[title]
เทรนด์การกินแฮนด์โรลซูชิเป็นกระแสที่ถูกพูดถึงเรื่อยๆ ซึ่งถ้าขึ้นชื่อว่าเป็นอาหารญี่ปุ่น ยังไงก็ยังครองฐานลูกค้าในบ้านเราได้เหนียวแน่น อย่างเช่นซูชิ เพราะด้วยกินง่ายคำต่อคำ และอิ่มค่อนข้างเร็ว และถ้าได้เห็นกระบวนการทำในสไตล์โอมากาเสะยิ่งทำให้ต่อมรับรสทำงานได้มากกว่าการกินอาหารที่คุ้นเคยได้น่าประหลาด
ซึ่งร้าน KANARI ร้านที่เสิร์ฟซูชิแฮนด์โรลมากว่า 4 สาขามองเห็นความเป็นไปได้เหล่านี้ จึงเปิดสาขาใหม่ล่าสุดเป็นสาขาที่ 5 ที่สยามพารากอน เมื่อพบว่าร้าน KANORI ที่เปิดไปแล้ว 4 สาขา ทั้งโซนสุขุมวิทและสาทร ต่างค่อยๆ เพิ่มกลุ่มฐานลูกค้าที่แน่นขึ้น
โดยปณิธาน ปณิธิ และปวิตรา กอบกุลสุวรรณ สามพี่น้องผู้บริหารกล่าวถึงภาพรวมต่อการเปิดสาขาใหม่ว่า เหตุผลของเปิดสาขาใหม่ที่สยามพารากอนฝั่ง North ติดกับโรงแรมสยามแคมปินสกี้ เพราะพื้นที่ตรงนี้ไม่วุ่นวาย อยากให้ลูกค้ามีความเป็นส่วนตัวเวลามากินกับกลุ่มเพื่อน ครอบครัว หรือใครก็ตาม
ตั้งแต่การออกแบบร้านด้วยผนังกั้นไม้เป็นโซนๆ ด้วยบรรยากาศลักชูรี่แฝงความอบอุ่นผ่อนคลาย หรือการออกแบบโซนในร้านให้เหมาะกับลูกค้า ด้วยโซนเคาน์เตอร์บาร์ จะรองรับได้ 15 ที่นั่ง โซนกึ่งไพรเวตสำหรับคนที่ต้องการความเป็นส่วนตัวทั้ง 4 ห้อง รองรับได้ 6-8 ที่นั่งต่อห้อง (สองโซนนี้จะเสิร์ฟซูชิแบบโอมากาเสะ) และยังมีโซนหน้าร้านด้วยที่นั่งแบบลองเทเบิ้ลซึ่งเหมาะกับกลุ่มเพื่อนที่มาพบปะ
ส่วนเซตเมนูที่ตั้งใจเสิร์ฟเฉพาะที่แรกที่พารากอน เรียกว่า ‘The Fifth’ คือโรลซูชิ 5 แท่ง 5 เมนู ที่ทั้งสามคิดค้นและทำงานกันอย่างหนักเพื่อตอบโจทย์ฐานลูกค้าเดิมและลูกค้าใหม่ ส่วนใหญ่เป็นวัตถุดิบนำเข้าที่คัดมาเพื่อให้ถูกปากกับการกินซูชิแฮนด์โรลได้สนุกและแตกต่างจากที่เคยกินมา
ก่อนจะเสิร์ฟเมนูแรก เชฟอุ่นเครื่องด้วยการวางถาดไม้ด้วยเครื่องเคียงที่ไม่ควรพลาดอย่างขิงดองและวาซาบิ แล้วค่อยๆ บรรจงทำเมนูแรกอย่าง ‘Crispy Ikura’ เมนูเรียกน้ำย่อยที่ใช้ส่วนประกอบหลักจากทะเลเมดิเตอร์เรเนียน มีครีมชีสและไข่ปลาแซลมอนโปะบนข้าวที่ห่อด้วยสาหร่าย เมนูนี้กินแล้วรู้สึกถึงความสมูทของข้าว ครีมชีส และไข่ปลาที่เข้ากัน ทีเด็ดอยู่ที่ไข่ปลาแซลมอนสดกรึบ พอกัดปุ๊บละลายปั๊บในปาก แนะนำให้รีบกินทันที เพราะหากกินในขณะปั้นเสร็จใหม่ๆ สาหร่ายจะกรอบและอร่อย อย่าลืมจิ้มซอสโชยุจะยิ่งเพิ่มความอูอามิ
ต่อมาเป็น ‘Spicy Crab’ เมนูนี้อร่อยและสดชื่น เริ่มจากเชฟจะค่อยๆ วางเนื้อปู ตามด้วยหัวไชเท้าลงบนข้าวห่อสาหร่าย ราดด้วยซอสพอนสึรสเผ็ดนิดๆ และโรยพริกป่นกับงาคั่วเพื่อชูรสชาติของซูชิ ทันทีที่กัดคำแรก ความอร่อยต่างตบเท้าเรียงกันเข้ามาไม่หยุด ไม่น่าเชื่อว่าหัวไชเท้าจะอร่อยและเข้ากันได้ดีกับเนื้อปู กินแล้วเปิดโลกการกินซูชิไปเลย
ส่วนเมนูที่สามถือเป็นพระเอกของเซต The Fifth เลย ชื่อว่า ‘Otoro Bomb’ เมนูนี้จะเสิร์ฟในรูปแบบซูชิทรงกรวย หรือเรียกว่าเทมากิ ต่างจากทั้ง 4 เมนูที่จะเสิร์ฟแบบม้วน
เอาเข้าจริงเมนู Otoro Bomb จะมีขั้นตอนที่ละเอียดกว่า ซึ่งเชฟจะนำเนื้อปลาทูน่าไปชุบกับโชยุสูตรเฉพาะแล้วทิ้งไว้ 2-3 นาที จากนั้นนำเนื้อปลาทูน่าไปเบิร์นให้อยู่ในระดับมีเดียมที่ยังคงรสชาติของเนื้อปลาทูน่าไว้ เสร็จจากกระบวนการนี้บอกเลยว่ากลิ่นหอมลอยตลบอบอวล
ขั้นตอนต่อมาที่อาจจะดูยากกว่าเมนูอื่นๆ แต่เชฟพยายามตั้งใจทำด้วยการค่อยๆ วางข้าวบนสาหร่าย ตามด้วยเนื้อปลาทูน่าได้แม่นยำ โปะด้วยไข่แดงดองซีอิ๊ว โรยด้วยหอมซอย เมนูนี้ตัวชูโรงคือไข่แดงกับเนื้อปลาทูน่าที่เข้ากัน แนะนำให้กินคู่ขิงดองจะยิ่งเพิ่มความกลมกล่อมและตัดเลี่ยนได้ดี
ตามด้วยเมนู ‘Shima Aji’ สำหรับเราเป็นเมนูที่แปลกใหม่พอๆ กับ Spicy Crab ซึ่งเนื้อปลาชิมะอาจิเป็นเนื้อส่วนของครีบปลาตาเดียวที่ไม่มีกลิ่นคาว กินง่าย เข้ากับข้าวซูชิและพอนสึเจลลี่ได้ในระดับกำลังดี แต่อยากไฮไลต์ให้หน่อยว่า ทีเด็ดอยู่ที่กลิ่นหอมของใบโอบะที่กินแล้วลืมไปเลยว่ากำลังกินซูชิปลาแบบที่เคยกิน
สุดท้ายคือ ‘Tempura’ หนึ่งเดียวในเซตด้วยเมนูซูชิกับของทอดเสิร์ฟร้อนๆ เมนูต่อเมนู จะเลือกกินกุ้งลายเสือหรือปลาเอนกาวะทอดก็ได้ เสิร์ฟบนข้าวซูชิ ราดด้วยซอสสองอย่างสูตรเฉพาะของ Kanori เมนูนี้คำใหญ่สะใจ
ซึ่งความอร่อยของเมนูนี้คือตัวแป้งที่เนียนกรอบเท่าๆ กัน ที่น่าแปลกคือกินแล้วไม่เลี่ยน แต่เราขอเอนไปทางเทมปุระปลาเอนกาวะแล้วกัน เพราะตัวแป้งกรอบที่เคลือบบนเนื้อปลากินได้เพลินกว่า ถึงอย่างนั้นเทมปุระกุ้งลายเสือก็จัดเต็ม ทั้งตัวใหญ่และเนื้อแน่น เป็นเมนูปิดท้ายที่น่าสนใจ เปิดรสสัมผัสเมนูทอดกับข้าวซูชิที่อิ่มพอดี
นอกจากนี้ ยังมีซูชิแฮนด์โรลแบบสำเร็จรูปให้ลูกค้าได้ทำซูชิตามถนัดของตัวเอง ที่โต๊ะลองเทเบิ้ลบริเวณหน้าร้าน และยังมีเซตซูชิตั้งแต่ 4-7 โรล ให้เลือกสั่งกลับบ้านได้ด้วย ส่วนในเร็วๆ นี้เซตล่าสุดอย่าง The Fifth จะมีให้สั่งเดลิเวอรี่ได้เช่นเดียวกัน แต่ต้องอดใจรอกันอีกนิด
ใครมองหาร้านซูชิที่เสิร์ฟในสไตล์โอมากาเสะ ราวกับได้ไปเจอเพื่อนใหม่ในบรรยากาศไม่พลุกพล่าน มีเชฟคอยเทคแคร์และเป็นกันเอง KANORI ก็เป็นอีกตัวเลือกที่น่าลอง ร้านอยู่สยามพารากอน ชั้น G (ฝั่ง North ติดกับโรงแรมสยามเคมปินสกี้)
ติดตาม KANORI ได้ที่: kanorihandroll FB: Kanori IG: kanorihandroll