ผ่านฉลุย! พ.ร.บ.มั่นคงไซเบอร์ เปิดช่องเจ้าหน้าที่รัฐ “สอดส่อง” ได้แบบเรียลไทม์

ต่อไปนี้หากจะ แสดงความเห็น หรือ เก็บข้อมูล อะไรบนโลกออนไลน์และเครื่องมือสื่อสารทุกชนิด ก็ต้องคิดให้ดีแล้วนะ เพราะพ.ร.บ.มั่นคงไซเบอร์ ที่รัฐบาลภายใต้คณะรักษาความสงบแห่งชาติพยายามผลักดันมาตั้งแต่ปี 2558 ได้มีมติเห็นชอบจากสนช.เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ในวาระที่ 3 ของการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติเมื่อช่วงบ่ายวันนี้ (28 ก.พ.) ด้วยคะแนนเสียงเห็นด้วย 133 เสียง ไม่เห็นด้วย ไม่มี งดออกเสียง 16 เสียง โดยไม่มีการอภิปรายแก้ไขมาตราที่เป็นประเด็นสำคัญใดๆ เช่น

• มาตรา 61 ที่ให้อำนาจเจ้าหน้าที่สามารถขอข้อมูลเอกสารหรือสำเนาข้อมูลที่อยู่ในการครอบครองของผู้อื่นจากใครก็ได้
• มาตรา 65 ที่ให้อำนาจเจ้าหน้าที่สามารถเข้าถึง ทำสำเนา สกัดกรองข้อมูลสารสนเทศ รวมทั้งสามารถยึดคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์ใดๆ ในกรณีที่ “มีเหตุอันควรสงสัยในระดับร้ายแรง” โดยไม่ต้องมีหมายศาลได้ไม่เกิน 30 วัน หากเกินกว่านั้นต้องให้ศาลแพ่งพิจารณา
• มาตรา 67 ให้อำนาจเจ้าหน้าที่เข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลแบบเรียลไทม์ ในกรณีที่ “มีเหตุอันควรสงสัยในระดับร้ายแรง”

และหากขัดขวาง ไม่ปฏิบัติตามคำสั่ง หรือไม่ให้ความสะดวกแก่เลขาธิการหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติการตามมาตรา 65 โดยไม่มีเหตุอันสมควร จะต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี ปรับไม่เกิน 150,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ 

นอกจากนั้นยังครอบคลุมคำสั่งไปยัง "เจ้าของ ผู้ครอบครอง หรือผู้ใช้คอมพิวเตอร์" ที่มีไวรัสเป็นภัยคุกคามไซเบอร์จะมีความผิดไปด้วย ไม่ว่าจะเจตนาหรือไม่ โดยกำหนดโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี  หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท

อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะแสดงความคิดเห็น เพื่อให้เข้าใจอย่างถ่องแท้ และเตรียมทำตามข้อบังคับของกฎหมาย ร่างพ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ฯ ฉบับดังกล่าวมีรายละเอียดทั้งหมด ดังนี้ ร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ พ.ศ. ....