุกกี้หอมกรุ่น และเสียงเพลงของมารายห์ แครีย์ ที่เปิดวนตั้งแต่ต้นเดือนแบบหนีไม่พ้น และหนึ่งในกิจกรรมสุดคลาสสิกที่ต้องปักไว้ในลิสต์เลยคือการดูหนังธีมคริสต์มาส ไม่ว่าจะเป็นหนังครอบครัวสุดอบอุ่น หนังโรแมนติกชวนยิ้ม หรือหนังครอบครัวสุดคลาสสิกอย่าง Home Alone ที่เปิดกี่รอบก็ยังเพลินเหมือนเดิม แต่บอกเลยว่าฤดูกาลนี้ยังมี อีกด้านหนึ่งของหนังคริสต์มาส ที่เต็มไปด้วยความดาร์กและความโหดที่สลัดแสงไฟระยิบระยับทิ้ง แล้วหยิบความหลอนมาเสิร์ฟให้เราชมกับแบบใจหายใจคว่ำ จนกลายเป็นอีกหนึ่งประเพณีลับของคนรักหนังสยองขวัญทั่วโลก ถ้าคุณกำลังหาอะไรดูในค่ำคืนที่อากาศเย็นลง เตรียมอุ่นเครื่องกับวันที่คริสต์มาสที่จะมาถึง Time Out รวบรวม 13 หนังคริสต์มาสสยองขวัญระดับตำนานทั้งใหม่ทั้งเก่า ที่รับประกันว่าคุณจะได้พบกับซานต้า ปีศาจ และฆาตกร ที่ไม่ได้มาพร้อมของขวัญ แต่มาพร้อมกับฝันร้าย!

If you’re done with the same old Father’s Day routines, here’s a fresh idea. Skip the malls, dodge the traffic, and settle in for a Thai movie marathon at home. We’ve handpicked six titles that cover the entire emotional buffet, whether your dad’s a softie, a thrill-seeker, or a strong dad who claims he ‘doesn’t cry at films’ (yet somehow always does). Expect laughter, misty eyes and maybe an unexpected hug. Sit tight on the sofa, grab some snacks and the tissues (in case some tears fall). Lights off and pick your fave.   Beautiful Wonderful Perfect (2005) Photograph: sahamongkolfilm If you long for the era when Apiruj Mingkwan delivered tear-jerkers that left entire cinemas sniffling, this one’s a forgotten treasure worth revisiting. Beautiful Wonderful Perfect follows the tender bond between Tong, a young boy with Down syndrome, and his father, Samruay (played by comedy legend Nong Cha-cha-cha), who shares the same condition. Tong eventually befriends Lookkaew, a bright and warm-hearted girl who sees him for exactly who he is. The film captures the fragile, unwavering love between imperfect people doing their best in a world that isn’t always kind. But things take a turn when Tong and Lookkaew get lost in the city, leaving Samruay to embark on a heartfelt mission to bring his son home. This is pure father–child devotion wrapped in innocence and heartache. Warning from us: keep tissues within arm’s reach.   The Little Comedian (2010) Photograph: GTH   Time for something

For many people, Bangkok is a city bursting with colour, culture and food that'll blow your mind. But above all? It's a place where you can be whoever the hell you want to be. In this city, anything goes. And one event that captures Bangkok's rebellious, sparkly spirit perfectly is the Bangkok Fetish Ball - a wild celebration of desire, liberation and fetish fashion that's happening tonight.  If there's an event where you can finally unleash your inner self and show who you truly are while celebrating the fetish and BDSM community, this is it. And with only a few hours left before the doors swing open, we caught up with Tong, the owner of Forfun (right beside Major Pinklao Cinema) - the shop that outfits Bangkok's boldest with statement-making pieces built to reflect your truest identity. She's handpicked five must-try items for anyone stepping into the fetish ball tonight.  

ค่ำคืนแห่งความอลังการริมแม่น้ำเจ้าพระยา ที่ชาวกรุงเทพฯ รอคอยกลับมาแล้ว  วิจิตรเจ้าพระยา 2025 งานแสดงแสง สี เสียง สุดยิ่งใหญ่ที่แต่งแต้มฟากฟ้าให้สว่างไสวตลอด 45 คืนเต็ม ซึ่งเพิ่งเริ่มเปิดม่านความตระการตากันสดๆ ร้อนๆ เมื่อสองวันที่ผ่านมา ปีนี้งานจัดขึ้นภายใต้แนวคิด ‘The Light of Siam, the Mother of the Nation แสงแห่งสยาม แม่ของแผ่นดิน’ เพื่อรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง โดยมีการปรับรูปแบบงานให้เหมาะสมกับบรรยากาศแห่งความอาลัย งดการจุดพลุ และแทนที่ด้วย โดรนกว่า 1,000 ลำ ลอยเรียงบนท้องฟ้าเหนือเจ้าพระยา พร้อมโชว์และเอฟเฟกต์พิเศษฝีมือคนไทยที่อลังการไม่แพ้เวทีระดับโลก ใครยังไม่ได้ไปเห็นด้วยตา บอกเลยว่าต้องไปชมสักครั้ง เพราะตลอดสองฝั่งเจ้าพระยามี 15 จุดไฮไลต์ มาพร้อมธีมและโชว์เฉพาะตัว ให้คุณได้ชมแสงระยิบ เก็บภาพสุดประทับใจ และส่งท้ายปีด้วยบรรยากาศสุดพิเศษ  เราเลยรวบรวม 15 มุมเด็ดและเวลาจัดแสดงโชว์มาให้ครบครัน

เมื่อพูดถึงพระโขนง หลายคนคงนึกถึงหนังผีอมตะอย่าง ‘แม่นาคพระโขนง’ แต่ย่านนี้ไม่ได้มีดีแค่ตำนานชื่อดัง พระโขนงเป็นย่านเก่าแก่ที่มีประวัติยาวนาน หากย้อนไปสัก 40 ปีก่อน ที่นี่เคยเป็นแหล่งการค้าที่เฟื่องฟู มีห้างสรรพสินค้าใหญ่ๆ อย่าง อาเชียน และไทยไดมารู รวมถึงโรงหนังชื่อดังถึง 6 แห่งในย่านเดียว เคยเป็นศูนย์รวมความบันเทิงย่านชานเมืองฝั่งตะวันออกที่วัยรุ่นสมัยนั้นไม่พลาดที่จะเช็กอินแม้เวลาผ่านไป พระโขนงจะซบเซาลง ทิ้งไว้เพียงกลิ่นอายจางๆ ของความรุ่งเรืองในอดีต แต่วันนี้ ย่านที่เคยถูกมองข้ามว่าเป็นเพียงจุดต่อระหว่างทองหล่อกับอ่อนนุช กลับกลายเป็นหนึ่งในย่านที่เต็มไปด้วยเสน่ห์และความน่าชมของชุมชนริมคลอง ที่นี่มีทุกอย่างตั้งแต่โรงหนังเก่าที่เหมือนหลุดมาจากอดีต วัดเก่าแก่ริมน้ำ ร้านอาหารบ้านๆ ที่อร่อยจนต้องบอกต่อ คาเฟ่ในพื้นที่กว้าง ไปจนถึงตึกแถวและคอนโดที่อยู่รวมกันอย่างลงตัวย่านนี้จึงกลายเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกสำหรับคนที่อยากหลีกหนีความวุ่นวายของใจกลางเมือง เขยิบออกไปสักนิด และค้นพบกับอีกหนึ่งย่านสุดชิลที่มีครบจบ พระขโนงมีอะไรน่าสนใจ? Photographer: Fitri A. - Time Out Bangkok มนตร์เสน่ห์ของย่านนี้คือความคลาสสิกที่ผสมผสานกับความทันสมัยของเมืองได้อย่างลงตัว โรงหนังเก่าเป็นจุดยอดฮิตที่สายวินเทจต้องตามรอยไปถ่ายรูปความคลาสสิกของความรุ่งเรืองในอดีต และยังมีวัดริมคลองชื่อดังมากมาย ไม่ว่าจะเป็นวัดมหาบุศย์ (วัดแม่นาคพระโขนง) ที่คนต่างแห่ไปขอพรด้านความรัก หรือจะขอพรเรื่องการเกณฑ์ทหารก็ได้รวมถึงวัดวชิรธรรมสาธิตวรวิหาร ที่ยกสถาปัตยกรรมล้านนาแท้ๆ มาไว้ใจกลางกรุง และคาเฟ่มากมายที่แห่กันมาเปิดแถวนั้น ด้วยพื้นที่กว้างขวางให้คนสัมผัสได้ถึงคาเฟ่สไตล์บ้านเพื่อน เหตุผลที่ทำให้หลายคนรักพระขโนง? Photograph:

ไม่ทันไรพฤศจิกายนก็โผล่มาแบบไม่ให้ตั้งตัว พร้อมพาโปรแกรมหนังและซีรีส์ใหม่ๆ จากทุกสตรีมมิงมาล่อใจสายบันเทิงให้ไม่อยากลุกจากโซฟาเลยแม้แต่นิดเดียว เดือนนี้ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของ Netflix เพราะเรากำลังจะได้เห็นการปิดตำนานหนึ่งในซีรีส์ที่ทรงอิทธิพลที่สุดแห่งยุคอย่าง Stranger Things ซีซั่น 5  พาร์ตแรกของบทสรุปสุดยิ่งใหญ่ที่เตรียมพาแฟนๆ ไปบอกลาแก๊งฮอว์กินส์อย่างสมศักดิ์ศรี  แต่แน่นอนว่านี่ไม่ใช่เรื่องเดียวที่ต้องจับตา เพราะเดือนนี้ Netflix ยังขนโปรเจกต์ระดับรางวัลมาเต็ม ทั้ง Frankenstein ของผู้กำกับเจ้าพ่อแฟนตาซีสยองขวัญ Guillermo del Toro ดราม่าชิงออสการ์อย่าง Train Dreams นอกจาก Netflix แล้ว ยังมี Disney+, Prime Video และ HBO Max ที่ไม่ยอมให้อีกฝ่ายแย่งซีนไปง่ายๆ เรียกได้ว่าเดือนพฤศจิกายนนี้คือ ‘เทศกาลดูหนังอยู่บ้าน’ อย่างแท้จริง ตั้งแต่ความระทึก ความอบอุ่น ไปจนถึงความมหัศจรรย์ ทุกแพลตฟอร์มพร้อมใจกันปล่อยของให้สายดูได้เลือกชมกันแบบไม่มีพัก Time Out รวมรวมลิสต์หนังและซีรีส์เด็ดให้ทุกคนได้เลือกชมกันตาแฉะ

ก่อนจะมียุคออนไลน์ในปัจจุบันที่เต็มไปด้วยติ๊กต็อก เหล่าอินฟลูเอนเซอร์ และแฮชแท็กสารพัด โลกของนักเดินทางในสมัยก่อนนั้นมีเพียงหนังสือเล่มเล็กปกสีน้ำเงินที่แบ็กแพ็กเกอร์ทุกคนต่างพกติดกระเป๋าไว้เสมอ แล้วใครกันที่เป็นผู้เขียนมันขึ้นมา หากไม่ใช่ชายหนุ่มผู้หลงใหลในมนต์เสน่ห์ของสยามเมืองยิ้มอย่าง ‘โจ คัมมิงส์’ชายผู้จับปากกาเขียนไกด์บุ๊ก Lonely Planet Thailand เล่มแรก และเป็นผู้ที่หลงใหลในเมืองไทยแบบสุดหัวใจ ผู้พาคนทั้งยุคออกเดินทางไปรู้จักเสน่ห์ของอาณาจักรสยาม ตั้งแต่วัดที่งดงามที่สุด เมืองที่มีชีวิตชีวาไปจนถึงการนั่งตุ๊กตุ๊กที่ไม่มีวันลืม ตัวผม ในฐานะนักเขียนที่บังเอิญมีหนังสือ Lonely Planet อยู่บ้าง จึงไม่พลาดโอกาสที่จะได้พูดคุยกับตำนานที่ยังมีลมหายใจคนนี้ ในพอดแคสต์ตอนล่าสุดของ Time Out Thailand เรานั่งคุยกันที่ สตูดิโอ Public House ซอยสุขุมวิท 31 และตามแผนที่วางไว้ เราเริ่มต้นสนทนาเป็นภาษาไทย ภาษาที่สองของเราทั้งคู่ ซึ่งกลายมาเป็นสื่อกลางในการคลี่เรื่องราว ชีวิต และการเดินทางของนักเขียน นักดนตรี นักแสดง และ ‘ไอคอนทางวัฒนธรรมโดยบังเอิญ’ คนนี้   Photograph: Joe Cummings ‘จิตวิญญาณ’ เสียงเรียกแรกที่นำพาเขามาสู่แดนแห่งสยาม เรื่องราวของคัมมิงส์เริ่มต้นไกลจากดินแดนอาคเนย์อันร้อนระอุ เขาเกิดที่เมืองนิวออร์ลีนส์ สหรัฐอเมริกา แต่เติบโตตามทุกพื้นที่ที่ผู้เป็นพ่อถูกส่งไปประจำการในฐานะนายทหาร นั่นจึงเป็นเหตุผลที่เขาไม่เคยมีบ้านเกิดอยู่ที่ใดเลย ‘พวกเราเปลี่ยนที่อยู่ทุกสองถึงสามปี’ โจย้อนเล่าถึงวัยเด็กที่เต็มไปด้วยการเดินทางของเขาและพ่อผู้รับใช้ชาติ ดังนั้นการเดินทางจึงเหมือนอยู่ในสายเลือดของเขา และไม่น่าแปลกใจเลยเมื่อกนกตัวนี้ได้บินออกจากรังตามเข็มทิศที่ชี้ตรงไปทางทิศตะวันออก เขาโผยบินลงที่

เริ่มแพลนฉลองงานฮาโลวีนปีนี้กันแล้วรึยัง? สุดสัปดาห์นี้ก็จะหมดเดือนตุลาคม และแน่นอนว่าวันฮาโลวีนก็ใกล้เข้ามาถึงเราเต็มที ตอนนี้บรรยากาศในเมืองก็เริ่มคลุ้งไปด้วยกลิ่นอายของความหลอน บวกกับลมเย็นๆ ที่เริ่มพัดผ่าน แสงไฟยามค่ำเริ่มประดับไปด้วยสีส้ม ดำ เผลอแป๊บเดียวเทศกาลความหลอนแห่งปีก็มาเคาะประตูให้ทุกคนได้ออกจากบ้าน ถึงแม้ไทยเราอาจไม่ได้อินกับผีฝรั่งมากเท่าไหร่ แต่เรื่องปาร์ตี้ บอกเลย กรุงเทพฯ ไม่เคยทำให้ผิดหวัง ได้เวลาวางแผนคืนแห่งความป่วนของคุณแล้ว เหล่าแม่มดถึงเวลาชุมนุมไปออกล่าในมุมมืดของเมืองหลวง ไม่ว่าคุณจะเป็นสายสยองขวัญ สายแฟ สายแปลก หรือแค่ชอบความบ้าบอแบบฮาๆ Time Out กรุงเทพฯ มีลิสต์ให้ครบ! ถึงเราจะไม่ได้ควงปืนจับผีแบบในหนัง แต่เรารู้ว่าที่ไหนหลอนจนขนหัวลุก ที่ไหนน่าไป และที่ไหนมีความปั่นระดับตำนาน ตั้งแต่บาร์ผีสิง ปาร์ตี้บนรูฟท็อป ไปจนถึงตลาดที่เต็มไปด้วยความสยองขวัญ ปีนี้กิจกรรมฮาโลวีนทั่วกรุงยังคงจัดกันเหมือนเดิม เพียงแต่มีการปรับเปลี่ยนบางส่วนให้เข้ากับบรรยากาศและช่วงเวลานี้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นธีมการตกแต่งสุดครีเอทีฟ เมนูอาหารและเครื่องดื่มที่ออกแบบมาเฉพาะเทศกาล หรือกิจกรรมที่เน้นความชิลล์และแฟชั่นสุดไอคอนนิคมากกว่าความสยอง รับรองว่าทุกที่ยังคงมีเสน่ห์เฉพาะตัวที่ทำให้คุณอยากออกไปเพลิดเพลินกับเทศกาลนี้ เมื่อถึงเวลาที่โคมไฟดวงสุดท้ายดับลง และเหล่าก๊วนผีชาวเมืองได้แอบย่องไปซ่อนตัวในมุมมืด คุณก็จะรู้ว่างานฮาโลวีนที่นี่ไม่ได้จบลงแค่วันเดียว แต่มันคือเทศกาลของความซน แฟชั่น และความหลอนแบบพอดิบพอดี ที่ทำให้คุณจดจำไปชั่วนิรันดร์ 

Slang is the heartbeat of culture, the unfiltered way people connect, play and belong. For Danny Lent, it’s also how he found his home in Bangkok. The Aussie-born content creator behind the viral ‘English vs Thai gay slang’ videos has turned everyday moments from scooter rides to streetside chats into windows of cross-cultural curiosity. Danny’s page feels like a variety show of his life, where his audience follows each new episode of his journey in the city. One day, he’s learning Thai slang; the next, he’s styling an outfit or sharing the mindset that’s helped build his and viewers’ confidence. At the heart of it all lies one core message: narak (cute) and confident, two words that capture his entire persona even before you hit play. Before we reach the finale of his unstoppable series, we rewind to episode one of this online bestie’s journey. From blogger kid to Bangkok star   Photograph: dannyinbangkok Long before TikTok trends and viral Reels, Danny was already living online. As a child growing up in Australia, he spent nights teaching himself to build websites and blogs from scratch. ‘I’ve been online since I was 12,’ he recalls, sharing that his life online isn’t new but social media just turned up the volume. That early curiosity, a mix of creativity and self-expression, has stayed with him. But when he decided to move to Thailand, content creation wasn’t the plan. ‘I came here for a change of pace, and it was meant to be a break, but it turned into Emily in Paris e

If there’s a day to fully embrace a drink everyone loves and that’s actually good for your health, today is it. Raise a cup with a fat straw because we’re celebrating Global Smoothie Day, a day dedicated to enjoying smoothies and celebrating their connection to wellness and natural ingredients. It’s all about taking care of our health but in a fun and delicious way. Bangkok’s weather may be confusing, one minute hot, one minute raining but does that really matter when there’s a perfectly blended smoothie within arm’s reach? No blender? No problem. The city is dotted with smoothie spots ready to turn your five-a-day into a rainbow-coloured cup of joy, from mallrat faves to indie juice bars. Our ranking is based on taste, presentation, quality of ingredients and creativity, with a strong focus on keeping sugar content low. Healthiness is a key factor, so smoothies made primarily with fruits and vegetables are ranked higher because they are naturally lower in sugar. After all, what’s the point of feeling healthy if your smoothie is secretly a sugar bomb? Here are 10 of the best smoothie spots in Bangkok to sip, slurp and celebrate Global Smoothie Day the right way.

Vegetarian Week gets a flavour-packed spin at Bangkok’78 and ANJU Korean Rooftop Restaurant & Bar, where ‘meat-free’ doesn’t mean ‘taste-free.’ From October 21-29, the two kitchens turn up the heat with authentic Thai and Korean dishes that prove going veggie can be fun, flavourful and indulgent. At Bangkok '78, Thai spice reigns supreme with tofu larb, spicy fruit salad, deep-fried mushrooms with sesame, straw mushroom chilli dip, served with fresh vegetables, and panang curry with tofu. There’s also a bonus perk: IHG one rewards members enjoy 20 percent off. Over at ANJU, the kitchen transforms into a K-style veggie feast, serving tteokbokki, K-fried cauliflower with mala sauce and Gwangjang-style gimbap and perilla oil buckwheat noodle, all made for sharing with your Seoulmates. Whichever side you pick, Thai or Korean, you’re in for a week of fresh flavours and meat-free indulgence that tastes as good as it feels. October 21-29. Sindhorn Midtown Hotel Bangkok, 68 Soi Langsuan, Lumphini, Pathum Wan. 

Jenn’s is the kind of spot that makes eating healthy feel like a treat rather than a chore. This cosy Bangna cafe blends fusion flavours with feel-good food, served in a bright space that welcomes both humans and their furry friends. Start things off with gambas and mango tango avo salad – a zesty, refreshing start that sets the tone. Sharing plates such as chicken caesar wraps, grilled vegetables with pesto and parma ham and tuna salad keep things fun. For mains, Jenn’s leans into flavour without the guilt. The sous-vide Thai chicken curry and thyme-and-pepper chicken with couscous salad are all about tender bites and perfectly balanced spice. And yes, dessert happens here with acai bowls, carrot cupcakes and other wholesome treats. With sweet prices and parking on-site, Jenn’s feels like the neighbourhood’s best-kept secret for when you want to eat well and feel good doing it. 955 Debaratna Rd, Bang Na Nuea, Bang Na. Open daily 8am-8pm.

What it is: Born in Australia in 2000, Boost has been mixing up its fruits for over two decades and is now a mall favourite in Bangkok, with spots at Siam Paragon, Central World and Emquartier. The concept is simple but brilliant: fresh fruit and veg smoothies, blended juices and protein shakes made just for you. The secret weapon is their signature yoghurt base (TD4), which makes every sip creamy without weighing you down. Why we love it: The brand has one of the biggest menus of any smoothie chain in Bangkok, and it’s impossible not to find a blend that fits your mood. Flex your muscles with ‘Protein Supreme’. It contains enough protein to meet your needs. But heads up: these drinks can be sweet enough to satisfy your inner sugar monster, a medium cup can easily sneak in 20-30g of sugar. But fear not, health heroes, here is the ‘lean & green juice’, ‘veggie juice’, and ‘5 a day juice’ are your low-sugar allies. Time Out tip: This is a brand where sugar sneaks in fast, so balance it out with size choices or by skipping add-ons. So be careful with your choice of drink. If you want a quick pick-me-up without the sugar crash, we recommend ordering ‘berry berry light’ (5.7 g sugar), ‘5 a day juice’ (5.9 g sugar) or ‘veggie juice’(4.2 g sugar). So, even though it is easy to find a Boost, it is not ideal to drink one every day. 

What it is: Born from the passion of Chef Lek Sunit Nick, Pash is all about turning Thailand’s juiciest fruits into premium smoothies and juices. The name comes from passionfruit. His obsession shows in every sip, with branches at The Commons Thonglor, Central Embassy, Siam Center, Iconsiam and True Digital Park. Why we love it: These aren’t your average food-court smoothies but they’re thick, luscious blends that pack in superfoods like spirulina, collagen and kale without tasting like health homework. From plant-based power shakes to yoghurt smoothies, each cup is a smooth, naturally sweet hug from Thai fruit. Sure, prices are a notch above your street-stall juice but one sip of that silky texture and balanced flavor and you’ll get why. Time Out tip: Go big with ‘poseidon’ (spirulina, collagen, kale, apple, yuzu) if you’re after a superhero potion or keep it flirty with ‘Aphrodite’ (banana, strawberry, yoghurt, collagen). Always size up, the small is never enough once you’ve tasted how smooth they blend.

What it is: A playful, health-minded cafe that turns fresh fruits and vegetables into inventive smoothies. The menu skips artificial additives in favour of natural blends. Highlights include salad-inspired ‘hail caesar’ and tom yum-flavoured, ‘Bangkok summer’. Why we love it:  Paak takes smoothie creativity to another level. Drinkers can expect unexpected combos like ‘celocado’ (avocado, mango, cacao) and ‘paser’ (spinach, kiwi, banana) make greens feel exciting, while ‘Bangkok summer’ delivers a tangy, zesty kick. Time Out tip: If you’re new here, start with a signature, ‘hail caesar’ if you’re into savoury flavours or ‘Bangkok summer’ for something bold. Feeling adventurous? Build your own mix and discover a personal favourite.

What it is:  Chevy Chase – yes, you read that right –  is a grab-and-go spot for smoothies and juices in the Silom area. This tiny shop is all about quick refuels, whether you’re blending your own combo (choose five fruits and add-ons) or grabbing a signature drink. Just steps away from BTS Sala Daeng. Prices range from B159 to B169, depending on how fancy you go. Why we love it: The menu has personality to match the smoothies. Playful names like ‘dalmatian’ (coconut, banana, sesame spread, oat milk) and ‘mojo jojo’ (kale, blueberry, pineapple, banana, honey, oat milk) feel like cartoon characters in a cup. For something more tropical, try ‘man go crazy’ (mango, honey, coconut milk) or if you’re team berry, ‘berry good day’ is your jam.  Time Out tip:  If you’re indecisive, start with the ‘coconana’ – a coconut, banana, honey and blue spirulina blend that looks just as striking as it tastes.

What it is: The new health-forward concept from Ve/la brings plant-based blends into the beverage scene. The smoothies mix fresh fruits, veggies, oat milk and superfoods – all free from sugar and syrup. You’ll find branches at Apostofi House, Central World, Emporium, Emsphere, Siam Discovery, The Circle Ratchapruk and The Foyer, with prices ranging from B155-325. Why we love it:  Vela doesn’t just throw fruit in a blender – it layers flavours, textures and nutrients in ways that feel almost like dessert but without the sugar crash. The nine blended drinks are a playful mix and the star of the lineup has to be blended cerulean, made with blue spirulina, a natural anti-inflammatory that gives the smoothie its striking ocean-blue colour. Time Out tip: Start with the blended cerulean, it’s the drink everyone’s talking about and the one that best captures the ‘healthy but fun’ vibe. If you’re after something more adventurous, try blended ‘PB&J’, which tastes like a smoothie and a snack rolled into one.

What it is:  108 Juices is located on Phra Athit Road and is a tiny juice bar with a turquoise facade that’s impossible to miss. The shop is known for its 100 percent fresh fruit and veggie juices with no sugar, no water, just straight-up produce in a cup. You can enjoy classics like mango, pineapple and carrot alongside custom mix-and-match blends. The vibe is laid-back with only a handful of outdoor tables but that hasn’t stopped it from becoming a magnet for both tourists and health-conscious locals. Price starts at B60. Why we love it: This little shop proves you don’t need a fancy mall location or imported superfoods to make a great smoothie. The drinks are simple but spot-on, with natural sweetness and just a little ice so the fruit flavours shine. The orange-carrot combo stands out for its vivid colour and balanced taste, while the orange-carrot-beetroot trio is both photogenic and refreshing. Time Out tip:  Stop by around 2pm-3pm when the rush dies down so you can snag a table out front and get that perfect juice-in-hand shot without having to dodge a crowd. If you’re ordering for the ‘Gram, go for a beetroot mix as the colours pop beautifully on camera.

What it is: Born as a student project in Boston, Self. smoothie has grown into one of Bangkok’s coolest health-driven drink spots. The concept is simple but strong: every smoothie packs in over 300 grams of real fruit, with no sugar, no artificial sweeteners and no boxed juices. Bases can be customized with water, yoghurt or oat milk, depending on how creamy (or light) you want your drink. You’ll find branches at Central Westville, Emquartier, Emsphere, La Villa Ari, Siam Paragon, Silom Complex and True Digital Park. Prices start at B120-B180. Why we love it: The drinks are designed with wellness in mind. You can expect fun names that make ordering a little more joyful, like ‘you look great today!’ (mango, orange and passionfruit) or ‘never let you go!’ (strawberry, banana and yoghurt). The green blends, like ‘greeny does matter!’ with kale and pineapple, are packed with vitamins but go down refreshingly easy. For something different, the rambutan smoothie with jelly is a standout. There are also ‘super natural slushies’ (the watermelon one is a hot-weather lifesaver). Time Out tip: Go for ‘cholesterol police’ if you need a citrus slap to wake you up on a Bangkok afternoon or never let you go for that antioxidant-rich, deep purple glow-up. 

What it is:  A Thai fruit smoothie brand under the After You umbrella that turns local fruits into fun, health-focused drinks. Everything is made from 100 percent natural produce, from fresh-cut selections to creative seasonal blends. Prices start at B60 and you can enjoy them as smoothies, cold-pressed juices or bottled drinks for on-the-go sipping. With branches at Samyan Mitrtown, Emsphere, Suvarnabhumi Airport, it’s easy to grab one on the go. Why we love it: Luggaw offers authentic Thai flavour and personality. Each smoothie is a playful experiment, blending local fruits and ingredients while keeping sugar low to let the true taste shine. The brand has a knack for creativity, giving simple fruits witty names and cheeky presentations that make every order feel like an adventure. Time Out tip: Keep an eye out for quirky names that only locals will fully get, such as ‘suay sud nai soi’ (prettiest in the alley) or ‘raksa phan jai’ (heart healer). They’re not just fun to order; many reflect the fruit’s health perks, too.

What it is: Jones’ Salad has gone beyond greens and into the smoothie game and the results are just as addictive. Every smoothie is made with 100 percent real fruits and veggies, no sugar, syrup or honey added. The menu covers everything from protein-packed blends to fibre-boosting mixes and collagen-friendly creations, all crafted to taste fresh, natural and satisfying. You can grab them at any Jones’ Salad branch. Prices are wallet-friendly too, starting at B99. Why we love it: The drinks are packed with creamy coconut-avocado mixes, tangy berry bursts and green blends filled with fibre that make you feel good without the sugar crash. People love how naturally sweet they taste, how thick and filling they are and the fun, quirky names like ‘cloud on the farm’ and ‘thanos power’ make ordering even more enjoyable. Time Out tip: First-timers should go for ‘cloud on the farm’, a mix of avocado, coconut, pineapple, banana and peanut butter, topped with coconut cream that looks like fluffy clouds. Gym rats will want ‘thanos power’, loaded with berries, apple, coconut, peanut butter, blue spirulina and a solid 23 grams of plant protein. If you’re after something lighter, ‘very berry’ and ‘watermelon splash’ are refreshing, fruity picks that hit the spot on a hot day.

October finally brings evenings that aren’t too hot or drenched in rain, with weather nice enough to spend an evening by the river. And Shangri-La Bangkok knows exactly how to kick off your first weekend of the month with an all-you-can-eat feast under the stars. Back for its 25th edition, Raan Dung Ross Ded: RDRD Street Food Buffet Under the Stars transforms the hotel’s poolside into a one-stop outdoor market where Michelin Guide favourites hang out with Shangri-La’s own creations. Pile your plate with Mr. Jo’s guay jub, Charoen Saeng Silom’s pork knuckle and Prince’s silky jok, then taste chef Yanavit’s pad thai or a bowl of pho bo. Grab as much shaved ice and fresh coconut ice cream as you want. And there’s a lucky draw for dining vouchers too.  October 4. Starts at B799 and B899 (with free-flow soft drinks, iced tea and water), Kids (6-12 years) 50 percent off. Reserve via 0-2236-7777, here and restaurants.slbk@shangri-la.com. Shangri-La Bangkok. 5.30pm-9.30pm

กลายเป็นประเด็นร้อนที่ทำเอาทาสหมาทาสแมวทั่วกรุงเทพฯ ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวอยู่พักใหญ่ หลังมีข่าวการประกาศใช้ ข้อบัญญัติสัตว์เลี้ยงฉบับใหม่ ที่เตรียมดีเดย์บังคับใช้วันที่ 10 มกราคม 2569 นี้ โดยเนื้อหาหลักที่ถูกวิจารณ์หนักคือการกำหนด โควตาจำนวนสัตว์เลี้ยงตามขนาดพื้นที่อยู่อาศัย เช่น ผู้ที่อยู่คอนโดฯ หรือหอพักอาจเลี้ยงได้เพียง 1-2 ตัว ส่วนบ้านเดี่ยวจำกัดราว 2–6 ตัว พร้อมกฎบังคับให้ฝังไมโครชิปและจดทะเบียนภายในเวลาที่กำหนด หากฝ่าฝืนมีโทษปรับสูงสุดถึง 10,000 บาท กติกานี้จุดชนวนคำถามทันทีว่า การใช้ ‘พื้นที่’ เป็นตัวชี้วัดความรักและความรับผิดชอบนั้นสมเหตุสมผลแค่ไหน หลายฝ่ายกังวลว่ากฎที่เข้มเกินไปอาจย้อนศร ทำให้คนจำใจทิ้งสัตว์เลี้ยง จนกลายเป็นปัญหาสังคมและสาธารณสุขที่หนักกว่าเดิม Photograph: BMA แต่ล่าสุด บรรยากาศตึงเครียดเริ่มคลี่คลาย เมื่อ ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. เปิดศาลาว่าการต้อนรับเครือข่ายคนรักสัตว์ นำโดย องค์กรจัดสวัสดิภาพจิตอาสารักษ์สัตว์ไทย เพื่อหารือถึงผลกระทบของข้อบัญญัติดังกล่าวเมื่อวันที่ 22 ธันวาคมที่ผ่านมา ผลลัพธ์คือสัญญาณบวกที่หลายคนรอคอย ผู้ว่าฯ ยอมรับว่ากฎบางข้ออาจยังไม่สอดคล้องกับชีวิตจริง และเตรียมนำเรื่องเข้าสภา กทม. ในช่วงต้นเดือนมกราคม เพื่อ ขอเลื่อนการบังคับใช้ ออกไปก่อน ให้ประชาชนมีเวลาตั้งตัวมากขึ้น ที่น่าสนใจกว่าการเลื่อนเส้นตาย คือการปรับ Mindset การจัดการใหม่ จากการควบคุมและลงโทษ ไปสู่การทำงานเชิงรุกและการให้บริการ โดย กทม. มีแผนส่งทีมสัตวแพทย์เคลื่อนที่ลงพื้นที่ ให้บริการ ฉีดวัคซีน ทำหมัน และฝังไมโครชิปฟรี ถึงชุมชน เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายและแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ แทนการรอปรับภายหลัง นอกจากนี้ยังเตรียมยกเครื่อง ศูนย์ควบคุมสุนัขประเวศ ให้กลายเป็นพื้นท

  ถือเป็นของขวัญปีใหม่จาก การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) สำหรับใครที่กำลังวางแผนเดินทางกลับต่างจังหวัดหรือออกไปพักผ่อนนอกกรุงเทพฯ ในช่วงวันหยุดยาวนี้ กทพ. มอบความสุขให้ผู้ใช้รถใช้ถนนด้วยการ เปิดให้ผ่านทางฟรีที่ด่านเก็บเงินกว่า 110 แห่ง ทั่วเส้นทางหลักในเมืองหลวง อย่างไรก็ตาม ช่วงเวลาที่เปิดให้ใช้ฟรีจะแตกต่างกันไปตามแต่ละเส้นทาง ดังนั้นแนะนำให้ตรวจสอบข้อมูลก่อนออกเดินทาง โดยบางเส้นทางเปิดให้วิ่งฟรีตลอดทั้งสัปดาห์ ในขณะที่บางเส้นทางจะฟรี 2 วัน   วิ่งฟรี 7 วันเต็ม (30 ธันวาคม - 5 มกราคม 2569) เริ่มตั้งแต่เวลา 00.01 น. ของวันที่ 30 ธันวาคม ยาวไปจนถึงเที่ยงคืนของวันที่ 5 มกราคม ท่านสามารถใช้เส้นทางเหล่านี้ได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย: ทางพิเศษกาญจนาภิเษก (บางพลี - สุขสวัสดิ์) ทางพิเศษบูรพาวิถี (บางนา - ชลบุรี)   วิ่งฟรี 2 วัน (31 ธันวาคม - 1 มกราคม 2569) เส้นทางเหล่านี้จะเปิดให้ผ่านฟรีตั้งแต่เวลา 00.01 น. ของวันสิ้นปี จนถึงเที่ยงคืนของวันปีใหม่: ทางพิเศษเฉลิมมหานคร (ทางด่วนขั้นที่ 1) ทางพิเศษศรีรัช (ทางด่วนขั้นที่ 2) ทางพิเศษอุดรรัถยา (บางปะอิน - ปากเกร็ด) สิทธิพิเศษสำหรับผู้ใช้ Easy Pass นอกจากนี้ ยังมีของขวัญพิเศษสำหรับผู้ใช้ Easy Pass โดยเฉพาะ ใน วันที่ 6 มกราคม เพียงวันเดียว กทพ. จัดโปรโมชั่นคืนเงินค่าผ่านทาง (Cashback) สูงสุดถึง 50 เปอร์เซนต์ ตลอดทั้งวัน เพื่อเป็นการขอบคุณผู้ใช้บริการที่เลือกใช้ระบบชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งมีส่วนช่วยให้การจราจรหน้าด่านมีความคล่องตัว หากคุณมีแพลนเดินทางในช่วงเทศกาล อย่าลืมวางแผนเส้นทางและตรวจสอบเวลาให้ดี ช่วงเวลายกเว้นค่าผ่านทางจะเริ่มหลังเที่ยงคืนเป็นต้นไป ดังนั้นหากใครตื่นเช้าและออกเดินทางตั้งแต่วันที่ 30 หรือ 31 ธันวาคม ก็สามารถใช้สิทธิ์ได้

ถึงแม้ว่าเราจะเดินทางมาถึงช่วงสิ้นปี แต่กรุงเทพฯ ก็ยังคงคับคั่งไปด้วยกิจกรรมมากมายล้นปฏิทินให้เราได้ออกไปทำกันแบบยาว ๆ ในสุดสัปดาห์ก่อนปีใหม่ หากใครกำลังมองหาอีเวนต์เดียวที่รวมครบทั้งกีฬา ไลฟ์สไตล์ ดนตรี อาหาร และกิจกรรมสำหรับทุกคนในครอบครัว Princess’s Cup Thailand 2025: Weekend & Lifestyle คือหนึ่งในงานที่ไม่ควรพลาด เป็นอีกหนึ่งโอกาสที่คุณจะได้ชมการแข่งม้าใจกลางเมือง กับบรรยากาศชิลล์ๆ กลางลานหญ้าใจเมือง ที่คุณสามารถเดินช้อปตลาดงานคราฟต์และของวินเทจ ชิมสตรีตฟู้ดจากฟู้ดทรัค ก่อนปูเสื่อนั่งปิกนิกฟังดนตรีสดและดีเจยาวตลอดวัน แถมยังเป็นงาน Pet-friendly ที่พาน้องหมาน้องแมวมาปล่อยจอยได้แบบสบายใจ งานจัดขึ้นระหว่างวันที่ 26-28 ธันวาคม 2568 เวลา 13.00-22.00 น. ณ สนามขี่ม้า กองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ฯ (สนามเป้า) เดินทางสะดวกด้วย BTS สนามเป้าหรืออารีย์ และที่สำคัญ เข้าฟรีตลอดงาน พร้อมที่จอดรถฟรี Photograph: Princess’s Cup Thailand 2025: Weekend & Lifestyle Princess’s Cup Thailand 2025 จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 11 ภายใต้แนวคิด ‘Building the Bond Between Horse & Rider. Discover the Joy of Horse Connection’ ซึ่งเน้นย้ำหัวใจสำคัญของกีฬาขี่ม้า ไม่ใช่เพียงความเร็วหรือพละกำลัง แต่คือความผูกพัน ความไว้วางใจ และความเข้าใจระหว่างนักกีฬากับม้า การแข่งขันจัดขึ้นระหว่างวันที่ 22-28 ธันวาคม 2568 โดยได้รับพระมหากรุณาธิคุณจาก สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา องค์ประธานกรรมการอำนวยการนโยบาย ผู้ทรงเป็นนักกีฬาขี่ม้าทีมชาติไทย และทรงมีบทบาทสำคัญในการผลักดันวงการกีฬาขี่ม้าของไทยสู่เวทีนานาชาติอย่างต่อเนื่อง ภายในงานสามารถเข้าชมการแข่งขัน FEI SEA Youth Cup 2025 และการแข่งขันชิงถ้วยพระรา

ใครโตมากับการดูหนังพากย์สด ใครเคยได้ยินคำว่า ‘โรงหนังไม้’ จากพ่อแม่ หรือใครเป็นคอหนังสายตำนาน สุดสัปดาห์ก่อนสิ้นปีนี้ หอภาพยนตร์ (องค์การมหาชน) กำลังจะปลุกชีพ ศาลาเฉลิมธานี หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ โรงหนังนางเลิ้งให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง พร้อมชวนทุกคนร่วมฉลอง ‘วันกำเนิดภาพยนตร์โลก’ (Cinema World Day) วันที่ 27-28 ธันวาคมนี้   ความพิเศษคือ นี่ไม่ใช่แค่การฉายหนังธรรมดา แต่เป็นการเปิดโรงหนังไม้ที่มีอายุเก่าแก่ถึง 107 ปี (สร้างมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 6) ให้เราได้เข้าไปนั่งดูหนังกันจริงๆ นอกจากจะได้ซึมซับบรรยากาศสถาปัตยกรรมเก่าแก่ที่หาดูได้ยากแล้ว โปรแกรมหนังที่ทางหอภาพยนตร์คัดมาฉายก็แรร์ ไม่แพ้กัน เพราะเป็นการรวบรวมหนังจาก 3 ยุคสมัยมาให้ดูฟรีๆ ตลอด 2 วันเต็ม ไฮไลต์เด็ดที่คอหนังและสายวินเทจต้องตื่นเต้น คือการนำหนังผีตำนานของไทยอย่าง แม่นาคพระโขนง (ฉบับปี 2502) กลับมาฉายใหม่ในรูปแบบพากย์สด โดยนักพากย์ชั้นครู เหมือนเราย้อนเวลากลับไปดูหนังกลางแปลงสมัยคุณปู่คุณย่า ซึ่งหาดูแบบนี้ไม่ได้ง่ายๆ แล้วในปัจจุบัน Lumiere! (2016) หนังสารคดีที่พาเราย้อนกลับไปจุดเริ่มต้นของภาพยนตร์โลก กับผลงานของพี่น้องลูมิแอร์ และ หนังเงียบสายฮาในตำนาน Laurel & Hardy ดูกี่ทีก็ยังขำได้แบบไม่ต้องพึ่งบทพูด ตารางฉาย เสาร์ที่ 27 ธันวาคม 15.30 น. Lumiere! (2559 / 90 นาที) 18.00 น. แม่นาคพระโขนง (2502 / 101 นาที) พากย์สดโดย ดอกคำใต้ ศิวพร   อาทิตย์ที่ 28 ธันวาคม 15.30 น. Lumiere! (2559 / 90 นาที) 18.00 น. หนังเงียบชุด Laurel & Hardy You’re Darn Tootin’ (2471 / 19 นาที) Big Business (2472 / 21 นาที) Liberty (2472 / 21 นาที)   หลายคนอาจไม่รู้ว่า โรงหนังนางเลิ้ง เปิดฉายครั้งแรกเมื่อวันที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2461 ผ

อยากรู้ไหมว่าผังเมือง ระบบสังคม และชีวิตความเป็นอยู่ของคนญี่ปุ่นยุคเอโดะเขาเป็นยังไง? ถ้าเบื่อการอ่านตำรา ลองแวะมาที่ ศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ Thailand Creative & Design Centre (TCDC) เพราะตอนนี้กำลังมีนิทรรศการ Immersive เจ๋งๆ ที่จะพาทุกคนเดินข้ามเวลาไปหาคำตอบ ต้อนรับการมาถึงของ Hyper EdoHaku ที่เพิ่งแลนดิ้งลงห้องแกลเลอรีของ TCDC ตั้งแต่วันที่ 19-26 ธันวาคมนี้ เวลา 10.30-19.00 น. งานนี้สร้างสรรค์โดย Rhino Studios สตูดิโอจากญี่ปุ่นที่เชี่ยวชาญด้านสถาปัตยกรรมดิจิทัล บอกเลยว่าโปรเจกต์นี้จะมาพลิกโฉมการเรียนรู้ประวัติศาสตร์ของเราไปโดยสิ้นเชิง ลืมการยืนอ่านป้ายแห้งๆ หรือยืนดูวิดีโอเฉยๆ ไปได้เลย เพราะคุณจะได้ก้าวเท้าเข้าไปเดินกระทบไหล่ผู้คนในผังเมืองเอโดะจริงๆ ความเก๋คือ Rhino Studios เขาไม่ได้จำลองเอโดะให้เป๊ะตามตำราประวัติศาสตร์ แต่ยังสร้างสิ่งที่เรียกว่า 'Hyper Edo' ขึ้นมาแทน นี่ยุคเอโดะเวอร์ชันรีมิกซ์ที่ขยายขอบเขตจินตนาการ เพื่อสำรวจว่าอดีตจะเชื่อมโยงกับเทคโนโลยีล้ำๆ ในยุคปัจจุบันได้ยังไงบ้าง ทางสตูดิโอมองว่าเทคโนโลยี XR คือ 'พื้นที่ดีไซน์' ที่เปิดช่องให้เราได้ตั้งคำถามและตีความสิ่งต่างๆ ด้วยตัวเอง นั่นแปลว่าผู้เข้าชมจะไม่ใช่แค่คนดู แต่ต้องเข้าไปมีส่วนร่วมจริงๆ คุณจะได้เข้าใจว่าเมืองถูกวางผังยังไง สังคมขับเคลื่อนแบบไหน และชาวบ้านเขาใช้ชีวิตกันยังไง ผ่านการเดินสำรวจด้วยตาตัวเอง ไม่ใช่การยืนฟังข้อมูลที่ป้อนมาให้ฝ่ายเดียว นี่คือลายเซ็นของ Rhino Studios ที่ไม่ได้มีไว้แค่โชว์กราฟิกสุดว้าวให้ดูแล้วจบไป แต่พวกเขามองเทคโนโลยีเป็นเครื่องมือช่วย ปลดล็อกจินตนาการ และชวนให้เราขบคิดประเด็นใหม่ๆ ทั้งเรื่องเมืองและประวัติศาสตร์ นิทรรศการแบ่งรอบเข้าชมเป็นช่วงๆ ตลอดวัน: 10.45-11.45 น., 13.00-15

หากใครยังจำท่อนฮิตไวรัลอย่าง ‘We can go band for band’ ที่ดังกระหึ่มติ๊กต็อกเมื่อกลางปีที่แล้วได้ หรือคุ้นตากับภาพแรปเปอร์หนุ่มผู้หลงรักข้าวเหนียวมะม่วงและถือยาดมหงส์ไทยเป็นไอเท็มคู่ใจ เตรียมวอร์มนิ้วรอกดบัตรกันได้เลย! เพราะเดือนมีนาคมปีหน้านี้ แรปเปอร์หนุ่มสุดฮอตจากเกาะอังกฤษกำลังจะกลับมาเมืองไทยอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เขาไม่ได้มาพักผ่อนที่ภูเก็ตเหมือนคราวก่อน แต่กลับมาพร้อมคอนเสิร์ตใหญ่ครั้งแรกในไทยกับเวิลด์ทัวร์ CAN’T RUSH GREATNESS WORLD TOUR - Asia 2026 คอนเสิร์ตครั้งนี้จะเน้นบทเพลงจากอัลบั้ม CAN’T RUSH GREATNESS ที่เพิ่งปล่อยออกมาเมื่อต้นปี 2025 รวมถึงซิงเกิลล่าสุดอย่าง ‘Booga’ ที่ปล่อยไปเมื่อ 27 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ภายในงานจะมีสินค้า Official และไอเท็ม Exclusive เฉพาะทัวร์รอบนี้วางจำหน่ายด้วย   นอกจากบทบาทแรปเปอร์แถวหน้าที่เป็นที่ยอมรับในกลุ่มแฟนเพลง Gen Z แล้ว Central Cee ยังมีอิทธิพลอย่างมากต่อวงการแฟชั่นสตรีทแวร์ ด้วยสไตล์การแต่งตัวที่เป็นเอกลักษณ์โดยเฉพาะลุคหมวกบีนนี่ จนกลายเป็นแฟชั่นไอคอนระดับโลกที่สร้างแรงบันดาลใจให้คนรุ่นใหม่ทั่วโลกและการปักหมุดทัวร์เอเชียครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญที่จะขยายอิทธิพลทางวัฒนธรรมของเขาให้ข้ามพรมแดนไปอีกขั้น   ตารางทัวร์เอเชีย 2026 เขามีแผนปักหมุดทั่วเอเชียก่อนจะมาปิดท้ายทัวร์ที่กรุงเทพฯ ดังนี้ 10 มีนาคม: ฮ่องกง 11 มีนาคม: ไต้หวัน 14 มีนาคม: เกาหลีใต้ 16 มีนาคม: ฟิลิปปินส์ 18 มีนาคม: สิงคโปร์ 20 มีนาคม: ไทย (กรุงเทพฯ)   Central Cee จะมาเล่นที่กรุงเทพฯ เมื่อไหร่ในปี 2026? แร็ปเปอร์ระดับโลก Central Cee เตรียมพาทัวร์ ‘Can’t Rush Greatness’ World Tour มากรุงเทพฯ ในวันศุกร์ที่ 20 มีนาคม 2026 ที่ UOB Live   รายละเอียดการขายบัตร บัตรจะเปิดขายรอบพ

หากคุณใครกำลังมองหากิจกรรมไลฟ์สไตล์ของชุมชนคนรักดนตรี และอยากสัมผัสประสบการณ์แบบคนรักแผ่นเสียงตัวจริง งานนี้แหละใช่เลย ในวันที่ 20-21 ธันวาคมนี้ Format BKK เตรียมจัดงาน ‘Where Hidden Grooves Spin’ ตั้งแต่เวลา 14:00 น. เป็นต้นไป หลังจากที่ Format BKK เคยสร้างความคึกคักไปเมื่อเดือนก่อนกับงาน Grooves and Goodies Market ที่เหล่า ‘นักขุดแผ่น’ มารวมตัวกันอย่างคับคั่ง ครั้งนี้พวกเขายกระดับไปอีกขั้น ด้วยการเปลี่ยนพื้นที่ย่านอารีย์ให้กลายเป็นคอมมูนิตี้ดนตรีแบบเต็มตัวตลอดสุดสัปดาห์ เปรียบเสมือนงาน Open House ที่คุณจะได้นั่งฟังแผ่นเสียง ชมดนตรีสด และแลกเปลี่ยนความรู้เรื่องเครื่องเล่นแผ่นเสียงกับผู้ที่หลงใหลในเรื่องเดียวกัน Photograph: Format BKK ทางทีมงาน Format BKK ได้แท็กทีมพันธมิตรมาช่วยเสริมทัพเพียบ ทั้งจาก CUFFS Suite, Swee Lee, Ciao! และ Gadhouse Thailand หากคุณกำลังเล็งเครื่องเล่นแผ่นเสียงสักเครื่อง แต่ใจหนึ่งก็อยากจะลองใช้งานดูก่อน นี่คือโอกาสทอง บรรยากาศในงานจะเป็นไปอย่างสบายๆ มีแต่มู้ดดีๆ และคิทเจ๋งๆ มากมายให้คุณได้เลือกชมและทดลอง ตลอดทั้งสองวัน จะมีเหล่าดีเจแวะเวียนกันมาเปิดแผ่นสร้างความสนุก ไม่ว่าจะเป็น MIGHTY NP, SUBNET, DJ TO-RU และคนอื่นๆ อีกมากมายที่จะมาประจำการอยู่หลังสเตชันดีเจ แต่ไฮไลท์ที่พลาดไม่ได้เลยคือ Live Set สุดพิเศษจากวง T-bone ในวันที่ 20 ธันวาคม เวลา 20.00 - 21.00 น. ซึ่งพวกเขาจะนำการมิกซ์เพลงสไตล์ ‘aRootstic’ อันเป็นเอกลักษณ์ ให้เราได้ขยับกันเบาๆ  นอกจากนี้ยังมีวง Door Plant ที่จะขึ้นแสดงสดให้ชมกันตลอดช่วงสุดสัปดาห์นี้ด้วย โดยกิจกรรมทั้งหมดจะเริ่มตั้งแต่เวลา 14.00 น. ไปจนถึง 21.00 น. ทั้งสองวัน   ที่ Format BKK อารีย์ วันที่ 20-21 เวลา 14.00-19.00 น. เข้าฟ

ปี 2568 คือปีที่การท่องเที่ยวไทย ‘กลับมาพร้อมความปัง’ เมื่อ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ประกาศข่าวดีรับปีใหม่ นักท่องเที่ยวจาก สหราชอาณาจักรเข้าไทยครบ 1 ล้านคน เป็นครั้งแรกหลังยุคโควิด พร้อมส่งยอดนักท่องเที่ยว ตลาดระยะไกล (Long-haul) จากยุโรป อเมริกา ตะวันออกกลาง และแอฟริกา ทะลุ 10 ล้านคน ทำสถิติใหม่แบบไม่ต้องลุ้น เช้าวันที่ 17 ธันวาคมที่ผ่านมา บรรยากาศที่สุวรรณภูมิคึกคักเป็นพิเศษ เมื่อ ททท. นำโดย นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการ ททท. พร้อมพันธมิตรจากทั้งภาครัฐและเอกชน ร่วมต้อนรับเที่ยวบิน TG911 ของการบินไทย ที่บินตรงจากลอนดอนถึงกรุงเทพฯ เวลา 06.15 น. พร้อมมอบของขวัญฉลองให้นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษคนที่ 1 ล้าน และเฉลิมฉลองหมุดหมายใหม่ของตลาดนักท่องเที่ยวระยะไกลไปพร้อมกัน ยุโรปนำโด่ง อังกฤษยังแรงไม่ตก Photograph: TAT ตัวเลขล่าสุดจาก ททท. ยืนยันว่า ณ วันที่ 15 ธันวาคม 2568 นักท่องเที่ยวตลาดระยะไกลเข้าไทยสะสมแล้วกว่า 10 ล้านคน โดย ยุโรปยังคงเป็นเบอร์หนึ่ง ด้วยจำนวน 7.6 ล้านคน เติบโต 12.6% ตามด้วยตลาดอเมริกาที่มี 1.5 ล้านคน โตขึ้น 7% จากปีก่อน ด้านตลาดสหราชอาณาจักรยังคงเป็น ขาประจำสายคุณภาพ นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มาแบบอิสระ เที่ยวกับเพื่อนหรือคนรู้ใจ อยู่ยาวเฉลี่ย กว่า 17 คืน และใช้จ่ายเฉลี่ย 60,000-70,000 บาทต่อทริป จุดหมายยอดฮิตยังคงเป็น กรุงเทพฯ ภูเก็ต กระบี่ สุราษฎร์ธานี และเชียงใหม่ ปีนี้มีสายการบินบินตรงจากอังกฤษเข้าไทยถึง 5 สายการบิน รวมกว่า 35 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ และช่วงไฮซีซันเครื่องแน่นสุดๆ ด้วยอัตราบรรทุกผู้โดยสาร 80-90% สะท้อนว่าความนิยมประเทศไทยยังแรงแบบไม่มีแผ่ว แถมคาดว่าสิ้นปี 2568 นักท่องเที่ยวอังกฤษจะทำสถิติใหม่เกือบ 1.1 ล้านคน สร้างรายได้ทะลุ 80,000 ล้า

The Corner House พร้อมบอกลาปีเก่าด้วยความสดใสและความคิดสร้างสรรค์ ท่ามกลางกลิ่นอายที่หยั่งรากลึกอยู่ในจิตวิญญาณของเจริญกรุงอย่างแท้จริง ระหว่างวันที่ 24-28 ธันวาคมนี้ อาคารแห่งนี้จะเปิดประตูต้อนรับงาน ‘Just Right Corner: EP. 01 LOST & FOUND’  งานนี้ถูกรังสรรค์ขึ้นเพื่อเป็นการขอบคุณทุกคนที่มีส่วนช่วยขับเคลื่อนพื้นที่นี้มาตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา พร้อมเปิดประตูต้อนรับชุมชนภายนอกให้เข้ามารวมตัว สัมผัสประสบการณ์ และเฉลิมฉลองร่วมกันในช่วงเวลาโค้งสุดท้ายของปี ท่ามกลางบรรยากาศที่ผสานความถวิลหาถึงอดีตเข้ากับความอยากรู้อยากเห็น ผ่านธีมยุค ‘90s ที่ทั้งขี้เล่น อบอุ่น และเชื่อมทุกองค์ประกอบของงานให้กลมกลืนเป็นหนึ่งเดียว คอนเซปต์ของ LOST & FOUND นั้นลึกซึ้งยิ่งกว่าแค่ภาพลักษณ์อันมีสีสัน แต่มันสะท้อนถึงการเดินทางผ่านขวบปีอันแสนวุ่นวาย ที่บางครั้งเราอาจเผลอทำชิ้นส่วนเล็กๆ ของตัวตนหล่นหายไประหว่างทาง ตลาดแห่งนี้จึงเปรียบเสมือนพื้นที่อันอ่อนโยน ให้เราได้กลับมา ‘ค้นพบ’ สิ่งโปรดปรานที่เคยถูกลืม เชื่อมต่อกับความหลงใหลส่วนตัว และได้พบปะผู้คนที่มีหัวใจรักในความคิดสร้างสรรค์เฉกเช่นเดียวกัน แม้กลิ่นอายของยุค ‘90s จะห่อหุ้มงานนี้ไว้ด้วยความขี้เล่น ความสดใส และสุนทรียภาพที่แสนคุ้นตา แต่เจตจำนงที่แท้จริงนั้นตั้งอยู่บนพื้นฐานของความอบอุ่นและการใคร่ครวญถึงตัวตน เพื่อสะกิดความรู้สึกถวิลหาอดีตในห้วงลึกของใจเราขึ้นมาอีกครั้ง   ค้นพบอาคารสี่ชั้นที่เต็มไปด้วยเรื่องราวให้ค้นหา Photograph: The Corner House ความสนุกของงานนี้กระจายตัวอยู่ทั่วทั้ง 4 ชั้น โดยแต่ละโซนถูกออกแบบให้มีอัตลักษณ์และบรรยากาศที่แตกต่างกัน เริ่มต้นการเดินทางที่ ชั้น 1 พื้นที่แห่งรสชาติและเสียงดนตรี ซึ่งได้รับการดูแลเป็นพิเศษโดย Sarnies & Frien

ใครที่เคยบ่นว่ากรุงเทพฯ น่าเบื่อ มีแต่ห้างสรรพสินค้าหรือตลาดนัดของกินแบบเดิมๆ ต้องรีบเปลี่ยนความคิดใหม่ เพราะสุดสัปดาห์นี้พื้นที่ประวัติศาสตร์ย่านเมืองเก่าอย่าง ‘คลองโอ่งอ่าง’ กำลังจะถูกปลุกให้ตื่นขึ้นอีกครั้งด้วยสีสันของความคิดสร้างสรรค์ ในงาน Bangkok Art Walk 2025 ตลาดศิลปะริมน้ำที่ฉีกกฎการเดินแกลเลอรีในห้องแอร์สี่เหลี่ยมทิ้งไป แล้วเปลี่ยนมาเสพงานศิลป์รับลมหนาวช่วงปลายปีในบรรยากาศกลางแจ้ง สุดชิล  ความพิเศษของงานนี้คือการผนึกกำลังกันของ กรุงเทพมหานคร สำนักงานเขตพระนคร ร่วมกับ L’On Gallery และคอมมูนิตี้ชาวย่านสะพานเหล็ก ที่ตั้งใจเนรมิตพื้นที่แห่งนี้ให้กลายเป็นพื้นที่ปล่อยของสำหรับคนที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความครีเอทีฟ โดยดึงเอาศิลปินตัวตึงระดับท็อปฟอร์มทั้งไทยและต่างชาติกว่า 50 ชีวิต มาร่วมออกบูธโชว์ผลงานกันแบบใกล้ชิดชนิดที่ว่ากระทบไหล่ศิลปินได้เลย ไม่ว่าจะเป็นงานจิตรกรรม งาน Mixed Media หลากหลายสไตล์ ที่สะท้อนมุมมองใหม่ๆ ของศิลปะร่วมสมัย หรือใครที่เสพงานสำเร็จรูปแล้วยังไม่อิน ก็มีโชว์ Live Painting ให้ยืนเกาะขอบดูการตวัดแปรงสดๆ เห็นการทำงานของสีและอารมณ์ศิลปินแบบเรียลไทม์ ซึ่งหาดูได้ยากมากในงานทั่วไป Photograph: คลองโอ่งอ่าง Ong Ang Canal นอกจากจะมาเดินดูแล้ว งานนี้ยังเปิดพื้นที่ให้ ‘สายหาทำ’ ได้ปลดปล่อยจินตนาการด้วยตัวเอง เพราะภายในงานมีโซนเวิร์กช็อปสุดเอ็กซ์คลูซีฟเตรียมไว้รองรับคนที่คันไม้คันมือ อยากลองสวมวิญญาณศิลปินครีเอตผลงานชิ้นเดียวในโลกกลับไปขิงเพื่อน และที่พลาดไม่ได้คือการเดินซึมซับบรรยากาศของ ‘ย่านสะพานเหล็ก’ ตำนานแหล่งของเล่นและเกมที่คุ้นเคย ซึ่งวันนี้ถูกปรับโฉมให้กลายเป็นแลนด์มาร์กท่องเที่ยวระดับโลก การได้เดินชมงานศิลปะท่ามกลางกลิ่นอายของย่านเก่าแก่ที่ผสมผสานกับสตรี

เตรียมเคลียร์คิวช่วงกลางเดือนธันวาคมให้ว่าง แล้วปักหมุดมาเจอกันที่สยามสแควร์ ที่คุณจะได้พบกับพื้นที่ใจกลางเมืองที่กลายเป็นเวทีสตรีทโชว์ขนาดยักษ์กับงาน Siam Street World Stage 2025 จัดโดยสำนักงานจัดการทรัพย์สินจุฬาฯ (PMCU) งานนี้จัดต่อเนื่องเป็นปีที่ 9 แล้ว และยังคงรวบรวมการแสดงแนว Street Performance ระดับโลกมาไว้ที่เดียว ปีนี้ยังคงคอนเซปต์ ‘เล่นใหญ่’ ขนทัพนักแสดงและโชว์ระดับ Rare Item จากทั่วทุกมุมโลกมาให้ดูฟรี แบบไม่ต้องตีตั๋วบินไปต่างประเทศ Photograph: Siam Street   ปีนี้ไลน์อัปศิลปินแน่นเอี้ยด เตรียมพบกับโชว์ทั้งหวาดเสียวและเรียกเสียงฮา ไม่ว่าจะเป็น Skybike โชว์มอเตอร์ไซค์เหินเวหาที่จะทำให้คุณลุ้นจนนั่งไม่ติดเก้าอี้, Solanpo-Solan การผสมผสานระหว่างผืนผ้ายักษ์กลางอากาศกับศิลปะการ Juggling ขั้นเทพ, Asterisk Nova โชว์กายกรรมทรงตัวผาดโผนที่ต้องใช้สมาธิขั้นสูง, Izuma นักมายากลสาวจากญี่ปุ่นที่จะมาสะกดทุกสายตา และ Kento Yoshikawa นักแสดงเซอร์คัสสายฮาที่พกมุกตลกมาพร้อมกับสกิล Juggling มากกว่าแค่ดูโชว์สุดอลัง คือการได้ร่วมเล่น! นอกจากโชว์สุดพิเศษที่ทำให้คุณยืนดูตาค้าง ปีนี้ยังมีโซน Giant Board Games ที่ขยายขนาดบอร์ดเกมสุดคลาสสิกให้กลายเป็นไซส์ยักษ์กลางสยาม ให้คุณได้ประลองสมองกับเพื่อนหรือคนแปลกหน้า ทั้ง ตึกถล่ม (Giant Jenga), หมากรุกยักษ์ (Giant Chess) และ บิงโกยักษ์ (Giant Connect Four) ส่วนใครที่เป็นสายแอคทีฟ ต้องแวะไปที่โซน Basketball All Around คอร์ตบาสกลางกรุงที่เปิดให้โชว์ลีลา หรือถ้าอยากลองฝึกสกิลสตรีทด้วยตัวเอง ก็มี Street Lab ห้องทดลองความสนุกที่เปิดเวิร์กช็อปให้ลองฝึกเป็นนักแสดงสตรีทแบบสดๆ Photograph: Siam Street บอกเลยว่างานนี้ทุกคนสามารถมาเอ็นจอยได้ พร้อมตื่นตาตื่นใ

คริสต์มาสปีนี้ใครยังไม่มีแพลน หรือกำลังมองหาที่แฮงก์เอาต์ไวบ์ดีๆ ปักหมุดไปเช็กอินที่บรรทัดทองได้เลย ล่าสุดย่านสตรีตฟู้ดชื่อดังเตรียมเล่นใหญ่ส่งท้ายปี กับงาน Banthat Thong Joyful Fest ที่จะเปลี่ยนพื้นที่จุฬาฯ ซอย 5 ให้กลายเป็นลานกิจกรรมสุดคูล อัดแน่นความสนุกแบบ non-stop ตลอด 13 วันเต็ม เริ่มต้นความสนุกตั้งแต่วันที่ 18–30 ธันวาคม เวลา 16.00–23.00 น. ช่วงเวลาที่อากาศกำลังดี ลมหนาวพัดเบา ๆ เหมาะกับการมาเดินเล่นในตลาดสไตล์ Winter Market สุดชิค ภายในงานพบกับกองทัพร้านค้าไลฟ์สไตล์และสินค้าสุดครีเอทีฟ และแน่นอนว่าเรื่อง ‘ของกิน’ คือไฮไลต์ เตรียมท้องมาให้พร้อม แล้วไปตะลุยชิมสตรีตฟู้ดเจ้าดัง เดินกินไป ฟังดนตรีสดไป บอกเลยว่าฟินจนลืมเวลา ยังไม่หมดแค่นั้น เพราะในช่วงเวลาเดียวกัน ยังมีงาน Overland ดินแดน Oversize จัดขึ้นที่ อุทยาน 100 ปี จุฬาฯ (อยู่ใกล้ ๆ เดินถึงกันได้) ให้แวะไปเดินถ่ายรูป ทำคอนเทนต์กับประติมากรรมไซส์ยักษ์ อัปสตอรี่กันให้โซเชียลแตก Photograph: Scrubb ไฮไลต์สำคัญที่ห้ามพลาดคือวันที่ 25 ธันวาคม ชวนมาฉลองค่ำคืนคริสต์มาสสุดพิเศษกับมินิคอนเสิร์ตจากวง SCRUBB ที่จะขนเพลงฮิตมาให้ร้องตามกันแบบจัดเต็ม ไม่ว่าจะเป็น ใกล้,  คู่กัน หรือ ทุกอย่าง เตรียมซ้อมร้องมาให้พร้อม แล้วมาโยกเบาๆ ท่ามกลางแสงไฟและบรรยากาศเฟสติวัล แถมงานนี้ เข้าชมฟรี สิ้นปีนี้อย่าปล่อยให้ตัวเองเหงา ชวนเพื่อน ลากแฟน หรือจะมาคนเดียวเพื่อเจอคนรู้ใจหน้างานก็ได้ มาสร้างความทรงจำดีๆ ส่งท้ายปีที่บรรทัดทองกัน รับรองว่าจอยจนไม่อยากกลับบ้านแน่นอน