Get us in your inbox

Kenika Ruaytanapanich

Kenika Ruaytanapanich

Writer

Articles (164)

อัปเดตคอร์สเมนูใหม่จาก 25 ร้านอาหาร fine-dining ทั่วกรุงเทพฯ

อัปเดตคอร์สเมนูใหม่จาก 25 ร้านอาหาร fine-dining ทั่วกรุงเทพฯ

ถ้าใครกำลังตามหามื้อพิเศษที่จะมอบประสบการณ์ดีๆ หรือต้องการเปิดโลกด้วยการชิมรสชาติอาหารที่ถูกรังสรรค์อย่างมีชั้นเชิงและทักษะ เราว่าคุณคือนักชิมที่ไม่ควรพลาดร้านอาหารไฟน์ไดนิ่งเหล่านี้ ที่เราอยากชวนกลับไปลิ้มลองคอร์สเมนูต้อนรับซีซั่นใหม่ด้วยกัน และนับตั้งแต่หลายแห่งเริ่มกลับมาเปิดให้บริการตามปกติ (เสิร์ฟทั้งอาหารและเครื่องดื่มแพร์ริ่ง) ทำให้ตอนนี้บางร้านก็อาจคิวยาวจนไปถึงปีหน้าเลยก็มี ดังนั้น ก่อนที่ทุกคนจะต้องรอนานไปกว่านี้ นักชิมทั้งหลายรีบมาดูกันดีกว่าว่าคอร์สเมนูและราคาปัจจุบันของ “25 ร้านอาหารไฟน์ไดนิ่งทั่วกรุงเทพฯ” จะเป็นอย่างไรและมีร้านอาหารแห่งไหนน่าสนใจบ้าง

แนะนำร้านอาหาร Fine Dining สำหรับคนมองหาประสบการณ์ดีๆ ครั้งแรก

แนะนำร้านอาหาร Fine Dining สำหรับคนมองหาประสบการณ์ดีๆ ครั้งแรก

เพราะเราเชื่อว่าทุกคนเป็นนักชิมได้ และถ้าจะเป็นนักชิมกันทั้งที การรับประทานอาหารรูปแบบ ไฟน์ไดนิ่ง (fine dining) หรือที่บางคนเรียกว่าอาหารชั้นสูง ก็เป็นอีกหนึ่งรูปแบบของไลฟ์สไตล์นักชิมที่ตัวจริงต้องห้ามพลาด กินไม่อิ่ม ให้น้อย และแพง อาจจะเป็นภาพแรกของหลายคนเวลาพูดถึงอาหารไฟน์ไดนิง แต่โดยปกตินั้น ไฟน์ไดนิง จะเสิร์ฟกันเป็นหลายๆ จาน (เรียกว่า “คอร์ส”) ให้เราค่อยๆ เดินทางไปตามเส้นทางของรสชาติของเชฟแต่ละคน ซึ่งกินระยะยาวนานตั้งแต่ต้นจบจนนานนับชั่วโมง ซึ่งกว่าเราจะเดินทางไปจนถึงจานสุดท้ายเราก็จะอิ่มพอดีตามที่เชฟได้คำนวณไว้ เราเองในฐานะคนที่เคยเป็น beginner มาก่อนเช่นกัน จึงอยากแนะนำร้านอาหารไฟน์ไดนิ่งให้ใครที่อยากเปิดประสบการณ์ครั้งแรกได้ตามไปลองกันบ้าง โดยเราแนะนำให้ลองเลือกจาก คอร์สเมนูกลางวัน หรือ Tasting Menu ที่มีจำนวนจานไม่มากหรือปริมาณไม่เยอะเกินไป จึงเหมาะกับคนเพิ่งเคยกินอาหารหลายจานครั้งแรก อีกทั้งมื้อกลางวันส่วนใหญ่จะราคาไม่แพงด้วย ส่วนร้านอาหารไฟน์ไดนิ่งที่เราเลือกมาว่าเหมาะกับผู้เริ่มต้นจะมีที่ไหนบ้าง มาดูได้ด้านล่างนี้เลย

ชวนสะพายกล้องออกตามล่า 'สตรีตอาร์ต' จุดไฮไลต์ทั่วกรุงเทพฯ

ชวนสะพายกล้องออกตามล่า 'สตรีตอาร์ต' จุดไฮไลต์ทั่วกรุงเทพฯ

เพราะ "ศิลปะคือการนอกกรอบ" ประโยคนี้เริ่มต้นมาจากใครก็ไม่แน่ใจนัก แต่เราเชื่อว่าเป็นคำอธิบายงานกราฟิตี้แนว street art ได้ดีทีเดียว จากเมื่อก่อนที่หลายคนมองว่าเป็นศิลปะที่เลอะเทอะ ไม่เป็นที่เป็นทาง แต่เมื่อศิลปินมีฝีมือเริ่มออกมาวาดกลางแจ้งกันมากขึ้น ซึ่งผลงานเหล่านั้นบางทีก็สะกิดความคิดบางอย่างในสังคมได้ดี ศิลปะแนวนี้จึงกลายเป็นที่ยอมรับ จนหลายประเทศจัดพื้นที่ขึ้นให้นักกราฟิตี้มาเพ้นต์ลวดลายได้ตามใจ แท้จริงแล้วเบื้องหลังการเกิดสตรีตอาร์ตมีความลึกซึ้งน่าสนใจไม่เบา โดยจุดเริ่มต้นครั้งแรกเกิดในช่วงปี 1920-1930 ที่เมืองนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐฯ เมื่อมีแก๊งหนึ่งพ่นลายเซนต์ลงบนขบวนรถไฟ ก่อนจะมีกลุ่มอื่นทำตามกันมาเรื่อยๆ จนเรียกว่ากลายเป็นวัฒนธรรมหนึ่งก็คงไม่ผิด อีกทั้งช่วงปี 1970 ก็มีการล้มล้างวัฒนธรรมขึ้นด้วย วัยรุ่นในยุคนั้นจึงเริ่มใช้กราฟิตี้เป็นเครื่องมือในการแสดงออกทางสังคม อาจเพราะเหตุการณ์เหล่านั้นเอง ทำให้กราฟิตี้เริ่มมีบทบาทในสังคมโลกมากขึ้น และกลายเป็นศิลปะอีกสไตล์หนึ่งที่ให้มากกว่าความสวยงาม แน่นอนว่าสตรีตอาร์ตที่เราจะชวนทุกคนออกไปตามล่ากันวันนี้ ก็เป็นชิ้นงานที่น่าสนใจและมีเรื่องราวซ่อนอยู่ไม่แพ้กัน ส่วนจะมีที่ไหนบ้างมาเริ่มกันเลยดีกว่า...

Best places to eat in Siam Square

Best places to eat in Siam Square

For decades, Siam Square, which recently underwent a head-to-toe redevelopment, has always been where hip city slickers of all ages come together to browse for new fashions and gadgets, and more importantly, treat themselves to delicious food. This popular lifestyle destination is always one of the first spots to introduce international flavors, whether it’s a famous barbecue chain from Seoul or a long-standing noodle joint that originated in Hong Kong. Siam Square also has a wide array of trendy Thai restaurants that offer classic favorites but with a contemporary twist. Check out these eight favorite spots that represent the best of the best at Siam Square! SEE ALSO: 10 best long-standing restaurants in Siam Square

13 บาร์ค็อกเทลสำหรับนักดื่มสายอินโทรเวิร์ต ที่นานๆ ก็อยากเข้าสังคมแบบหลบมุมๆ

13 บาร์ค็อกเทลสำหรับนักดื่มสายอินโทรเวิร์ต ที่นานๆ ก็อยากเข้าสังคมแบบหลบมุมๆ

เราได้ยินเสียงในใจทุกคนที่บอกว่า “แค่คิดจะออกไปดื่มข้างนอก ก็ไม่ต้องคิดถึงโลกส่วนตัวแล้ว” แต่เชื่อเราเถอะไม่ว่าใครสักคนจะเป็น introvert หรือไม่ก็ตาม หรือแม้กระทั่งคนที่ชอบแสดงออกตลอดเวลา ทุกคนก็ต้องมีสักวันหนึ่งที่นึกอยากไปนั่งดื่มเงียบๆ กับคนสนิทหรือคนเดียวแบบส่วนตัวบ้าง และการออกไปนั่งอยู่ในบรรยากาศร้านค็อกเทลที่มีชีวิตชีวา ก็ทำให้หลายคนไม่รู้สึกหม่นหมองเก็บตัวจนเกินไป (อย่างน้อยนักเขียนคนนี้ก็คนหนึ่งแล้ว) ดังนั้น วันนี้เราเลยอยากมาเอาใจสาย introvert หรือคนอยากหาร้านนั่งดื่มที่แม้จะไปเองคนเดียวก็ไม่รู้สึกเขินมาแนะนำกัน รับรองว่าคุณจะเอ็นจอยกับเครื่องดื่มและบรรยากาศได้แบบไม่ต้องกลัวว่าใครจะลุกมาขอชนแก้วเลย

8 คาเฟ่โทนดำสำหรับใช้เวลากับตัวเองในบรรยากาศดาร์กๆ

8 คาเฟ่โทนดำสำหรับใช้เวลากับตัวเองในบรรยากาศดาร์กๆ

คาเฟ่น่ารักๆ เห็นมาเยอะแล้ว วันนี้เราเลยอยากชวนเปลี่ยนมู้ดไปนั่งจิบกาแฟหอมๆ ใช้เวลาเวลากับตัวเองในคาเฟ่โทนสีดำบรรยากาศดาร์กๆ กันดูบ้าง

6 ต้นไม้ฟอกอากาศ สำหรับปลูกในบ้านเพิ่มอากาศสดชื่น

6 ต้นไม้ฟอกอากาศ สำหรับปลูกในบ้านเพิ่มอากาศสดชื่น

หลายคนอาจคิดว่าต้นไม้ในบ้านเป็นเพียงการปลูกเพื่อความสวยงามเท่านั้น แต่หารู้ไม่ว่าเจ้าพืชสีเขียวๆ เหล่านี้นี่แหละที่สามารถช่วยลดมลพิษและสารต่างๆ ในบ้านของเราได้ แถมยังช่วยทำให้บรรยากาศสดชื่นขึ้นอีกด้วยนะ ดังนั้น ถ้าหากใครกำลังคิดอยากหาต้นไม้สักต้นเข้ามาปลูกไว้ในห้อง ลองเลือกพันธุ์ไม้เหล่านี้ที่ไม่มีเพียงความสวยงาม แต่ยังสามารถดูดซับฝุ่นละอองหรือสารระเหยที่ตาเรามองไม่เห็นให้ได้ด้วยมาวางไว้สักมุมหนึ่งในห้องดู

21 บาร์รูฟท็อปทั่วกรุงเทพฯ

21 บาร์รูฟท็อปทั่วกรุงเทพฯ

หลังจากที่กรมอุตุฯ เพิ่งประกาศว่าช่วงนี้อากาศในช่วงนี้กำลังจะเย็นลงก็ต้องรอลุ้นว่าคนกรุงเทพฯ อย่างเราจะได้สัมผัสความหนาวมากน้อยหรือหนาวนานแค่ไหน และเพื่อต้อนรับลมเย็นๆ ในช่วงนี้ เราเลยอัปเดตรูฟท็อปบาร์บรรยากาศดีทั่วกรุงเทพฯ มาแนะนำ เผื่อใครกำลังมองหาร้านนั่งกินลมชมวิวบนที่สูงในช่วงนี้

9 ร้านติ่มซำทั่วกรุงเทพฯ สำหรับคนคิดถึงรสชาติอาหารจีน

9 ร้านติ่มซำทั่วกรุงเทพฯ สำหรับคนคิดถึงรสชาติอาหารจีน

ใครที่กำลังคิดถึงบรรยากาศนั่งกินติ่มซำนึ่งร้อนๆ เป็นมื้อเช้า หรืออยากพาคนในครอบครัวไปนั่งกินอาหารจีนในช่วงเทศกาลสำคัญๆ วันนี้เรามี “9 ร้านติ่มซำแนะนำ” มาบอกต่อให้เลือกไปชิมกันดู ซึ่งแต่ละร้านก็มาในบรรยากาศและรสชาติที่ต่างกัน ดังนั้นถ้าหากใครชอบกินติ่มซำหรืออาหารจีนมากๆ ล่ะก็ จะตามไปชิมให้ครบทุกร้านที่เราเลือกมาแนะนำเลยก็ได้นะ แล้วร้านติ่มซำที่พวกเราอยากแนะนำจะมีที่ไหนบ้าง มาดูกันเลยดีกว่า

อัปเดต 13 อาฟเตอร์นูนที สำหรับคนอยากนั่งชิลจิบน้ำชายามบ่าย

อัปเดต 13 อาฟเตอร์นูนที สำหรับคนอยากนั่งชิลจิบน้ำชายามบ่าย

มาอัปเดตกันหน่อยกับชุดชายามบ่าย ‘Afternoon Tea’ จากหลายโรงแรมทั่วกรุงเทพฯ ว่าตอนนี้จะมีที่ไหนน่าตามไปลองบ้าง เราไม่จำเป็นต้องนัดไปนั่งแฮงเอาต์กันที่คาเฟ่ (แต่ต้องรีบลุก) หรือร้านกาแฟคนแน่นๆ กันอย่างเดียว เพราะอีกไอเดียที่ดีก็คือการชวนกันไปนั่งชิล กินขนมจิบชายามบ่ายกันที่ห้องอาหาร หรือล็อบบี้โรงแรมหรูๆ ที่มาพร้อมบรรยากาศสงบ เบาะนั่งสบาย และเครื่องดื่มพร้อมขนมสุดพิเศษที่รังสรรค์มาอย่างดี และอีกความน่าสนุกสำหรับเราก็คือ แต่ละที่จะมาพร้อมธีมสุดสร้างสรรค์ให้ไม่น่าเบื่อ หรือมีเมนูพิเศษมาให้ลองกันเรื่อยๆ ดังนั้น ถ้าใครมีก๊วนเพื่อนให้รีบจูงมือกันไปนั่งชิลด้วยกันในบรรยากาศใหม่ๆ หรือถ้าใครอยากไปคนเดียว ก็มีบางแห่งเสิร์ฟอาฟเตอร์นูนทีชุดเล็กให้ด้วยเช่นกัน

11 ร้านข้าวมันไก่เจ้าเด็ดในกรุงเทพฯ ที่ทุกคนไม่ควรพลาด

11 ร้านข้าวมันไก่เจ้าเด็ดในกรุงเทพฯ ที่ทุกคนไม่ควรพลาด

เมนูที่อาจฟังดูธรรมดา แต่ไม่ใช่ว่าร้านไหนก็สามารถทำให้ทุกคนติดใจจนอยากกิน ข้าวมันไก่ ที่ร้านนี้ซ้ำๆ ให้จงได้ แต่ว่าร้านข้าวมันไก่ทั้ง 11 ร้านที่เราคัดมาให้วันนี้ เป็นเจ้าเด็ดที่หลายคนบอกต่อว่าและต้องไปกินซ้ำกันมานักต่อนัก บางคนอาจติดใจข้าวมันหุงร้อนๆ เป็นเม็ดร่วน บางคนอาจติดใจที่เนื้อไก่อวบๆ แน่นๆ หรือบางคนอาจให้ความสำคัญกับน้ำจิ้มเป็นที่สุด แต่สุดท้าย... ร้านไหนจะเป็นอันดับหนึ่งในใจของคุณ เราว่าต้องลองหาคำตอบด้วยการลองชิมเมนูนี้ด้วยตัวเองให้ครบทุกร้านดังนี่ล่ะ!

11 พิกัดร้านขนมที่มีเมนู ‘คานาเล่’ ของหวานสไตล์ฝรั่งเศสที่ต้องลอง

11 พิกัดร้านขนมที่มีเมนู ‘คานาเล่’ ของหวานสไตล์ฝรั่งเศสที่ต้องลอง

คานาเล่ หรือถ้าจะให้ออกเสียงแบบชาวฝรั่งเศสผู้ให้กำเนิดก็คือ ‘กานาเล่ (Canelé)’ เป็นขนมอบที่มีบ้านเกิดอยู่ในเมืองบอร์โดทางตอนใต้ของฝรั่งเศส ความอร่อยของเมนูนี้อยู่ตรงเปลือกนอกที่กรอบเป็นสีน้ำตาลไหม้ แต่เมื่อกัดเข้าไปแล้วจะเจอเนื้อขนมที่นุ่มคล้ายคัสตาร์ด มีรสหวานและหอมวานิลลา ถ้าหากเป็นคานาเล่แบบดั้งเดิมแท้ๆ จะแอบมีกลิ่นและรสของเหล้ารัมบางๆ ด้วย โดยส่วนมากนิยมกินคู่กับชาหรือกาแฟ หลายคนอาจสงสัยอีกว่า ทำไมคานาเล่ถึงราคาสูง? โดยเฉลี่ยแล้วราคาตกอยู่ที่ชิ้นละ 70-100 บาท ก็เพราะคานาเล่เป็นขนมที่ใช้ต้นทุนสูง สูงทั้งวัตถุดิบ สูงทั้งเวลา เพราะขั้นตอนการทำที่ต้องใช้เวลาข้ามวันข้ามคืนแถมตอนอบก็ต้องรอนานร่วมชั่วโมง ไหนจะอุปกรณ์และวัตถุดิบที่ต้องเป็นของมีคุณภาพเท่านั้น ถึงจะได้กานาเล่ที่สวยงามและอร่อย และเมื่อขนมชนิดนี้เริ่มเป็นที่รู้จักและนิยมไปทั่วโลก ก็เริ่มมีการปรับสูตร เติมรสชาติ และตกแต่งหน้าตาให้สวยน่ากินขึ้นไปอีก อย่างที่เห็นกันว่าหลายๆ ร้านจะมีรสชาติใหม่ที่ดัดแปลงมาจากเดิม เช่น ช็อกโกแลต ชาเขียว กาแฟ หรือจะใส่ท็อปปิ้งด้วยก็ได้ แต่ถึงแม้คานาเล่ในปัจจุบันจะแตกต่างจากต้นแบบไปมากเท่าไหร่ ทว่าหากคนทำขนมยังเก็บเนื้อสัมผัสและเอกลักษณ์ของคานาเล่ดั้งเดิมเอาไว้ได้ เราถือว่าขนมชิ้นนั้นยังคงเป็นคานาเล่ที่ดี ดังนั้นคนไหนอยากลองชิมคานาเล่ ที่เปลือกนอกกรอบสีสวยเท่ากันทั่วทั้งชิ้น ส่วนเนื้อด้านในนุ่มหอมคล้ายคัสตาร์ด ลองมาดูกันว่าจะมีร้านไหนทำขนมเมนูนี้ขายให้เราได้ชิมบ้าง

Listings and reviews (485)

Youth Pride: Freedom & Justice

Youth Pride: Freedom & Justice

พื้นที่กิจกรรมสำหรับเยาวชนที่จัดขึ้นโดย Young Pride Club ร่วมกับอีกหลายกลุ่มผู้สนับสนุนความหลากหลาย โดยงานนี้จะเกิดขึ้นวันเดียว และเต็มไปด้วยกิจกรรมที่จะสนับสนุนให้ผู้มีความหลากหลายทุกคนได้รับอิสรภาพในการแสดงออก และได้รับความยุติธรรมเท่าเทียมกันทุกเพศ สิ่งที่จะเกิดขึ้นในงาน เช่น YOUTH NETWORK: หมู่บ้านเยาวชนผู้มีความหลากหลายทางเพศ, YOUTH LEAD: เยาวชน LGBTIQN+ กับการเปลี่ยนแปลงสังคม, YOUTH LOVE: กิจกรรมการสำหรับครอบครัวที่มีบุตรหลานหลากหลายเพศ หรือ YOUTH PLAY: การแสดงของเยาวชนที่มีความหลากหลายทางเพศ งานนี้จัดวันที่ 11 มิถุนายน 2565 เวลา 10:00 - 19:00 น. ที่ห้องอเนกประสงค์ ชั้น 1 และลานด้านหน้า หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร (BACC)

ท่าสยาม (สยามสแควร์ ซอย 10)

ท่าสยาม (สยามสแควร์ ซอย 10)

ตึกแถวห้องสีเหลืองอร่ามใจกลางสยามสแควร์ซอย 10 เป็นที่ตั้งของร้านก๋วยเตี๋ยวเรือรสเด็ดที่ชาวสยามหลายคนคุ้นเคยมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2541 ที่แม้จะไม่มี “เรือ” จริงๆ เหมือนสมัยก่อนแล้ว แต่ก๋วยเตี๋ยวเรือสไตล์ไทยๆ เสิร์ฟให้นั่งกินในห้องแอร์ใจกลางสยามร้อนก็ยังเป็นที่นิยมของชาวสยามฯ อยู่ และถึงแม้ปัจจุบันจะมีการขยายสาขาขึ้นห้างไปมากมาย รวมถึงผลิตสินค้ากึ่งสำเร็จรูปออกมาตามยุคสมัย แต่เราว่าการไปนั่งกินที่ร้านดั้งเดิมก็ต้องได้รสชาติมากกว่าอยู่ดี

Inter Restaurants

Inter Restaurants

ร้านอาหารไทยเก่าแก่ที่เชื่อว่าเด็กสยามฯ ทุกคนต้องคุ้นเคย เพราะอินเตอร์เปิดอยู่ในสยามสแควร์ ซอย 9 มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2524 เลย! ได้รับความนิยมมาตั้งแต่รุ่นพ่อเพราะเมนูหลากหลายที่รสชาติถูกปากทั้งคนไทยและคนต่างประเทศ ราคาเป็นมิตรกับประเป๋า และบรรยากาศก็เป็นกันเองสไตล์ร้านอาหารตามสั่งติดแอร์ (ที่สั่งได้เฉพาะอาหารที่มีในเมนูเท่านั้น) ส่วนใครที่ยังไม่เคยแวะไปเราขอให้ลองสั่งเมนูดังของร้านอย่าง ‘ข้าวผัดอาม่า’ และ ‘หมี่หยกอินเตอร์’

ขนมครกใบเตย (สยามสแควร์ ซอย 6)

ขนมครกใบเตย (สยามสแควร์ ซอย 6)

ขนมครกใบเตยเจ้าเด็ด ที่หลายคนเรียกกันติดปากว่า ‘ขนมเขียว’ นั้นเปิดมานานกว่า 50 ปีแล้ว เจ้าของร้านบอกว่าหลายคนซื้อกลับไปกินตั้งแต่ยังเรียนไม่จบ จนตอนนี้มีครอบครัวก็ยังกลับมาซื้ออยู่เหมือนเดิม โดยร้านก็เริ่มจากเป็นร้านรถเข็นธรรมดาๆ ขายขนมครกใบเตยมาตั้งแต่เริ่ม ก่อนจะขยับขยายคู่กับสยามมาจนถึงเวอร์ชั่นปัจจุบัน ก่อนจะขยายสาขาไปแทบทุกมุมกรุงเทพฯ แล้วตอนนี้

กล้วย กล้วย (ลิโด้คอนเน็คชั้น 2)

กล้วย กล้วย (ลิโด้คอนเน็คชั้น 2)

กล้วย กล้วย เปิดมานานกว่า 20 ปี และน่าจะเป็นร้านโปรดของนักศึกษาและชาวสยามฯ หลายรุ่นเลย โดยร้านจิ๋วนี้จะแอบอยู่บนชั้น 2 ของลิโด้ เป็นร้านน้ำปั่นที่ทุกเมนูใส่กล้วย แต่ถ้าใครจะไม่ใส่ก็แค่บอก และนอกจากเครื่องดื่มก็ยังมีของกินเล่นกล้วยๆ  อีก เช่น ‘กล้วยบอล (60 บาท)’ ที่แนะนำให้ลอง เป็นกล้วยชุบแป้งทอดชิ้นฟู กินร้อนๆ คู่กับซอสช็อกโกแลตแล้วเข้ากัน  อีกทั้งตอนนี้ร้านก็มีข้าวแกงราคาเป็นมิตรเพิ่มเข้ามาอีก เผื่อว่าใครอยากหาของกินอิ่มๆ แถวสยามแบบสบายกระเป๋า

ปิรันย่า (สยามสแควร์ ซอย 9)

ปิรันย่า (สยามสแควร์ ซอย 9)

แม้หลายร้านแถบรอบข้างจะปิดตัวไปเยอะ แต่ร้านก๋วยเตี๋ยวปิรันย่าตรงสยามสแควร์ซอย 9 ก็ยังคงโดดเด่นด้วยหน้าร้านสีเหลือง และเมนูเย็นตาโฟที่ใครๆ ก็บอกว่าเด็ดที่สุดในย่านนี้ แถมเป็นร้านที่หลายคนกินมาตั้งแต่สมัยเรียนจนตอนนี้ออกมาทำงานก็ยังแวะกลับไปชิมอยู่ เพราะร้านเปิดมานานกว่า 23 ปี (ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2542) เปิดอยู่ตรงข้ามศูนย์หนังสือจุฬาฯ เลย

KOKO (สยามสแควร์ ซอย 3)

KOKO (สยามสแควร์ ซอย 3)

ใจกลางสยามสแควร์แบบนี้ใครจะรู้ว่ามีร้านอาหารไทยมังสวิรัติเปิดอยู่ด้วย แถมเป็นร้านหนึ่งที่หลายคนแนะนำว่ารสชาติดีและราคาเป็นมิตรพอสมควรสำหรับย่านนี้ (เริ่มต้นที่จานละประมาณ 100 บาท) แต่เราว่าหากเป็นคนที่เดินสยามสแควร์มานานน่าจะรู้จักกันอยู่แล้ว เพราะร้านนี้เปิดมานานกว่า 20 ปีเลย และกระซิบว่าเมนูเจคืออร่อยมากนะ!

ต้นโอ๊ก

ต้นโอ๊ก

ร้านอาหารไทยสูตรดั้งเดิมจากอากงที่เปิดมานานกว่า 50 ปี อดีตเคยเป็นร้านลับๆ ที่อยู่บนชั้น 2 ของโรงหนังลิโด้ ก่อนจะย้ายมาเปิดอยู่ในสยามสแควร์ซอย 9 ที่มีทางเข้าลึกลับเช่นกัน เพราะต้องเดินขึ้นไปชั้น 2 ผ่านช่องบันไดเล็กๆ แถวร้านอาหารไทยอินเตอร์ ที่นี่มีเมนูเด็ดคือข้าวแมว คั่วหน้าไก่ และข้าวเหนียวผัดแจ่วคอหมูย่างที่ไม่ว่าใครไปกินกี่ครั้งก็ต้องสั่ง หรือถ้าไปกับเพื่อนหลายๆ คนแนะนำให้สั่งสุกี้หม้อรวมโบราณมากินก็สนุกดี แถมแต่ละเมนูก็ราคาดีต่อกระเป๋า เพราะเริ่มต้นจานละไม่ถึง 100 บาทเท่านั้น ใครไปเดินสยามแล้วอยากกินอาหารไทยสไตล์บ้านๆ เหมือนทำกินเองก็แวะไปลองกันได้

ส้มตำนัว (สยามสแควร์ ซอย 5)

ส้มตำนัว (สยามสแควร์ ซอย 5)

แม้ว่าส้มตำนัวจะมีหลายสาขาแบบแวะไปกินที่ไหนก็ได้ แต่เด็กสยามฯ ไม่มีทางลืมส้มตำนัว สยามสแควร์ซอย 5 สาขาแรกของแบรนด์ที่เปิดมานานกว่า 19 ปี ตั้งแต่ประมาณ พ.ศ. 2546 ซึ่งตลอดมาก็ดูเหมือนจะเป็นร้านอาหารอีสานที่ฮอตฮิตที่สุดร้านหนึ่งในสยามแสควร์ด้วย เพราะคนล้นหลามแถวยาวอยู่ตลอดเวลา และผู้คนที่แวะมาก็มีทั้งคนไทยและคนต่างชาติเลย

Bangkok’78

Bangkok’78

ห้องอาหารไทยแห่งใหม่ของโรงแรมสินทร มิดทาวน์ Bangkok’78 เราว่าเป็นอีกห้องอาหารที่ไม่ว่าคุณจะพาใครมาก็ต้องรู้สึกอบอุ่นคุ้นเคย อาจด้วยบรรยากาศที่ดูเหมือนอยู่ในห้องนั่งเล่นกลิ่นอายไทยโมเดิร์น และด้วยรสมือของเชฟที่ต้องการให้ทุกคนชิมแล้วนึกถึงกับข้าวที่บ้าน แต่ถ้าจะบอกว่า Bangkok’78 เป็นห้องอาหารใหม่เอี่ยมก็อาจไม่ถูกต้องเสียทีเดียว เพราะปรับปรุงมาจาก Tr.EAT by Saneh Jaan พร้อมๆ กับการรีแบรนด์ใหม่และพื้นที่ใหม่ของโรงแรม ซึ่งทุกคนน่าจะได้เห็นแล้วตั้งแต่บาร์แมวไทย Black Cat และคาเฟ่แบบออลเดย์ Sip&Co ที่โรงแรมเพิ่มเข้ามา Bangkok’78 นั้นหมายถึงราวปี 1978 ที่ทางร้านบอกว่าเป็นอีกยุคที่อาหารไทยรโดดเด่น โดยยังมีทีมเบื้องหลังจากเสน่ห์จันทน์มาช่วยดูแลอยู่เช่นเดิม ทำให้ในเล่มเมนูยังมีหลายๆ จานเด็ดจากครั้งก่อนเก็บไว้ให้สั่งมาลองได้ นำโดย “เชฟกอล์ฟ-ภัควลัญชญ์ เวชมนต์” ที่จะปรุงทุกจานด้วยรสชาติไทยๆ ที่คนกรุงยุคก่อนคุ้นเคย หรือบางคนอาจกำลังตามหา เมนูจะเป็นอาหารไทยที่เราว่าเป็นคอมฟอร์ตฟู้ด เพราะทุกจานกินง่าย ไม่ใช่เมนูแปลกหน้าจนเกินไป แต่ในขณะเดียวกันก็มีเมนูหากินยากที่คนรุ่นใหม่อาจไม่เคยชิมให้สั่งด้วย แบบนี้เลยน่าพาครอบครัวหรือผู้ใหญ่มานั่งกินมื้อพิเศษด้วยกันเพื่อสร้างบทสนทนาระหว่างคนต่างรุ่น จานที่อยากให้สั่งเมื่อแวะมาที่นี่ก็เริ่มตั้งแต่ ของเรียกน้ำย่อย เช่น ลูกชิ้นกุ้ง (320 บาท) เป็นลูกชิ้นกุ้งลูกโตเนื้อเด้ง เสิร์ฟพร้อมซอสเปรี้ยวหวานและซอสถั่ว ยำส้มโอกุ้งสด (350 บาท) เมนูเด็ดของเสน่จันทน์ที่เสิร์ฟให้ชิมที่นี่ เป็นยำรสหวานอมเปรี้ยวกินแล้วสดชื่นดี ดอกขจรผัดวุ้นเส้นและแหนม (250 บาท) ก็เป็นจานที่ควรสั่ง เพราะเชื่อว่ากินได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ของกินเล่นจานสุดท้าย เสือร้องไห้ (350 บาท) เนื้อแองกัสหมัก

The French Market is back!

The French Market is back!

หลังจากหายไปนานตั้งแต่ช่วงนี้ของปีที่แล้ว ตอนนี้ El Mercado พร้อมกลับมาจัดตลาดนัด “French Market” ให้มาเดินๆ กินๆ ด้วยกันทุกสุดสัปดาห์เหมือนเดิมแล้ว หลายคนน่าจะรู้จัก El Mercado กันแน่นอน เพราะเป็นร้านของชำที่มีวัตถุดิบคุณภาพดีให้เลือกมากมายสำหรับคนชอบอาหาร ตั้งแต่โคลด์คัต ชีส เบเกอรี่ ผักและผลไม้ เครื่องดื่ม พร้อมกับมีโซนนั่งรับประทานให้นั่งชิลๆ ในร้านด้วยเลย ทำให้หลายคนชอบนัดกันมานั่งแฮงเอาต์ที่นี่บ่อยๆ แถมร้านก็เปิดตลอดวันขายอาหารตั้งแต่มื้อเช้าจนถึงมื้อค่ำพร้อมเครื่องดื่ม และหากใครจำได้ เชื่อว่าจะต้องคิดถึงบรรยากาศ “ตลาดนัดสไตล์ฝรั่งเศส” ที่ปกติแล้วจะจัดขึ้นทุกวันหยุดสุดสัปดาห์ แต่เพราะมีโรคระบาดนี่แหละทำให้ร้านต้องหยุดไปนาน ทว่าตอนนี้ก็ถึงเวลากลับมาเปิดตลาดให้ทุกคนมาเดินเลือกวัตถุดิบไปทำอาหารกันอีกครั้งแล้ว โดยร้านจะเริ่มตั้งแต่วันเสาร์ที่ 18 มิ.ย.นี้ เป็นต้นไป ตลาดจะมีสินค้าฝรั่งเศสให้เลือกเยอะแยะ ทั้งผักผลไม้ ขนมอบ เบเกอรี่ รวมถึงอาหารให้สั่งมานั่งรับประทานด้วยกันได้เลย เช่น ไก่ย่าง ปาเอยา เครป  ตลาดนัดฝรั่งเศสที่ El Mercado จะจัดขึ้นทุกสาขา ทุกวันเสาร์และอาทิตย์ เริ่มตั้งแต่เวลา 10.00 - 17.00 น. สอบถามหรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ EL MERCADO BANGKOK

Inka (อิงคฺ)

Inka (อิงคฺ)

พูดถึงร้านอาหารที่ ‘ยกระดับอาหารไทย’ ให้น่าสนใจขึ้นก็มีอยู่ไม่น้อย แต่ส่วนใหญ่เราว่ามักเป็นร้านอาหาร ไฟน์ไดนิ่งมากกว่า และเพราะแบบนี้เองเราเลยมองว่า Inka (อิงคฺ) ร้านอาหารไทยแห่งใหม่จากเครือนาราไทย (เจ้าของร้านอาหารอั้งม้อ) เป็นร้านอาหารไทยแนวใหม่ที่น่าสนใจ และจะทำให้หลายคนกลับมาสนุกกับการกินอาหารไทยมากขึ้นไม่น้อยเลย Inka อ่านว่า อิง-คะ แปลว่า ‘แสงสว่าง’ ในภาษาสันสกฤต ที่ใช้คำนี้ก็เพราะอยากให้ชื่อร้านมีกลิ่นอายของของความไทยๆ อยู่ แม้การตกแต่งจะเป็นสไตล์บีชคลับที่ชวนนึกถึงตอนไปนั่งพักร้อนที่รีสอร์ทสักแห่งในประเทศกรีซ หรือเมืองริมทะเลในต่างประเทศ เป็นสองความต่างที่ตั้งใจให้เราเห็นความเป็นไปได้ใหม่ๆ ของอาหารไทย และสนุกกับอาหารไทยมากขึ้น Inka ได้เชฟรุ่นใหม่ เชฟเบนซ์ - อัครเดช เตชะเกสรี ที่หลายคนรู้จักจาก Seasoning 36 มาช่วยดูแลและออกแบบเมนู โดยเหตุผลที่เป็นเชฟเบนซ์ก็เพราะร้านอยากนำคอนเซ็ปต์ chef’s table ที่กำลังเป็นที่นิยมในกลุ่มคนรุ่นใหม่มานำเสนอใหม่ในร้านอาหารปกติทั่วไป ผ่านเมนูอาหารไทยที่ไม่ทิ้งความจัดจ้านมีรสชาติสไตล์คนกรุง แต่จะผสมผสานวัตถุดิบให้มีความนานาชาติมากขึ้น แม้ว่าจะเป็นเมนูอลาคาร์ท แต่ทุกคนที่มานั่งกินที่ Inka จะได้รับอาหารอุ่นเครื่องที่เหมือนเป็น amuse-bouche ด้วยทุกคน เป็นเมนูแตงกวาท็อปด้วยน้ำพริกหนุ่ม ไข่นกกระทา และเบคอนกรอบ เป็นการต้อนรับ ก่อนจะเริ่มสั่งอาหาร ที่ในเมนูแบ่งเป็นหมวดหมู่สไตล์ chef’s table  เริ่มจากของกินเล่นที่เราได้ลองเป็น Tuna Tostada (420 บาท) แป้งตอร์ติญ่ากรอบท็อปด้วยยำทูน่าแบบไทยๆ เป็นเมนูกินสนุกและรสจัดจ้าน รับรองว่าหลายคนต้องชอบ ตามด้วยจานยำ Yum Roast Beef Carpaccio (590 บาท) เป็นยำเนื้อเทนเดอร์ลอยน์ที่แล่เนื้อบางๆ มาให้กินคู่กับน้ำยำผสมสมุ

News (382)

Elements ปล่อยคอร์สเมนูใหม่ต้อนรับฤดูร้อน ตามไปชิมความสดชื่นสไตล์ฝรั่งเศสได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

Elements ปล่อยคอร์สเมนูใหม่ต้อนรับฤดูร้อน ตามไปชิมความสดชื่นสไตล์ฝรั่งเศสได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

พอถึงเวลาเปลี่ยนฤดูกาลใหม่ตามฝั่งยุโรปที่เป็นบ้านเกิดของห้องอาหาร ‘Elements’ ต้องบอกเลยว่าการกลับมาชิมฝีมือเชฟเจอร์ราร์ดในครั้งนี้มีอะไรแตกต่างจากครั้งก่อนมากพอสมควรเลย ทั้งเรื่องรสชาติและการหยิบวัตถุดิบมาใช้ในแต่ละคอร์สที่เชฟนำเสนอความเป็นฤดูร้อนจากประเทศฝรั่งเศส ผสมกลิ่นอายอาหารญี่ปุ่นให้เราชิมได้อย่างตรงไปตรงมา โดยคอร์สเมนูที่เราจะพูดถึงวันนี้เป็น ‘Mizu (จำนวน 8 คอร์ส)’ ซึ่งเป็นคอร์สเมนูใหญ่ที่สุด พร้อมกับเลือกดื่มเป็น ‘คอมบูฉะแพร์ริ่ง’ ที่เราไม่อยากให้ทุกคนพลาดอีกเช่นเคย เพราะเป็นคอมบูฉะหมักเองของทีม Elements ที่ออกแบบรสชาติมาให้เข้ากับอาหารที่นี่โดยเฉพาะ Kenika Ruaytanapanich / Time Out Bangkok Kenika Ruaytanapanich / Time Out Bangkok เมื่อเริ่มต้นเชฟจะเสิร์ฟอมูช บุช ทั้งหมด 3 คำให้ชิมก่อน ซึ่งไฮไลต์ของรอบนี้เราต้องยกให้ “แอนโชวี่เมอร์แรง” ที่มีทั้งรสชาติและความแปลกใหม่สุดๆ ส่วนอีก 2 คำเป็น “หนังไก่ท็อปกุ้งแม่น้ำ” และ “สาคูแตงโม” ที่กินแล้วสดชื่นสมกับเป็นซัมเมอร์ เมื่อเข้าสู่คอร์สอาหาร คอมบูฉะแก้วแรกที่เสิร์ฟจะเป็นกลิ่นอายทรอปิคัลชัดเจน เป็นรสชาติของเสาวรส น้ำผึ้ง และชาเขียวจากภาคเหนือ ให้จิบคู่กับอาหาร 2 คอร์สแรกคือ “Hamachi” หอยนางรม รูบาร์บดอง และสมุนไพรท้องถิ่น เราค่อนข้างชอบจานนี้เลยเพราะกินแล้วสดชื่น ก่อนตามด้วยอีกจาน “Smoked Eel” ปลาไหลรมควันจากเนเธอแลนด์ซึ่งเป็นชนิดหายากในไทย เนื้อสัมผัสจะนุ่มและมีไขมันเยอะ เสิร์ฟให้กินคู่กับขนมปังกรอบ คาเวียร์ และซอสวอเตอร์เครส Kenika Ruaytanapanich / Time Out Bangkok คอมบูฉะแก้วที่สองจะมีรสชาติสตรอว์เบอร์รี่ และกลิ่นของซากุระ โดยเบสทำมาจากชาเขียว ก่อนผสมสตรอว์เบอร์รี่และกลิ่นซากุระลงไป เสิร์ฟให้จิบคู่กับเมนู 2 คอร์สเช่นเด

Intercontinental Hua Hin จัดมื้อพิเศษโดยเชฟฝรั่งเศสดีกรี 3 ดาวมิชลิน เสิร์ฟวันเดียวเท่านั้น 22 ก.ค.นี้

Intercontinental Hua Hin จัดมื้อพิเศษโดยเชฟฝรั่งเศสดีกรี 3 ดาวมิชลิน เสิร์ฟวันเดียวเท่านั้น 22 ก.ค.นี้

ใครมีแพลนจะไปหัวหินรอบนี้ เรามีดินเนอร์พิเศษโดยเชฟดีกรี 3 ดาวมิชลินมาแนะนำให้ตามไปลิ้มลองกัน โดยมื้อนี้จะเกิดขึ้นเพียงคืนเดียวเท่านั้นที่รีสอร์ท Intercontinental Hua Hin ในวันร์ที่ 22 กรกฎาคมนี้ ผู้ที่จะมารังสรรค์อาหารสไตล์ฝรั่งเศสผสมเทคนิคญี่ปุ่นให้ทุกคนชิมก็คือ “เชฟบรูโน เมนาร์ด (Bruno Menard)” พ่อครัวชื่อดังชาวฝรั่งเศสผู้เดินทางทำอาหารในทวีปเอเชีย ยุโรป และอเมริกามานานกว่า 15 ปี แถมเป็นผู้นำดาว 3 ดวงมาประดับร้านอาหารฝรั่งเศส L'Osier ในประเทศญี่ปุ่นด้วย และถ้าหากใครสงสัยว่าเขาชื่อดังจนเป็นที่ยอมรับขนาดไหน ก็ขอให้ลองไปเที่ยวเมือง Saint Cyr Sur Loire ประเทศฝรั่งเศสดู เพราะที่นั่นมีถนน Rue Bruno Menard ที่ตั้งชื่อตามชื่อเชฟอยู่ด้วยไงล่ะ สำหรับการมาเป็นเชฟรับเชิญครั้งนี้ เชฟบรูโนจะรังสรรค์เมนูพิเศษให้ทุกคนลิ้มลองที่ห้องอาหาร Azure ในรีสอร์ท Intercontinental Hua Hin โดยมีจานไฮไลต์เช่น ปลาคอดและซอสหอย, แซลมอนกงฟีท็อปคาร์เวีย หรือของหวาน Floating Island ที่มาพร้อมไอศกรีมวานิลลา ดินเนอร์นี้ราคา 3,490++ บาทต่อคน สามารถเพิ่มไวน์แพร์ริ่งได้ 990++ บาท เสิร์ฟวันเดียวเท่านั้น 22 ก.ค.นี้ เวลา 18:00 น. สอบถามหรือจองที่นั่งได้ที่เบอร์ 032 616 999 หรืออีเมล ichhdining@ihg.com 

Tetsu จัดโอมากาเสะยากินิกุมื้อพิเศษโดยเชฟ เคนทาโร่ นากาฮาระ 14-18 กันยายน 5 วันเท่านั้น

Tetsu จัดโอมากาเสะยากินิกุมื้อพิเศษโดยเชฟ เคนทาโร่ นากาฮาระ 14-18 กันยายน 5 วันเท่านั้น

คนรักเนื้อและอาหารญี่ปุ่นไม่ต้องคิดเยอะเลย เพราะนี่คืออีกหนึ่งมื้อพิเศษที่ไม่ควรพลาด กับคอร์สโอมากาเสะยากินิกุโดย “เคนทาโร่ นากาฮาระ” เชฟมือรางวัลระดับตำนานจากประเทศญี่ปุ่น เจ้าของร้านอาหารยากินิกุ Sumibi Yakiniku Nakahara ที่โด่งดังไปทั่วโลก โดยเชฟจะบินมาเสิร์ฟโอมากาเสะให้พวกเราชิมกันในเดือนกันยายนที่จะถึงนี้ แต่ที่ต้องรีบเอามาบอกก็เพราะครั้งที่แล้วที่นั่งถูกจองเต็มหมดแบบเร็วมากๆ เเลยน่ะสิ แน่นอนว่ากระแสตอบรับที่ดีจากคร้ังก่อนทำให้เชฟเคนทาโร่ได้รับการเชิญตัวมาอีกครั้ง เพื่อจัดมื้อพิเศษที่ชื่อว่า “The Only Time of the Year with Legendary Chef ‘KENTARO NAKAHARA’ ” เป็นคอร์สโอมากาเสะยากินิกุที่เราจะได้ลิ้มลองเนื้อระดับพรีเมียม ผ่านการปรุงแต่งด้วยเทคนิคเฉพาะตัวของเชฟเคนทาโร่ ซึ่งจะทำให้เนื้อมีรสชาติและสัมผัสที่เหมือนใคร อาหารทั้งหมดมี 10 คอร์ส เมนูไฮไลต์ก็อย่างเช่น “เซอร์ลอยน์ (Sirloin)” เนื้อแล่เป็นแผ่นบางๆ แช่ในซอสหมักสูตรพิเศษของเชฟ โดยเมนูนี้ต้องกินทันทีแบบไม่ต้องจิ้มซอสเพื่อจะได้รับเนื้อสัมผัสที่เบา เนียน และนุ่มละลายในปาก หรือ “ยุกเกะ” เนื้อวากิวแบบดิบที่กินคลุกกับไข่แดงดิบ เสริมรสชาติด้วยซอสและเครื่องปรุงรสต่างๆ หรืออีกเมนู “แซนด์วิชเนื้อคัตซึ” เป็นแซนวิชที่นำเนื้อไปทอด แต่ยังคงมีความนุ่มชุ่มฉ่ำ ประกบด้วยขนมปังอบจนกรอบ มื้อนี้จะเกิดขึ้นในวันที่ 14-18 กันยายน 2565 โดยมีวันละ 2 รอบ เวลา 18.00-20.15 น. และ 20.15-22.30 น. จำกัดเพียงรอบละ 50 ที่นั่งเท่านั้น เสิร์ฟให้รับประทานที่ร้าน TETSU ชั้น 5 ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เอ็มบาสซี่ สำหรับราคา 7,500++ บาทต่อท่าน สอบถามหรือสำรองที่นั่งได้ที่ Line@ tetsuyakiniku หรือโทร064-587-2421  

‘หนังสือในสวน’ กิจกรรมชวนอ่านหนังสือกลางแจ้งในสวนลุมฯ วันที่ 29 ก.ค.นี้เท่านั้น

‘หนังสือในสวน’ กิจกรรมชวนอ่านหนังสือกลางแจ้งในสวนลุมฯ วันที่ 29 ก.ค.นี้เท่านั้น

วันศุกร์สิ้นเดือนนี้ ลองรื้อกองดองหยิบหนังสือเล่มโปรดแล้วไปเจอกันในกิจกรรม ‘หนังสือในสวน’ ที่จัดขึ้นในสวนลุมกันดีกว่า งานนี้จัดขึ้นเป็นครั้งแรกและเป็นกิจกรรมที่น่าสนใจมากเลย โดยเป็นการร่วมมือกันของเพจนักอ่าน Just Read และ กทม. ที่อยากเปิดพื้นที่สาธารณะให้เป็นพื้นที่กิจกรรมสำหรับคนหลายๆ กลุ่ม ซึ่งนอกจากงานดนตรีในสวนที่พวกเราได้ยินได้เห็นกันแล้ว ครั้งนี้ก็เป็นงานของ ‘นักอ่าน’ ที่อยากให้วงการหนังสือเติบโตและสนุกขึ้นมาบ้าง และนอกจากกิจกรรมอ่านหนังสือ ‘Book Club’ ที่มีแน่ๆ ในงานนี้ก็จะมีกิจกรรมอื่นๆ ให้เข้าร่วมกันอีก ได้แก่ ‘Mini Talk’ งานเสวนาสำหรับคนชอบฟัง และ ‘Exhibition’ นิทรรศการเกี่ยวกับหนังสือ ส่วนจะมีรายละเอียดพิเศษอะไรเพิ่มเติมอีกนั้น ต้องรอติดตามที่เพจของผู้จัดได้เลย กิจกรรมหนังสือในสวน จัดวันเดียว 29 กรกฎาคมนี้ เวลา 16:00 - 21:00 น. ที่สวนลุมพินี โดยไม่มีค่าใช้จ่ายในการเข้าร่วม และหากใครเป็นนักอ่านตัวจริงก็อย่าลืมไปจอยกันนะ เผื่อว่าผู้จัดได้เห็นฟีดแบ็กดีๆ จะได้กลับมาจัดงานน่ารักๆ แบบนี้อีก

YUJI Ramen ร้านราเมนชื่อดังจากนิวยอร์ก เปิดสาขาแรกในไทยแล้วที่เซ็นทรัลชิดลม

YUJI Ramen ร้านราเมนชื่อดังจากนิวยอร์ก เปิดสาขาแรกในไทยแล้วที่เซ็นทรัลชิดลม

คนรักราเมนต้องรีบไปชิมให้ได้ เพราะ YUJI Ramen ร้านราเมนชื่อดังจากนิวยอร์ก โดยเชฟญี่ปุ่นเจ้าของเดียวกับ Okonomi มาเปิดสาขาแรกในไทยแล้วที่เซ็นทรัลชิดลม เราเชื่อว่าหลายคนรู้จักคาเฟ่ Okonomi คาเฟ่สไตล์ญี่ปุ่นชื่อดังจากนิวยอร์กของเชฟชาวญี่ปุ่น “ยูจิ ฮารากุชิ” ที่มาเปิดตัวในกรุงเทพฯ ในซอยสุขุมวิท 38 ได้ดังไม่แพ้กัน และถ้าหากใครได้เคยไปชิมที่สาขาต้นตำรับ เขาจะมีร้านราเมน “YUJI Ramen” เปิดอยู่ในที่เดียวกันด้วย โดยจะแบ่งเป็นคาเฟ่ในตอนเช้า และราเมนในตอนค่ำ  ราเมนของ YUJI นั้น ก็ต้องบอกว่าโด่งดังไม่แพ้กับส่วนคาเฟ่เลย โดยเฉพาะเมนูดัง “ราเมนแห้ง (Mazemen)” ที่ใช้วัตถุดิบอาหารทะเล ตอนนี้ YUJI ก็ตาม Okonomi มาเปิดสาขาแรกในไทยแล้วที่เซ็นทรัลชิดลม พร้อมเมนูอย่างเช่น ราเมนทูน่าคัตซึ ราเมนแห้งปลาหมึก ราเมนแห้งมะเขือเทศมิโซะ และราเมนเบคอนไข่ที่เราลองแล้ว และบอกได้ว่ารสดีสมคำร่ำลือ ราคาอาหารจะเริ่มต้นที่ราว 200 กว่าบาท Yuji Ramen เปิดอยู่ในโซนอาหารใหม่ของเซ็นทรัลชิดลม ที่เรียกว่า Public Market บริเวณชั้น 2 ตรงทางเชื่อมไปเซ็นทรัล เอ็มบาสซี ซึ่งนอกจากเมนูราเมน ร้านก็ยังมีดงบุริให้สั่งมาลองอีกเช่นกัน ส่วนจะมีเบนโตะเหมือนสาขาต้นตำรับไหม อันนี้ต้องรอดู

โอกาสใหม่ที่จะได้ชิมฝีมือ ‘เชฟเมาโร โคลาเกรคโค’ กันอีกรอบ กับมื้อพิเศษที่จัดเพียง 2 วันเท่านั้น 8-9 ก.ค.นี้

โอกาสใหม่ที่จะได้ชิมฝีมือ ‘เชฟเมาโร โคลาเกรคโค’ กันอีกรอบ กับมื้อพิเศษที่จัดเพียง 2 วันเท่านั้น 8-9 ก.ค.นี้

‘เชฟเมาโร โคลาเกรคโค’ เจ้าของห้องอาหาร Côte ในโรงแรมคาเพลลาที่เพิ่งบินมาเสิร์ฟมื้อพิเศษไปเมื่อเมษายนได้โอกาสบินมาเยี่ยมทีมกรุงเทพฯ อีกครั้งตามสัญญา พร้อมกับไม่พลาดจัดดินเนอร์ร่วมกับ ‘เชฟดาวิเด การาวาเกลีย’ ศิษย์เอกที่เขาส่งมาประจำที่ห้องอาหารนี้ให้เราชิมอีกครั้ง ครั้งที่แล้วเชฟบินมาเสิร์ฟอาหารให้ชิมถึง 4 วัน แต่จากที่เราได้คุยกับเชฟ การมาเยี่ยมทีมครั้งนี้น่าจะโฟกัสไปที่การตามหาวัตถุดิบหรือเยี่ยมเยียนเกษตรกรที่ส่งวัตถุดิบให้กับห้องอาหารมากกว่า ดินเนอร์สุดพิเศษคราวนี้จึงเกิดขึ้นเพียง 2 วันเท่านั้น คือในวันที่ 8-9 กรกฎาคม 2565  อาหารที่เชฟเมาโรจะร่วมกับเฮดเชฟประจำห้องอาหารโค้ท เชฟดาวิเด เสิร์ฟให้เราชิมในครั้งนี้ จะเป็นอาหาร 9 คอร์สสไตล์ Carte Blanche ที่มีกลิ่นอายเมดิเตอร์เรเนียน และใช้แนวคิด "รีเวียรา ทู เดอะ รีเวอร์" (Riviera to the River)” เช่นเดิม โดยเชฟจะเน้นใช้วัตถุดิบที่มีความยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ชูคุณภาพของวัตถุดิบให้เด่นขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นเครื่องเทศ ผลไม้รสเปรี้ยว หรือผักท้องถิ่นจากทั่วประเทศไทย และจากแปลงผักปลอดสารพิษของโรงแรมด้วย  สำหรับที่นั่งจะมีจำนวนจำกัด และมื้ออาหารจัดเพียง 3 ครั้ง ได้แก่ วันศุกร์ที่ 8 ก.ค. เวลา 18.00 - 22.00 น., วันเสาร์ที่ 9 ก.ค. มื้อเที่ยง เวลา 12.00 - 14.00 น. และมื้อเย็น เวลา 18.00 - 22.00 น. โดยคอร์สอาหารนี้ราคา 12,000++ บาท/ท่าน สามารถสอบถามหรือสำรองที่นั่งได้ที่อีเมล cote.bangkok@capellahotels.com หรือโทร 020983818

พูดคุยกับเชฟแอนเดรียส คามินาดา ผู้ก่อตั้ง IGNIV พร้อมชิมคอร์สเมนูใหม่ประจำฤดูกาลนี้

พูดคุยกับเชฟแอนเดรียส คามินาดา ผู้ก่อตั้ง IGNIV พร้อมชิมคอร์สเมนูใหม่ประจำฤดูกาลนี้

สำหรับเราแล้ว Igniv (อิกนีฟ) ร้านอาหารยุโรปในโรงแรมเซนต์ รีจิสฯ เป็นหนึ่งในร้านอาหารที่เราอยากกลับไปมากที่สุดร้านหนึ่งเสมอ อาจด้วยบรรยากาศที่เป็นกันเองและประสบการณ์ที่ไม่ได้จบอยู่ที่คอร์สสุดท้าย เพราะทุกคนจะได้ของติดไม้ติดมือกลับไปฝากคนใกล้ตัวด้วย เราว่าหากใครได้มาลองก็คงรู้สึกคล้ายๆ กัน  หลังจาก Igniv สาขาแรกนอกสวิตเซอร์แลนด์บ้านเกิด ได้รางวัลดาวมิชลินสำเร็จไปหนึ่งดวง ในที่สุดเชฟเจ้าของร้านอาหาร “แอนเดรียส คามินาดา (Andreas Caminada)” ผู้ให้กำเนิด Igniv ที่ตอนนี้มีอยู่ 4 สาขาทั่วโลก ก็มีโอกาสบินมาเยี่ยมทีมกรุงเทพฯ บ้างสักที พร้อมกับได้ยลโฉมร้านอาหารตัวเองเป็นครั้งแรกหลังจากไม่ได้แวะมานานตั้งแต่ช่วงตกแต่งก่อสร้างเมื่อ 2 ปีก่อน Andreas Caminada | IGNIV “มันเป็นเรื่องดีที่ในที่สุดผมก็ได้มาเห็นร้านด้วยตาตัวเอง แต่ผมมาครั้งนี้ก็มีเวลาไม่นาน เพราะต้องกลับไปอยู่ที่ร้าน Schloss Schauenstein ให้ทันวันพุธ” เชฟแอนเดรียสพูดถึงร้านอาหารของเขาที่อยู่ในปราสาทหลังโตในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เป็นร้านอาหาร 3 ดาวและมีชื่อบนลิสต์ 50 ร้านอาหารยอดเยี่ยมระดับโลก ปกติเชฟแอนเดรียสจะประจำอยู่ที่ร้านหลักเสมอ เขาพูดให้เราฟังอย่างมาดมั่นว่า ที่เขาต้องกลับไปให้ทันก็เพราะ “ผมอยากให้แขกทุกคนที่มารับประทานอาหารได้พบกับเชฟที่ร้าน” และแน่นอนว่าไม่เฉพาะที่ร้าน Schloss Schauenstein แต่รวมถึง Igniv ในทุกๆ แห่ง “ผมอยากมั่นใจว่าเมื่อแขกแวะมาที่ร้านเรา ผมจะอยู่ตรงนั้น และถ้าหากคุณแวะมาที่ร้าน Igniv กรุงเทพฯ คุณก็จะเจอกับเชฟเดวิดและเชฟอาร์เน่เช่นกัน” เชฟแอนเดรียสบอก ก่อนจะเล่าถึงความตั้งใจในการเริ่มทำร้าน Igniv อีกว่า “ตอนเริ่มวางตอนเซ็ปต์ร้าน ผมตั้งใจจะทำในสิ่งที่ไม่ต้องขึ้นอยู่กับผมคนเดียว เพราะสิ่งที่ผมอยากให้ควา

ชิมคอร์สเมนูใหม่ที่ สระบัว พร้อมคุยกับ ‘เชฟเฮนริค’ เจ้าของร้าน Kiin Kiin ประเทศเดนมาร์ก

ชิมคอร์สเมนูใหม่ที่ สระบัว พร้อมคุยกับ ‘เชฟเฮนริค’ เจ้าของร้าน Kiin Kiin ประเทศเดนมาร์ก

ห้องอาหารสระบัว บาย กิน กิน เพิ่งต้อนรับฤดูร้อนด้วยการเปลี่ยนคอร์สเมนูใหม่ไปเมื่อต้นเดือนนี้ ทว่าครั้งนี้ที่เราไปพิเศษกว่าครั้งไหนๆ เพราะเราได้นั่งคุยกับ ‘เชฟเฮนริค อูล-แอนเดอร์เซน’ เฮดเชฟแห่งร้านอาหารไทย Kiin Kiin ในเมืองโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก ที่รีบบินมาเยี่ยมทีมครัวประเทศไทยทันทีที่มีโอกาส หลังจากไม่ได้แวะมาให้เห็นหน้าเสียนานและนี่ยังเป็นครั้งแรกด้วยที่เชฟได้มาเจอกับทีมหลังจากสระบัวได้รางวัลหนึ่งดาวมิชลิน   Kenika Ruaytanapanich / Time Out Bangkok หลังจากเชฟเดินทักทายและนำเสนอแต่ละเมนูให้ทุกคนด้วยรอยยิ้มใจดี เชฟเฮนดริคก็เดินมานั่งคุยกับเรา ก่อนจะตอบคำถามแรกที่เราอยากรู้ว่า สระบัว และร้านอาหาร Kiin Kiin ที่เชฟประจำอยู่ที่เมืองโคเปนเฮเกนแตกต่างกันอย่างไรบ้าง “เป็นคำถามที่ดีนะ อย่างแรกเลยประเทศไทยมีฤดูกาลไม่เหมือนที่เดนมาร์ก พวกเรามีฤดูหนาว ฤดูใบไม้ร่วง ฤดูใบไม้ผลิ และฤดูร้อน ซึ่งแต่ละฤดูก็จะมีวัตถุดิบตามฤดูกาล พวกเราเลยทำอาหารตามฤดูกาลเป็นหลัก ผมไม่อยากนำเข้าวัตถุดิบจากประเทศไทยในเมื่อเดนมาร์กก็มีวัตถุดิบท้องถิ่นของตัวเอง “เช่นเดียวกับประเทศไทย พวกเราก็อยากใช้วัตถุดิบท้องถิ่นให้มากเท่าที่เป็นไปได้ แต่ไม่ว่าอย่างไร คอนเซ็ปต์อาหารของทั้งสองแห่งจะเหมือนกัน คือเป็นอาหารไทยโมเดิร์นในสไตล์ของผม” เชฟเฮนดริคอธิบาย   Kenika Ruaytanapanich / Time Out Bangkok     “ผมยอมรับว่าความกดดันมีมากกว่า เพราะผมจะทำเป็นเล่นเรื่องรสชาติไม่ได้เลย”   ถ้าจะให้พูดกันตรงๆ เราว่าร้านอาหารไทยโดยเชฟต่างชาติมักน่าสนใจเสมอ และสระบัวก็แน่นอนว่าไม่มีข้อยกเว้น ซึ่งส่วนตัวแล้วเราคิดว่ามันต้องใช้ความกล้าหาญอย่างมากในการทำอาหารไทยให้คนไทยชิม (โอเค แม้ว่าหลายร้านจะต้อนรับชาวต่างชาติเป็นส่วนใหญ่ก็ตาม) แต่ในอ

Cultural District 2022 กลับมาอีกครั้ง เตรียมชวนกันเดินเข้าโรงแรมไปชมงานศิลปะ 9-15 ก.ค.นี้

Cultural District 2022 กลับมาอีกครั้ง เตรียมชวนกันเดินเข้าโรงแรมไปชมงานศิลปะ 9-15 ก.ค.นี้

เราว่าคนกรุงเทพฯ หันมาสนใจงานศิลปะกันขึ้นมากจริงๆ เห็นได้จากกระแสตอบรับที่ดีจากหลายๆ เทศกาล ซึ่งเห็นแบบนี้คนจัดก็ชื่นใจ เดือนหน้าเป็นคิวของเทศกาลศิลปะที่มิวเซียมสยามร่วมกับศิลปินและคนในพื้นที่เกาะรัตนโกสินทร์จัดขึ้นอย่าง ‘Cultural District Bangkok 2022’ ซึ่งคอนเซ็ปต์งานจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ทุกปี เพื่อให้พวกเราได้ชมเสน่ห์อันหลากหลายของย่านเมืองเก่า อย่างเช่นเมื่อปีที่แล้ว ผู้จัดพาเราลัดเลาะชม ‘ตึกเก่า’ รอบเกาะย่านโดยมีชิ้นงานไฮไลต์เป็น Art & Lighting Installation บนตึกมิวเซียมสยาม สำหรับปีนี้ งานกลับมาในธีม ‘Arts in the Hotel’ พาเราเดินชมนิทรรศการและงานศิลปะต่างๆ ที่จะจัดอยู่ในโรงแรมรอบเกาะรัตนโกสินทร์ ด้วยการเปลี่ยนห้องพักให้กลายเป็นสตูดิโอหรือเปลี่ยนพื้นที่โรงแรมให้เป็นแกลเลอรี่ และนอกจากนี้จะมีกิจกรรมอื่นๆ ให้มาสนุกด้วยกันเหมือนเคย เช่ม งานทอล์ก เดินสำรวจย่าน เวิร์กช็อป หรือคอนเสิร์ต โรงแรมที่เข้าร่วมงานมี 15 แห่ง ได้แก่ The Deck by Arun Residence, Bangkok Bed and Bike, Feung Nakorn Balcony, The Knight House Bangkok, Neighbor Phuthon, 1905 Heritage Corner, Mojo Old Town, Red Door Heritage Hotel, บ้านนพวงศ์, Here Hostel Bangkok, Old Capital Bike Inn, Villa Phra Sumen, Villa De Pranakorn, CHERN Hotel และ Cacha Bed Heritage Hotel เทศกาล Cultural District Bangkok 2022 จัดวันที่ 9 -15 กรกฎาคม 2565 โดยรายชื่อศิลปินที่จะเข้าร่วมในปีนี้จะเปิดเผยให้ทราบเร็วๆ นี้   

ปาร์ตี้อาหารอินเดีย-โปรตุเกสโดยเชฟจากมุมไบ และป็อปอัปบาร์โดย Asia’s Today จัดวันเดียว 2 ก.ค.นี้ ที่ร้าน HERE

ปาร์ตี้อาหารอินเดีย-โปรตุเกสโดยเชฟจากมุมไบ และป็อปอัปบาร์โดย Asia’s Today จัดวันเดียว 2 ก.ค.นี้ ที่ร้าน HERE

อีกหนึ่งมื้อสุดพิเศษที่กำลังจะเกิดขึ้นที่ร้าน HERE แคนทีนอาหารอินเดียในซอยสุขุมวิท 53 ของเชฟการิมาแห่งร้าน Gaa โดยครั้งนี้ร้านจะเปิดครัวต้อนรับแขกรับเชิญพิเศษที่บินมาจากอินเดียเพื่อทำอาหารให้เราชิมเพียงหนึ่งคืน นั่นคือ “Hussain Shahzad” เอ็กเซ็กคิวทีฟเชฟจาก O Pedro ร้านอาหารอินเดีย-โปรตุเกส ในเมืองมุมไบ อาหารที่เชฟจะเสิร์ฟให้เราชิม เป็นเมนูซิกเนเจอร์ที่เสิร์ฟในร้านของเชฟที่อินเดีย คือเป็นอาหารสไตล์เมืองกัว (Goa) ประเทศอินเดีย ผสมกลิ่นอายโปรตุเกส โดยเมนูที่เชฟจะเสิร์ฟก็อย่างเช่น เซวิเช่มะม่วง ซาชิมิน้ำมะขาม สลัดปูนิ่ม ทาโก้ ปลาทอด และไก่ทอดพิริพิริ รวมถึงมีเมนูมังสวิรัติอื่นๆ อีกเพียบและมีของหวานรวมอยู่ในคอร์สนี้ด้วย ความสนุกยังไม่หมด เพราะดินเนอร์ครั้งนี้จะมี 2 ดีเจมาเปิดเพลงสนุกๆ พร้อมกับทีม Asia’s Today บาร์ค็อกเทลอันดับที่ 43 ของเอเชีย มาเสิร์ฟค็อกเทลสุดพิเศษให้ทุกคนสั่งกันได้แบบไม่อั้นตลอด 2 ชั่วโมงเต็มๆ ด้วย The Goan Portuguese Feast จัดเพียงคืนเดียว 2 กรกฎาคมนี้ เริ่มเวลา 16:30 น. สำหรับอาหารราคา 2,400++ บาท และเครื่องดื่มค็อกเทลแบบไม่อั้น 1,200++ บาท (หรือสั่งเป็นอลาคาร์ทก็ได้เช่นกัน) สอบถามและสำรองที่นั่งได้ที่ LINE: @here_bkk หรือโทร 097-149-5647

ดินเนอร์พิเศษโดย 3 เชฟอาหารฝรั่งเศสฝีมือชั้นยอดในกรุงเทพฯ เสิร์ฟเพียงสองคืน 30 มิ.ย.-1 ก.ค. นี้เท่านั้น

ดินเนอร์พิเศษโดย 3 เชฟอาหารฝรั่งเศสฝีมือชั้นยอดในกรุงเทพฯ เสิร์ฟเพียงสองคืน 30 มิ.ย.-1 ก.ค. นี้เท่านั้น

เราว่าคนรักอาหารฝรั่งเศสต้องตื่นเต้นกับดินเนอร์ครั้งนี้อย่างแน่นอน เพราะเป็นการรวมตัวกันของ 3 เชฟอาหารฝรั่งเศสระดับตำนาน(ที่ยังมีลมหายใจ) ซึ่งเราเชื่อว่านักชิมหลายคนต้องรู้จักพวกเขาเป็นอย่างดี ได้แก่ “เชฟแอร์เว่ แฟร์ราร์ด” แห่งโรงแรมมณเฑียร สุรวงศ์ (ซ้าย), “เชฟราฟาเอล คินิโม” ประจำร้านอาหารฝรั่งเศส Brasserie 9 (ขวา) และสุดท้าย “เชฟอเลซซานโดร ฮับบ์” พ่อครัวชาวสวิสฯ ผู้ได้รับการรับรองให้เป็นกรรมการตัดสินเวทีแข่งทำอาหารระดับโลก ซึ่งตัวเชฟเองก็เคยเดินทางแข่งทำอาหารมาแล้วหลายที่ จนมีเหรียญทองมากถึง 50 เหรียญ สำหรับมื้อนี้ เชฟทั้งสามจะมาโชว์ฝีมือร่วมกันจนเกิดเป็นดินเนอร์ 8 คอร์ส ที่จะนำเสนอรสชาติดั้งเดิมและโชว์เทคนิคการทำอาหารชั้นสูงสไตล์ฝรั่งเศสให้พวกเราได้ชมและได้ชิม โดยดินเนอร์จะจัดเพียง 2 รอบเท่านั้น คือ วันที่ 30 มิถุนายน และ 1 กรกฎาคม 2565 ที่ร้านอาหาร Brasserie 9 ซอยสาทร 9 เริ่มตั้งแต่เวลา 18:00 - 21:30 น. สำหรับราคา 6,490++ บาทต่อท่าน (ไวน์แพร์ริ่ง 8,990++ บาทต่อท่าน) ดินเนอร์มีที่นั่งจำกัด และต้องจองล่วงหน้าผ่านเบอร์  02 234 2588 หรือสอบถามเพิ่มเติมได้ที่เฟซบุ๊ก: www.facebook.com/Brasserie9BKK 

Watch List: Lightyear ภาพยนตร์ที่จะทำให้ทุกคนรู้ว่าทำไมวู้ดดี้ถึงรัก ‘บัซ’ รีบตามไปดูกันเลยวันนี้ในโรงภาพยนตร์

Watch List: Lightyear ภาพยนตร์ที่จะทำให้ทุกคนรู้ว่าทำไมวู้ดดี้ถึงรัก ‘บัซ’ รีบตามไปดูกันเลยวันนี้ในโรงภาพยนตร์

แม้ว่าแอนิเมชั่นจะโดนแบนตั้งแต่ยังไม่เข้าฉาย เพราะมีฉากจูบระหว่างเพศเดียวกัน แต่เราว่านี่เป็นหนังที่หากใครเติบโตมากับทอย สตอรี่ ดูแล้วจะต้องหลงรัก “บัซ ไลท์เยียร์” มากขึ้นอย่างแน่นอน เราว่าหลายคนที่เห็น บัซ ในเวอร์ชั่นใหม่ตั้งแต่ตัวอย่างแรกๆ อาจรู้สึกแปลกตาไปบ้าง แต่พอเราได้รู้ว่า บัซ ในภาพยนตร์เรื่อง #Lightyear ที่ทุกคนกำลังจะได้ดู เป็นบัซในหนังเรื่องโปรดของวู้ดดี้ (จากเรื่องทอย สตอรี่) ไม่ใช่บัซ ไลท์เยียร์ที่ต้องแกล้งเป็นของเล่นไร้ชีวิต นั่นก็เลยทำให้เรารู้สึกว่าสมเหตุสมผลขึ้นมา เพราะภาพยนตร์เรื่องนี้ตั้งใจเล่าเรื่องของบัซในมุมที่หลายคนยังไม่เคยรู้นั่นเอง แอนิเมชั่นมาพร้อมตัวละครใหม่มากมายที่จะมาเป็นเพื่อนร่วมผจญภัยของบัซ ไลท์เยียร์ พร้อมมุกตลกสไตล์ดิสนีย์และพิกซ่าร์ที่ไม่ว่าผู้ใหญ่หรือเด็กดูก็ต้องหลุดขำกันบ้าง แล้วไหนจะเรื่องสีสัน ภาพ และองค์ประกอบอื่นๆ อีก ที่เราว่าทำได้ดี และทำให้หนังเรื่องนี้ดูสนุกตลอดระยะเวลา 1 ชั่วโมง 45 นาที Disney Thailand   Lightyear จะเล่าเรื่องในอดีตของบัซที่เป็นฮีโร่ผู้ทำภารกิจอยู่ในหน่วย Space Ranger เขาต้องหาวิธีพาทุกคนหนีออกจากดาวเคราะห์ร้างที่เต็มไปด้วยศัตรู โดยมีหุ่นยนต์แมวเหมียว ‘ซ็อกซ์’ คอยให้ความช่วยเหลือ และถึงแม้ตัวเรื่องจะฟังดูเรียบง่ายตามประสาหนังซูเปอร์ฮีโร่ แต่เราชอบการเล่าเรื่องที่เต็มไปด้วยข้อคิด รวมถึงประเด็นตัวละคร LGBTQ+ ที่มีส่วนร่วมในเรื่องนี้ด้วย เป็นคู่หญิงรักหญิงที่ผู้สร้างตั้งใจใส่เข้ามาอย่างไม่ยัดเยียด เป็นเรื่องน่าสนใจที่ค่ายหนังสำหรับเด็กเริ่มให้ความรู้เกี่ยวกับความหลากหลาย (และหนังเรื่องนี้ก็เข้าฉายในช่วง #pridemonth ด้วย) หนังเรื่องนี้กำกับโดย Angus MacLane ผู้สร้าง The Incredibles, Finding Dory, Up, Wall-E ผลิตโด