หลายคนคงคุ้นเคยกับลายเส้นหรือฝีแปรงสีสันน่ารักที่เคยเห็นบนกระเป๋าผ้า หน้าปกอัลบั้มเพลง นิตยสาร หนังสือ ฯลฯ ซึ่งเต็มไปด้วยพลังของอารมณ์และจินตนาการของศิลปินที่มีบุคลิกท่าทีสดใสสมกับผลงานอย่าง juli baker and summer กันอยู่แล้ว

juli baker and summer หรือ ป่าน–ชนารดี ฉัตรกุล ณ อยุธยา คือศิลปินร่วมสมัยที่ถ่ายทอดผลงานด้วยเรื่องราว อารมณ์ และจินตนาการเหมือนการบันทึกไดอารี่ ภาพวาดของเธอจึงเต็มไปด้วยเศษเสี้ยวในชีวิตประจำวัน ความคิดและเรื่องเล่าที่ทั้งแปลก กินใจ และโอบรับชีวิตผู้อื่นจนกลายมาเป็นเบื้องหลังภาพวาดบนผืนผ้าใบ
ล่าสุด juli baker and summer จัดนิทรรศการเดี่ยวป๊อปอัปชื่อว่า Flowers for Everyone นิทรรศการนี้เปรียบเสมือนการสำรวจความสัมพันธ์ระหว่างผู้คนกับสถานที่ผ่านภาพวาด ซึ่งเผยให้เห็นถึงความงดงามที่เรียบง่ายและไม่ซับซ้อน ไม่ว่าจะเป็นภาพท้องฟ้าเหนือแถบสแกนดิเนเวีย หรือดอกไม้เมืองร้อนในกรุงเทพฯ ที่ล้วนมีเรื่องราวในนั้น
ในนิทรรศการจะเล่าเรื่องราวผ่านการ ‘สังเกต’ และ ‘จินตนาการ’ สิ่งละอันพันละน้อยที่ละเอียดอ่อน อย่างเช่นผู้คนกับเมืองทั้งในกรุงเทพฯ และแถบสแกนดิเนเวีย ธรรมชาติที่โอบล้อมด้วยกันกับผู้คน การดิ้นรนของคนไกลบ้าน การแบ่งปันความว่างเปล่าและความงามของดอกไม้ ทั้งหมดเป็นการขับเคลื่อนฝีแปรงของศิลปินที่เต็มไปด้วยพลังแต่ก็เงียบงันไปในคราวเดียว

การเดินทางในบทแรกกับ The Journal of the Nordic Lands
ในบทแรกของนิทรรศการชื่อว่า The Journal of the Nordic Lands เกิดขึ้นระหว่างการเดินทางในแถบสแกนดิเนเวีย ซึ่งป่านวาดภาพท้องฟ้า สวน และป่าไม้ที่อาบสีสันดูสดใสงดงาม แต่เบื้องหลังของสภาพภูมิทัศน์ยังสะท้อนถึงแรงงานไทยที่เดินทางไปเก็บผลเบอร์รี่ทุกปี ซึ่งความจริงแล้วแรงงานไทยมักเป็นเรื่องราวที่ถูกซ่อนเร้น แต่กลายเป็นผลงานที่เธอถ่ายทอดเรื่องราวเหล่านี้ผ่านภาพวาดที่ทั้งอ่อนโยนและงดงาม ซึ่งเป็นตัวแทนของชีวิต ความอดทน และการดิ้นรนที่อยู่ห่างไกลบ้าน

สังเกตชีวิตและจังหวะของเมืองผ่านเรื่องเล่าในบทใหม่
จากแถบสแกนดิเนเวีย จนกลับสู่กรุงเทพฯ ป่านเปิดเรื่องเล่าบทใหม่ด้วยการบันทึกภาพผ่านการสังเกตชีวิตในอพาร์ตเมนต์เล็กๆ ใกล้สวนสาธารณะ เธอมองเห็นจังหวะของเมืองที่สอดประสานกัน ไม่ว่าจะเป็นคู่รักนั่งปิกนิก แม่บ้านกำลังเปลี่ยนกะทำงาน ชาวต่างชาติออกกำลังกาย แรงงานอพยพกับกลุ่มเด็ก หรือกลุ่มนักเรียนที่รวมตัวกันหลังเลิกเรียน ภาพชีวิตเหล่านี้ร้อยเรียงกันเป็นเครือข่ายที่เปราะบาง การอยู่ร่วมกันควบคู่กับความพลัดพราก ในกรุงเทพฯ จึงปรากฏในฐานะเมืองแห่งโอกาสและเมืองแห่งความว่างเปล่า และยังสะท้อนถึงประสบการณ์ที่ศิลปินเคยพบเห็นในต่างแดน

ทั้งสองบทกลายเป็นเรื่องเล่าของดอกไม้
จากการพบเจอทั้งชีวิตในกรุงเทพฯ และแถบสแกนดิเนเวียก็ได้ผลิบานเป็นผลงานในชุดใหม่ เช่น You can look at these flowers, they’re for everyone และ The flowers I saw in my dream last night เป็นการสังเกตและการจินตนาการอย่างละครึ่งผ่านภาษาดอกไม้ที่กลายเป็นสัญลักษณ์ของชีวิตเมือง ดูธรรมดาแต่ส่องประกาย หยั่งรากแต่ก็พลัดพราก ซึ่งเป็นแรงปรารถนาที่เธอแบ่งปันให้ทุกคนเข้าถึงได้ ขณะเดียวกันก็เป็นการหยิบเรื่องราวของคนตัวเล็กๆ ที่ก็มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเมืองมาพูดถึงในนิทรรศการนี้ได้หมดจด
นิทรรศการ Flowers for Everyone จัดแสดงตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 7 พฤศจิกายน (เข้าชมฟรี) เปิดบริการทุกวัน เวลา 10.00–22.00 น. ที่ Crystal Court ชั้น M โซน North สยามพารากอน