[title]
ไม่รู้ทำไม เวลาฟังเพลงวง Yonlapa ทีไร เหมือนโดนสะกดให้หลงอยู่ในวงกตกรุงเทพฯ สักแห่งทุกที
แม้จะเป็นวงดนตรีจากเชียงใหม่ แต่พวกเขาเป็นที่คุ้นเคยในกลุ่มวงดนตรีอินดี้ในกรุงเทพฯ เช่นล่าสุดที่พวกเขาได้รับการสนับสนุนจากโครงการ Music Exchange 2025 จาก CEA และ THACCA ไปแสดงดนตรีในเทศกาลฟูจิร็อก (Fuji Rock Festival) ที่ญี่ปุ่น อาจพูดได้ว่าเป็นเทศกาลที่น่าจับตาที่สุดสำหรับ Yonlapa ตั้งแต่ก่อตั้งวงก็ว่าได้

Yonlapa หรือยลภา คือวงดนตรีอินดี้ป๊อปจากเชียงใหม่ที่รวมตัวกันเมื่อปี 2019 พวกเขาเคยสังกัดค่ายเพลง Minimal Records (หนึ่งในวงที่สังกัดค่ายนี้เช่น Solitude is Bliss) ปัจจุบันเป็นศิลปินอิสระ ที่มีสมาชิกคือ น้อยหน่า (ร้องนำ-กีตาร์) อานุภาพ (กีตาร์-คีย์บอร์ด) นาวิน (เบส) และชลันธร (กลอง) ซึ่งแนวดนตรีจะเป็นดรีมป๊อปและซูเกซ (แนวดนตรีลูกหม้อของอัลเทอร์เนทีฟร็อก) ด้วยท่วงท่าดนตรีที่ฟังเพลิน แต่ก็มีจังหวะหนักหน่วงแบบทีเล่นทีจริง

แต่ความเฉพาะตัวของวงคือไม่มีเนื้อเพลงภาษาไทยแม้แต่เพลงเดียว เหตุผลคืออะไรรู้ไหม คนแต่งเพลงหลักของวงอย่างน้อยหน่าบอกว่า เวลาที่เธอเล่นกีตาร์หรือแต่งเพลง เมโลดี้ไม่เคยเข้ากับภาษาไทยเลย (เพราะด้วยการใส่วรรณยุกต์) แต่หากเมโลดี้เป็นภาษาอังกฤษจะเข้ากับคอร์ดและลื่นไหลมากกว่า

ส่วนการแต่งเพลงก็ได้แรงบันดาลใจเวลาออกไปเดินเล่น ไปพบเจอผู้คน หรือมาจากวงอัลเทอร์เนทีฟร็อกในใจอย่าง Flyleaf, Paramore และ No More Belts วงอินดี้ไทยยุค 2000 โดยรวมมีอารมณ์ของความรัก ความสัมพันธ์ ชีวิต และเรื่องราวที่เป็นตัวเอง และด้วยจังหวะดนตรีและน้ำเสียงของน้อยหน่าที่มีเอกลักษณ์ เมื่อฟังแล้วทำให้รู้สึกถึงรอบตัวที่หมุนช้าลง หรือรู้สึกได้ถึงความฟุ้งลอยแต่ไม่เพ้อฝันราวกับออกไปเดินเล่นสักที่ในกรุงเทพฯ

เราเลยหยิบ 8 เพลย์ลิสต์ของ Yonlapa ที่ฟังแล้วเหมือนการได้ซูมอินถึงบรรยากาศตามสวนลุม ศาลาแดง หัวลำโพง บางลำพู ท่าพระจันทร์ แม้แต่ย่านพร้อมพงษ์ที่ดูวุ่นวายจัดๆ แต่ก็ไม่น่าเชื่อว่าเพลงของ Yonlapa กลับทำให้อะไรที่วุ่นวายรอบตัวโฟลว์ขึ้นอย่างน่าประหลาดใจ นี่ไม่ได้ล้อเล่น
แม้แต่เพลงอย่าง Sweetest Cure ที่ผู้กำกับเต๋อ–นวพล ยังหยิบเพลงนี้ไปประกอบงานกำกับโฆษณาของ Central The 1 ที่ชื่อว่า Everything has a point อีกด้วย
1. Sunday Gloming
เนื้อเพลงของ Sunday Gloaming ฟังแล้วพาให้เรานึกถึงวันอาทิตย์บ่ายๆ เช่นมิวเซียมสยามหรือสถานที่ใกล้ๆ กันคือวัดโพธิ์ ที่อยากชวนเพื่อน-ใครสักคนออกไปสูดกลิ่นอายโลคัลบวกกับเดินเล่นรอบๆ พิพิธภัณฑ์หรือย่านวัฒนธรรม วัดวาอาราม ได้จวบจนพระอาทิตย์ตกดิน
2. Let me go
เนื้อดนตรีแบบนี้ชวนให้เรานึกถึงย่านบางลำพู ถนนข้าวสาร เอามากๆ ที่กลุ่มเพื่อนหรือคนรู้จักพาไปเจออะไรใหม่ๆ ซึ่งในย่านนี้ถ้าเดินเลาะตามซอกซอยก็มักจะเซอร์ไพรส์กับสิ่งที่คาดไม่ถึงอยู่บ้าง เช่น เจอโรงแรมลับๆ ร้านอาหารโลคัลเล็กๆ แม้แต่บาร์ที่ไม่ได้อยู่กระแสตั้งอยู่ประปรายพอควร เหมือนว่ากลุ่มเพื่อนเหล่านี้พาไปเปิดโลกปล่อยจอยชิลๆ
3. I’m just like that
แวบเดียวที่ฟังเพลงนี้ เราแทบอยากจะลุกออกไปเดินเล่นแถวศาลาแดงที่เคยเดินเมื่อหลายปีก่อน เพราะศาลาแดงเหมาะกับเดินทะลุซอยนั้นออกซอยนี้ได้ค่อนข้างง่าย เป็นย่านที่อยู่ใจกลางเมืองแต่รู้สึกถึงความเป็นชุมชนที่เข้าถึงง่าย มีร้านอาหาร คาเฟ่ บาร์ สถานที่อำนวยความสะดวก สำหรับเรา (ถ้าพูดให้เว่อร์หน่อย) ย่านศาลาแดงเดินริมถนนได้สบายๆ แต่ต้องเดินในช่วงที่มีแสงแดดพอประปรายจะดีมาก ประมาณว่า Something like a little sunshine ยังได้
4. Saltburn
รู้ๆ กันอยู่ว่าย่านพร้อมพงษ์คือย่านที่คึกคักมากเป็นพิเศษ ซึ่งถ้าขึ้นชื่อว่าสุขุมวิท เราจะนึกถึงย่านหนึ่งที่ไม่เคยหลับใหลอย่างย่านพร้อมพงษ์จนถึงเอกมัยขึ้นมาเสมอ แต่เพลง Saltburn เหมือนทำมาเพื่อล้อย่านพร้อมพงษ์เอาจริงเอาจัง ย่านพร้อมพงษ์คือจุดรวมตัวของนักท่องเที่ยวนานาชาติ แหล่งที่พัก ย่านศูนย์การค้า บาร์ คาเฟ่ ร้านอาหาร สวนสาธารณะยังมี ด้วยดนตรี Saltburn ที่ฟังแล้วคึกคักจนตื่นตัวกับสิ่งรอบตัวได้ไม่น่าเบื่อเกินไป
5. Why Why Why
แม้เนื้อเพลงอาจดูหม่น แต่เอาเข้าจริง ฟังเพลงนี้แล้วนึกถึงตอนเดินแถวหัวลำโพงช่วงค่ำ ยาวไปจนถึงย่านเยาวราชที่เต็มไปด้วยสตรีตฟู้ด บาร์ และพื้นที่ชวนให้ตั้งคำถามเอามากๆ ซึ่งเนื้อเพลงที่บอกว่า Why Why Why ก็เหมาะแล้วที่จะชวนให้ค้นหาร้านลับๆ หรือเจออะไรที่เซอร์ไพรส์ได้ตลอดแนวย่านหัวลำโพง-เยาวราชสุดๆ
6. I love to sleep more than you
จริงๆ แล้ว เพลงนี้เป็นเพลงของวง Door Plant วงอินดี้ป๊อปไทยที่ฟีทเจอริ่งกับ Yonlapa เพลงนี้ฟังแล้วนึกถึงลานหญ้ากว้างๆ ที่สวนรถไฟที่แทบอยากจะปูเสื่อแล้วล้มลงนอนเล่น เสียบหูฟัง-ฟังเพลง อ่านหนังสือ จมไปกับไวบ์รอบๆ เพราะด้วยเนื้อเพลงที่บอกตายตัวอยู่แล้วว่า รักการนอนยิ่งกว่าสิ่งไหน สำหรับเราจึงไม่มีอะไรจะเหมาะมากไปกว่าฟังเพลงนี้ที่สวนรถไฟอีกแล้ว
7. Two Kites
เป็นอีกเพลงที่น้อยหน่าฟีทเจอริ่งกับ STUTS โปรดิวเซอร์สุดเท่จากญี่ปุ่น ถ้าได้ดูเอ็มวีอาจเห็นว่าเป็นเพลงที่ให้ความรู้สึกทัชราวกับเดินเล่นอยู่กลางป่าไม้เขียวขจีก็ได้ แต่เห็นว่ากลิ่นอายของเพลงนี้ทำให้เรานึกถึงเวลาได้เดินเล่นตามแนวรอบย่านท่าพระจันทร์ ท่ามหาราช ยาวเลยไปจนถึงสนามหลวงที่ชัดสุดๆ เลย
8. Sweetest Cure
Sweetest Cure คือเพลงที่เต๋อ-นวพล หยิบไปเป็นเพลงประกอบงานกำกับโฆษณา นั่นคือ Everything has a point (Central The 1) ซึ่งเป็นการกำกับโฆษณาที่มีนักแสดงอย่างแจน ใบบุญ นางแบบไทยที่ได้ขึ้นปก Voque ของเกาหลี และปริมมี่จาก Analog Squad ฯลฯ
ถึงแม้เพลงจะออกแนวผิดหวัง แต่เมื่อเพลงนี้เป็นเพลงประกอบงานกำกับโฆษณาของเต๋อแล้วกลับลงตัวเฉยเลย และเอกลักษณ์ของเนื้อเพลง ดนตรี รวมถึงท่วงท่าน้ำเสียงของน้อยหน่าทำให้รู้สึกได้ถึงความสัมพันธ์ของคู่รักสักคู่ที่ชวนกันไปเดินเล่น-ถีบรถเป็ดที่สวนลุมฯ แต่อาจจบวันด้วยฟ้าฝนที่เทกระหน่ำไม่รู้อิโหน่อิเหน่จนต้องแยกย้ายกันไปคนละทาง (ก็ได้)
ติดตามข่าวสารของ Yonlapa เพิ่มเติมได้ที่ IG: Yonlapa และ FB: Yonlapa