[title]
ดูเหมือนว่ากรุงเทพฯ เมืองที่มากับสโลแกน ‘กรุงเทพ…ชีวิตดีๆ ที่ลงตัว’ กำลังอยู่ในช่วงของการเติบโตและพัฒนาหลายด้านจริงๆ ช่วงนี้เราได้เห็นโปรเจกต์ใหม่ๆ โผล่มาให้ตื่นเต้นกันตลอด ไม่ว่าจะเป็น ฮอว์กเกอร์เซ็นเตอร์, ฟู้ดคอร์ดสไตล์สิงคโปร์แห่งแรกของไทย, แผนการปรับโฉมทางเข้าสวนลุมพินี, หรือแม้แต่โครงการเรือแท็กซี่ไฟฟ้า ที่เริ่มเข้ามามีบทบาทในเมืองหลวง
และล่าสุด สปอตไลต์ก็มาตกอยู่ที่หนึ่งในวงเวียนที่วุ่นวายที่สุดของกรุงเทพฯ อย่าง อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ หลังจากที่ผู้คนต้องเจอกับปัญหาเดิมๆ มานาน ทั้งป้ายรถเมล์ที่แน่นจนหายใจไม่ออก การยืนรอรถเมล์เหงื่อท่วมกลางแดด รวมถึงต้องคอยหลบมอเตอร์ไซค์ที่ซิ่งไม่หยุด ในที่สุดศูนย์กลางการคมนาคมแห่งนี้ก็กำลังจะได้รับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่สมควรได้เสียที
โดยสภากรุงเทพมหานครได้อนุมัติงบประมาณกว่า 136 ล้านบาท เพื่อปรับโฉมพื้นที่รอบอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิครั้งใหญ่ที่สุดในรอบกว่า 20 ปี ซึ่งการปรับปรุงนี้จะเปลี่ยนโฉมให้พื้นที่สำคัญกลางเมืองกลับมาน่าใช้งานและเป็นมิตรต่อผู้คนมากยิ่งขึ้น
การออกแบบครั้งใหญ่นี้เริ่มต้นจากการเก็บข้อมูลพฤติกรรมการใช้งานจริงของผู้คนในพื้นที่ เพื่อนำมาเป็นโจทย์สำคัญในการออกแบบ โดยยึดหลัก Universal Design ที่ทุกคนสามารถใช้งานได้จริง ไม่ว่าจะเป็นคนทั่วไป ผู้สูงอายุ หรือผู้ใช้วีลแชร์ งบประมาณกว่า 136 ล้านบาท จึงถูกจัดสรรไปในหลายส่วน ทั้งการสร้างทางเดินที่มีรั้วและหลังคา เพื่อความปลอดภัยและกันแดดฝน การปรับปรุงป้ายและจุดขึ้นรถเมล์ใหม่ให้เป็นระเบียบใช้ง่ายขึ้น รวมถึงการทำให้ การเข้าถึงระบบขนส่งสะดวกขึ้นสำหรับผู้พิการและผู้สูงอายุ
นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มต้นไม้และพื้นที่สีเขียวเพื่อลดความแข็งกระด้างของป่าคอนกรีตรอบวงเวียน ทำให้พื้นที่กลางเมืองนี้ไม่เพียงแต่ใช้งานได้จริง แต่ยังน่าอยู่และเป็นมิตรมากขึ้น เรียกได้ว่าเหมือนกับการถอดวงเวียนออกมาแล้วประกอบใหม่เพื่อให้ผู้คนสามารถใช้บริการขนส่งสาธารณะ โดยเฉพาะรถเมล์ได้ง่ายและสะดวกยิ่งกว่าเดิม
ด้านการออกแบบก็ไม่ธรรมดา เพราะมีการร่วมมือกันของหลายทีมมืออาชีพ โดยฝั่ง จุดจอดรอบอนุสาวรีย์ชัยฯ ได้รับการออกแบบโดย LANDPROCESS, PAVA Architects, Urban Ally ศูนย์มิตรเมือง คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ส่วนงานออกแบบ สกายวอล์กที่จะเชื่อมต่อเกาะทั้งสี่รอบวงเวียนนั้น เป็นผลงานของ UDDC ศูนย์ออกแบบและพัฒนาเมือง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ปัจจุบันการก่อสร้างเริ่มแล้วที่ฝั่งพหลโยธินและราชวิถี คาดว่าจะเสร็จสมบูรณ์ในปี 2569 ส่วนงบของฝั่งดินแดงและพญาไท ยังรออนุมัติและอยู่ในกระบวนการพิจารณา ขณะเดียวกันยังมีแผนสร้างสะพานลอยใหม่เพื่อเชื่อมเกาะทั้งสี่ และทางเดินลอยฟ้าราชวิถี เพื่อเชื่อมต่อโครงสร้างพื้นฐานกับ 8 โรงพยาบาลสำคัญ เช่น โรงพยาบาลราชวิถี, โรงพยาบาลรามาธิบดี, โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า และโรงเรียนสอนคนตาบอด ทำให้การสัญจรปลอดภัยและสะดวกสบายมากขึ้น
ทุกวันมีคนกว่าแสนคนสัญจรผ่านอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ การออกแบบใหม่ครั้งนี้จึงตั้งใจสร้างความสะดวกสบายให้ผู้ใช้งาน และยังสอดรับกับแคมเปญ Car Free Everyday ของกรุงเทพฯ ที่อยากให้ประชาชนหันมาใช้ขนส่งสาธารณะมากขึ้น และลดการใช้รถส่วนตัวเพื่อชีวิตในเมืองที่ดีขึ้น
ด้วยการเปลี่ยนแปลงทั้งหมดนี้ ชาวกรุงเทพฯ อาจได้สัมผัสกับวลี ‘กรุงเทพฯ...ชีวิตดีๆ ที่ลงตัว’ อย่างแท้จริงเสียที ภาพลักษณ์ของเมืองอันวุ่นวายที่หลายคนคุ้นเคยอาจกำลังเปลี่ยนไปตลอดกาล สิ่งหนึ่งที่ชัดเจนคือ การเดินทางผ่านอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ อาจไม่ใช่สมรภูมิหรือสนามรบอีกต่อไป แต่จะกลายเป็นประสบการณ์ที่สะดวกสบายและเบาสบายสำหรับผู้โดยสารทุกคนแทน