เช้านี้ใครมองออกไปนอกหน้าต่างแล้วเห็นว่าแสงแดดดูจางลง วิวเมืองดูเบลอๆ และอากาศเหมือนมีหมอกบางๆ ลอยอยู่ ขอให้รู้ไว้เลยว่านั่นไม่ใช่หมอกหน้าหนาวแต่คือ ฝุ่น PM2.5 ที่กลับมาเยือนเมืองหลวงอีกครั้งในรอบสัปดาห์ เพราะล่าสุดศูนย์ข้อมูลคุณภาพอากาศกรุงเทพมหานคร รายงานว่า ค่าฝุ่น PM2.5 กลับมาพุ่งสูงอีกครั้ง หลายพื้นที่แตะระดับสีส้มซึ่งเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพของชาวเมือง
รายงานเช้าวันที่ 13 พฤศจิกายน ระบุว่า ค่าฝุ่นขนาดเล็กไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM2.5) อยู่ในช่วง 22.1-48.7 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร เกินมาตรฐานที่กำหนดไว้ (ไม่เกิน 37.5 µg/m³) โดย 10 เขตในกรุงเทพฯ ติดโผพื้นที่สีส้มเต็มๆ นำโดย เขตบึงกุ่ม ที่วัดได้สูงสุดถึง 48.7 µg/m³ ตามมาติดๆ ด้วย ลาดกระบัง, ปทุมวัน, บางรัก, และประเวศ ซึ่งต่างก็เป็นย่านที่รถเยอะ กิจกรรมแน่น และอากาศไม่ค่อยหมุนเวียนเท่าไหร่
5 เขตฝุ่นแรงวันนี้
- บึงกุ่ม (สำนักงานเขตบึงกุ่ม) - 48.7 µg/m³
- ลาดกระบัง (หน้า รพ.นคราภิบาล) - 45.6 µg/m³
- ปทุมวัน (หน้าห้างสามย่านมิตรทาวน์) - 44.1 µg/m³
- บางรัก (ป้อมตำรวจหน้าลานบางรักเลิฟลี่ พลาซ่า) - 43.7 µg/m³
- ประเวศ (หน้า Seacon Square) - 42.7 µg/m³
ช่วงปลายฝนต้นหนาวแบบนี้ อากาศนิ่ง การระบายมลพิษลดลง ฝุ่นจากรถยนต์ การก่อสร้าง และกิจกรรมในเมืองเลยสะสมกันเต็มไปหมด ซึ่งทำให้ระดับฝุ่นในวันนี้อยู่ในระดับ ‘สีส้ม’ ที่เริ่มส่งผลต่อสุขภาพ โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงอย่างเด็ก ผู้สูงอายุ และผู้ป่วยโรคหัวใจหรือทางเดินหายใจ
ฝุ่น PM2.5 เป็นสิ่งเล็กแต่ร้ายแรงและสามารถแทรกถึงถุงลมปอดและส่งผลต่อระบบหัวใจในระยะยาว ซึ่งองค์การอนามัยโลก (WHO) ยังย้ำเลยว่า ไม่มีระดับฝุ่นที่ปลอดภัยจริงๆ
แม้กรุงเทพฯ จะพยายามควบคุมฝุ่น ทั้งฉีดน้ำล้างถนนและตรวจควันดำ แต่ถ้าไม่ลดการใช้รถยนต์ส่วนตัว หยุดเผาขยะ หรือเพิ่มพื้นที่สีเขียวกันจริงจัง ปัญหาก็จะยังวนกลับมาเหมือนเดิมทุกปี และจากข้อมูลดาวเทียมของ NASA วันนี้ พบว่าไม่พบจุดความร้อนในพื้นที่กรุงเทพฯ นั่นหมายความว่าฝุ่นรอบนี้ไม่ได้มาจากการเผาไหม้ แต่จาก มลพิษสะสมในเมือง ที่ระบายออกยากต่างหาก
เพราะฉะนั้น ก่อนจะออกจากบ้านในช่วงนี้ อย่าลืมหยิบหน้ากากติดกระเป๋าไว้ แล้วอาจแวะซื้อกาแฟแก้วโปรดมานั่งจิบในร้านแอร์แทนการเดินเล่นกลางแดด เพราะกรุงเทพฯ ในวันนี้ท้องฟ้าอาจไม่ใสเหมือนที่เคย แต่เรายังต้องดูแลตัวเองให้หายใจได้สบายกว่าเดิม

