ข่าว

รีวิว Twinless หนังดราม่าคอมเมดี้ที่ทำให้คุณต้องร้องไห้และหัวเราะไปพร้อมกัน

ฝาแฝด การสูญเสีย และรักที่ไม่สมบูรณ์แบบ หนังรางวัลซันแดนซ์ที่จะทำให้คุณได้คิดตาม

Fitri Aelang
เขียนโดย
Fitri Aelang
Staff writer, Time Out Thailand
Twinless
Photograph: House Samyan
การโฆษณา

เจมส์ สวีนีย์ กลับมาอีกครั้งหลังจาก Straight Up หนังอินดี้สุดเฉียบที่ทำให้เขาถูกจับตามองในฐานะผู้กำกับหน้าใหม่ที่พูดตรงและแทงใจดำ คราวนี้เขาไม่เพียงแต่นั่งแท่นผู้กำกับ แต่ยังลงมาร่วมแสดงเองในผลงานล่าสุดอย่าง Twinless รักฉันรักแฝดฉันด้วย ที่เพิ่งเปิดตัวใน เทศกาลภาพยนตร์ซันแดนซ์ ปี 2025 และสร้างแรงกระเพื่อมไม่น้อย เพราะคว้าไปถึงสองรางวัลใหญ่ รางวัลพิเศษด้านการแสดง ที่มอบให้ ดีแลน โอไบรอัน และ รางวัลขวัญใจผู้ชม ในสายหนังอเมริกัน แค่ชื่อ ดีแลน โอไบรอัน ก็พอจะการันตีได้แล้วว่า นี่ไม่ใช่แค่หนังอินดี้เล็กๆ สำหรับคนวงในอีกต่อไป แต่เป็นผลงานที่กล้าตั้งคำถามเรื่องครอบครัว ความสัมพันธ์ และความเปราะบางของมนุษย์ ด้วยโทนเรื่องที่ทั้งขมขื่นและขบขันในเวลาเดียวกัน

ใครที่ดูแค่เทรลเลอร์ อาจเผลอคิดว่านี่คือหนัง Coming-of-age ชายรักชายแบบน่ารักๆ ที่มีกลิ่นอายสืบสวนเล็กๆ จากการตายของฝาแฝด แต่จริงๆ แล้ว สวีนีย์ เลือกเล่าในโทน คอมเมดี้ดราม่า ที่ทั้งจิกกัด เจ็บแสบ และชวนให้หัวเราะไม่ออก เพราะสิ่งที่หนังพูดถึงไม่ใช่แค่การเดตหรือ Coming out แต่คือการสูญเสีย ความเหงา และคำถามที่ว่า ความสัมพันธ์แบบไหน จะมาแทนสายใยของฝาแฝดได้

เรื่องราวเริ่มต้นจาก โรมัน หนุ่มที่เพิ่งเผชิญการสูญเสียครั้งใหญ่ในชีวิต เขาตัดสินใจเข้าร่วมกลุ่มสนับสนุนสำหรับคนที่เคยเสียฝาแฝด เพื่อหาที่พึ่งทางใจและระบายความรู้สึก ที่นั่นเขาได้พบกับ เดนนิส ชายหนุ่มอารมณ์ดีที่ค่อยๆ ก้าวเข้ามาเติมเต็มช่องว่างในชีวิตของโรมัน ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ค่อยๆ ก่อตัวขึ้นอย่างซับซ้อน ทั้งอบอุ่นและเปราะบาง ตัวหนังมีการหักมุมที่ทำให้ผู้ชมอึ้งกันตามๆ ไป แต่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะอย่างเต็มอิ่ม

**ต่อจากนี้จะเป็นการเปิดเผยเนื้อหาส่วนสำคัญของภาพยนตร์**

แฝดสองคนที่ต่างกันราวฟ้ากับเหว 

Twinless
Photograph: House Samyan

หัวใจของเรื่องคือ โรมัน และ ร็อคกี้ (ดีแลน โอไบรอัน) ฝาแฝดชายที่นิสัยต่างกันสุดขั้ว แต่กลับเติมเต็มกันอย่างลงตัว ร็อคกี้ (พี่ชาย) เป็นเกย์ที่มั่นใจ ประสบความสำเร็จ เป็นคนเก่งที่ใครๆ ก็รัก ส่วนโรมัน (น้องชาย) เป็นตัวแทนของชายแท้ที่ไม่ฉลาด (Dump Straight) เขามักจะตั้งคำถามเรื่องง่ายๆ ที่หลายคนรู้ เขามีความเป็นผู้นำน้อยกว่า เข้าสังคมไม่เก่ง ไม่เป็นที่รักของผู้คน มีความแข็งแรงทางกายภาพแต่เปราะบางด้านอารมณ์ และไม่ถนัดในการสื่อสาร ในประโยค ‘I’m not the sharpest tool in the box’ ที่โรมันพูดคือการตอกย้ำความไม่มั่นใจนั้นอย่างเจ็บปวด การแสดงของ  ดีแลน โอไบรอัน นั้นถือว่าสมกับรางวัลที่ได้ เพราะเขาสามารถถ่ายทอดตัวละครที่มีความเป็นผู้หญิงและความเป็นชายออกมาได้อย่างแยบยล จนทำให้เราแทบไม่เชื่อเลยว่าเป็นคนเดียวกันที่แสดงทั้งสองบท

การสูญเสียร็อคกี้จึงไม่ใช่แค่การเสียพี่ชาย แต่คือการเสีย ‘อีกครึ่งหนึ่ง’ ที่ทำให้โรมันต้องเหลืออยู่ลำพังจาก เรา กลายเป็นแค่ ฉัน และนี่คือความโหดร้ายของสายใยของฝาแฝด (Twin bond) ที่หนังถ่ายทอดออกมา

อีกตัวละครที่ขโมยซีนคือ เดนนิส (เจมส์ สวีนีย์) หนุ่มฉลาด ขี้เล่น มีอารมณ์ขัน แต่ในอีกแง่ก็มีความ Clingy จนน่าหมั่นไส้และน่าหลงใหลไปพร้อมกัน ต่อมาตัวหนังก็ได้เฉลยว่า เขาเคยมีความสัมพันธ์กับร็อคกี้มาก่อนและเป็นคนที่ทำให้ร็อคกี้ต้องเสียชีวิต ความลับที่กลายเป็นแผลลึก และอธิบายได้ว่าทำไมเขาถึงติดพันกับโรมันอย่างเหนียวแน่น  และการที่ผู้กำกับลงมาแสดงเองในบทบาทนี้ช่วยให้ผู้ชมเข้าถึงบุคลิกของตัวละครได้ง่ายขึ้น และทำให้เรื่องราวดูเป็นธรรมชาติอย่างยิ่ง 

ตัวละครที่เข้ามาเป็นสีสันในเรื่องคือ มาร์ซี (ไอชลิง ฟรานคอยซี) เธอนำเสนอภาพสาวพลังบวก ที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม แต่อย่าหลงภาพลักษณ์ สาวสวยใสไร้สมอง ของเธอ เพราะจริงๆ แล้วเธอทำให้เราเห็นว่าภายใต้เสียงหัวเราะที่ดูใสซื่อ กลับซ่อนความฉลาดทางอารมณ์ที่เป็นกาวสำคัญของเรื่อง และเป็นคนที่ทำให้ทั้งโรมันและเดนนิสได้เห็นจุดบอดของตัวเอง  มาร์ซีจึงเป็นตัวละครที่เข้ามาเติมเติมเสียงหัวเราะในช่วงที่หนังตึงเครียดได้อย่างผ่อนคลาย แต่ก็พร้อมจะทำลายความสัมพันธ์ของทั้งคู่ในเวลาเดียวกัน หนังใช้เธอเพื่อบอกเราว่า ‘แม้คนที่ถูกมองข้ามที่สุด ก็อาจมีคำตอบที่ฉลาดที่สุด’

Split Screen ห้องโรงแรม ภาพที่เล่าแทนใจ

Twinless
Photograph: House Samyan

แม้หนังไม่ได้โชว์วิชวลใหญ่โต แต่การเลือกใช้สีและมุมกล้องก็ทรงพลังพอจะทำให้บรรยากาศโดดเดี่ยวชัดเจนขึ้น โดยเฉพาะการใช้โทนสีเย็นหม่นที่ห่อหุ้มความเศร้าไว้ตลอดทั้งเรื่อง อีกหนึ่งลูกเล่นที่เด่นมากคือ Split screen ในฉากวันเกิด ที่ตัดสลับเป็นสองจอ และนำเสนอเรื่องราวของทั้งสองคน โรมันชายแท้ที่พยายามจีบสาว กับเดนนิสเกย์หนุ่มที่ไขว่คว้าความรักจากผู้ชายที่ปรารถนา ภาพนี้จึงสะท้อนทั้งเพศวิถี ความสัมพันธ์ และแรงกดดันทางสังคมได้ชัดเจนและบรรจบกันอย่างลงตัว

ฉากโรงแรมก็เป็นอีกหนึ่งไฮไลต์ เพราะมันเป็นทั้งที่หลบภัยและที่เปิดเผยความจริง โรมันระบายความเศร้า ขณะที่เดนนิสสารภาพเรื่องที่ปิดบังมาตลอด ทำให้ห้องนี้กลายเป็นศูนย์กลางของการเชื่อมต่อและความเปราะบางของทั้งคู่

โลกอินดี้ในกรอบวัฒนธรรมป๊อป และความจริงในสังคมเกย์

Twinless
Photograph: House Samyan

Twinless ใช้สัญญะและองค์ประกอบทางวัฒนธรรมร่วมสมัยสะท้อนสังคมของคนรุ่นใหม่และชุมชนเกย์อย่างชัดเจน ตัวอย่างเช่น การใช้เกม The Sims เกมจำลองชีวิตที่โด่งดังในยุคมิลเลนเนียลและเจนซี โรมันใช้เกมนี้เป็นเครื่องมือหลีกหนีโลกความจริง สร้างตัวละครที่เป็นผู้ตามและให้พี่ชายเป็นผู้ดูแลหาเงิน แม้ในชีวิตจริงที่เต็มไปด้วยปัญหา เกมก็สะท้อนปัญหาเหล่านั้นอย่างชัดเจน

หรือแม้กระทั่ง Gaybait การส่งสัญญาณกำกวมของชายแท้จนชาวเกย์ตีความไปไกล เช่น ฉากที่ โรมันเผลอบอกว่าเคยจูบผู้ชายมาก่อน ทำให้เดนนิสคิดไปไกลเกินจริง นอกจากนี้ยังมีการแสดงออกถึง รสนิยมทางเพศ (Fetish) ของ เดนนิส เช่น การคลั่งใคล้เท้า (foot fetish) หรือการที่เขามีอารณ์ต่อฝาแฝด (Twincest) ซึ่งสะท้อนความแตกต่างที่สังคมทั่วไปอาจไม่ยอมรับ

ประโยคที่กลายเป็นไอคอนิกอย่าง ‘I thought Gen Z is supposed to be nice’ ได้เสียดสีภาพจำที่ว่าคนรุ่น Gen Z เปิดกว้างและยอมรับความต่าง แต่ความจริงแล้วอคติและการเหยียดยังคงอยู่ในทุกเจเนอเรชัน ตัวหนังได้ใช้สัญลักษณ์เหล่านี้ถักทอระหว่างความสนุก ความเจ็บปวด และความเป็นจริงที่เกิดขึ้นในสังคม

ปมจากครอบครัว 

Twinless
Photograph: House Samyan

อีกหนึ่งเลเยอร์สำคัญคือความสัมพันธ์กับแม่ ที่มักเข้าข้างร็อคกี้มากกว่า ทำให้โรมันรู้สึกด้อยค่าและโหยหาการยอมรับ การพบเดนนิสจึงเป็นเหมือน ‘จิ๊กซอว์ชิ้นใหม่’ ที่จะมาแทนร็อคกี้ แต่ก็เป็นการแทนที่ที่ไม่เฮลตี้ดีนัก เพราะมันเกิดจากบาดแผลและการยึดติดมากกว่าความรักที่แท้จริง

ตลอดทั้งเรื่อง โรมันกับเดนนิสเหมือนคนละขั้ว พูดไม่ตรงกัน คิดไม่เหมือนกัน แต่ในตอนท้ายกลับเกิดโมเมนต์ที่ทั้งคู่เผลอหลุดประโยคเดียวกันออกมาพร้อมกันอย่างน่าประหลาดใจ มันทั้งทำให้ขนลุก และชวนตั้งคำถามว่า ที่จริงแล้วพวกเขา เข้ากันแล้วจริงๆ หรือเป็นเพียงจังหวะบังเอิญที่ตรงกันพอดี? นี่แหละคือเสน่ห์ของ Twinless หนังที่ไม่เร่งเร้าหรือยัดเยียดคำตอบ แต่เลือกเปิดพื้นที่ให้ความกำกวม ความเหงา และความไม่แน่นอน สิ่งที่หลายคนอาจคุ้นเคยดีในชีวิตจริงที่เล่าผ่านทุกองค์ประกอบของภาพยนตร์เรื่องนี้

Twinless รักฉันรักแฝดฉันด้วย เข้าฉายแล้ววันนี้ ที่ House Samyan เท่านั้น

บทความล่าสุด
    การโฆษณา