เอกเมธ วิภวศุทธิ์
เฟซบุ๊ก Ekameth Wipvasutti

เอกเมธ วิภวศุทธิ์: “กาแฟ 90 บ. ค่าจีพีล่อไปเกือบ 30 บ. พอไม่ใช้ก็ไม่มีตัวเลือก เหมือนเป็นทาส”

คุยกับบาริสต้าและนักคั่วกาแฟที่คอกาแฟคุ้นเคยดี

Suriyan Panomai
เขียนโดย
Suriyan Panomai
การโฆษณา

‘Brave Roasters’ หนึ่งในผู้ขับเคลื่อนวัฒนธรรมกาแฟในกรุงเทพฯ ทั้งการเป็นโรงคั่วชั้นนำ ผู้นำเข้าอุปกรณ์ชงกาแฟ และร้านกาแฟยอดนิยม 4 แห่งทั่วกรุงเทพฯ ซึ่งผู้ที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของแบรนด์กาแฟอายุ 8 ปี (เปิดตัวเมื่อปี 2013) แบรนด์นี้ก็คือ ‘เต - เอกเมธ วิภวศุทธิ์’ บาริสต้าและนักคั่วกาแฟที่คอกาแฟคุ้นเคยดี

ตอนโควิด-19 ระบาดในไทยครั้งแรกและกรุงเทพฯ ต้องล็อกดาวน์ Brave Roasters เอาตัวรอดด้วยการเปิดตัวสินค้าใหม่เป็นกาแฟเข้มข้นบรรจุถุงขนาด 3 ลิตร (ชงได้ 50 แก้ว) ส่งเดลิเวอรี่ฟรีทั่วประเทศ ซึ่งก็ขายดีจนทำให้ร้าน ‘อยู่รอด’ ได้ แต่ก็ต้องมาเจอกับโควิด-19 ระบาดอีกรอบและกระทบกับคนทำธุรกิจครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้

Brave Roasters
Brave Roasters

เราได้คุยกับเต หลังจากที่ได้อ่านโพสต์หนึ่งบนเฟซบุ๊กส่วนตัวของเขา เกี่ยวกับเรื่องเดลิเวอรี่ที่เป็นทางเลือกทางรอดเดียวของร้านในตอนนี้ ไปฟังเสียงของคนกาแฟกันหน่อยว่าตอนนี้เป็นยังไงบ้าง

โควิด-19 ระบาดรอบนี้ ปรับตัวยังไงบ้าง?

จริงๆ ตั้งแต่ระลอกที่สอง ถ้าพูดถึงยอดเป็นหลัก มันเริ่มจะกลับมาดีขึ้นตอนจบรอบสองเกือบๆ ปลายปี คนก็เริ่มกลับมามากขึ้น แต่มันก็ร่วงลงไปอีกตอนช่วงปลายปี  พอมาถึงรอบสามเราก็ไม่รู้จะขายอะไรแล้ว แต่อย่างหนึ่งที่เรายังไม่ได้ลองเลยก็คือการจัดโปรฯ หนักๆ ที่ท้าทายเราและคนดื่มก็รู้สึกสนุกขึ้น”

ตันเรื่องไอเดีย เลยจะหันมาเล่นเรื่องโปรโมชั่นมากขึ้น?

“ตันเรื่องไอเดียไหม ผมว่าไม่ตันหรอก แค่รู้สึกว่าตอนนี้ไอเดียมันมาถึงจุดที่ว่า ผู้บริโภคจะต้องการความใหม่ไปถึงไหนหรือเราต้องคิดอะไรที่มันแฟนซีไปเรื่อยๆ ไปถึงไหน จะให้คิดใหม่ก็อาจจะทำได้นะ แต่ผมรู้สึกว่ามันจะไม่มีวันจบไง มันจะต้องใช้ทรัพยากรเข้าแลกอีกขนาดไหน สินค้าเรามีเยอะมากแล้ว เราใช้ประโยชน์จากตัวมันในโอกาสอย่างนี้ดีกว่า ผมไม่ได้มองว่าตัวเองไอเดียตัน ไม่ได้ท้อแท้ขนาดนั้น ถ้าจะให้นั่งคิดอะไรประหลาดๆ ออกมาก็ได้แหละ แต่ว่ามันคงไม่เวิร์กอีกต่อไป”

Brave Roasters: Space Oddity
Sereechai Puttes/Time Out Bangkok

คิดว่าความท้าทายของคนทำธุรกิจยุคนี้คืออะไร?

“คงเป็นเรื่องกระแสเงินสดนะ อย่างเราขายกาแฟ หน้าร้านเรามีสี่สาขา พอกระแสเงินสดมันน้อยลง มันก็กระทบทุกส่วน เรามีขายส่งด้วย ซึ่งลูกค้าขายส่งก็ชะลอตัวเหมือนกัน พอกระแสเงินสดมันช้าลง มันก็เลยกระทบทุกอย่าง เราไม่ใช่บริษัทใหญ่ๆ ที่มีอะไรที่มันรู้สึกว่าแน่นหนาขนาดนั้น แต่ไม่ได้หมายความว่าบริษัทใหญ่เขาไม่เดือดร้อนนะ แต่เราก็มีเงินที่จวนตัวประมาณหนึ่งก็แล้วกัน”

อยากเห็นอะไรเปลี่ยนแปลงในธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม

“ผมจะพูดเรื่องเดลิเวอรี่แล้วกันนะ มันมีปัญหาตั้งแต่ปีก่อนแล้ว แต่เหมือน (แพลตฟอร์มเดลิเวอรี่) เอาหูทวนลม คือไม่สนใจอะไรเลย ก็ยังคิดค่าจีพี (Gross Profit หรือ กำไรขั้นต้น) เท่าเดิม กาแฟเราถูกสุด 90-95 บาท ค่าจีพีล่อไปแล้วเกือบ 30 บาท เหมือนข่มขืน เหมือนเป็นทาส พอไม่ใช้ก็ไม่มีตัวเลือกอีก เพราะทุกค่ายก็ประมาณนี้หมด ยกเว้น robinhood ก็แล้วกัน”

“(แพลตฟอรมเดลิเวอรี่) ใช้คอมมอนเซนส์ก็ได้นะ เหตุการณ์แบบนี้พนักงานส่งอาหารก็เยอะขึ้น ออเดอร์ก็น่าจะเยอะขึ้น ไม่ใช่ว่าจะไม่ลดอะไรเลย เราไม่ได้ขอใช้ฟรีนะ แต่ว่ามันน่าจะมีรีแอ็กชันบางอย่างที่ทำให้รู้สึกว่าก็ยังเป็นมนุษย์อยู่ ยังรู้สึกว่าเอาใจใส่ลูกค้าอยู่ ยังรู้สึกว่าแคร์กับเหตุการณ์พวกนี้อยู่ ผมคิดในฐานะที่ว่าเราเป็นแค่ลูกค้าเขานะ แต่ในสเกลใหญ่ขนาดนั้นมันอาจจะมีอะไรที่อยู่ข้างหลังเขา มันเลยเป็นไปไม่ได้อะไรแบบนี้ ก็มองทั้งสองฝ่ายแหละ”

อยากได้การช่วยเหลือเยียวยาจากรัฐบาลยังไงบ้าง?

“ผ่านมาปีกว่าแล้ว นโยบายที่เกิดขึ้นมา ผมว่าความเข้าใจต่อผู้ใช้งานยังไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ เช่น โครงการคนละครึ่งที่ไม่สามารถใช้กับผู้ประกอบการในรูปแบบบริษัทได้ หรือโครงการ ม.33 เรารักกัน สำหรับผู้มีสิทธิ์ประกันสังคมหรือสำหรับคนที่ตกงาน ผู้ประกอบการก็ไม่ได้อะไรเลยนะ” 

แล้วคิดว่าเอกชนพอจะเข้ามาช่วยอะไรได้ไหม

“ผมว่าเขาก็แย่เหมือนกันนะ ผมเองก็เป็นเอกชน จะไปขออะไรได้อะ แค่ดูแลสิ่งที่ตัวเองมีก็เต็มประดาแล้ว แต่เอกชนมันมีอีกความหมายหนึ่งคือ เขาเป็นผู้ให้เช่า ผมมีร้านสี่ร้าน ทั้งสี่ร้านผมต้องเช่าจากผู้อื่นซึ่งก็เป็นเอกชนทั้งหมด มันก็จะมีบางเจ้าที่ลดค่าเช่าให้คนที่จ่ายค่าเช่าแบบ Fixed Cost แต่เราเป็นร้านจีพีเขาเลยไม่ได้ลดให้ คิดจีพีเท่าเดิม เขาก็จะบอกว่าถ้าคุณขายไม่ได้คุณก็ไม่ต้องจ่ายอะไรไง แต่นั่นคือในกรณีที่เราขายได้ศูนย์บาทนะ”

Brave Roasters: Space Oddity
Sereechai Puttes/Time Out Bangkok

โปรเจ็กต์ใหม่ๆ จาก Brave Roasters ต่อจากนี้

“คงไม่มีอะไรพิเศษมากครับช่วงนี้ก็จะเป็นอุปกรณ์ชงกาแฟที่เรานำเข้าเอง ส่วนนอกเหนือจากนั้นก็คงไม่มีอะไรเพราะว่าเราค่อนข้างมีสินค้าที่ครอบคลุมอยู่แล้วตั้งแต่ปีก่อน แล้วเราก็เป็นหนึ่งในผู้นำ แล้วอย่างที่บอกว่ามันไม่ใช่เวลาที่จะมาคิดอะไรใหม่แล้ว มันไม่มีเวลาแล้วด้วย ก็คงเป็นเรื่องสินค้าคุณภาพและของใหม่ๆ ที่เพิ่มเติมเข้ามามากกว่า และหน้าร้านก็ยังเปิดอยู่ ยังไม่ได้ไปไหน ทั้งที่ก็ควรจะปิดไปแล้วเหมือนกัน”

เรื่องเด่น
    เรื่องน่าสนใจอื่นๆ ที่คุณน่าจะชอบ
      การโฆษณา