Fitri Aelang

ค่ำคืนแห่งความอลังการริมแม่น้ำเจ้าพระยา ที่ชาวกรุงเทพฯ รอคอยกลับมาแล้ว  วิจิตรเจ้าพระยา 2025 งานแสดงแสง สี เสียง สุดยิ่งใหญ่ที่แต่งแต้มฟากฟ้าให้สว่างไสวตลอด 45 คืนเต็ม ซึ่งเพิ่งเริ่มเปิดม่านความตระการตากันสดๆ ร้อนๆ เมื่อสองวันที่ผ่านมา ปีนี้งานจัดขึ้นภายใต้แนวคิด ‘The Light of Siam, the Mother of the Nation แสงแห่งสยาม แม่ของแผ่นดิน’ เพื่อรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง โดยมีการปรับรูปแบบงานให้เหมาะสมกับบรรยากาศแห่งความอาลัย งดการจุดพลุ และแทนที่ด้วย โดรนกว่า 1,000 ลำ ลอยเรียงบนท้องฟ้าเหนือเจ้าพระยา พร้อมโชว์และเอฟเฟกต์พิเศษฝีมือคนไทยที่อลังการไม่แพ้เวทีระดับโลก ใครยังไม่ได้ไปเห็นด้วยตา บอกเลยว่าต้องไปชมสักครั้ง เพราะตลอดสองฝั่งเจ้าพระยามี 15 จุดไฮไลต์ มาพร้อมธีมและโชว์เฉพาะตัว ให้คุณได้ชมแสงระยิบ เก็บภาพสุดประทับใจ และส่งท้ายปีด้วยบรรยากาศสุดพิเศษ  เราเลยรวบรวม 15 มุมเด็ดและเวลาจัดแสดงโชว์มาให้ครบครัน

เมื่อพูดถึงพระโขนง หลายคนคงนึกถึงหนังผีอมตะอย่าง ‘แม่นาคพระโขนง’ แต่ย่านนี้ไม่ได้มีดีแค่ตำนานชื่อดัง พระโขนงเป็นย่านเก่าแก่ที่มีประวัติยาวนาน หากย้อนไปสัก 40 ปีก่อน ที่นี่เคยเป็นแหล่งการค้าที่เฟื่องฟู มีห้างสรรพสินค้าใหญ่ๆ อย่าง อาเชียน และไทยไดมารู รวมถึงโรงหนังชื่อดังถึง 6 แห่งในย่านเดียว เคยเป็นศูนย์รวมความบันเทิงย่านชานเมืองฝั่งตะวันออกที่วัยรุ่นสมัยนั้นไม่พลาดที่จะเช็กอินแม้เวลาผ่านไป พระโขนงจะซบเซาลง ทิ้งไว้เพียงกลิ่นอายจางๆ ของความรุ่งเรืองในอดีต แต่วันนี้ ย่านที่เคยถูกมองข้ามว่าเป็นเพียงจุดต่อระหว่างทองหล่อกับอ่อนนุช กลับกลายเป็นหนึ่งในย่านที่เต็มไปด้วยเสน่ห์และความน่าชมของชุมชนริมคลอง ที่นี่มีทุกอย่างตั้งแต่โรงหนังเก่าที่เหมือนหลุดมาจากอดีต วัดเก่าแก่ริมน้ำ ร้านอาหารบ้านๆ ที่อร่อยจนต้องบอกต่อ คาเฟ่ในพื้นที่กว้าง ไปจนถึงตึกแถวและคอนโดที่อยู่รวมกันอย่างลงตัวย่านนี้จึงกลายเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกสำหรับคนที่อยากหลีกหนีความวุ่นวายของใจกลางเมือง เขยิบออกไปสักนิด และค้นพบกับอีกหนึ่งย่านสุดชิลที่มีครบจบ พระขโนงมีอะไรน่าสนใจ? Photographer: Fitri A. - Time Out Bangkok มนตร์เสน่ห์ของย่านนี้คือความคลาสสิกที่ผสมผสานกับความทันสมัยของเมืองได้อย่างลงตัว โรงหนังเก่าเป็นจุดยอดฮิตที่สายวินเทจต้องตามรอยไปถ่ายรูปความคลาสสิกของความรุ่งเรืองในอดีต และยังมีวัดริมคลองชื่อดังมากมาย ไม่ว่าจะเป็นวัดมหาบุศย์ (วัดแม่นาคพระโขนง) ที่คนต่างแห่ไปขอพรด้านความรัก หรือจะขอพรเรื่องการเกณฑ์ทหารก็ได้รวมถึงวัดวชิรธรรมสาธิตวรวิหาร ที่ยกสถาปัตยกรรมล้านนาแท้ๆ มาไว้ใจกลางกรุง และคาเฟ่มากมายที่แห่กันมาเปิดแถวนั้น ด้วยพื้นที่กว้างขวางให้คนสัมผัสได้ถึงคาเฟ่สไตล์บ้านเพื่อน เหตุผลที่ทำให้หลายคนรักพระขโนง? Photograph:

ไม่ทันไรพฤศจิกายนก็โผล่มาแบบไม่ให้ตั้งตัว พร้อมพาโปรแกรมหนังและซีรีส์ใหม่ๆ จากทุกสตรีมมิงมาล่อใจสายบันเทิงให้ไม่อยากลุกจากโซฟาเลยแม้แต่นิดเดียว เดือนนี้ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของ Netflix เพราะเรากำลังจะได้เห็นการปิดตำนานหนึ่งในซีรีส์ที่ทรงอิทธิพลที่สุดแห่งยุคอย่าง Stranger Things ซีซั่น 5  พาร์ตแรกของบทสรุปสุดยิ่งใหญ่ที่เตรียมพาแฟนๆ ไปบอกลาแก๊งฮอว์กินส์อย่างสมศักดิ์ศรี  แต่แน่นอนว่านี่ไม่ใช่เรื่องเดียวที่ต้องจับตา เพราะเดือนนี้ Netflix ยังขนโปรเจกต์ระดับรางวัลมาเต็ม ทั้ง Frankenstein ของผู้กำกับเจ้าพ่อแฟนตาซีสยองขวัญ Guillermo del Toro ดราม่าชิงออสการ์อย่าง Train Dreams นอกจาก Netflix แล้ว ยังมี Disney+, Prime Video และ HBO Max ที่ไม่ยอมให้อีกฝ่ายแย่งซีนไปง่ายๆ เรียกได้ว่าเดือนพฤศจิกายนนี้คือ ‘เทศกาลดูหนังอยู่บ้าน’ อย่างแท้จริง ตั้งแต่ความระทึก ความอบอุ่น ไปจนถึงความมหัศจรรย์ ทุกแพลตฟอร์มพร้อมใจกันปล่อยของให้สายดูได้เลือกชมกันแบบไม่มีพัก Time Out รวมรวมลิสต์หนังและซีรีส์เด็ดให้ทุกคนได้เลือกชมกันตาแฉะ

ก่อนจะมียุคออนไลน์ในปัจจุบันที่เต็มไปด้วยติ๊กต็อก เหล่าอินฟลูเอนเซอร์ และแฮชแท็กสารพัด โลกของนักเดินทางในสมัยก่อนนั้นมีเพียงหนังสือเล่มเล็กปกสีน้ำเงินที่แบ็กแพ็กเกอร์ทุกคนต่างพกติดกระเป๋าไว้เสมอ แล้วใครกันที่เป็นผู้เขียนมันขึ้นมา หากไม่ใช่ชายหนุ่มผู้หลงใหลในมนต์เสน่ห์ของสยามเมืองยิ้มอย่าง ‘โจ คัมมิงส์’ชายผู้จับปากกาเขียนไกด์บุ๊ก Lonely Planet Thailand เล่มแรก และเป็นผู้ที่หลงใหลในเมืองไทยแบบสุดหัวใจ ผู้พาคนทั้งยุคออกเดินทางไปรู้จักเสน่ห์ของอาณาจักรสยาม ตั้งแต่วัดที่งดงามที่สุด เมืองที่มีชีวิตชีวาไปจนถึงการนั่งตุ๊กตุ๊กที่ไม่มีวันลืม ตัวผม ในฐานะนักเขียนที่บังเอิญมีหนังสือ Lonely Planet อยู่บ้าง จึงไม่พลาดโอกาสที่จะได้พูดคุยกับตำนานที่ยังมีลมหายใจคนนี้ ในพอดแคสต์ตอนล่าสุดของ Time Out Thailand เรานั่งคุยกันที่ สตูดิโอ Public House ซอยสุขุมวิท 31 และตามแผนที่วางไว้ เราเริ่มต้นสนทนาเป็นภาษาไทย ภาษาที่สองของเราทั้งคู่ ซึ่งกลายมาเป็นสื่อกลางในการคลี่เรื่องราว ชีวิต และการเดินทางของนักเขียน นักดนตรี นักแสดง และ ‘ไอคอนทางวัฒนธรรมโดยบังเอิญ’ คนนี้   Photograph: Joe Cummings ‘จิตวิญญาณ’ เสียงเรียกแรกที่นำพาเขามาสู่แดนแห่งสยาม เรื่องราวของคัมมิงส์เริ่มต้นไกลจากดินแดนอาคเนย์อันร้อนระอุ เขาเกิดที่เมืองนิวออร์ลีนส์ สหรัฐอเมริกา แต่เติบโตตามทุกพื้นที่ที่ผู้เป็นพ่อถูกส่งไปประจำการในฐานะนายทหาร นั่นจึงเป็นเหตุผลที่เขาไม่เคยมีบ้านเกิดอยู่ที่ใดเลย ‘พวกเราเปลี่ยนที่อยู่ทุกสองถึงสามปี’ โจย้อนเล่าถึงวัยเด็กที่เต็มไปด้วยการเดินทางของเขาและพ่อผู้รับใช้ชาติ ดังนั้นการเดินทางจึงเหมือนอยู่ในสายเลือดของเขา และไม่น่าแปลกใจเลยเมื่อกนกตัวนี้ได้บินออกจากรังตามเข็มทิศที่ชี้ตรงไปทางทิศตะวันออก เขาโผยบินลงที่

เริ่มแพลนฉลองงานฮาโลวีนปีนี้กันแล้วรึยัง? สุดสัปดาห์นี้ก็จะหมดเดือนตุลาคม และแน่นอนว่าวันฮาโลวีนก็ใกล้เข้ามาถึงเราเต็มที ตอนนี้บรรยากาศในเมืองก็เริ่มคลุ้งไปด้วยกลิ่นอายของความหลอน บวกกับลมเย็นๆ ที่เริ่มพัดผ่าน แสงไฟยามค่ำเริ่มประดับไปด้วยสีส้ม ดำ เผลอแป๊บเดียวเทศกาลความหลอนแห่งปีก็มาเคาะประตูให้ทุกคนได้ออกจากบ้าน ถึงแม้ไทยเราอาจไม่ได้อินกับผีฝรั่งมากเท่าไหร่ แต่เรื่องปาร์ตี้ บอกเลย กรุงเทพฯ ไม่เคยทำให้ผิดหวัง ได้เวลาวางแผนคืนแห่งความป่วนของคุณแล้ว เหล่าแม่มดถึงเวลาชุมนุมไปออกล่าในมุมมืดของเมืองหลวง ไม่ว่าคุณจะเป็นสายสยองขวัญ สายแฟ สายแปลก หรือแค่ชอบความบ้าบอแบบฮาๆ Time Out กรุงเทพฯ มีลิสต์ให้ครบ! ถึงเราจะไม่ได้ควงปืนจับผีแบบในหนัง แต่เรารู้ว่าที่ไหนหลอนจนขนหัวลุก ที่ไหนน่าไป และที่ไหนมีความปั่นระดับตำนาน ตั้งแต่บาร์ผีสิง ปาร์ตี้บนรูฟท็อป ไปจนถึงตลาดที่เต็มไปด้วยความสยองขวัญ ปีนี้กิจกรรมฮาโลวีนทั่วกรุงยังคงจัดกันเหมือนเดิม เพียงแต่มีการปรับเปลี่ยนบางส่วนให้เข้ากับบรรยากาศและช่วงเวลานี้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นธีมการตกแต่งสุดครีเอทีฟ เมนูอาหารและเครื่องดื่มที่ออกแบบมาเฉพาะเทศกาล หรือกิจกรรมที่เน้นความชิลล์และแฟชั่นสุดไอคอนนิคมากกว่าความสยอง รับรองว่าทุกที่ยังคงมีเสน่ห์เฉพาะตัวที่ทำให้คุณอยากออกไปเพลิดเพลินกับเทศกาลนี้ เมื่อถึงเวลาที่โคมไฟดวงสุดท้ายดับลง และเหล่าก๊วนผีชาวเมืองได้แอบย่องไปซ่อนตัวในมุมมืด คุณก็จะรู้ว่างานฮาโลวีนที่นี่ไม่ได้จบลงแค่วันเดียว แต่มันคือเทศกาลของความซน แฟชั่น และความหลอนแบบพอดิบพอดี ที่ทำให้คุณจดจำไปชั่วนิรันดร์ 

Slang is the heartbeat of culture, the unfiltered way people connect, play and belong. For Danny Lent, it’s also how he found his home in Bangkok. The Aussie-born content creator behind the viral ‘English vs Thai gay slang’ videos has turned everyday moments from scooter rides to streetside chats into windows of cross-cultural curiosity. Danny’s page feels like a variety show of his life, where his audience follows each new episode of his journey in the city. One day, he’s learning Thai slang; the next, he’s styling an outfit or sharing the mindset that’s helped build his and viewers’ confidence. At the heart of it all lies one core message: narak (cute) and confident, two words that capture his entire persona even before you hit play. Before we reach the finale of his unstoppable series, we rewind to episode one of this online bestie’s journey. From blogger kid to Bangkok star   Photograph: dannyinbangkok Long before TikTok trends and viral Reels, Danny was already living online. As a child growing up in Australia, he spent nights teaching himself to build websites and blogs from scratch. ‘I’ve been online since I was 12,’ he recalls, sharing that his life online isn’t new but social media just turned up the volume. That early curiosity, a mix of creativity and self-expression, has stayed with him. But when he decided to move to Thailand, content creation wasn’t the plan. ‘I came here for a change of pace, and it was meant to be a break, but it turned into Emily in Paris e

If there’s a day to fully embrace a drink everyone loves and that’s actually good for your health, today is it. Raise a cup with a fat straw because we’re celebrating Global Smoothie Day, a day dedicated to enjoying smoothies and celebrating their connection to wellness and natural ingredients. It’s all about taking care of our health but in a fun and delicious way. Bangkok’s weather may be confusing, one minute hot, one minute raining but does that really matter when there’s a perfectly blended smoothie within arm’s reach? No blender? No problem. The city is dotted with smoothie spots ready to turn your five-a-day into a rainbow-coloured cup of joy, from mallrat faves to indie juice bars. Our ranking is based on taste, presentation, quality of ingredients and creativity, with a strong focus on keeping sugar content low. Healthiness is a key factor, so smoothies made primarily with fruits and vegetables are ranked higher because they are naturally lower in sugar. After all, what’s the point of feeling healthy if your smoothie is secretly a sugar bomb? Here are 10 of the best smoothie spots in Bangkok to sip, slurp and celebrate Global Smoothie Day the right way.

สวนรูฟท็อปที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ภายใต้ชื่ออย่างเป็นทางการว่า ดุสิตอรุณ เพิ่งเปิดได้ไม่ถึงเดือน แต่ก็กลายเป็นแลนด์มาร์กใหม่ที่ชาวกรุงเทพฯ พากันแวะมาเช็กอินกันไม่ขาดสาย แม้คนจะแน่นไปหน่อยในช่วงนี้ แต่อากาศบนสวนกลับสดชื่นไม่แพ้สวนไหนๆ ในเมือง พื้นที่กว่า 7 ไร่ของสวนลอยฟ้าแห่งนี้ถูกออกแบบมาเพื่อทุกคน ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้สูงอายุ ผู้ใช้รถเข็น เด็กๆ หรือแม้แต่สัตว์เลี้ยงสี่ขา ที่นี่คือโอเอซิสกลางเมืองที่เปิดกว้างให้คนทุกไลฟ์สไตล์ จะมานั่งพักผ่อน เติมพลังใจ หรือสูดอากาศสดใหม่หลังเลิกงานก็ดี ถ้าคุณยังลังเลอยู่ว่าจะคุ้มค่าแค่ไหน ให้เราลองพาสำรวจว่า Dusit Arun @ Dusit Central Park มีโซนเด็ดและมุมห้ามพลาดอะไรบ้าง วิธีมาก็สะดวกสุดๆ แค่ขึ้นมาที่ Central Park Mall ชั้น 6 ซึ่งมีทางเชื่อมตรงเข้าสวนได้เลย จากนั้นคุณจะได้เดินผ่านทางเดินที่รายล้อมด้วยพืชพรรณไทยตลอดทั้งพื้นที่ ตั้งแต่ชั้น 4 จนถึงชั้น 7 อีกทั้งคุณยังจะพบกับ 8 จุดไฮไลต์ที่สายรักธรรมชาติและสายคอนเทนท์ต้องชอบ

Thailand’s largest rooftop park, now officially named Dusit Arun, is barely a month old but trust Bangkokians to make it one of the city’s new go-to spots. Yes, it’s busy but somehow the air feels fresher up in this urban green space. This seven-rai urban Babylon has been built with everyone in mind – seniors, wheelchair users, kids and even your four-legged pals (pets are more than welcome). It’s a sanctuary for both body and mind, perfect for anyone who needs to escape work stress or simply wants to recharge in green surroundings. For those hesitating to check it out, here’s your guide to Dusit Arun at Dusit Central Park. The easiest entrance is through Central Park Mall’s sixth floor, which connects directly to the park. Once inside, you’ll find a winding walking trail lined with Thai plant species, stretching from the fourth to the seventh floors and flowing into eight key zones.

จาก Mariah Carey และ Sean Paul ไปจนถึง Blackpink, TWICE, Blue, Tyler, The Creator และ Jackson Wang ปฏิทินคอนเสิร์ตปี 2025 ของกรุงเทพฯ เรียกได้ว่าแน่นจัดเต็มไปด้วยซูเปอร์สตาร์ระดับโลก ไม่ว่าคุณจะเป็นสายกรี๊ดให้ K-pop ตัวแม่ อินดี้สายเศร้า หรืออยากเจอความเพี้ยนสุดติ่งของ Tyler, The Creator ไลน์อัพปีนี้พร้อมทำให้คุณทั้งร้องไห้ หัวเราะ และกดรูดบัตรเครดิตแบบ โนรีเกร็ต กันไปเลย ไม่ว่าคุณจะเป็น BLINK, ONCE หรือแค่กำลังตามล่าคอนเสิร์ตที่ร้อนแรงที่สุดของปี เมืองนี้มีเวทีรอคุณอยู่แล้ว นี่คือคู่มือจาก Time Out ที่คุณต้องรีบกดบุ๊คมาร์ก ส่งเข้ากรุ๊ปแชต แล้วเริ่มซ้อมแฟนแชนท์ได้เลย!

Bangkok's reign as Asia's concert capital is becoming undeniable. The year is far from over and the city's live music calendar is hitting a fever pitch. From stadium-shaking K-pop royalty and indie heartbreakers to the chaotic genius of Tyler, the Creator, the upcoming lineup is set to have you screaming, crying, and yes, maxing out your credit card (no regrets). Whether you’re a dedicated BLINK, a loyal ONCE or just chasing the year's hottest live acts, there’s a stage waiting for you. This is your essential Time Out guide to every major gig hitting the city. Bookmark it, spam the group chat and start practicing those fan chants.

If you’re a true dog person, you know the joy that comes from cuddling, playing or just staring at our fluffy, four-legged friends. Bangkok’s dog cafes aren’t just about coffee and cake – they’re a full-on serotonin boost. Imagine petting corgis with bouncy butts, golden retrievers with non-stop hugs and huskies with the fluff factor cranked up to max. And as we’re celebrating National Dog Day this week, Time Out rounded up eight of the city’s best dog cafes where you can sip, snap, snack and snuggle to your heart’s content. Each spot has its own quirky charm, adorable resident pups and of course, plenty of selfie spots.  Warning: you’ll leave with a full heart, a full camera roll and probably a new favourite dog breed.

Vegetarian Week gets a flavour-packed spin at Bangkok’78 and ANJU Korean Rooftop Restaurant & Bar, where ‘meat-free’ doesn’t mean ‘taste-free.’ From October 21-29, the two kitchens turn up the heat with authentic Thai and Korean dishes that prove going veggie can be fun, flavourful and indulgent. At Bangkok '78, Thai spice reigns supreme with tofu larb, spicy fruit salad, deep-fried mushrooms with sesame, straw mushroom chilli dip, served with fresh vegetables, and panang curry with tofu. There’s also a bonus perk: IHG one rewards members enjoy 20 percent off. Over at ANJU, the kitchen transforms into a K-style veggie feast, serving tteokbokki, K-fried cauliflower with mala sauce and Gwangjang-style gimbap and perilla oil buckwheat noodle, all made for sharing with your Seoulmates. Whichever side you pick, Thai or Korean, you’re in for a week of fresh flavours and meat-free indulgence that tastes as good as it feels. October 21-29. Sindhorn Midtown Hotel Bangkok, 68 Soi Langsuan, Lumphini, Pathum Wan. 

Jenn’s is the kind of spot that makes eating healthy feel like a treat rather than a chore. This cosy Bangna cafe blends fusion flavours with feel-good food, served in a bright space that welcomes both humans and their furry friends. Start things off with gambas and mango tango avo salad – a zesty, refreshing start that sets the tone. Sharing plates such as chicken caesar wraps, grilled vegetables with pesto and parma ham and tuna salad keep things fun. For mains, Jenn’s leans into flavour without the guilt. The sous-vide Thai chicken curry and thyme-and-pepper chicken with couscous salad are all about tender bites and perfectly balanced spice. And yes, dessert happens here with acai bowls, carrot cupcakes and other wholesome treats. With sweet prices and parking on-site, Jenn’s feels like the neighbourhood’s best-kept secret for when you want to eat well and feel good doing it. 955 Debaratna Rd, Bang Na Nuea, Bang Na. Open daily 8am-8pm.

What it is: Born in Australia in 2000, Boost has been mixing up its fruits for over two decades and is now a mall favourite in Bangkok, with spots at Siam Paragon, Central World and Emquartier. The concept is simple but brilliant: fresh fruit and veg smoothies, blended juices and protein shakes made just for you. The secret weapon is their signature yoghurt base (TD4), which makes every sip creamy without weighing you down. Why we love it: The brand has one of the biggest menus of any smoothie chain in Bangkok, and it’s impossible not to find a blend that fits your mood. Flex your muscles with ‘Protein Supreme’. It contains enough protein to meet your needs. But heads up: these drinks can be sweet enough to satisfy your inner sugar monster, a medium cup can easily sneak in 20-30g of sugar. But fear not, health heroes, here is the ‘lean & green juice’, ‘veggie juice’, and ‘5 a day juice’ are your low-sugar allies. Time Out tip: This is a brand where sugar sneaks in fast, so balance it out with size choices or by skipping add-ons. So be careful with your choice of drink. If you want a quick pick-me-up without the sugar crash, we recommend ordering ‘berry berry light’ (5.7 g sugar), ‘5 a day juice’ (5.9 g sugar) or ‘veggie juice’(4.2 g sugar). So, even though it is easy to find a Boost, it is not ideal to drink one every day. 

What it is: Born from the passion of Chef Lek Sunit Nick, Pash is all about turning Thailand’s juiciest fruits into premium smoothies and juices. The name comes from passionfruit. His obsession shows in every sip, with branches at The Commons Thonglor, Central Embassy, Siam Center, Iconsiam and True Digital Park. Why we love it: These aren’t your average food-court smoothies but they’re thick, luscious blends that pack in superfoods like spirulina, collagen and kale without tasting like health homework. From plant-based power shakes to yoghurt smoothies, each cup is a smooth, naturally sweet hug from Thai fruit. Sure, prices are a notch above your street-stall juice but one sip of that silky texture and balanced flavor and you’ll get why. Time Out tip: Go big with ‘poseidon’ (spirulina, collagen, kale, apple, yuzu) if you’re after a superhero potion or keep it flirty with ‘Aphrodite’ (banana, strawberry, yoghurt, collagen). Always size up, the small is never enough once you’ve tasted how smooth they blend.

What it is: A playful, health-minded cafe that turns fresh fruits and vegetables into inventive smoothies. The menu skips artificial additives in favour of natural blends. Highlights include salad-inspired ‘hail caesar’ and tom yum-flavoured, ‘Bangkok summer’. Why we love it:  Paak takes smoothie creativity to another level. Drinkers can expect unexpected combos like ‘celocado’ (avocado, mango, cacao) and ‘paser’ (spinach, kiwi, banana) make greens feel exciting, while ‘Bangkok summer’ delivers a tangy, zesty kick. Time Out tip: If you’re new here, start with a signature, ‘hail caesar’ if you’re into savoury flavours or ‘Bangkok summer’ for something bold. Feeling adventurous? Build your own mix and discover a personal favourite.

What it is:  Chevy Chase – yes, you read that right –  is a grab-and-go spot for smoothies and juices in the Silom area. This tiny shop is all about quick refuels, whether you’re blending your own combo (choose five fruits and add-ons) or grabbing a signature drink. Just steps away from BTS Sala Daeng. Prices range from B159 to B169, depending on how fancy you go. Why we love it: The menu has personality to match the smoothies. Playful names like ‘dalmatian’ (coconut, banana, sesame spread, oat milk) and ‘mojo jojo’ (kale, blueberry, pineapple, banana, honey, oat milk) feel like cartoon characters in a cup. For something more tropical, try ‘man go crazy’ (mango, honey, coconut milk) or if you’re team berry, ‘berry good day’ is your jam.  Time Out tip:  If you’re indecisive, start with the ‘coconana’ – a coconut, banana, honey and blue spirulina blend that looks just as striking as it tastes.

What it is: The new health-forward concept from Ve/la brings plant-based blends into the beverage scene. The smoothies mix fresh fruits, veggies, oat milk and superfoods – all free from sugar and syrup. You’ll find branches at Apostofi House, Central World, Emporium, Emsphere, Siam Discovery, The Circle Ratchapruk and The Foyer, with prices ranging from B155-325. Why we love it:  Vela doesn’t just throw fruit in a blender – it layers flavours, textures and nutrients in ways that feel almost like dessert but without the sugar crash. The nine blended drinks are a playful mix and the star of the lineup has to be blended cerulean, made with blue spirulina, a natural anti-inflammatory that gives the smoothie its striking ocean-blue colour. Time Out tip: Start with the blended cerulean, it’s the drink everyone’s talking about and the one that best captures the ‘healthy but fun’ vibe. If you’re after something more adventurous, try blended ‘PB&J’, which tastes like a smoothie and a snack rolled into one.

What it is:  108 Juices is located on Phra Athit Road and is a tiny juice bar with a turquoise facade that’s impossible to miss. The shop is known for its 100 percent fresh fruit and veggie juices with no sugar, no water, just straight-up produce in a cup. You can enjoy classics like mango, pineapple and carrot alongside custom mix-and-match blends. The vibe is laid-back with only a handful of outdoor tables but that hasn’t stopped it from becoming a magnet for both tourists and health-conscious locals. Price starts at B60. Why we love it: This little shop proves you don’t need a fancy mall location or imported superfoods to make a great smoothie. The drinks are simple but spot-on, with natural sweetness and just a little ice so the fruit flavours shine. The orange-carrot combo stands out for its vivid colour and balanced taste, while the orange-carrot-beetroot trio is both photogenic and refreshing. Time Out tip:  Stop by around 2pm-3pm when the rush dies down so you can snag a table out front and get that perfect juice-in-hand shot without having to dodge a crowd. If you’re ordering for the ‘Gram, go for a beetroot mix as the colours pop beautifully on camera.

What it is: Born as a student project in Boston, Self. smoothie has grown into one of Bangkok’s coolest health-driven drink spots. The concept is simple but strong: every smoothie packs in over 300 grams of real fruit, with no sugar, no artificial sweeteners and no boxed juices. Bases can be customized with water, yoghurt or oat milk, depending on how creamy (or light) you want your drink. You’ll find branches at Central Westville, Emquartier, Emsphere, La Villa Ari, Siam Paragon, Silom Complex and True Digital Park. Prices start at B120-B180. Why we love it: The drinks are designed with wellness in mind. You can expect fun names that make ordering a little more joyful, like ‘you look great today!’ (mango, orange and passionfruit) or ‘never let you go!’ (strawberry, banana and yoghurt). The green blends, like ‘greeny does matter!’ with kale and pineapple, are packed with vitamins but go down refreshingly easy. For something different, the rambutan smoothie with jelly is a standout. There are also ‘super natural slushies’ (the watermelon one is a hot-weather lifesaver). Time Out tip: Go for ‘cholesterol police’ if you need a citrus slap to wake you up on a Bangkok afternoon or never let you go for that antioxidant-rich, deep purple glow-up. 

What it is:  A Thai fruit smoothie brand under the After You umbrella that turns local fruits into fun, health-focused drinks. Everything is made from 100 percent natural produce, from fresh-cut selections to creative seasonal blends. Prices start at B60 and you can enjoy them as smoothies, cold-pressed juices or bottled drinks for on-the-go sipping. With branches at Samyan Mitrtown, Emsphere, Suvarnabhumi Airport, it’s easy to grab one on the go. Why we love it: Luggaw offers authentic Thai flavour and personality. Each smoothie is a playful experiment, blending local fruits and ingredients while keeping sugar low to let the true taste shine. The brand has a knack for creativity, giving simple fruits witty names and cheeky presentations that make every order feel like an adventure. Time Out tip: Keep an eye out for quirky names that only locals will fully get, such as ‘suay sud nai soi’ (prettiest in the alley) or ‘raksa phan jai’ (heart healer). They’re not just fun to order; many reflect the fruit’s health perks, too.

What it is: Jones’ Salad has gone beyond greens and into the smoothie game and the results are just as addictive. Every smoothie is made with 100 percent real fruits and veggies, no sugar, syrup or honey added. The menu covers everything from protein-packed blends to fibre-boosting mixes and collagen-friendly creations, all crafted to taste fresh, natural and satisfying. You can grab them at any Jones’ Salad branch. Prices are wallet-friendly too, starting at B99. Why we love it: The drinks are packed with creamy coconut-avocado mixes, tangy berry bursts and green blends filled with fibre that make you feel good without the sugar crash. People love how naturally sweet they taste, how thick and filling they are and the fun, quirky names like ‘cloud on the farm’ and ‘thanos power’ make ordering even more enjoyable. Time Out tip: First-timers should go for ‘cloud on the farm’, a mix of avocado, coconut, pineapple, banana and peanut butter, topped with coconut cream that looks like fluffy clouds. Gym rats will want ‘thanos power’, loaded with berries, apple, coconut, peanut butter, blue spirulina and a solid 23 grams of plant protein. If you’re after something lighter, ‘very berry’ and ‘watermelon splash’ are refreshing, fruity picks that hit the spot on a hot day.

October finally brings evenings that aren’t too hot or drenched in rain, with weather nice enough to spend an evening by the river. And Shangri-La Bangkok knows exactly how to kick off your first weekend of the month with an all-you-can-eat feast under the stars. Back for its 25th edition, Raan Dung Ross Ded: RDRD Street Food Buffet Under the Stars transforms the hotel’s poolside into a one-stop outdoor market where Michelin Guide favourites hang out with Shangri-La’s own creations. Pile your plate with Mr. Jo’s guay jub, Charoen Saeng Silom’s pork knuckle and Prince’s silky jok, then taste chef Yanavit’s pad thai or a bowl of pho bo. Grab as much shaved ice and fresh coconut ice cream as you want. And there’s a lucky draw for dining vouchers too.  October 4. Starts at B799 and B899 (with free-flow soft drinks, iced tea and water), Kids (6-12 years) 50 percent off. Reserve via 0-2236-7777, here and restaurants.slbk@shangri-la.com. Shangri-La Bangkok. 5.30pm-9.30pm

กฎการดื่มแอลกอฮอล์ในไทยเข้มงวดขึ้นอีกขั้น และคราวนี้ไม่ได้มีแค่เจ้าของร้านที่ต้องระวัง เพราะการแก้ไขพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 8 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ระบุชัดว่าผู้ดื่มและผู้ถูกเสิร์ฟเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในช่วงเวลาที่ห้าม หรือในสถานที่ที่ไม่ได้รับอนุญาต มีความผิดตามกฎหมายเช่นกัน พูดง่ายๆ คือต่อให้ซื้อเบียร์ทันก่อนบ่ายสองก็ใช่ว่าจะรอด ถ้ายังนั่งจิบอยู่หลังจากนั้น คุณอาจโดนปรับได้สูงสุดถึง 10,000 บาท ช่วงเวลาห้ามขายยังเหมือนเดิม ในช่วงเวลาระหว่าง 14.00-17.00 น. และ หลังเที่ยงคืนเป็นต้นไป แต่กฎหมายใหม่นี้ถือเป็นครั้งแรกที่ ผู้ดื่ม เองถูกนับเป็นผู้มีความผิดตามกฎหมาย เจ้าหน้าที่บอกว่าจุดประสงค์คือ เพื่อส่งเสริมความเป็นระเบียบและความปลอดภัยในสังคม แต่ข่าวนี้ก็สร้างแรงสะเทือนในวงการท่องเที่ยวและสถานบันเทิงทั่วประเทศ ซึ่งเพิ่งเริ่มฟื้นตัวหลังยุคโควิด หลายฝ่ายกังวลว่ากฎใหม่นี้อาจทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติสับสน และกระทบต่อภาพลักษณ์ความสนุกครึกครื้นที่ไทยขึ้นชื่อ แล้วแบบไหนถือว่าผิดกฏหมาย? ภายใต้กฎหมายใหม่ ทั้งการดื่มและการถูกเสิร์ฟในช่วงเวลาที่ห้าม ถือว่ามีความผิด แม้จะซื้อเบียร์ตอน 13.59 น. แต่ถ้ายกแก้วดื่มตอน 14.05 น. ก็อาจโดนจับได้เหมือนกัน กฎหมายบังคับใช้กับทุกสถานที่ทั่วประเทศ ตั้งแต่รูฟท็อปบาร์ในกรุงเทพฯ คาเฟ่ในเชียงใหม่ ไปจนถึงบีชคลับริมนภูเก็ต แต่ก็มีข้อยกเว้นสำหรับสถานที่ที่ได้รับใบอนุญาตพิเศษ เช่น โรงแรม สนามบิน หรือโซนท่องเที่ยวที่ทางการกำหนดไว้ ส่วนการดื่มในบ้านส่วนตัวยังไม่อยู่ในเป้าการบังคับใช้โดยตรง แต่หากมีการร้องเรียน เจ้าหน้าที่ก็สามารถเข้าตรวจสอบได้ นอกจากนี้ กฎหมายยังเพิ่มข้อจำกัดเรื่อง การโฆษณา โดยห้ามใช้ดารา อินฟลูเอนเซอร์ ห

ถึงแม้ว่า Rolling Loud จะถูกแคนเซิลในปีนี้ แต่สายแดนซ์ไม่ต้องเสียใจ เพราะปีหน้ายังมีเทศกาลดนตรี EDM อย่าง Tomorrowland 2026  อีกไม่นานเกินรอ คนไทยก็จะได้สัมผัสบรรยากาศของงานดนตรีระดับโลกที่จะจัดขึ้นครั้งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่ Wisdom Valley พัทยา จังหวัดชลบุรี งานนี้การันตีความยิ่งใหญ่ระดับเดียวกับงานออริจินัลจากเบลเยียม แต่เพิ่มกลิ่นอายความเป็นไทยเข้าไปเต็มๆ และแน่นอนว่าสายปาร์ตี้คงเริ่มนับถอยหลังเตรียมพร้อมกันตั้งแต่ปีนี้แล้ว  เพื่อให้เมืองพัทยาพร้อมต้อนรับกับคลื่นมหาชนจากทั่วโลก อำเภอบางละมุงจึงเรียกประชุมใหญ่ เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา โดยมี นายพัชรพัชร์ ศรีธัญญนนท์ นายอำเภอบางละมุง เป็นประธานการประชุม พร้อมมอบนโยบายและแนวทางการทำงานให้กับกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ นายอำเภอเปิดเผยว่า การจัด Tomorrowland 2026 ในเดือน ธันวาคม ปี 2569 จะใช้เวลาทั้งหมด 3 วันเต็ม ซึ่งคาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมงานกว่า 50,000 คนต่อวัน และสร้างรายได้หมุนเวียนในพื้นที่มากกว่า 5,000 ล้านบาท ซึ่งจะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจท้องถิ่นและยกระดับภาพลักษณ์ของชลบุรีให้โดดเด่นบนเวทีโลก พร้อมทั้งยังหารือแนวทางในการจัดการด้านความปลอดภัย การจราจร และการอำนวยความสะดวกให้กับผู้เข้าร่วมงานอย่างรอบด้านเพื่ออำนวยความสะดวกให้กัยนักท่องเที่ยวได้มากที่สุด ในโอกาสเดียวกัน นายอำเภอยังได้มอบหนังสือแต่งตั้งให้กับ นายชัยณรงค์ สีดาน้อย ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านฝ่ายรักษาความสงบ หมู่ 3 ตำบลตะเคียนเตี้ย เพื่อเสริมทัพทีมงานด้านความปลอดภัยก่อนถึงวันงาน นอกจากการเตรียมความพร้อมด้านอีเวนต์ระดับโลกแล้ว ในที่ประชุมยังได้พูดถึงโครงการดีๆ จาก เหล่ากาชาดจังหวัดชลบุรี ที่จะให้การสนับสนุนการสร้างและซ่อมแซมบ้านให้กับครอบครัว

หนอนหนังสือทั้งหลาย ฟังให้ดี นี่ไม่ใช่การซ้อมอพยพ แต่ร้านหนังสือลอยน้ำระดับตำนาน Doulos Hope กำลังกลับมาเทียบท่ากรุงเทพฯ อีกครั้ง! หลังเพิ่งเสร็จภารกิจจากสัตหีบ คราวนี้ถึงคิวให้ชาวกรุงเทพฯ ได้ช็อปกันแล้ว โดยรอบนี้ Doulos Hope จะจอดเทียบท่าอยู่ที่ ท่าเรือคลองเตย เปิดให้เข้าชมทุกวันตั้งแต่ 13.00-20.30 น. ระหว่างวันที่ 7-30 พฤศจิกายนนี้ ถ้าพลาดรอบปี 2566 ไป คราวนี้ห้ามพลาดเด็ดขาด เพราะนี่ไม่ใช่ร้านหนังสือธรรมดาๆ เรือ Doulos Hope เป็นขององค์กรไม่แสวงหากำไรจากเยอรมนีที่ชื่อว่า GBA Ships ซึ่งมีเป้าหมายในการนำ ‘ความรู้และความหวัง’ เดินทางไปทั่วโลก และพวกเขาก็ทำได้จริง Photograph: Doulos Hope เมื่อขึ้นไปบนเรือ คุณจะได้หลงอยู่ในโลกของหนังสือกว่า 2,000 เล่ม ทั้งภาษาอังกฤษและอีกหลายภาษา ครอบคลุมทุกหมวด ตั้งแต่วิทยาศาสตร์ ศิลปะ ทำอาหาร กีฬา หนังสือเด็ก หนังสือเรียน พจนานุกรม แผนที่ เรียกได้ว่ามีครบทุกแขนง และที่สำคัญคือราคาน่ารักจนอยากซื้อกลับบ้าน แต่สิ่งที่ทำให้ประสบการณ์นี้พิเศษยิ่งกว่าคือ ลูกเรือ เพราะพวกเขาไม่ใช่พนักงานขายทั่วไป แต่เป็นอาสาสมัครจากกว่า 35 ประเทศทั่วโลก ที่ใช้ชีวิตอยู่บนเรือลำนี้จริงๆ ลองชวนพวกเขาคุยดูสิ ฟังเรื่องราวการเดินทางของพวกเขา ชีวิตบนเรือเป็นยังไง หรืออะไรที่พาพวกเขามาอยู่ที่นี่ บอกเลยว่าการได้แลกเปลี่ยนแบบนี้หาไม่ได้ง่ายๆ ในชีวิตประจำวัน ค่าเข้าชมเพียง 20 บาท (เด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี และผู้สูงอายุตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไปเข้าฟรี) ถ้าอยากเจอหนังสือดีๆ พร้อมวิวทะเลและบรรยากาศสุดยูนีค รีบตรงไปที่ ท่าเรือคลองเตย ก่อนที่ Doulos Hope จะออกเรืออีกครั้ง

ระหว่างการเก็บตัวนางงาม ก่อนรอบไฟนอลของการประกวด Miss Universe ครั้งที่ 74 ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 21 พฤศจิกายนนี้ ที่กรุงเทพฯ  จู่ๆ ก็มีเหตุการณ์สุดช็อกเมื่อผู้เข้าประกวดหลายสิบคนพร้อมใจกันเดินออกจากห้องประชุมแบบไม่หันหลังกลับ หลังเกิดการปะทะเดือดต่อหน้าผู้เข้าแข่งขันกับ ณวัฒน์ อิสรไกรศีล ผู้ดูแลทีมเจ้าภาพไทย และ ฟาติมา บอช มิสเม็กซิโก คนปัจจุบัน ทำเอา Miss Universe Organization (MUO) ต้องรีบออกมาเคลื่อนไหวกันจ้าละหวั่น เกิดอะไรขึ้นคะ? พยานเล่าว่า ณวัฒน์ เจ้าภาพในการจัดประกวดในปีนี้ ได้เข้าไปต่อว่ามิสเม็กซิโกด้วยท่าทีเสียงดัง ต่อหน้าผู้เข้าประกวดจากทั่วโลก เพราะเธอไม่ร่วมถ่ายวิดีโอโปรโมตกับสปอนเซอร์ ทางฟาติมาพยายามที่จะอธิบายเหตุผลว่าทำไมเธอไม่ได้ตกลงที่จะทำ แต่ก็โดนตัดบทสะก่อน และเรียกการ์ดมาคุมตัวเธอ ไม่นาน หลังเดินออกจากห้อง ฟาติมาก็ให้สัมภาษณ์สื่อว่า ‘สิ่งที่ผู้จัดกระทำนั้นมันไม่ให้เกียรติฉันเลย เขาเรียกฉันว่าโง่เพราะเขามีปัญหากับองค์กร ฉันคิดว่าคนทั้งโลกควรได้เห็นเรื่องนี้ เพราะพวกเราเป็นผู้หญิงที่มีพลัง และเวทีนี้คือพื้นที่สำหรับที่ทำให้เสียงของเราดังขึ้น และไม่มีใครมาหยุดเราได้’ งานนี้ทำเอาผู้เข้าประกวดหลายคน รวมถึง Victoria Kjær Theilvig Miss Universe คนปัจจุบัน ลุกเดินออกจากห้องแบบไม่แคร์ เพื่อแสดงจุดยืน เธอบอกว่า: ‘นี่คือเรื่องสิทธิของผู้หญิง เราเคารพทุกคน แต่เรื่องแบบนี้ไม่ควรถูกจัดการแบบนี้’ เทลวิกกล่าว ‘การดูถูกผู้เข้าประกวดคนอื่นถือเป็นการไม่ให้เกียรติอย่างรุนแรง’ แล้วทำไมถึงกลายเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนี้? การเดินออกจากห้องครั้งนี้เผยให้เห็นถึงรอยร้าวที่กำลังประทุขึ้นระหว่างทีมเจ้าภาพไทยกับองค์กร Miss Universe หลังเหตุการณ์ดังกล่าว MUO ออกแถลงการณ์ว่า ‘กิจกรรมและอีเวน

เวลาเลื่อนหาที่พักทีไร อะไรคือสิ่งแรกที่คุณนึกถึง? อาหารเช้าเริ่ดๆ โลเคชั่นสุดปัง หรือถ้าอยากได้ฟีลพักผ่อนแบบแกลมๆ หน่อย ก็คงเป็นสปาหรูๆ ใช่ไหม? ไม่ว่าอะไรจะเป็นสิ่งแรกที่คุณนึกถึง เราการันตีได้เลยว่าโรงแรมที่เพิ่งติดอันดับ The World’s 50 Best Hotels 2025 เหล่านี้ มีให้คุณครบทุกข้อ (บางทีอาจจะมากกว่านั้นด้วย) การที่โรงแรมจะติดท็อป 50 อันดับของโลกได้ โรงแรมเหล่านี้ต้อง เพอร์เฟกต์ ในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นการให้บริการ อาหาร สิ่งอำนวยความสะดวก วิว ไปจนถึงดีเทลเล็กๆ ที่สร้างความประทับใจให้กับคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญด้านการท่องเที่ยว หลังจากเผยโผลิสต์ลำดับที่ 51-100 ไปก่อนหน้านี้เมื่อช่วงต้นเดือน ในที่สุดรายชื่อ 50 อันดับโรงแรมที่ดีที่สุดในโลกของปีนี้ ก็ได้ถูกเปิดเผยอย่างเป็นทางการแล้ว ปีนี้รีสอร์ตในเอเชียมงลงอีกครั้ง ครองถึง 6 อันดับใน 10 อันดับแรก ทั้งจากฮ่องกง กรุงเทพฯ และสิงคโปร์ และโรงแรมที่คว้าอันดับ 1 ของโลกประจำปี 2568 ไปครองคือ โรงแรมโรสวูด ฮ่องกง (Rosewood Hong Kong) ซึ่งคณะกรรมการให้คำนิยามว่าเป็น ‘ไอคอนของการบริการสไตล์เอเชียยุคใหม่ที่มีความมินิมัล’  World’s 50 Best กล่าวชื่นชมโรงแรมโรสวูด ฮ่องกง ว่าโดดเด่นทั้ง ‘ขนาด’ และ ‘คุณภาพ’ แบบไม่มีใครเทียบ ด้วยห้องพักสุดหรูมากกว่า 400 ห้อง แต่ยังให้บริการได้เนี้ยบกริบในทุกดีเทล ราคาห้องพักเริ่มต้นที่ราว €750 (ประมาณ 29,000 บาท) ต่อคืน แม้อาจไม่ใช่ราคาที่ฟังแล้วสบายกระเป๋า แต่ก็ถือว่าสมเหตุสมผล เพราะนี่คือ โรงแรมที่ดีที่สุดในโลก ที่มอบประสบการณ์สุดพรีเมียมตั้งแต่วินาทีแรกที่เช็กอิน ตามมาติดๆ ในอันดับที่ 2 คือ โรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา (Four Seasons Hotel Bangkok) โรงแรมหรูริมแม่น้ำใจกลางกรุงเทพฯ ที่ World’s 50 Best ออกปาก

ล่าสุดสะพานข้ามคลองโอ่งอ่างกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง และดูไฮเทคกว่าที่เคย สะพานซึ่งเป็นจุดเดินเล่นยอดฮิตของชาวกรุงได้รับการรีโนเวทใหม่ทั้งโครง โดยใช้นวัตกรรมของคนไทยผสานกับเทคโนโลยี 3D Printing Concrete ในการก่อสร้าง และถือเป็นครั้งแรกของกรุงเทพฯ ที่โครงสร้างสาธารณะถูกสร้างด้วยเทคโนโลยีระดับนี้ Photograph: กรุงเทพมหานคร ผลงานนี้เกิดจากความร่วมมือของ กรุงเทพมหานคร และ บริษัทปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) ภายใต้แนวคิด ‘สะพานนวัตกรรมคนไทย เพื่อเมืองที่ยั่งยืน’ และใช้เวลาเพียง 2 เดือนครึ่งในการก่อสร้างทั้งหมด ซึ่งเร็วกว่าวิธีปกติหลายเท่า แถมยังรักษ์โลกด้วยวัสดุ High Performance Concrete (HPC) ที่แข็งแรงทนทาน และปูนซีเมนต์ลดโลกร้อน Generation 3 ที่ช่วยลดการปล่อยคาร์บอนได้กว่า 30% คลองโอ่งอ่างเองเป็นย่านเก่าแก่ที่มีเรื่องเล่ามายาวนาน ตั้งแต่ยุครัชกาลที่ 1 ซึ่งเคยเป็นย่านค้าขายคึกคัก ก่อนจะกลับมาได้รับความนิยมอีกครั้งหลังถูกปรับโฉมใหม่ให้กลายเป็นแลนด์มาร์กคนเดินเล่นใจกลางพระนคร ทุกเย็นวันศุกร์-อาทิตย์ เวลา 16.00-22.00 น. พื้นที่ริมคลองจะคึกคักเป็นพิเศษ ทั้งร้านอาหารสตรีตฟู้ด คาเฟ่ ศิลปะริมกำแพง และดนตรีสดที่เติมชีวิตให้บรรยากาศริมคลองอบอุ่นและโรแมนติกสุดๆ   Photograph: กรุงเทพมหานคร สำหรับคนที่มาเดินเล่นแถวนี้เป็นประจำ การมีสะพานใหม่ไม่ได้แค่ทำให้การข้ามคลองสะดวกขึ้นแต่ยังเป็นสัญญาณเล็กๆ ว่าเทคโนโลยีขั้นสูงเริ่มเข้ามามีผลกับชีวิตประจำวันของเราแล้ว จากนวัตกรรมระดับโรงงาน กลายเป็นสิ่งที่จับต้องได้ในพื้นที่สาธารณะ และถ้าเทคโนโลยีอย่าง 3D Printing ถูกนำมาใช้ในงานโครงสร้างเมืองมากขึ้นในอนาคต เราอาจไม่ต้องรอการเปลี่ยนแปลงเป็นปีๆ อีกต่อไป แต่อาจได้เห็นเมืองที่พัฒนาไวกว่าเดิม และยั่งยืนกว่

เป็นที่รู้กันดีว่าชาวเมืองกรุงนั้นเป็นสายดื่มตัวยง ไม่ว่าจะเป็นเบียร์ที่ใส่น้ำแข็งดื่มแกล้มกับส้มตำแซ่บๆ หรือจะเป็นคราฟต์เบียร์เฟรชๆ ตามบาร์ต่างๆ วัฒนธรรมการดื่มถือว่าเป็นหัวใจสำคัญที่อยู่ในดีเอ็นเอของคนกรุงเทพฯ และตอนนี้ประเทศไทยไม่ได้เก่งแค่เรื่องการดื่มดริ๊งก์เพียงอย่างเดียวแล้ว เพราะไทยเรากำลังกลายเป็นผู้ผลิตตัวจริงและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ฝีมือคนไทยหลายแบรนด์ได้รับการยอมรับในระดับโลก อีกทั้งสื่อใหญ่อย่างไทยรัฐได้นำเทศกาลสุดปังนี้กลับมาอีกครั้งเป็นปีที่สอง เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองฝีมือของไทยแท้ๆ แบบ Made-in-Thailand กับงาน เมรัยไทยแลนด์ 2025 (Merai Thailand 2025) ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 26-30 พฤศจิกายนนี้ ที่ EM Wonder & Sphere Hall ชั้น 5, Emsphere โดยงานนี้เปิดให้เข้าฟรี และมีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และคราฟต์เบียร์จากทั่วประเทศกว่า 50 แบรนด์ บอกเลยว่าไฮไลต์ของงานนี้เด็ดๆ ทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็น ‘เสวนาร่ำเมรัย’ เวทีสนทนาที่ให้คนวงในของวงการสุราไทยทั้งภาครัฐและเอกชนมาร่วมถกอนาคตของอุตสาหกรรมเมรัยไทย หรือจะแวะไป ‘เมรัย Moodtail Bar’ บาร์ค็อกเทลสุดครีเอทีฟ ที่พร้อมเขย่าสูตรเครื่องดื่มจากสุราไทยตามอารมณ์ของคุณ แค่กระซิบบอกบาร์เทนเดอร์ว่าวันนี้อยู่ในมูดไหน แล้วรอรับแก้วที่ใช่...ในสไตล์ที่เป็นคุณ พอฟ้าเริ่มมืดก็เตรียมโยกได้เลย ในโซน ‘เสพดนตรีเมรัย’ ที่มีดนตรีสดทุกคืนตั้งแต่เวลา 6 โมงเย็นถึงเที่ยงคืน นำทีมโดย Paradise Bangkok Molam International Band, Yokee Playboy, Apartment Khunpa, H3F และอีกเพียบ สำหรับผู้ที่อยู่ในแวดวงอุตสาหกรรมบริการ ไม่ควรพลาดกับกิจกรรมสุดพิเศษ ‘Merai Thailand Business Matching Day’ ในวันที่ 26 พฤศจิกายน เวลา 14.00-17.00 น. งานเน็ตเวิร์กสุดคูลที่เปิดโอกาสให้ผู้ผลิตในชุ

หากใครเป็นสายสุขภาพที่ชอบไปเดินวิ่งในสวนลุมหรือชาวออฟฟิศที่แวะไปสูดอากาศหลังเลิกงาน คงสังเกตเห็นได้ถึงความเปลี่ยนแปลงหลายอย่างในสวนประจำเมืองของเรา ไม่ว่าจะเป็น หอนาฬิกาขนาดยักษ์ ทางเชื่อมใหม่ หรือแม้กระทั่ง Hawker Center และข่าวดีสำหรับคนรักน้องหมา สวนสาธารณะใจกลางกรุงเทพฯ เตรียมเปิดโซน Dog Park แห่งใหม่ในวันที่ 31 ธันวาคมนี้ ให้คนเมืองได้พาเพื่อนสี่ขาไปเดินเล่น สูดอากาศดีๆ จากธรรมชาติใจกลางเมือง โดยถือเป็นของขวัญปีใหม่ให้ชาวกรุง และยังเป็นหนึ่งในแผนปรับปรุงสวนเนื่องในโอกาสเฉลิมฉลองครบรอบ 100 ปีสวนลุมพินีอีกด้วย สวนสุนัขลุมพินี (Lumpini dog park) จะเป็นสวนสำหรับน้องหมาแห่งที่ 9 ของกรุงเทพฯ ซึ่งจะใช้พื้นที่บางส่วนของสวนลุมพินีมาปรับปรุงให้เป็นโซนสำหรับน้องหมาโดยเฉพาะ ประกอบด้วยพื้นที่แยกสำหรับสุนัขเล็กและใหญ่, สนามวิ่งเล่น, จุดทิ้งมูลและล้างเท้าน้องหมา รวมถึงสวนสไตล์ญี่ปุ่น และพาวิลเลียนพักผ่อน สำหรับเจ้าของไว้นั่งชิลระหว่างรอน้องๆ โครงการนี้เป็นความร่วมมือระหว่าง กรุงเทพมหานคร (กทม.) และ หอการค้าญี่ปุ่น-กรุงเทพฯ ที่ต้องการพัฒนาภูมิทัศน์ของสวนลุมพินีให้เป็นพื้นที่พักผ่อนของทั้งคนและสัตว์เลี้ยง ภายใต้แนวคิดสวนแห่งมิตรภาพไทย-ญี่ปุ่นที่ผสมผสานความสงบเรียบง่ายแบบญี่ปุ่นเข้ากับความมีชีวิตชีวาแบบไทย พร้อมคัดสรรพันธุ์ไม้หลากหลายชนิด เพื่อสร้างพื้นที่ที่สะท้อนเสน่ห์ของสองวัฒนธรรมได้อย่างลงตัว ตอนนี้การก่อสร้างคืบหน้าไปแล้วประมาณ 40% โดยได้รับแรงบันดาลใจจากสวนสุนัขระดับโลก ไม่ว่าจะเป็น Central Park Dog Run ในนิวยอร์ก, Yoyogi Park Dog Run ในโตเกียว, Hyde Park Dog Area ในลอนดอน และ Sydney Park Dog Park ในออสเตรเลีย ทุกวันนี้ในกรุงเทพฯ ก็มีสวนสุนัขอยู่บ้างแล้ว เช่น สวนสุนัข กทม. เขตบางเข

หากใครที่คุ้นตากับฉลองพระองค์อันงดงามของสมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง และลุคต่างๆ ที่โดดเด่นด้วยผ้าไหมฝีมือคนไทย คงรู้ดีว่าท่านทรงเปรียบเสมือนไอคอนด้านแฟชั่นผู้มาก่อนกาล ผู้ซึ่งมองเห็นคุณค่าในสิ่งเล็กๆ ของประเทศ และทรงนำมาต่อยอดจนกลายเป็นซอฟต์พาวเวอร์ที่ทำให้ผ้าไทยเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกจนถึงทุกวันนี้ ตอนนี้ถึงเวลาที่เราจะได้ชม ’ผ้าไทยของจริง’ อย่างใกล้ชิด เพราะพิพิธภัณฑ์ผ้าในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ณ หอรัษฎากรพิพัฒน์ ในพระบรมมหาราชวัง เปิดให้ เข้าชมฟรี ตั้งแต่วันที่ 27 ตุลาคมนี้เป็นต้นไป และร่วมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวงที่ทรงอนุรักษ์และพัฒนาผ้าไทยให้กลายเป็นมรดกของชาติที่เราภูมิใจ ก่อนหน้านี้ พิพิธภัณฑ์เก็บค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ในราคา 150 บาท ผู้สูงอายุ (65 ปีขึ้นไป) 80 บาท นักเรียน นักศึกษา 50 บาท เด็กอายุ 12-18 ปี 50 บาท และเด็กอายุต่ำกว่า 12 ตอนนี้ทุกคนสามารถเข้าไปสัมผัสความงดงามของผ้าไทยได้แล้วแบบฟรีๆ ภายในมีนิทรรศการหลัก 2 ส่วนที่ห้ามพลาด ได้แก่ นิทรรศการ ชุดไทย: จากราชสำนักสู่ราชนิยม จัดแสดงฉลองพระองค์ชุดไทยพระราชนิยมทั้ง 8 แบบ ตั้งแต่ เรือนต้น ไปจนถึง จักรพรรดิ แต่ละชุดเผยให้เห็นความประณีต ความงาม และรสนิยมอันเป็นเอกลักษณ์ของราชสำนักไทย และนิทรรศการ สิริราชพัสตราบรมราชินีนาถ ซึ่งจัดแสดงฉลองพระองค์จริงของสมเด็จพระพันปีหลวง ทั้งชุดไทยและชุดสากลที่ตัดเย็บจากผ้าไทยระหว่างปี 2503-2543 สะท้อนถึงความงามเหนือกาลเวลาและพระอัจฉริยภาพด้านแฟชั่น ถ้าอยากอินกับบรรยากาศให้สุด แนะนำว่าแต่งชุดไทยไปชมด้วยเลย! นอกจากจะได้รูปสวยๆ เก็บไว้เป็นความทรงจำแล้ว ยังได้สัมผัสกลิ่นอายวัฒนธรรมไทยแบบเต็มอิ่มอีกด้วย และ Time Out ได้รวบรวม ชุดไทยราชนิยม 8 แบบ ใ

เทศกาลฮาโลวีนได้คลืบคลานเข้ามาเต็มที และทั้งเมืองก็พร้อมหลอนไปกับกิจกรรมตามซอยใหญ่ๆ ทั่วทั้งกรุงเทพฯ แต่ก่อนจะคว้าเสื้อคลุมแวมไพร์หรือหมวกแม่มด ลองเปลี่ยนมุมมองกับไอเดียคอสตูมสำหรับปีนี้กันดูไหม จะเป็นอย่างไรถ้าคุณลอง ‘แต่งเป็นกรุงเทพฯ’ เองไปเลย ไม่ว่าจะแต่งเป็นคนที่เราคุ้นหน้าในเมืองนี้ ฮีโร่ในชีวิตประจำวัน หรือไอคอนที่คนไทยทั้งรักทั้งเอ็นดู กรุงเทพฯ เป็นเมืองที่มีคาแรกเตอร์ชัดเจน แม้แต่หัวมุมถนนยังมีเอกลักษณ์มากกว่าย่านดาวน์ทาวน์ของเมืองอื่นๆ เสียอีก เมืองนี้เต็มไปด้วยสีสัน ความเซอร์ไพรส์ และความเป็นไอคอนิกขั้นสุด เพราะฉะนั้นปีนี้ลองเอาพลังนั้นมาสวมใส่บนตัวคุณไปเลย เป็นคนนั้นในปาร์ตี้ที่ ‘คิดนอกกรอบ’ หรือในกรณีนี้คือ ‘ชุดที่ไม่ได้มาจากตลาดนัดจตุจักร’ ลองดูไอเดียเหล่านี้ไว้เป็นแรงบันดาลใจได้เลย ชุดตุ๊กตุ๊ก Photograph: TAT เริ่มด้วยไอคอนประจำชาติอย่าง ‘รถตุ๊กตุ๊ก’ เป็นชุดที่ DIY เองได้ง่ายมาก แค่ใช้กล่องกระดาษใบใหญ่ ระบายสีเป็นสีน้ำเงิน แดงตามแบบ แล้วผูกไว้รอบเอว ใส่เสื้อเชิ้ตแขนสั้น ถ้าสีซีดๆ ก็จะเนียนหน่อย สามารถสวมเสื้อกั๊กทับเพื่อเพิ่มฟีลแบบใส่แจ็กเก็ตมอเตอร์ไซค์ก็ได้ กางเกงทำงานสีคากีหรือกรมท่าจะช่วยให้ดูสมจริงมากขึ้น พกแผนที่กรุงเทพฯ พับๆ ไว้ในกระเป๋า ใส่รองเท้าผ้าใบหรือรองเท้าแตะ และอย่าลืมผ้าขนหนูพาดคอ ให้เหมือนเพิ่งขับรถร้อนๆ มาทั้งวัน ของที่ต้องมี: กล่องกระดาษ, สีฟ้าและแดง, เสื้อเชิ้ตแขนสั้น, เสื้อกั๊ก, กางเกงคากีหรือกรมท่า, แผนที่กรุงเทพฯ, ผ้าขนหนูผืนเล็ก ถ้าตอนนั้นประเทศไทยเคยคว้ารางวัลชุดประจำชาติยอดเยี่ยมใน Miss Universe 2015 ด้วยชุดประจำชาติอย่างตุ๊กตุ๊กมาแล้ว เรามั่นใจเลยว่าคุณก็มีสิทธิ์คว้ารางวัลคอสตูมยอดเยี่ยมในปาร์ตี้ปีนี้ชัวร์ แนนโนะ จาก เด็กใหม่ Photog

ปีนี้วันลอยกระทงตรงกับวันที่ 5 พฤศจิกายน และถือว่าเป็นจังหวะทองของปี เพราะคืนนั้นจะมี ซูเปอร์ฟูลมูน หรือพระจันทร์เต็มดวงที่ใหญ่และสว่างที่สุดในรอบปี 2568 พอดิบพอดี พระจันทร์จะอยู่ห่างจากโลกแค่ราวๆ 356,800 กิโลเมตรเท่านั้น  ใกล้จนเห็นดวงกลมโตเต็มตาโดยไม่ต้องพึ่งเลนส์ซูม นักดาราศาสตร์เรียกปรากฏการณ์นี้ว่า เพริจี (Perigee) ซึ่งเป็นช่วงที่ดวงจันทร์โคจรมาใกล้โลกที่สุดในรอบเดือน ขนาดของมันจะใหญ่กว่าปกติราว 14 เปอร์เซ็นต์ และสว่างขึ้นถึง 30 เปอร์เซ็นต์ คืนนี้เรียกได้ว่าแสงดีสุดๆ ถ่ายรูปยังไงก็ออกมาปังแน่นอน ส่วนฝั่งกทม. ก็เตรียมพร้อมกันสุดๆ เพราะปีนี้มีการเปิดสวนสาธารณะ 33 แห่งให้ประชาชนได้ลอยกระทงกันยาวถึงเที่ยงคืน จะไปสวนใหญ่ๆ อย่างสวนลุมพินีหรือสวนเบญจกิติก็ครึกครื้นเต็มไปด้วยผู้คน หรือถ้าใครอยากหลีกหนีความวุ่นวาย ก็มีสวนเล็กๆ หลายแห่งให้ได้นั่งดูพระจันทร์แบบสงบๆ เหมือนกัน ลอยกระทงไม่ได้มีแค่ความสวยงามของแสงไฟที่ลอยบนผิวน้ำ แต่ยังเป็นช่วงเวลาที่เราได้ ‘ปล่อยวาง’ เรื่องที่ค้างคาใจ ไม่ว่าจะเป็นความน้อยใจ ความเสียใจ หรือความคิดที่ยังวนอยู่ในหัวตอนตีสอง คืนนี้อาจเป็นจังหวะดีที่จะปล่อยมันไปพร้อมกับแสงเทียนบนกระทง และอย่าลืมอีกเรื่องที่สำคัญนั่นคือการช่วยกันใช้ ‘กระทงรักษ์โลก’ แม่น้ำเจ้าพระยาและแหล่งน้ำสายอื่นเหนื่อยมามากพอแล้วกับเศษโฟมที่ลอยอยู่ทุกปี ถึงเวลาที่เราควรใส่ใจสิ่งมีชีวิตใต้น้ำที่ต้องเผชิญกับของเสียเหล่านั้นแทน คืนวันที่ 5 พฤศจิกายนนี้ อาจเป็นหนึ่งในไม่กี่คืนที่กรุงเทพฯ ชะลอจังหวะลง ให้ทุกคนได้เงยหน้ามองท้องฟ้าไปพร้อมกัน ท่ามกลางซูเปอร์มูนที่ใหญ่และสว่างที่สุดของปี กับบรรยากาศอบอุ่นของเทศกาลที่ผสมความสนุกเข้ากับความตั้งใจดีต่อธรรมชาติได้อย่างลงตัว ลอยกระทงปีนี้ อย่าพลาดเลย

สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จสวรรคตอย่างสงบเมื่อวันที่ 24 ตุลาคม ขณะมีพระชนมพรรษา 93 พรรษา ณ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ตามประกาศของสำนักพระราชวัง พระองค์ทรงเป็นที่รักยิ่งของปวงชนชาวไทยและทรงทิ้งไว้ซึ่งพระราชกรณียกิจอันทรงคุณค่าอย่างหาที่สุดมิได้ พระบรมวงวงศานุวงศ์จะทรงไว้ทุกข์เป็นระยะเวลา 1 ปี ขณะที่รัฐบาลขอความร่วมมือให้ประชาชนชาวไทยแต่งกายด้วยชุดสีดำหรือชุดสีสุภาพเป็นเวลา 90 วัน เพื่อแสดงความอาลัยแด่พระองค์ สำหรับปวงชนชาวไทย ท่านทรงเป็นมากกว่าพระบรมราชินี พระองค์ทรงเปี่ยมด้วยความเมตตาและห่วงใยประชาชนอย่างแท้จริง ตลอดพระชนม์ชีพท่านทรงทุ่มเททั้งแรงกายและแรงใจเพื่อยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของราษฎรในชนบท สนับสนุนบทบาทสตรี และทรงอนุรักษ์ศิลปหัตถกรรมไทยให้คงอยู่สืบไป พระองค์ทรงเป็นดั่งแม่ของแผ่นดินในหัวใจของคนไทยทุกคน พระราชกรณียกิจด้านศิลปวัฒนธรรมของพระองค์ยังคงปรากฏให้เห็นจนถึงปัจจุบัน โดยเฉพาะในงานหัตถกรรมและผ้าไทยที่พระองค์ทรงส่งเสริมและฟื้นฟู โครงการต่างๆ ที่พระองค์ทรงริเริ่มเพื่อช่วยเหลือชุมชนชนบท และส่งเสริมบทบาทสตรีได้สร้างแบบอย่างให้กับการทำงานด้านสังคมสงเคราะห์ในประเทศไทยอย่างยั่งยืน ในช่วงเวลานี้ กรุงเทพมหานครยังคงมีการดำเนินชีวิตของประชาชนทั่วไปตามปกติโดยขณะนี้ยังไม่มีคำสั่งอย่างเป็นทางการจากรัฐบาลให้ปิดสถานประกอบการหรือสถานบันเทิง อย่างไรก็ตาม ผู้จัดงานต่างๆ ได้รับคำแนะนำให้ปรับรูปแบบกิจกรรมให้เหมาะสมและสำรวมขึ้น อย่างไรก็ตาม บางกิจกรรมทั่วประเทศถูกยกเลิกเพื่อแสดงความเคารพ อีกทั้งการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยได้เลื่อนการจัดแสดงแสงสีเสียง วิจิตรเจ้าพระยา 2568 ขณะที่ Skyline Film หยุดฉายภาพยนตร์ช่วงสุดสัปดาห์ และคอนเสิร์ต BamBam 'Hometown