'Pain and Glory' ภาพยนตร์เนื้อดีของผู้กำกับ เปโดร อัลโมโดวาร์ กับสไตล์เล่าเรื่องอันล้ำลึก

Kenika Ruaytanapanich
เขียนโดย
Kenika Ruaytanapanich
การโฆษณา

หลายคนบอกว่าหนังเรื่องนี้เข้าใจยาก เช่นเดียวกับอีกหลายคนที่บอกว่าหนังเรื่องนี้เข้าถึงความรู้สึกคนดูได้อย่างเฉียบขาด รวมถึงควรค่าแก่การมีชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ทั้ง 2 สาขา ได้แก่ ภาพยนตร์ภาษาต่างประเทศยอดเยี่ยม และนักแสดงนำชายยอดเยี่ยม ซึ่งการจะนับรวมภาพยนตร์เรื่อง Pain and Glory (2019) ว่าเป็นหนังแนว LGBTQ+ ก็อาจไม่ถูกเสียทีเดียว แต่เหตุผลที่เรายกมาแนะนำเนื่องในโปรเจ็กต์ต้อนรับ pride month ก็เป็นเพราะประเด็นที่ว่าเป็นส่วนเสี้ยวสำคัญที่สะท้อนตัวตนของ ผู้กำกับ ภาพยนตร์เรื่องนี้ ที่เขาใช้ตัวเองเป็นต้นแบบของตัวละครนำในเรื่อง

Pain and Glory เป็นผลงานของผู้กำกับชื่อดังชาวสเปน เปโดร อัลโมโดวาร์ (Pedro Almodóvar) ที่ได้รับการยกย่องในฝีมือการเล่าเรื่องอันมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว จนทำให้เขาคว้ารางวัลออสการ์ สาขาบทภาพยนตร์ดั้งเดิมยอดเยี่ยมไปครองได้สำเร็จเมื่อปี 2003 (จากผลงานเรื่อง Talk to Her) ซึ่งในเรื่องนี้เขาก็เป็นทั้งผู้กำกับและคนเขียนบทเองด้วยเช่นกัน แถมประเด็นที่หยิบมาเล่ายังดูละเอียดอ่อน เต็มไปด้วยความรู้สึก และสะท้อนตัวตนในอดีตที่ (อาจ) แท้จริงของเขา

Pain and Glory
Pain and Glory / IMDB

ใช่แล้ว ภาพยนตร์เรื่องนี้ผู้กำกับ เปโดร อิงมาจากชีวิตจริงของเขาเอง และตั้งใจสร้างคาร์แร็กเตอร์ตัวละครหลักให้ใกล้เคียงกับตัวเขามากที่สุดด้วย โดยให้ชื่อตัวละครนำว่า ซัลวาดอร์ มัลโย (รับบทโดย แอนโทนิโอ แบนเดอราส) ผู้กำกับวัยกลางคนที่ผ่านร้อนหนาวมามากมาย จนในปัจจุบันเขาเพียงมีชีวิตไปวันๆ อยู่กับความเจ็บปวดทั้งที่กินยาแล้วหาย และที่ฝังลึกจนการย้อนนึกถึงมีแต่ทำให้เขาจมดิ่งอยู่กับมันอย่างไม่รู้จบ

ใครที่ติดตามหนังของเปโดร จะรู้จักวิธีการเล่าเรื่องของเขาดี เช่นเดียวกับเรื่องนี้ที่เล่าเหตุการณ์ต่างๆ ตัดสลับไปมา ราวกับแบ่งย่อยเป็นจิ๊กซอว์หลายๆ ชิ้น ให้เราปะติดปะต่อเหตุและผลเองไปจนจบเรื่อง หนังไม่มีจุดพีค มีเพียงบทสนทนาที่ไหลไปเรื่อยๆ ชวนให้เราคิดตาม พร้อมการเล่าเรื่องผ่านภาพและองค์ประกอบภาพที่เป็นลายเซ็นกำกับของเจ้าตัว บางคนจึงบอกว่าหนังเรื่องนี้เข้าใจยาก และอาจน่าเบื่อหากไม่มีรสนิยมชอบภาพยนตร์ที่มีบทสนทนายาวๆ หรือเน้นเล่าเรื่องด้วยคำพูดอย่างเรื่องนี้เท่าไหร่นัก

เรื่องราวคร่าวๆ เล่าเกี่ยวกับชีวิตของผู้กำกับ ซัลวาดอร์ มัลโย (ซึ่งเชื่อว่าคือผู้กำกับเปโดรในชีวิตจริง) ที่หมดไฟในการสร้างสรรค์ผลงาน เนื่องจากอาการเจ็บป่วยทางร่างกาย ทว่าวันหนึ่งหนังที่เขาเคยสร้างจะได้นำกลับมาฉายอีกครั้ง และจุดนี้เองที่ทำให้เขาต้องกลับมาเจอกับนักแสดง อัลแบร์โต (รับบทโดย อัสซิเออร์ เอตซิอังเดีย) ที่เคยมีเรื่องบาดหมางกันจากการทำงาน จนไม่ติดต่อกันอีกเลยกว่า 30 ปี ซึ่งการกลับมาเจอกันคราวนี้ทำให้ ซัลวาดอร์ ได้ปรับความเข้าใจกับนักแสดง อัลแบร์โต กันเสียใหม่ พร้อมได้รับสิ่งอื่นๆ เข้ามาในชีวิต ที่สามารถช่วยให้เขา ลืม อาการเจ็บปวดทางกายไปได้สักชั่วหนึ่ง

เปโดร เป็นผู้กำกับที่มีความหลากหลายทางเพศ ซึ่งเราจะได้เห็นภาพสะท้อนนั้นในหนังเรื่อง Pain and Glory นี้ด้วย รวมถึงชีวิตของเขาในวัยเด็ก ความยากลำบาก และครอบครัว ซึ่งหลอมรวมให้เกิดตัวเขาในปัจจุบัน ที่เป็นผู้กำกับชื่อเสียงโด่งดังและมีผลงานเป็นที่ยอมรับในวงการภาพยนตร์

โดยนักแสดงนำอย่าง แอนโทนิโอ แบนเดอราส ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ สาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยมจากหนังเรื่องนี้ด้วย ส่วนผลงานอื่นๆ ของเปรโดที่ได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลเช่นกัน อาทิ Talk To Her, Bad Education และ Volver

แชร์เนื้อหา

บทความล่าสุด

    การโฆษณา