[title]
เป็นกระแสฮือฮาตั้งแต่ยังไม่เปิดสำหรับหมูกระทะน้องใหม่ล่าสุดของ คุณปลา-อัจฉรา บุรารักษ์ แห่ง Iberry group ที่ไม่ว่าจะหยิบจับอาหารแนวไหนก็สร้างความคึกคักให้วงการอาหารเสมอ ตั้งแต่ข้าวแกง (เจริญแกง) ก๋วยเตี๋ยวเรือ (ทองสมิทธิ์) อาหารเวียดนาม (อันเกิมอันก๋า) บรันช์ (Fran’s) ฯลฯ ล่าสุดถึงทีของ ‘หมูกระทะ’ เมนูสามัญประจำใจหลายคน
.
คุณปลาตั้งใจจะพาหมูกระทะแบบไทยๆ ให้ขึ้นมาเทียบชั้นกับเมนูปิ้งย่างสัญชาติอื่นๆ ทั้งญี่ปุ่น เกาหลี เลยลงลึกไปถึงจุดเริ่มต้น แม้แต่คำว่า ‘กระทะ’ ก็ขอใช้เป็น ‘กะทะ’ คำคุ้นตาจากสมัยก่อนที่จะบัญญัติใหม่ (จากนี้ไปเราก็จะขอใช้คำว่า กะทะ ในบทความนี้ทั้งหมด) พร้อมกับหยิบ Pain Point ของการกินหมูกระทะมาขยายออกแล้วอุดร้อยรั่ว พัฒนาสูตรใหม่ ระบบใหม่ให้ดียิ่งกว่าเดิม
.
ข้อใหญ่สุดก็คงหนีไม่พ้นเรื่องกลิ่นควันติดตัวติดเสื้อ ซึ่งทางร้านก็แก้ด้วยการวางระบบดูดควันแบบจริงจัง ทั้งที่ซ่อนอยู่ใต้โต๊ะและปล่องด้านบนเตาทุกโต๊ะ และแน่นอนว่าฟังก์ชั่นก็มาเด่นคู่กับงานดีไซน์ ยืนยันว่าใส่ใจทุกดีเทลจริงๆ ด้วยวัสดุทองแดงมันวาวในโทนเดียวกันจนถึงเตาที่ออกแบบใหม่ มีขนาดใหญ่พิเศษทั้งรูบนกะทะและช่องน้ำซุป แล้วเตาถ่านของที่นี่มีการปรับเร่งไฟได้ด้วยนะ อีกดีเทลที่เราชอบคือจริตของงานดีไซน์ที่ซ่อนอยู่ในทุกอย่างตรงหน้า ทั้งการดีไซน์ฟอนต์ โทนสี และอีกมากมาย ถ้าใครไปลองแนะนำให้นั่งมองเล่นๆ ไปเพลินตาดี
.
รวมถึงตัวร้านที่เน้นโทนสีแดง หยิบเอา Elements ของความหมูกะทะมาเล่น ทั้งถาดรองถ่านเตาอั้งโล่มาประดับร้าน โต๊ะหินอ่อนแบบคุ้นตาแต่สวยและน่ารักขึ้นเป็นกอง โซนที่นั่งหลากหลายแบ่งเป็นสัดส่วน ที่โซนเอาต์ดอร์ให้ได้นั่งกินหมูกะทะ จิบเครื่องดื่มแอลฯ (ที่นี่มีเหล้าปั่นด้วย) ดูวิวใจกลางเมืองอีก
.
ในส่วนของอาหาร เราขอเริ่มที่น้ำจิ้ม หัวใจสำคัญตัวตัดสินใครคือนัมเบอร์วัน ที่นี่จะมี 3 แบบ คือ ‘ลาวนวล’ ใช้ความนัวจากปลาร้าและถั่วแทรกเล็กน้อย เป็นรสเผ็ดหวานนวลสมชื่อ ‘แซ่บโบราณ’ น้ำจิ้มสุกี้หอมกลิ่นเต้าหู้ยี้แต่มีความแซ่บ ชวนให้นึกถึงน้ำจิ้มปลาหมึกหรือลูกชิ้นย่าง เวลาเราสั่งผสมหวานกับซีฟู๊ด และปิดท้ายด้วยไฮไลต์ ‘เหลืองหอม’ เราขอยกให้เป็นไม้ตายของร้านนี้ ด้วยความที่ไม่เหมือนใครใช้พริกเหลืองได้ความหอมแบบไม่เผ็ดกลบ ครบรสเปรี้ยวเค็มหวาน กินกับเนื้อแบบไหนก็เข้ากัน แถมยิ่งช่วยชูรสกันและกันอีก กินเท่าไรก็ไม่เลี่ยน เห็นเขาว่ากินผสมกัน 3 แบบก็ดี แต่ยังไม่ได้ลองเพราะติดใจกับ เหลืองหอม จนอยากกลับไปซ้ำอีก
.
มาที่ส่วนของเนื้อสัตว์ พูดตามตรงว่าเป็นหมูกะทะที่ราคาแรง แต่ถ้าเทียบกับคุณภาพและความคุ้มค่าแล้ว เราไม่รู้สึกเสียดายเลย อย่างชุดหมู+เนื้อรวม (990 บาท) ได้หมูมาสี่แบบพ่วงตับและเนื้ออีกสาม ที่มาจานใหญ่เราไปสามคนเกือบจะไม่หมด
.
แต่อีกหนึ่งไม้ตายที่ต้องสั่ง (อีกแล้ว) คือ หมูสามชั้นขยำน้ำปลา สามชั้นหั่นแบบหนาสไตล์เกาหลี ย่างจนเกรียมกัดไปจะได้เนื้อหนังเต็มคำและความฉ่ำของมันหมู แทรกออกมาผสมรสชาติและความหอมของน้ำปลาดีๆ กินเปล่าๆ ยังได้ แต่ถ้ายิ่งกินกับน้ำจิ้มเหลืองหอมยิ่งดีแบบเต็มเลเวล นอกจากนี้เมนูอาหารทะเลก็ ชิ้นใหญ่และสดทั้ง ปลาอินทรี กุ้ง และ หมึกสาย
.
พวกจานเนื้อสัตว์ทั้งหลายว่าดีแล้ว ขอให้เจอกับโซนเมนูของกินเล่นที่มีทั้งแบบเมนูผัด เมนูยำ ตำ ซึ่งทำได้ดีมากสมมาตรฐานของจักรวาลรสชาติคุณปลา โดยเฉพาะเมนูไหนก็ได้ที่มีเส้นเล็กเป็นสวนประกอบ ส่วนตัวยกให้ ‘เหลาเส้นเล็กกะปิ กากหมู’ (185 บาท) คอมบิเนชั่นความนัวของกะปิและปลาร้า ที่ซึมอยู่ในเส้นเล็กนุ่มหนึบ แทรกด้วยรสเผ็ดหอมๆ จากพริกแห้ง เปรี้ยวนิดๆ ตักกากหมูและยอดชะอมลงไปก่อนเข้าปากด้วยอีกให้เป็นที่สุดของความนัวเลย ถ้าไม่กินเผ็ด ‘มาม่าไข่กุ้ง’ (280 บาท) พร้อมช่วยดับเผ็ด ปิดท้ายด้วยของหวานอย่าง บิงซูแตงโม ของหวานลูกครึ่งที่ยิ่งกินก็ยิ่งสดชื่น
.
ที่นี่ถือเป็นหมูกะทะชิ้นโบแดงระดับมาสเตอร์พีซสมใจคุณปลาอย่างแท้จริง ถ้าใครกำลังมองหาร้านหมูกะทะที่ร้านสวย อร่อย และตัวไม่เหม็น ที่นี่คือตอบโจทย์ทุกอย่างแบบไม่ต้องคิดมาก และเราว่ายิ่งน่าสนใจตรงที่การสามารถพาเมนูคุ้นเคยของเราๆ ก้าวขึ้นไปอีกขั้นได้และทำได้แบบถึงเครื่องด้วยนี่สิ เอาเป็นว่าร้านเปิดให้บริการวันนี้วันแรก (12 มิ.ย.) รีบชวนเพื่อนแล้วพุ่งตรงไปลองกันได้
.
Chin Bo Dang (ชิ้นโบแดง) ตั้งอยู่ที่ ชั้น 6 EmQuartier เปิดให้บริการทุกวัน เวลา 10.00 - 22.00 น. สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร 02-003-6340 หรือ Chin Bo Dang - ชิ้น โบ แดง