อาหารญี่ปุ่น โอมากาเสะ ห้องอาหารโรงแรม
Mandarin Oriental, Bangkok

เปิดห้องสวีทโอเรียนเต็ล ชิมอาหารญี่ปุ่นแบบไคเซกิฉบับเกียวโตโดย Kinu by Takagi

ห้องอาหารญี่ปุ่นแห่งโรงแรมโอเรียนเต็ล เปิดห้องสวีทสุดหรูเสิร์ฟเมนูอาหารธีมฤดูใบไม้ร่วงให้เราได้ชิมพร้อมวิวแม่น้ำเจ้าพระยา

Kenika Ruaytanapanich
เขียนโดย
Kenika Ruaytanapanich
การโฆษณา

แม้ว่าตอนนี้หลายร้านอาหารจะกลับมาเปิดให้นั่งรับประทานในร้านได้แล้ว แต่น่าเสียดายที่ Kinu by Takagi ห้องอาหารไคเซกิของโรงแรมโอเรียนเต็ล ยังไม่เปิดให้ทุกคนมานั่งสัมผัสบรรยากาศได้อย่างเต็มรูปแบบ เพราะด้วยความที่เป็นห้องอาหารญี่ปุ่นที่จัดแบบดั้งเดิม มีที่นั่งจำกัดเพียง 10 ที่ ทำให้การนั่งเว้นระยะห่างอาจทำได้ยากไปสักหน่อย

เชฟและทีมห้องอาหารเลยตัดสินใจเปิดห้องสวีทบนชั้น 16 ซึ่งเป็นชั้นสูงสุดของโรงแรมฝั่งริมแม่น้ำ ให้กลายเป็นห้องรับประทานอาหารแบบส่วนตัวพร้อมวิวแม่น้ำเจ้าพระยา เสิร์ฟเมนูไคเซกิฉบับเกียวโต หรืออาหารคอร์สญี่ปุ่นแบบไฟน์ไดนิ่งให้พวกเราได้ชิมในบรรยากาศใหม่ที่รับรองว่าหรูหราไม่แพ้กัน 

Mandarin Oriental Bangkok
Mandarin Oriental Bangkok

สำหรับห้องอาหารคินู (Kinu by Takagi) เป็นสาขาประเทศไทยของ Kyoto Cuisine Takagi ห้องอาหารญี่ปุ่นแบบเกียวโตของ เชฟทาคากิ คาซึโอะ เชฟดีกรี 2 ดาวมิชลินที่แม้ตัวจะอยู่ไกลถึงประเทศญี่ปุ่น แต่ก็ยังคงทำหน้าที่ดูแลเมนูอาหารร่วมกับเชฟประจำสาขาประเทศไทยแห่งนี้อยู่ตลอด ซึ่งเชฟผู้นั้นก็คือ เชฟโนริฮิสะ มาเอดะ เฮดเชฟคนปัจจุบัน 

อาหารญี่ปุ่นสไตล์ไคเซกิสำหรับฤดูใบไม้ร่วงนี้ มีให้เลือกระหว่างมื้อกลางวัน 4 คอร์ส และมื้อเย็น 8 คอร์ส โดยทั้งหมดจะสะท้อนถึงฤดูกาลปัจจุบันของเมืองเกียวโต เมืองหลวงเก่าที่เป็นสไตล์และแรงบันดาลใจให้เชฟทั้งสอง

ตอนนี้เมืองเกียวโตกำลังเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วง หรือฤดูใบไม้เปลี่ยนสี อาหารแต่ละคอร์สจากเชฟมาเอดะจึงเต็มไปด้วยสีสันและความอบอุ่น เริ่มจากคอร์สแรกที่ชาวญี่ปุ่นเรียกว่า ‘เซนไซ’ หรือจานเรียกน้ำย่อย ประกอบด้วย เต้าหู้ ดาชิ ไข่หอยเม่นฮอกไกโด และคาเวียร์ ซึ่งความน่าประทับใจอยู่ที่ “เต้าหู้” ซึ่งเป็นเต้าหู้สูตรพิเศษของเชฟทาคากิ ทำมาจากนมถั่วเหลือง และงา ผสมน้ำดาชิ เนื้อสัมผัสจะแน่นแต่ละมุนลิ้น เมื่อตักกินคู่กับดาชิเจลและผักอื่นๆ จะรู้สึกสดชื่น กลมกล่อม และเป็นจานเริ่มต้นที่สดชื่น

 อาหารญี่ปุ่น โอมากาเสะ ห้องอาหารโรงแรม
Kenika Ruaytanapanich / Time Out Bangkok
 อาหารญี่ปุ่น โอมากาเสะ ห้องอาหารโรงแรม
Kenika Ruaytanapanich / Time Out Bangkok

ต่อมาเป็น ‘ฮัซซุน’ ที่หมายถึงจานรวมวัตถุดิบตามฤดูกาลที่ถ้าเป็นคอร์สใหญ่จะเสิร์ฟต่อจากซุป ในคอร์สนี้มีเมนูที่เราตั้งตารอหลายอย่าง โดยเฉพาะ "เนื้อวากิว" ที่เคยชิมและติดใจฝีมือเชฟมาเอดะมาแล้วตั้งแต่ในกล่องเบนโตะ ซึ่งครั้งนี้ก็ไม่ผิดหวังเช่นกัน รวมถึงวัตถุดิบอื่นๆ ที่สัมผัสได้ถึงความสดและเสิร์ฟชิ้นปลามาขนาดกำลังดี ประกอบด้วย ซาชิมิ 2 ชนิด ปลาคินเมไดย่าง เค้กมันหวานในรูปฟักทอง และสุดท้าย หอยเชลล์บร็อคโคลี่พร้อมวุ้นดาชิที่เปรี้ยวสดชื่น ควรตักกินเป็นสิ่งสุดท้ายในคอร์สนี้

ในจานเชฟจะใส่ กิงโกะอ่อน หรือแป๊ะก๊วย และมันหวานทอดกรอบรูปใบไม้มาด้วย ซึ่งกินทุกอย่างแล้วสัมผัสได้ถึงความละเอียดอ่อนในขั้นตอน ส่วนลำดับการรับประทานเราถามแล้วได้คำตอบว่า จะเลือกกินชิ้นไหนก่อนก็ได้ แต่หากแนะนำควรเริ่มจากเนื้อวากิวหรือปลาย่าง เพื่อกินตอนอุณหภูมิยังอุ่นๆ

 อาหารญี่ปุ่น โอมากาเสะ ห้องอาหารโรงแรม
Kenika Ruaytanapanich / Time Out Bangkok

หลังจากนั้นเข้าสู่จานหลัก ‘โชคุจิและทากิอะวาเสะ’ เชฟรวมจานข้าวและจานผักตามการเสิร์ฟไคเซกิมาให้กินพร้อมกัน สำหรับข้าวจะเสิร์ฟเป็น “ชิราชิ” หรือซูชิโบวล์ ใช้ข้าวฮอกไกโดหุงกับน้ำส้มสายชูญี่ปุ่น โรยหน้าด้วยไข่ปลาและเนื้อปลาแซลมอนหมักมิรินและโชยุ จานนี้ถึงแม้จะตักกินเปล่าๆ ก็ยังมีรสชาติ ซึ่งเราเคยชิมจากกล่องเบนโตะแล้วเช่นกัน และยังคงรสชาติดีอย่างที่คาดหวัง

อีกเมนูเป็นของทอดที่จะเสิร์ฟมาพร้อมกันในอีกชาม เป็นรากบัวทอดสอดไส้กุ้งบด และมะเขือยาวเทมปุระ ราดด้วยซอสดาชิที่เชฟจะใส่ลำต้นเก็กฮวยหั่นชิ้นบางลงไปด้วย

 อาหารญี่ปุ่น โอมากาเสะ ห้องอาหารโรงแรม
Kenika Ruaytanapanich / Time Out Bangkok

คอร์สสุดท้าย ของหวานเป็นเมนูพานาคอตต้าองุ่น เลเยอร์ด้วยเจลลี่สาเก ไอติมมิโซะสาเก และท็อปด้วย “ไวท์มิโซะ” ที่ต้องเล่าเพิ่มเติมว่า มิโซะด้านบนเล็กๆ เชฟทาคากินำมาจากตระกูลเก่าแก่ในจังหวัดเกียวโตที่หมักมิโซะมานานร้อยปี ตามวัฒนธรรมญี่ปุ่นตระกูลเหล่านี้จะไม่ยอมซื้อขายกับใครง่ายๆ ทว่าเชฟทาคากิเป็นหนึ่งในเชฟที่ตระกูลนี้ยอมขายมิโซะให้ ซึ่งในประเทศไทยรับรองว่ามีให้ชิมจากที่นี่ ที่เดียว

ส่วนรสชาติคอร์สสุดท้ายจะหอมและได้รสมิโซะจางๆ กินแล้วหวานละมุนละไม เป็นการจบคอร์สสั้นๆ ที่เราว่าได้ประสบการณ์ครบถ้วน และเชื่อว่าหากเป็นมื้อเย็น 8 คอร์ส ซึ่งจะเพิ่มของนึ่ง ของดิบ รวมถึงเมนูซิกเนเจอร์ “หอยเป๋าฮื้อและไข่หอยเม่น” ที่เป็นเมนูประจำร้านคินู ทุกฤดูกาล เราว่าจะเป็นการเปิดประสบการณ์มื้ออาหารไคเซกิที่ครบถ้วนกว่านี้แน่นอน

Kinu by Takagi ในห้องสวีท (In-suite Dining Experience) สามารถรับประทานได้ครั้งละ 2 - 6 คนต่อห้อง โดยราคามื้อกลางวัน 3,200++ บาท และมื้อเย็น 6,800++ บาท เปิดให้บริการทุกวันพุธ - อาทิตย์ เริ่มตั้งแต่วันนี้จนถึง 31 ตุลาคมนี้เท่านั้น

สอบถามหรือจองมื้ออาหารได้ผ่านโรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ลฯ โทร 02 659 9000 หรือ 02 659 0110 หรืออีเมล mobkk-reservations@mohg.com

อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง

รีวิวเบนโตะสุดพรีเมียมจาก Kinu by Takagi

แชร์เนื้อหา

บทความล่าสุด

    การโฆษณา