ข่าว

MAKAI เสื้อฮาวายสุดคูล ชวนเป๋ง–ชานนท์ ดีไซเนอร์ดังออกแบบคอลเล็กชั่นพิเศษ MAKAI X DogKillMen Collector's

การคอลแล็บครั้งแรกของแบรนด์แฟชั่นเสื้อฮาวาย MAKAI กับดีไซเนอร์สุดคูล ผู้อยู่เบื้องหลังการออกแบบในวงการเพลง ภาพยนตร์ แม้กระทั่งหนังสือ ที่ว่ากันว่าเป็นคลังสมองของวงการนักออกแบบก็ว่าได้

Sriwalee Lakmuang
เขียนโดย
Sriwalee Lakmuang
Staff writer, Time Out Thailand
MAKAI
Photograph: MAKAI
การโฆษณา

Eco-friendly มีรสนิยม และดูแตกต่าง คือนิยามที่หนักแน่นของแบรนด์ MAKAI 

MAKAI
Photograph: MAKAI

MAKAI เป็นแบรนด์แฟชั่นเสื้อฮาวายที่ผลิตเพื่อลดต้นทุนการผลิตผ้าให้น้อยที่สุด เพราะพวกเขาเห็นว่า โลกอุตสาหกรรมแฟชั่นมีต้นทุนในการผลิตเสื้อผ้าที่สิ้นเปลืองอยู่มากๆ 

เหล่าเสื้อฮาวายสุดคูลนี้เกิดจากไอเดียของ มายด์–เบญจมาภรณ์ ศรีทองกุล และอั้น–โชต บุญชูสนอง ที่ใช้แนวคิด Eco-Friendly นำทาง ต่อด้วยการทำให้แบรนด์เสื้อดูแตกต่าง ให้คนใส่ดูมีรสนิยม แถมเป็นคอลเล็กชั่นน่าสะสมสำหรับคอลเล็กเตอร์ได้ด้วย 

MAKAI
Photograph: MAKAI

จนเมื่อไม่นาน ทั้งสองชวนเป๋ง–ชานนท์ อาร์ตไดเร็กเตอร์แห่ง Dogkillmen ที่ออกแบบอัลบั้มปกซีดีให้ศิลปินดังมากมายอย่าง Bodyslam ป้าง-นครินทร์ Cocktail Big Ass แม้แต่การกระโดดไปเป็นอาร์ตไดเรกเตอร์ของภาพยนตร์ Red Life เมื่อสองปีก่อน และล่าสุดกับการออกแบบปกหนังสือ Tuk Tuk Drivers โดย อุล–ภาคภูมิ ที่คอลแล็บกับนักวาด PYM ของสำนักพิมพ์ Avocado Books มาคอลแล็บในคอลเล็กชั่น MAKAI X DogKillMen Collector's 

ซึ่งทั้งมายด์และอั้นติดตามงานของเป๋งมาก่อนแล้ว ตัวตนของเขาน่าจะเข้ากับแบรนด์ของ MAKAI ได้ดี ซึ่งการคิดงานของเป๋งในคอลเล็กชั่นนี้เกิดขึ้นจากอาการป่วยด้วยโรคหัวใจ ความกังวล ความคิด ความผูกพันเกี่ยวกับครอบครัว ทั้งหมดทั้งมวลเอามายำรวมกันจนออกมาเป็นผลงานสีสันจัดจ้านด้วยโทนสีร้อน ที่เห็นแล้วนี่แหละ…ลายเซ็นของดีไซเนอร์ตัวพ่อชัดๆ 

MAKAI
Photograph: MAKAI

MAKAI เสื้อฮาวายที่ไม่ได้เป็นแค่เสื้อ แต่คือเรื่องราวและความตั้งใจ

มายด์เล่าที่มาของแบรนด์ว่า “ตอนที่เริ่มทำแบรนด์ MAKAI จะมีคำถามเวียนอยู่ในหัวตลอดว่า ทำยังไงให้เสื้อของเราแตกต่าง ถ้าเราจะแตกต่างก็ควรใส่ใจในทุกขั้นตอนและรายละเอียด แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องออกมาสวย โดยเฉพาะสีหรือเสื้อที่ดูแหวกแนว ซึ่งหลายคนอาจจะเคยเห็นเสื้อฮาวายลายสีพาสเทล ลายเป็ดสีฟ้า หรือลายม้าลาย ทั้งหมดนี้เราตั้งใจครีเอตลายมาเพื่อให้ดูแตกต่าง มีเสน่ห์ และมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว 

“ซึ่งความแปลกนี้ก็มาพร้อมความเสี่ยง เราเลยต้องทดลองด้วยการเอามาแมตช์กับชุดจริงจนกว่าจะมั่นใจจริงๆ ว่ารู้สึกสนุกและมั่นใจกับการแต่งตัว สิ่งเหล่านี้กลายเป็นแนวทางในการสร้างสรรค์งานของแบรนด์ MAKAI ที่เราตั้งใจออกแบบเสื้อผ้าทุกชิ้นอยู่แล้ว เพราะสำหรับเรา เสื้อฮาวายไม่ได้เป็นแค่เสื้อ แต่คือเรื่องราวและความตั้งใจที่ส่งผ่านไปให้ทุกคน”

MAKAI
Photograph: MAKAI

อั้นเล่าบ้างว่า “เสื้อฮาวาย MAKAI ที่ผลิตจะใช้ผ้าไลโอเซลล์ (ผ้าใยธรรมชาติจากเยื่อไม้) ซึ่งความพิเศษของผ้าไลโอเซลล์คือย่อยสลายได้ภายใน 1-5 เดือน ซึ่งเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และแก้เพนพอยต์ต่างๆ ที่เราได้รับมาจากลูกค้าได้ อย่างเรื่องการหดตัวของผ้า แม้แต่แพ็กเกจจิ้ง กระดุม หรือทุกอย่างที่ใช้จะพยายามให้เป็น Eco-Frienly มากที่สุด ใช้สารเคมีให้น้อยลง ซึ่งผ้าไลโอเซลล์นี้ก็ตอบโจทย์ในจุดนี้ เราก็เลยมาคิดว่าเราทำแบรนด์เสื้อผ้าที่ยั่งยืน หรือแบรนด์ Sustainable ได้โดยที่ไม่เป็นภาระกับสิ่งแวดล้อมมากไป” 

MAKAI
Photograph: MAKAI

คอลแล็บครั้งแรกในโปรเจกต์ MAKAI Collector’s Edition กับเป๋ง–ชานนท์ ดีไซเนอร์ดังสุดติสต์

ในเมื่อการทำแบรนด์เสื้อผ้าของมายด์และอั้นเป็นไปในทิศทางของการสร้างสรรค์ศิลปะแหวกแนวไม่เหมือนใคร และยังใช้ผ้าไลโอเซลล์ในการผลิตซึ่งไม่เหมือนกับแบรนด์อื่น ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเหมาะกับคนที่อยากแต่งตัวแบบยูนีคไม่เหมือนใคร พวกเขาจึงชวนดีไซเนอร์ผู้ที่อยู่เบื้องหลังการออกแบบปกให้ศิลปินดังมากมายอย่าง เป๋ง–ชานนท์ มาทำโปรเจกต์ MAKAI Collector’s Edition เพื่อนักสะสมงานศิลปะและบริจาคให้มูลนิธิเกี่ยวกับโรคหัวใจด้วย 

อั้นเล่าให้ฟังว่า “โปรเจกต์ MAKAI Collector’s Edition มีแนวคิดมาจากการเห็นคนอื่นๆ สะสมงานศิลปะตั้งแต่ยุค NFT ซึ่งเป็นยุคของอาร์ตทอย เราเลยสร้าง Collector’s Edition ซึ่งเป็นเสื้อฮาวายไว้เก็บสะสมได้เหมือนงานศิลปะ และให้คุณค่ามากกว่าเดิม 

“พองานศิลปะกลายมาเป็นเสื้อฮาวาย ก็ได้แสดงออกถึงรสนิยมและตัวตนของคนคนนั้น เพราะเหล่าคอลเล็กเตอร์ที่ชอบสวมใส่เสื้อฮาวายส่วนมากมักเป็นของสะสมจากต่างประเทศ ซึ่งที่ไทยมีแค่ไม่กี่แบรนด์ เราเลยอยากทำเสื้อฮาวายสำหรับคอลเล็กเตอร์ที่เป็นงานจากศิลปินในไทย โดยใช้ผ้าจากโรงทอของไทย ฝืมือจากช่างเย็บไทย และสร้างสรรค์ลวดลายจากศิลปินไทย 

“ช่วงสิ้นปีก่อน  (2567) MAKAI ได้ติดต่อเป๋ง–ชานนท์ มาคอลแล็บเพราะได้อ่านเรื่องเล่าที่พี่เป๋งได้รักษาโรคหัวใจ และสนใจงานพี่เป๋งมากๆ อยู่แล้ว เลยอยากถ่ายทอดเรื่องราวของพี่เป๋งที่อ่านแล้วได้ยินเสียงหัวใจและเห็นภาพมนุษย์ที่กำลังเจ็บป่วยหนัก แต่จิตใจพี่เขายังแข็งแกร่งอยู่ อย่างเช่นการพิมพ์สเตตัสเรื่องเล่าตลกๆ บนเฟซบุ๊ก เราเห็นว่าพี่เป๋งคงเป็นบุคคลที่มีแรงบันดาลใจให้คนอื่นได้ ซึ่ง MAKAI Collector’s Edition นี้ และเราก็ตั้งใจว่าอยากบริจาคเงินให้มูลนิธิเกี่ยวกับโรคหัวใจด้วย แต่อาจต้องรอความพร้อมอีกประมาณหนึ่ง 

“ส่วนเรื่องการดีไซน์ เราคิดว่าไม่จำเป็นต้องสร้างข้อจำกัดให้ศิลปิน เราอยากให้เป็นตัวตนของศิลปินเอง ทั้งการทดลองออกแบบลาย โทนสี ปรับอาร์ตเวิร์ก ดูว่าส่วนไหนที่พอจะให้เสื้อออกมาเป็นตัวตนของศิลปินมากที่สุด แม้แต่โลโก้ยังไม่ใส่ในตัวเสื้อด้วยซ้ำ จนออกมาเป็นผลงานคอลเล็กชั่นที่ชื่อ ‘Eyeless’ และ ‘If Not Now’ ” – อั้นเล่า  

MAKAI
Photograph: MAKAI

Eyeless และ If Not Now ผลงานที่เป๋งเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับตัวเองล้วนๆ  

ส่วนเป๋งเล่าว่า “ตอนที่ MAKAI ทักมาหา ก็เฮ้ย! อยากลอง แค่นั้นเลย แต่ดูงานที่ผ่านมาของ MAKAI จริงๆ งานเขาดูสนุกดี แต่ก็มีกังวลอยู่บ้าง เพราะการดีไซน์ Art Direction เป็นคนละทิศทางกับเราเลย เราเลยมาคิดอีกทีว่าจะไปทำแบรนด์เขาเสียหรือเปล่า เพราะเรามาแบบโหดมากเลย แต่เมื่อได้คุยกันแล้ว MAKAI บอกให้เราเป็นเราได้ เราก็ลุยเลย 

“ซึ่งการที่ต้องปรับงานไปอยู่บนเสื้อฮาวายดูแล้วฉีกกรอบไปจากเดิมเยอะอยู่ ซึ่งถือเป็นเรื่องใหม่สำหรับผม ปกติจะออกแบบปกซิงเกิลเพลง หรืองานสิ่งพิมพ์ โปสเตอร์ที่เป็นคีย์วิชวล ส่วนใหญ่คือการออกแบบที่มีเฟรมหรือกรอบชัดเจน แต่พอเป็นเสื้อฮาวาย มันก็มีมิติรอบด้าน ซึ่งมีวิธีคิดหรือการดีไซน์ที่ต่างไป 

“ไอเดียเริ่มมาจากอาการป่วยของตัวเองอย่างเดียวเลย ผมลองวาดมายด์แม็ปแล้วเขียนทุกอย่างที่ตัวเองชอบ รวบรวมรูปถ่ายมากองอยู่ในโฟลเดอร์ เหมือนกับการได้คอลลาจทางความคิด ทัศนคติ และมุมมองหลายๆ อย่างที่เจอตรงนั้น

MAKAI
Photograph: MAKAI

“อย่างเช่น ภาพที่เห็น สิ่งที่กิน เพลงที่ฟัง หนังที่ดู การบันทึกอารมณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงที่กลัว กังวล นอนไม่หลับ หรือช่วงที่คิดว่าตัวเองจะต้องไม่รอดแล้ว เราจดมาทุกอย่างเอามายำรวมกัน แล้วเผอิญว่าคอลเล็กชั่นเสื้อผ้าเป็นเรื่องราวของการผ่าตัดหัวใจพอดี ก็เลยรวมเค้ามูลของเรื่องราวต่างๆ ขึ้น เลยกลายเป็นงาน ‘Eyeless’ ที่มาจากแนวคิดที่เรามองเห็นในช่วงที่ป่วย 

ในช่วงป่วยแรกๆ เราคิดไปเองทั้งหมดเลยว่าคงเป็นมะเร็งหรือไม่ก็ตับแข็งแน่ๆ ปรากฎว่าพอไปตรวจร่างกาย สิ่งที่เราคิด สิ่งที่เราเห็น มันไม่ใช่เลย เพราะตรวจพบว่าเป็นโรคหัวใจ ก็เลยออกแบบลายเสื้อมาจากอาการป่วยที่เราเป็นอยู่ ให้กลายเป็นสัญลักษณ์ของดวงตา ตอนนั้นคิดแค่ว่าอยากให้ตาหลุดออกมาอยู่ข้างนอก ก็ไม่รู้ทำไม รู้แค่ว่าน่าจะมาถูกทางแล้ว 

MAKAI
Photograph: MAKAI

“ส่วนอีกลายชื่อว่า ‘If Not Now’ ลายนี้ทำขึ้นมาหลังผ่าตัดหัวใจเสร็จแล้ว ลายนี้มีแนวคิดมาจากครอบครัวหรือบ้าน เพราะรู้สึกว่าบ้านคือทุกสิ่งของเรา รู้สึกว่าบ้านคือพื้นที่ที่สำคัญที่สุด ซึ่งเรามีแกนไอเดียของเราก้อนนึงแล้ว แต่ไม่ได้อยากเล่าเรื่องหนึ่งสองสามสี่เป๊ะๆ ทีนี้พออยากจะทำอะไรก็ไหลมาเอง เลยออกแบบบ้านขึ้นมาให้ครอบทับดวงตาไว้ด้านใน คล้ายความคิดที่ซ่อนอยู่ แต่ไม่เคยได้เปิดเผยออกมา” – เป๋งเล่า 

ผู้เขียนคิดแค่ว่า การเจอกันของทั้งแบรนด์แฟชั่นเสื้อฮาวายและดีไซเนอร์สุดเจ๋งนี้ก็เหมือนกับการเจอมหากาพย์ของโลกดีไซเนอร์ที่ให้เล่าเท่าไรก็ไม่มีวันหมด

บทความล่าสุด
    การโฆษณา