Pippa ร้านอาหารสไตล์รูฟท็อปริมหาดพัทยาที่อาหารดี ค็อกเทลเด่น แถมเห็นวิวทะเล

Suriyan Panomai
เขียนโดย
Suriyan Panomai
การโฆษณา

ไม่ว่าจะออกทริปหรือไปแฮงเอาต์กับเพื่อนๆ กล้าพูดเลยว่าความสวยงามของสถานที่และวิวดีๆ เป็นสิ่งที่หลายคนให้ความสำคัญเป็นอันดับต้นๆ นับตั้งแต่ที่เที่ยวไปจนถึงที่พัก และที่ขาดไม่ได้ก็คือร้านอาหาร ร้านไหนตกแต่งสวยก็มักจะเรียกแขกได้ดีกว่าแน่นอน ยิ่งถ้ามีวิวดีๆ อย่างวิวทะเลที่มองเห็นได้จากยอดตึกเข้าไปอีกบอกเลยว่าสูงแค่ไหนก็ต้องขึ้นไปกินให้ได้ เหมือนที่เราได้ขึ้นไปชมและชิมมาแล้วที่ร้าน Pippa ร้านอาหารสไตล์รูฟท็อป บนชั้น 19 ของโรงแรม Mytt Beach พัทยาเหนือ

ไหนๆ ก็เกริ่นเรื่องวิวมาแล้ว งั้นก่อนจะไปอิ่มท้อง เราขอพาไปอิ่มตาอิ่มใจกับวิวและการตกแต่งของทางร้านก่อน

ด้วยความสูงของชั้น 19 เราจะได้ชมวิวชายหาดพัทยาแบบพาโนรามาที่ Sunset Bar โซนบาร์ของทางร้านที่จับจองพื้นที่ฝั่งติดทะเลเพื่อมอบวิวที่ดีที่สุดให้ลูกค้า ถ้าอยากรู้ว่าทำไมถึงเรียก Sunset Bar ให้ลองมาช่วงเย็นๆ ที่พระอาทิตย์กำลังจะตกดิน แล้ววิวสวยๆ จะตอบคำถามนั้นเอง

Pippa
Pippa

ส่วนการตกแต่งร้านที่มองไปทางไหนก็เต็มไปด้วยต้นไม้ใบหญ้าสีเขียวชอุ่มและของตกแต่งรูปสัตว์ ก็ให้ความรู้สึกเหมือนเรากำลังนั่งทานอาหารในป่าหรือในสวนหลังบ้านขนาดใหญ่ เรียกว่ามีกลิ่นอายความเป็นป่าอยู่ในทุกพื้นที่ของร้านเลยทีเดียว และถ้าที่นี่คือป่าก็คงเป็นป่าที่หรูหราและมีระดับที่สุด ซึ่งความหรูหราอาจไม่ใช่หน้าตาภายนอก หากแต่แฝงอยู่ในการบริการชั้นเลิศต่างหาก

pippa
Clarified Milk Punch (320 บาท)

บรรยากาศดีๆ ยิ่งดีขึ้นไปอีกเมื่อมีค็อกเทลมาช่วยเพิ่มอรรถรส จริงๆ ค็อกเทลที่นี่ดีทุกแก้ว การันตีด้วยมิกโซโลจิสต์ฝีมือดีอย่าง Sami Mersel ที่สั่งสมประสบการณ์จากการทำงานมาแล้วทั่วยุโรปและจีน เราแนะนำ Clarified Milk Punch (320 บาท) ค็อกเทลที่ใช้เหล้ารัมเป็นเบส ผสมกับน้ำมะนาว ไซรัปวานิลลา น้ำสับปะรด ช็อกโกแลตบิตเทอร์และแคลริไฟมิลก์ เสิร์ฟมาในถาดไม้ทรงกลมลึกที่อัดน้ำแข็งลงไปเพื่อเป็นฐานวางแก้วและให้ความเย็นกับเครื่องดื่ม

pippa
Pippa Colada (290 บาท)
pippa
Casse-Noisette (310 บาท)

อีกสองแก้วที่อยากแนะนำคือ Pippa Colada (290 บาท) ใช้เหล้ารัมเป็นเบสเหมือนกัน แล้วผสมกับมะพร้าวเพียวเร่ น้ำสับปะรดสด ไวท์ช็อกโกแลตลิเคียวและเสาวรสเพียวเร่ และ Casse-Noisette (310 บาท) แก้วนี้ใช้วอดก้าเป็นเบส ผสมกับไซรัปเฮเซลนัต คอฟฟี่ลิเคียว ดับเบิ้ลครีม แล้วโรยหน้าด้วยผงโกโก้ 

pippa
pippa

กำลังได้ที่เลยใช่ไหม? งั้นเราขอพามาอิ่มท้องกันต่อเลย ระหว่างทางเดินจาก Sunset Bar มาที่โซนห้องอาหารจะเป็นห้องครัวที่เราสามารถมองผ่านกระจกใสเข้าไปเห็นวัตถุดิบและขั้นตอนการปรุงอาหารได้อย่างที่ไม่ค่อยมีที่ไหนเปิดให้เห็นกันขนาดนี้

pippa
Spicy Tuna Crispy Rice (250 บาท)

เดินมองเพลินๆ ก็มาถึงโต๊ะอาหารพอดี เรานั่งกันข้างใน แต่มองออกไปก็เห็นว่ามีโซนเอาต์ดอร์ให้ด้วย น่าจะบรรยากาศดีไปอีกแบบ กำลังนั่งฟังดนตรีสดเพลินๆ จานแรกก็ถูกยกมาเสิร์ฟ มื้อนี้เริ่มที่เมนูของว่างอย่าง Spicy Tuna Crispy Rice (250 บาท) เนื้อปลาทูน่าครีบเหลืองดิบกับไข่กุ้งที่ปรุงรสด้วยซอสเผ็ดกำลังดี วางมาบนข้าวญี่ปุ่นทอด กรอบนอกนุ่มใน หน้าตาคล้ายซูชิ

pippa
Sriracha Pork Belly Bao Bun (230 บาท)
pippa
Original House made Tofu and Tomato Salsa (180 บาท)

ตามด้วย Sriracha Pork Belly Bao Bun (230 บาท) เมนูนี้ดัดแปลงมาจากบั๋นหมี่ อาหารเวียดนามสุดคลาสสิก หน้าตาคล้ายแซนวิซ มีดีที่ไส้หมูสามชั้นกงฟีที่ผ่านการตุ๋นนานถึง 12 ชั่วโมง ทานคู่กับหัวไชเท้าสไตล์เวียดนาม ซอสศรีราชาและผักชี เข้ากันดีมาก จานต่อมาเป็น Original House made Tofu and Tomato Salsa (180) เต้าหู้โฮมเมดสดใหม่ ทานคู่กับมะเขือเทศออร์แกนิก ผลไม้แห้ง ราดน้ำส้มสายชูหมักสมุนไพรและกระเทียมดำ รสชาติแปลกใหม่ที่มาแล้วควรลอง

pippa
Roasted Organic Pumpkin Salad (320 บาท)

นอกจากนี้ก็ยังมีเมนูเรียกน้ำย่อยอย่าง Roasted Organic Pumpkin Salad (320 บาท) สลัดฟักทองออร์แกนิกย่าง ที่มาพร้อมควินัว มาสคาโปนชีส ใบร็อกเก็ต ทับทิม และน้ำสลัดมัสตาร์ดสมุนไพร เห็นแค่หน้าตาก็รู้แล้ว่าดีต่อสุขภาพ เช่นกันกับ Organic mushroom cream soup (250 บาท) ซุปเห็ดออร์แกนิกหอมกลิ่นสมุนไพรที่เสิร์ฟมาพร้อมขนมปังกรอบ และ Organic Mushroom Risotto (420 บาท) ริซอตโต้ที่เสิร์ฟมาพร้อมกับเห็ดออร์แกนิก ชีสกราน่าพาดาโน่และสมุนไพร

Pippa
House made Tagliatelle Pesto (480 บาท)
Pippa
Pippa's Sunday Roast Chicken (480 บาท)

ก่อนจะอิ่มไปมากกว่านี้ ก็ถึงคิวจานหลักสักที ขอเริ่มที่ House made Tagliatelle Pesto (480 บาท) เส้นพาสต้าโฮมเมดกับกุ้งลายเสือที่ชุ่มฉ่ำไปด้วยเพสโต้ ชีสและสมุนไพร รสชาติดี กุ้งสด เส้นเหนียวหนึบ ต่อด้วยเมนูย่างถ่านอย่าง Pippa's Sunday Roast Chicken (480 บาท) ไก่ออร์แกนิกหมักกับเบียร์ญี่ปุ่น ย่างถ่านช้าๆ จนเนื้อนุ่ม หอม เสิร์ฟพร้อมทรัฟเฟิลบด Tomahawk (1800 บาท) เนื้อแองกัสออสเตรเลียที่เลี้ยงด้วยธัญญาพืช อายุ 270 วัน ชิ้นนี้ 1 กิโลกรัม อิ่มทั้งโต๊ะ เนื้อดีมาก ชุ่มฉ่ำ ใครต้องการความแซ่บแบบไทยๆ ก็มีน้ำจิ้มแจ่วให้เลือกด้วย และ Grilled Yellow Fin Tuna (480 บาท) ปลาทูน่าครีบเหลืองเสิร์ฟพร้อมมะเขือเทศซัลซ่าและสมุนไพร แต่ขอบอกว่านี่เป็นเมนูแค่บางส่วนเท่านั้น จริงๆ ยังมีอีกเยอะ 

Pippa
The Coconut (260 บาท)

จริงอย่างที่เขาว่า อิ่มแค่ไหนก็ยังมีที่ว่างสำหรับของหวานเสมอ เพราะทันที่ที่ White Chocolate Mousse (260 บาท) ถูกยกมาเสิร์ฟ ก็ไม่มีใครรอช้า รีบชิม สปอนจ์เค้ก ที่เสิร์ฟมาพร้อมครัมเบิ้ลกาแฟ ไอศครีมวานิลลาและซอสคาราเมลเค็ม ตามด้วย The Coconut (260 บาท) ของหวานที่ตั้งใจทำออกมาให้หน้าตาเหมือนมะพร้าวที่แตกอยู่บนจาน ด้วยไอศกรีมมะพร้าวสีขาวเคลือบด้วยช็อกโกแลตให้เหมือนกะลา มาพร้อมเมอแรงก์มะพร้าว มันสำปะหลังกรานิต้าและเสาวรส

ความสุขบนโต๊ะอาหารผ่านไปแต่ความสุขในค่ำคืนนี้ยังอีกยาวไกล ซึ่งความพิเศษของคืนนี้ก็คือทางร้านได้เชิญ COEO ดีเจคู่หูจากเยอรมนี มามิกซ์เพลงเฮฟวี่ดิสโก้กับเฮ้าส์ให้สนุกกันทั้งคืนที่โซน Sunset Bar พอตกดึกก็ย้ายกันไปสนุกต่อที่ Pippa’s Secret Bar หรือบาร์ลับของที่นี่เอง แต่ไม่ต้องกลัวว่ามาวันอื่นแล้วจะไม่มีดีเจนะ เพราะที่นี่เขาขยันเชิญดีเจดังๆ มาอยู่เรื่อยๆ แหละ ติดตามกันไว้ดีๆ

pippa
pippa

ถ้ามีโอกาสมาพัทยาแล้วต้องการที่แฮงเอาต์ที่มอบความสนุก ความฟิน ตั้งแต่พระอาทิตย์ตกจนพระอาทิตย์จะขึ้นอีกรอบ ขอให้นึกถึง Pippa เป็นที่แรก และถ้าลองค้นชื่อร้านใน Google จะพบว่ามีคนยกให้ที่นี่เป็นร้านอาหารสไตล์รูฟท็อปที่มาแรงที่สุดในพัทยาตอนนี้ เราก็ขอยืนยันอีกหนึ่งเสียงว่า Pippa เหมาะสมกับตำแหน่งนี้จริงๆ  

แชร์เนื้อหา

บทความล่าสุด

    การโฆษณา