วงการกล้องต้องสะเทือนอีกครั้ง เมื่อยักษ์ใหญ่แห่งวงการภาพอย่าง แคนนอน (Canon) ประกาศเดินเกมรุกเต็มสูบ เปิดตัว 4 ผลิตภัณฑ์ใหม่ในตระกูล EOS R system และ Cinema EOS system เพื่อยกระดับเวิร์กโฟลว์ของมืออาชีพและครีเอเตอร์ทุกคน ด้วยการผสมผสานคุณภาพระดับภาพยนตร์เข้ากับความยืดหยุ่นของกล้องไฮบริดได้อย่างลงตัวที่สุดตอบโจทย์ความต้องการของสายคอนเทนต์วิดีโอที่พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในทุกแพลตฟอร์ม
การเปิดตัวครั้งนี้นำโดยกล้องมิเรอร์เลสฟูลเฟรมเจนเนอเรชันที่สามที่ทุกคนรอคอยอย่าง Canon EOS R6 Mark III และกล้องซีนีม่าไฮบริดฟูลเฟรมขนาดกะทัดรัดที่สุดในซีรีส์อย่าง Cinema EOS C50 ซึ่งทั้งสองรุ่นนี้มาพร้อมกับฟีเจอร์การบันทึกวิดีโอแบบ Open Gate ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากกันและกัน ตอบโจทย์เทรนด์ตลาดที่ต้องการความยืดหยุ่นสูงในการสร้างคอนเทนต์แนวตั้งและแนวนอนในหลากหลายแพลตฟอร์มได้อย่างเต็มเฟรม ไม่ว่าจะเป็นมืออาชีพสาย Production House ขนาดเล็ก หรือครีเอเตอร์รุ่นใหม่ที่ต้องการอิสระในการสร้างสรรค์อย่างแท้จริง
Canon EOS R6 Mark III การอัปเกรดครั้งใหญ่เขย่าวงการสายภาพนิ่งและไฮบริด
สำหรับช่างภาพที่เน้นงานภาพนิ่งเป็นหัวใจหลักแต่ก็ต้องการความสามารถด้านวิดีโอระดับโปร EOS R6 Mark III คือกล้องเจนเนอเรชันที่ 3 ของซีรีส์ที่ถูกปรับปรุงให้เหนือชั้นยิ่งขึ้น เพราะนี่คือสุดยอดกล้องสายไฮบริดที่โดดเด่นในเรื่องการโฟกัสแม่นยำในสภาพแสงน้อย ด้วยการ ปลดล็อกความละเอียดและสปีดใหม่ ที่มาพร้อมเซ็นเซอร์ฟูลเฟรมความละเอียดสูง 32.5 ล้านพิกเซล และสมรรถนะการถ่ายภาพต่อเนื่องที่เร็วเหนือระดับด้วยโหมด Pre-continuous shooting ที่ความเร็วสูงสุด 40 FPS ไม่เพียงเท่านั้น ยังรองรับการบันทึก วิดีโอระดับ 7K Open Gate ที่ 7K/ 30p ในอัตราส่วน 3:2 นับเป็นกล้องตระกูล EOS R รุ่นแรกที่ทำได้ ซึ่งให้ความยืดหยุ่นในการปรับสเกลภาพสำหรับงาน Cinematic และวิดีโอแนวตั้ง พร้อมรองรับ Canon Log 2 และ Log 3 เพื่ออิสระในการเกรดสีขั้นสูง ปิดท้ายด้วยระบบ โฟกัสอัจฉริยะ ที่ทำงานร่วมกับระบบออโต้โฟกัส Dual Pixel CMOS AF II ที่มีเทคโนโลยีการติดตามรุ่นล่าสุด ทำให้คุณไม่พลาดทุกช็อตสำคัญอย่างแน่นอน
Canon EOS C50: กล้องซีนีม่าไฮบริดที่เกิดมาเพื่อครีเอเตอร์โดยเฉพาะ
ต้องบอกเลยว่านี่คือนิยามใหม่ของกล้องที่จิ๋วแต่แจ๋ว เพราะ Canon EOS C50 คือกล้องซีนีม่าที่มีขนาดกะทัดรัดที่สุดในซีรีส์ แต่พกพาสเปกระดับไฮเอนด์มาเต็มกระเป๋า ด้วยเซ็นเซอร์ฟูลเฟรมและหน่วยประมวลผล DIGIC DV 7 เพื่อไฟล์คุณภาพสูงสุดสำหรับมืออาชีพ จุดเด่นคือระบบ Open Gate Recording ครั้งแรกใน Cinema EOS ที่ใช้พื้นที่เซ็นเซอร์เต็ม 3:2 ทำให้คุณได้ไฟล์ยืดหยุ่นสูง พร้อมนำไปผลิตคอนเทนต์ได้ทั้งแนวตั้งและแนวนอนจากการถ่ายทำเพียงครั้งเดียว แถมยังมี พลังไฮบริดเต็มตัว สามารถสลับไปถ่ายวิดีโอ RAW สูงสุด 7K 60P หรือภาพนิ่งความละเอียด 32 ล้านพิกเซล ได้อย่างราบรื่น ด้วย ดีไซน์โมดูลาร์ น้ำหนักเบา ทำให้ EOS C50 เหมาะอย่างยิ่งสำหรับครีเอเตอร์ หรือ Production House ขนาดเล็กที่ต้องการทั้งคุณภาพระดับซีนีม่าและความคล่องตัวสูงในเครื่องเดียว
เลนส์รุ่นใหม่สำหรับสายภาพนิ่งและซีนีม่า เติมเต็มคลังแสงไร้ขีดจำกัด
นอกจากตัวกล้องแล้ว แคนนอนยังได้เติมเต็มชุดอุปกรณ์สร้างสรรค์อย่างสมบูรณ์แบบ ด้วยการเปิดตัวเลนส์ใหม่ 2 รุ่น ได้แก่ RF45mm f/1.2 STM เลนส์ไพร์มรูรับแสงกว้างที่สุดในซีรีส์ R ที่มาในราคาเข้าถึงง่าย เอาใจสายถ่ายภาพบุคคลที่หลงใหลโบเก้ละลายฉากหลังสวยงาม และ Cinema Lens CN5 x 11 IAS T เลนส์ Cine-Servo สำหรับงานบรอดคาสต์และภาพยนตร์คุณภาพสูง รองรับการบันทึกระดับ 8K HDR ที่ระยะ 11-55 มม. การเปิดตัวเลนส์ทั้งสองรุ่นนี้ตอกย้ำความมุ่งมั่นของแคนนอนในการขยาย Cinema Line อย่างเต็มรูปแบบ เพื่อเป็นผู้นำเทคโนโลยีภาพถ่ายและภาพยนตร์อย่างแท้จริง
พร้อมวางจำหน่ายในประเทศไทยปลายเดือนพฤศจิกายนนี้
กล้องและเลนส์ใหม่ทั้งหมดนี้จะเริ่มวางจำหน่ายในประเทศไทยประมาณปลายเดือนพฤศจิกายน 2568 นี้เป็นต้นไป และเพื่อเป็นการต้อนรับการมาถึงอย่างเป็นทางการ นอกจากนี้แคนนอนยังได้เตรียมมอบสิทธิประโยชน์และโปรโมชันพิเศษในช่วงเปิดตัว ตั้งแต่วันที่ 20 พฤศจิกายน 2568 ไปจนถึงวันที่ 15 มกราคม 2569 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ลงตัวที่สุดสำหรับผู้ที่กำลังมองหาโอกาสในการอัปเกรดอุปกรณ์ หรือก้าวเข้าสู่โลกของการถ่ายภาพแบบไฮบริดอย่างเต็มตัว
หากใครที่ต้องการเป็นเจ้าของและอยากจับจองกล้องและเลนส์รุ่นใหม่สุดล้ำนี้ สามารถตรวจสอบรายละเอียดราคาโปรโมชันได้แล้ว (ที่นี่)

