อีกไม่กี่สัปดาห์เราก็จะก้าวเข้าสู่ช่วงเคานต์ดาวน์ส่งท้ายปี 2568 แบบที่หลายคนยังตั้งตัวไม่ทัน กรุงเทพฯ กำลังอยู่ในจังหวะเปลี่ยนผ่านของปลายปี อากาศเริ่มเย็นลงจนต้องหยิบแจ๊กเก็ตในตู้มาใส่ บางวันกลับถูกปกคลุมด้วยฝุ่น PM 2.5 จนฟ้าหม่น แม้ท้องฟ้าจะไม่สดใสเหมือนวันฟ้าเปิด เดือนนี้ธรรมชาติก็ยังใจดีมอบของขวัญส่งท้ายปีให้เราในคืนสำคัญอีกคืนหนึ่ง
หากใครพลาดปรากฏการณ์ Super Full Moon สองครั้งใหญ่ของปี ทั้ง Harvest Supermoon เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม ที่งดงามท่ามกลางฤดูเก็บเกี่ยว และ Beaver Supermoon ในคืนลอยกระทงวันที่ 5 พฤศจิกายน 2568 ซึ่งถือเป็นดวงจันทร์เต็มดวงที่ใกล้โลกที่สุดของปี ก็อย่าเพิ่งเศร้าใจไป เพราะคืนนี้คือโอกาสแก้ตัวครั้งสุดท้ายของปีนี้
ในคืนวันที่ 4 นี้ เราจะได้พบกับ Super Full Moon ครั้งสุดท้ายของปี ดวงจันทร์จะเข้าใกล้โลกในระยะราว 357,219 กิโลเมตร ใกล้กว่าระยะเฉลี่ยประมาณ 380,000 กิโลเมตร ทำให้ค่ำคืนนี้ดวงจันทร์สว่างกว่าปกติราว 30% และดูใหญ่ขึ้นประมาณ 10% เห็นได้ชัดด้วยตาเปล่าโดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์ใดๆ
ถ้าท้องฟ้าเปิด ดวงจันทร์จะเริ่มโผล่พ้นขอบฟ้าทิศตะวันออกทันทีที่พระอาทิตย์ลับฟ้า และจะส่องสว่างอยู่บนท้องฟ้ายาวไปจนถึงรุ่งเช้า ท่ามกลางสภาพอากาศครึ้มๆ แบบนี้ของกรุงเทพฯ การได้เห็นดวงจันทร์เต็มดวงแบบคมชัดก็นับเป็นความสุขเล็กๆ ที่ใครก็มีส่วนร่วมได
หากยังไม่มีแพลนคืนนี้ ลองควงคนที่คุณรัก เพื่อน ครอบครัว หรือคุณพ่อ ก่อนวันพ่อพรุ่งนี้จะมาถึง เลือกโลเคชั่นที่ฟ้าค่อนข้างเปิดและแสงไฟไม่รบกวนมาก เช่น สวนสาธารณะใจกลางเมืองอย่างสวนเบญจกิติหรือสวนลุมพินี ริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่ลมพัดเย็น หรือจะไปชมควบคู่กับงาน ‘วิจิตรเจ้าพระยา 2024’ ที่มีทั้งแสง สี เสียง และบรรยากาศโรแมนติกของเมืองหลวงในยามค่ำคืน แค่ยืนริมแม่น้ำแล้วเห็นดวงจันทร์ลอยพ้นตึกสูง ก็เป็นโมเมนต์ที่ทำให้ค่ำคืนธรรมดากลายเป็นคืนพิเศษขึ้นมาทันที