Guss Damn Good ปล่อยไอศกรีมรสชาติใหม่ ที่ช่วยให้เรานึกถึงสถานการณ์ตอนนี้เมื่อผ่านพ้นไป

หอมหวาน แต่ยังขมฝาด เป็นรสชาติที่ Guss ใช้บอกเล่าสถานกาณ์ตอนนี้

Kenika Ruaytanapanich
เขียนโดย
Kenika Ruaytanapanich
การโฆษณา

In Good Hands, Brief Well ,Tokyo Mist, Don't Give Up #18 ทั้งหมดนี้เป็นชื่อรสชาติไอศกรีมแค่บางส่วนของ Guss Damn Good แบรนด์คราฟท์ไอศกรีมที่ไม่ใหม่ แต่กลับมีอะไรใหม่ๆ ให้เราอยากลิ้มลองอยู่เรื่อย และด้วยความตั้งใจของ Guss ที่ต้องการเป็นผู้ทำให้ทุกคนรู้สึกดี (Damn good business provider) ผ่านรสชาติไอศกรีมที่คิดมาจากเรื่องราวของผู้คน ในสถานการณ์แบบนี้จึงอดไม่ได้ที่จะออกรสชาติใหม่ซึ่งทำให้เราจดจำเรื่องราวตอนนี้ไว้

Guss Damn Good เป็นแบรนด์ไอศกรีมทำมืออย่างที่เรารู้กันดี คือร้านยังคงทำไอศกรีมและวัตถุดิบหลายอย่างเอง รวมถึงความใส่ใจรายละเอียด เช่นการตักแล้วต้องเจอชิ้นบราวนี่ในทุกคำ แต่จุดเด่นที่ทำให้ Guss แตกต่างจากร้านอื่นๆ ก็คือ การสร้างรสชาติไอศกรีมด้วยวิธี Story to Flavor ที่เริ่มจากการเปลี่ยนเรื่องราวให้เป็นความรู้สึก และเปลี่ยนความรู้สึกให้ออกมาเป็นรสชาติ คุณระริน ธรรมวัฒนะ หนึ่งในผู้ก่อตั้งแบรนด์เล่าว่า สำหรับบ้านเราอาจมองไอศกรีมเป็นแค่ขนม แต่สำหรับเมืองหนาว ไอศกรีมเป็นสิ่งที่ทำให้นึกถึงช่วงเวลาที่ได้ออกไปเจอผู้คน ทำกิจกรรมนอกบ้านในฤดูร้อน จึงเกิดแรงบันดาลใจที่อยากทำให้ไอศกรีมเป็นมากกว่าขนม ด้วยการใส่เรื่องราวลงไป

Guss Damn Good

SUPANIT RIANSRIVILAI

This too shall pass เป็นไอศกรีมรสชาติใหม่ที่ Guss ทำออกมา ทั้งเพื่อเป็นการส่งข้อความให้กำลังใจทุกคน และเป็นรสชาติที่จะทำให้เรานึกถึงช่วงเวลานี้เมื่อทุกอย่างดีขึ้นจนผ่านพ้นไป คุณระรินบอกเราว่า ช่วงแรกที่จะทำก็คิดว่าคนอื่นๆ จะเข้าใจสิ่งที่ต้องการสื่อหรือเปล่า แต่ในเมื่อตัวตนของ Guss คือการเป็นนักเล่าเรื่องที่สนุกและตรงไปตรงมา แม้ตอนนี้อาจทำให้ทุกคนสนุกเหมือนเวลาปกติไม่ได้ แต่ยังสามารถทำให้ทุกคนรู้สึกดีแบบ Damn good ได้อยู่

ในสถานการณ์แบบนี้ จึงอยากทำไอศกรีมรสชาติที่คนกินแล้วรู้สึกดี อยากนำเสนอด้านที่สดใสออกมา เพราะในอนาคตเมื่อทุกอย่างดีขึ้น ทุกคนกลับมาทำงาน เริ่มต้นใช้ชีวิตกันใหม่ ก็อยากให้ไอศกรีมรสนี้เป็นสิ่งเตือนความจำว่าเรื่องนี้เคยเกิดขึ้น และเราก็ผ่านมันมาแล้ว

รสชาติไอศกรีม This too shall pass ต้องการให้คนกินรู้สึกสดชื่น หอมหวาน แต่ยังคงมีความรู้สึกของปัจจุบันผสมอยู่ จึงออกมาเป็นรส ฮันนี่ยูสุเลมอน ที่เนื้อไอศกรีมเป็นรสน้ำผึ้ง หอมกลิ่นเลมอนออยล์ ตรงกลางด้านในมีซอสยูสุรสเปรี้ยวอมหวาน ตัดด้วยรสฝาดจากเปลือกยูสุหน่อยๆ แต่ละองค์ประกอบเมื่อกินรวมกันแล้วจึงสะท้อนถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้ได้อย่างดี ส่วนฝาไอศกรีมเป็นสีท้องฟ้าช่วง vanilla sky ที่สีสวยงาม และทำให้รู้สึกตั้งตารอสิ่งที่จะเกิดขึ้นอนาคต

View this post on Instagram

A post shared by chalibobo (@chalibobo) on

View this post on Instagram

A post shared by *Obsessed Beauty* (@summer.beavers) on

ตั้งแต่ปล่อยไอศกรีมรสนี้ออกมา คุณระรินบอกว่าไอศกรีม This too shall pass ก็เป็นเหมือนเป็นข้อความดีๆ ที่คนกินใช้บอกทั้งตัวเองและบอกคนอื่นต่อ ซึ่งเราเชื่อว่าหากใครได้ลองและกลับมากินอีกครั้งเมื่อทุกอย่างผ่านพ้นไปแล้ว ก็อาจทำให้นึกถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ได้อย่างแน่นอน

"ตอนนี้คนอาจไม่รู้สึกเครียดเท่ากับช่วงแรกที่เกิดโควิด-19 อาจเพราะเริ่มชินกันแล้วก็ได้ แต่หากมองย้อนไปสัก 3 สัปดาห์ก่อนที่ทุกอย่างเพิ่งเกิด ทุกคนเครียดกันมาก เรารู้สึกว่าไม่อยากให้ทุกคนเครียดกัน 100% ลองแบ่งมามีความสุขบ้างนิดนึงก็น่าจะช่วยหล่อเลี้ยงชีวิตในแต่ละวันไปได้ เราเลยคิดไอศกรีมรสนี้ขึ้นมา เพื่อเป็นประโยคบอกว่า เดี๋ยวมันจะผ่านไป"

แทนที่เราจะกินไอศกรีมเพียงเพื่อดับร้อนหรือเป็นแค่มื้อขนมหวาน การได้นั่งชิมทีละคำและนึกถึงเรื่องราวที่อยู่เบื้องหลังไปด้วย ก็อาจทำให้เราสัมผัสได้ถึงรสชาติของไอศกรีมถ้วยนั้นได้ลึกซึ้งมากกว่าที่เคย

This too shall pass :)

แชร์เนื้อหา

บทความล่าสุด

    การโฆษณา