เริ่มจอง 13 ก.ย. นี้ iPhone 11 Series สมาร์ตโฟนสเปกแรงเปิดตัวราคาต่ำกว่ารุ่นก่อน

Suriyan Panomai
เขียนโดย
Suriyan Panomai
การโฆษณา

เมื่อคืนที่ผ่านมาใครเป็นสาวก Apple คงจะนอนดึกแน่นอน เพราะต้องดู Apple Event 2019 หรืองานเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ของ Apple ซึ่งปีนี้เป็นปีแรกที่มีการถ่ายทอดสดผ่าน Youtube ให้ได้รับชมพร้อมกันทั่วโลก และเช่นเคย Apple ได้ขนของใหม่ออกมาโชว์มากมาย ทั้งผลิตภัณฑ์ล้ำๆ และ Gadjets เก๋ๆ ที่เรียกเสียงว้าวจากสาวกได้ตลอดงานเปิดตัว แต่ที่ทุกคนจับตามองก็หนีไม่พ้นการเปิดตัวสมาร์ตโฟน iPhone 11 Series ที่เปิดตัวพร้อมกันถึง 3 รุ่น ได้แก่ iPhone 11, iPhone 11 Pro และ iPhone 11 Pro Max

แม้หน้าตาภายนอกดูยังไม่ต่างจากรุ่นก่อนหน้าเท่าไหร่ แต่เรื่องสเปกนั้น CEO อย่าง ทิม คุก บอกว่า “นี่เป็น iPhone ที่ทรงพลังและล้ำหน้าที่สุดเท่าที่ Apple เคยทำมา” แต่ก่อนจะเชื่อ CEO ลองมาดูกันก่อนว่าแต่ละรุ่นเปลี่ยนไปยังไงบ้าง

iPhone 11

iPhone 11

มาพร้อมจอแสดงผลแบบ Liquid Retina Display ขนาด 6.1 นิ้ว น้ำหนักเครื่อง 194 กรัม หน่วยความจำภายใน (ROM) มีตั้งแต่ 64GB 128G จนถึง 256GB ส่วนเรื่องการถ่ายภาพ iPhone 11 ยังใช้กล้องหลังเพียง 2 ตัว คือกล้อง Wide-Angle 12 ล้านพิกเซล รูรับแสงขนาด ƒ/1.8 พร้อมระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบ OIS และกล้อง Ultra Wide 12 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/2.4 และไฟแฟลช สามารถซูม Optical ได้ 2 เท่า และซูม Digital ได้ 5 เท่า ส่วนกล้องหน้ามีความละเอียด 12 ล้านพิกเซล รองรับ TOF 3D Camera หรือเทคโนโลยีแสกนวัตถุแบบ 3D มีให้เลือกมากถึง 6 สี คือ สีม่วง, สีขาว, สีเขียว, สีเหลือง, สีดำและ สีแดง

iPhone 11 Pro

iPhone 11 Pro

หน้าจอแสดงผลขอบโค้งแบบ Super Retina XDR ขนาด 5.8 นิ้ว น้ำหนักเครื่อง 188 กรัม หน่วยความจำภายใน (ROM) มีตั้ง ก็มีตั้งแต่ 64 GB 256GB จนถึง 512GB กันเลยทีเดียว กล้องดิจิทัลด้านหน้าความละเอียด 12 ล้านพิกเซล และมีกล้องหลังถึง 3 ตัว (Triple Camera) ตัวแรกเป็น Wide-Angle ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล รูรับแสงขนาด ƒ/1.8 พร้อมระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบ OIS ตัวที่ 2 เป็นกล้อง Telephoto ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/2.0 และกล้องตัวที่ 3 เป็น Ultra Wide ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล มุมมอง 120 องศา รูรับแสงกว้าง f/2.4 ไฟแฟลช รุ่นนี้มีให้เลือกด้วยกันทั้งหมด 4 สี ได้แก่ Space Gray, Silver, Gold, Midnight Green

iPhone 11

iPhone 11 Pro Max

รุ่นใหญ่สุด จัดเต็มสุด มาพร้อมหน้าจอแสดงผลขอบโค้งแบบ OLED ขนาด 6.5 นิ้ว  รองรับมาตรฐานการแสดงผลแบบ HDR10 น้ำหนักเครื่อง 226 กรัม หน่วยความจำภายใน (ROM) เริ่มต้น 64 GB ไปจนถึง 256GB และ 512GB กล้องดิจิทัลด้านหน้าความละเอียด 12 ล้านพิกเซล และมีกล้องหลัง 3 ตัวเหมือนกันกับ iPhone 11 Pro และมี 4 สีให้เลือกเป็นสี Space Gray, Silver, Gold, Midnight Green เหมือนกัน

iPhone 11

นอกจากนี้ทั้ง 3 รุ่นยังมาพร้อมกับชิปเซ็ต Apple A13 Bionic รุ่นล่าสุด พร้อมหน่วยประมวลผลกราฟิกที่เร็วขึ้น ซึ่ง Apple ระบุว่าเป็น CPU และ GPU ที่เร็วที่สุดในโลก ณ ขณะนี้ พร้อมรองรับเทคโนโลยีการสแกนใบหน้าเวอร์ชันใหม่ที่สามารถปลดล็อกได้เร็วขึ้น ปลอดภัยขึ้น รองรับ Wi-Fi 6 ป้องกันน้ำทุกชนิดด้วยมาตรฐาน IP68 และแบตเตอรี่ที่อึดขึ้น

ส่วนความพิเศษของกล้องทั้ง 3 รุ่นคือการเพิ่มโหมดถ่ายภาพกลางคืน (Night Mode) แก้ปัญหาการถ่ายในที่แสงน้อยที่ผู้ใช้ iPhone เจอมาในรุ่นก่อนๆ ส่วนกล้องหน้าก็รองรับการถ่ายวิดีโอความคมชัดระดับ 4K แถมยังมีโหมด Slow-motion หรือเรียกเก๋ๆ ว่า “Slowfie”

ทั้ง 3 รุ่นจะเปิด Pre-Order ในกลุ่มประเทศแรก วันที่ 13 กันยายนนี้ ก่อนจะเปิดขายในกลุ่มประเทศแรกในวันที่ 20 กันยายน 2019 ซึ่งยังไม่ระบุวันเปิดขายในไทย ส่วนราคาเริ่มต้น iPhone 11 อยู่ที่ 699 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 21,400 บาท iPhone 11 Pro ราคาเริ่มต้นที่ 999 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 30,600 บาท และ iPhone 11 Pro Max เริ่มต้นที่ 1099 ดอลลาร์สหรัฐหรือประมาณ 33,650 บาท ถือว่าถูกลงกว่าการเปิดตัวรุ่นก่อนๆ ประมาณ 5,000 บาท และยังประกาศลดราคา iPhone XR ลงเหลือ 599 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 18,335 บาท และ iPhone 8 เหลือ 449 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 13,745 บาท

แชร์เนื้อหา

บทความล่าสุด

    การโฆษณา